กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
มีนาคม 2567
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
space
space
11 มีนาคม 2567
space
space
space

ชีวิตตามสภาพของมัน




235 ตัวอย่างเอาคำสอนด้านสมมุติ กับ ปรมัตถ์ 450 มาคิดคลุกเคล้าผสมปนเปกัน คือว่า  แยกไม่เป็น


> ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา แล้วตัวอะไรปฏิบัติธรรมอยู่

   มัวแต่ตีสำนวนโวหาร  เล่นลิ้นหลอกตัวเอง  สะกดจิตกันไปวันๆ ไม่มีเราบ้างล่ะ ไม่มีอะไรบ้างล่ะ แสดงธรรมแนวแฟนตาซี จีบปากจีบคอ

ไอ้ตัวที่ลากสังขาร  ไปไหว้พระทำบุญ  นี่มันคืออะไรอ่ะ  ก้อนธาตุอะไรเงี้ยเหรอ

https://pantip.com/topic/42570409


235 นี่ท่านแสดงโดยปรมัตถ์   450 (โดยสภาวะล้วนๆ) 

- ตัวสภาวะ

    พุทธธรรมมองเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นธาตุ  เป็นธรรม เป็นสภาวะ อันมีอยู่เป็นอยู่ตามภาวะของมัน   ที่เป็นของมันอย่างนั้น   เช่นนั้น  ตามธรรมดาของมัน   มิใช่มีเป็นสัตว์  บุคคล อัตตา ตัวตน เราเขา ที่จะยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ครอบครอง บังคับบัญชาให้เป็นไปตามปรารถนาอย่างไรๆ ได้

     บรรดาสิ่งทั้งหลาย  ที่รู้จักเข้าใจกันอยู่โดยทั่วไปนั้น มีอยู่เป็นอยู่เป็นไปในรูปของส่วนประกอบต่างๆ ที่มาประชุมกัน ตัวตนแท้ๆ ของสิ่งทั้งหลายไม่มี เมื่อแยกส่วนต่างๆ ที่มาประกอบกันเข้านั้นออกไปให้หมด ก็จะไม่พบตัวตนของสิ่งนั้นเหลืออยู่ ตัวอย่างง่ายๆ ที่ยกขึ้นอ้างกันบ่อยๆ คือ "รถ" เมื่อนำส่วนประกอบต่างๆ มาประกอบเข้าด้วยกันตามแบบที่กำหนด ก็บัญญัติเรียกกันว่า "รถ" (สํ.ส.15/554/198) แต่ถ้าแยกส่วนประกอบทั้งหมดออกจากกัน ก็จะหาตัวตนของรถไม่ได้ มีแต่ส่วนประกอบทั้งหลาย ซึ่งมีชื่อเรียกต่างๆกันจำเพาะแต่ละอย่างอยู่แล้ว คือ ตัวตนของรถมิได้มีอยู่ต่างหากจากส่วนประกอบเหล่านั้น  มีแต่เพียงคำบัญญัติว่า "รถ" สำหรับสภาพที่มารวมตัวกันเข้าของส่วนประกอบเหล่านั้น  แม้ส่วนประกอบแต่ละอย่างๆนั้นเอง  ก็ปรากฏขึ้นโดยการรวมกันเข้าของส่วนประกอบย่อยๆ ต่อๆไปอีก และหาตัวตนที่แท้ไม่พบเช่นเดียวกัน  เมื่อจะพูดว่าสิ่งทั้งหลายมีอยู่ ก็ต้องเข้าใจในความหมายว่า มีอยู่ในฐานะมีส่วนประกอบต่างๆ มาประชุมเข้าด้วยกัน

ต่อ  

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=03-08-2023&group=88&gblog=2


235 ตัวอย่างสภาวธรรม กับ คน ตัวตน  เรา  เขา แย้งกัน คือว่า  ความเป็นเรา ความคิดที่เป็นอัตตาตัวตนทวนกระแสสภาวธรรม  450  มันจึงเป็นทุกขสมุทัย

> เราเคยนั่งสมาธิ  แล้วเห็นมิติจิตปรุงแต่งเราก็มองๆไม่สนใจ  บางทีเราลองมองพิจารณาแต่เหมือนเราจะตกเข้าไปในภวังค์นั้น เราเลยรู้สึกกลัวเหมือนจะดูดเราเข้าไป

บางทีเราก็นั่งกำหนดไปเรื่อยๆ แต่จิตเรามีมิติมีภาพนู่นภาพนี่ขึ้นมาเรื่อยๆ  เราสงสัยทั้งที่เราสลัดแล้วแต่ทำไมถึงเห็นอีก  เช่น  แสงสว่างจ้าเสร็จก็มืดหมดละมีจุดสีน้ำเงิน กระจายๆ บางทีก็รู้สึกมึนๆหัวเหมือนย้อนไปไหนไม่รู้
บางทีก็ปวดขมับ เราพยายามไม่ไปโฟกัสที่ขมับ ปล่อยจอยให้สบาย แต่มันก็คิดตึงๆเป็นเองเฉยเลย และบางทีลามไปหลังหัว  แรกเคยได้ยินเสียง  หลังๆมานั่งสมาธิได้เป็นกลิ่น   แรกเสียงเหมือนคนเรียกชื่อ เสียงคนคุยข้างหูน่ากลัวเหมือนเสียงมารเลย  ช่วงแรกๆที่ฝึก ตอนนี้เราปฏิบัติไม่ต่อเนื่อง  แต่เรากำลังไปปฏิบัติให้ต่อเนื่องแล้วค่ะ  บางทีอาจมีบททดสอบความอดทนเราอยู่ค่ะ  เราว่าบารมีเรายัง 50/50


- สภาวธรรมมันเป็นไปตามเรื่องของมัน  แต่มันไม่ตรงกับความ (รู้สึก) ต้องการของคนของเรา   3
 




 

Create Date : 11 มีนาคม 2567
0 comments
Last Update : 11 มีนาคม 2567 16:47:04 น.
Counter : 114 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space