เอายังไงดี
ตอนนี้ มีเรื่องเครียดใหม่หล่ะ ไม่ใช่เรื่องของหัวใจแต่เป็นเรื่องของชีวิตตัวเองเมื่อวานไปนั่งร่วมโต๊ะทานข้าวกับหัวหน้าเก่าซึ่ง ดีกรีระดับ ด๊อกเตอร์ จากประเทศอังกฤษ ได้ร่วมงานกับเค้ามาสักระยะหนึ่งก็รู้สึกได้ว่า เค้าเก่งในทุกๆ ด้าน ในด้านบริหาร ฉันอดปลื้มใจไม่ได้ ที่ได้มาเป็นลูกน้องที่ได้ใกล้ชิดเค้าขนาดนี้ แต่เปล่าเลย เค้าใจดีกับฉันมาก จนฉันรู้สึกว่า วันๆ ของฉันมีแต่เล่นอินเตอร์เนท ไปวันๆ ถ้าไม่ได้รับการสั่งงานจากเค้า หัวหน้าก็แสนดี ปกป้องฉันมาตลอดเวลาที่ฉันได้อยู่กับเค้ามาเกือบๆ 2 ปี เค้าคงเอือมระอากับฉันมาก จนครั้งหนึ่งเค้าเคยส่งเมล์มาเตือนว่า ให้ปรับปรุงตัว ทำตัวซะใหม่ หา Value ให้กับตัวเอง จะได้ดูมีคุณค่า ไม่ใช่ว่าวันๆ จะหมดกับการเล่น ไปวันๆเครียดไปพักหนึ่ง แล้วก็ตามตัวเหมือนเดิม..แล้ววันนี้ หัวหน้าคนที่คอยปกป้องฉันก็ลาออกไปจากที่นี่แล้ว ตอนนี้หล่ะ ความหัวเน่ากำลังเกิดขึ้นกับฉัน ฉันไม่มีคนคอยปกป้องฉันอีกแล้ว ฉันจะอยู่ยังไงฟ่ะเนี่ย ในตอนแรก ที่เค้าไปก็ยังไม่รู้สึก เริ่มผ่านไป 1 อาทิตย์เป็น 10 วันผ่านไป ฉันเริ่มใจคอไม่ดีกับสถานการณ์กับภาวะเศรษฐกิจช่วงนี้ที่เป็นแบบนี้ด้วย ที่นี่คงไม่เลี้ยงฉันไว้หรอกนะ ถ้าคุณยังไม่มีผลประโยชน์อะไรให้กับองค์กร วันๆ จะจ้างคุณให้มานั่งเล่น Hi5 เล่น Chat คงไม่ใช่ซะแล้วหล่ะฉันคิดมาได้พักหนึ่ง แล้วก็คิดเองเออเองว่า "เอาน่า ไม่ไล่เราออกง่ายๆหรอก" ยังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่เสมอจนเมื่อวานได้ไปร่วมโต๊ะกับหัวหน้าเก่าและผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เป็นถึงระดับที่ปรึกษาของผู้บริหารระดับสูงติดขอบของประเทศ ทำให้ฉันได้มุมมองใหม่ในการทำตัว แต่ฉันจะก้าวไปถึงแค่ไหนนั้น เป็นอีกเรื่องที่กำลังจะต้องเกิดขึ้น บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารเมื่อวาน ห้อมล้อมไปด้วย ผู้บริหารขององค์กรใหญ่องค์กรหนึ่ง ซึ่งฉันเคยเจอเค้ามาแล้วหลายครั้ง ก็ทึ่งไปในความสามารถของเค้า แต่เมื่อวานมีโอกาสได้คุยใกล้ชิดกันหน่อย พี่เค้าเปลี่ยนงานมา 3 ที่ในช่วงเวลา 2 ปี ซึ่งในแต่ละครั้งที่ไปมี จำนวนตัวเงิน เป็นปัจจัยและความท้าทายกับตำแหน่งที่ได้รับ มุมมองของพี่เค้าแปลกแต่ทำผลประโยชน์ให้กับองค์กรซึ่งมันจะตอบแทนมาในรูปแบบของจำนวนเงินที่จะไหลเข้าสู่องค์กร แล้วมีที่ไหนบ้างหล่ะ จะไม่ต้องการคนแบบนี้อยู่ในองค์กร ในเมื่อคุณเป็นคนที่ทำให้เงินจำนวนนั้นเข้าสู่องค์กรและเสียผลประโยชน์ไปน้อยที่สุด...เครียดว่ะ เมื่อไร ฉันจะเก่งได้ครึ่งของเค้าวะ เฮ้ออออ บรรยากาศของเมื่อวาน ฉันดูตัวลีบไป ขณะจิต เพราะน้องๆ ที่ร่วมโต๊ะเมื่อวานนี้ ก็ดีกรี 5 อันดับ Top 5 ของประเทศ ดีกรี เกียรตินิยมเหรียญทองกัน เฮ้อออ ฉันมาเมื่ออะไรวะ เอาน่า มาแล้ว ปั้นหน้าต่อไป แต่น้องที่สนิทกับฉัน ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกแย่เลยนะ น้องนั่งข้างๆฉัน ดีกรีน้องก็ เด็กนิด้า ซึ่งน้องจะให้กำลังใจฉันเสมอในการทำงาน แต่ตอนนี้ น้องก็ออกไปอยู่ที่ใหม่เรียบร้อยแล้ว มีแต่คนทิ้งฉัน ฉันสิที่ยังหาทางไปไม่ได้สักที ก็ตัวเองไม่มีความสามารถอะไรเลยและก็ไม่คิดจะไขว่คว้าอีกด้วย ให้ตายสิ ฉันทำไรอยู่ฟ่ะ ก่อนจะลุกจากโต๊ะอาหาร ผู้ใหญ่ท่านนั้นก็บอกว่า " วันนี้เราได้ฟังอะไรไปเยอะแล้วจากพี่ๆ เรายังเด็กถ้าอยากก้าวหน้าและเติบโตมากกว่านี้ เราต้องทำตัวให้ไม่หยุดนิ่ง ความรู้ เป็นสิ่งที่ต้องขวนขวายและเพิ่มเติมตลอดเวลา เพราะฉะนั้นอย่าทำตัวเองหยุดนิ่ง จำไว้" เฮ้อออออออออ ให้ตายสิ จริงหล่ะ แต่จะเริ่มเมื่อไรดีฉันเดินกลับบ้านพร้อมกับน้องคนนี้ หลังจากร่ำลากับทุกๆ คนแล้ว ฉันพูดกับน้องว่า " เฮ้ยย ฉันรู้สึกว่า ฉันเป็นจุดด้อยในองค์กรมากเลยว่ะ ฉันทำอะไรไม่ได้เลย ภาษาก็ไม่ได้เรื่อง งานก็ไม่เก่งแค่ทำได้ " เครียดดฉันเครียดด น้องพูดกับฉันมาคำเดียวว่า " เชื่อสิ แกต้องทำได้ แต่แค่แกยังไม่หยิบตรงจุดนั้นออกมาใช้แค่นั้นเอง " ฉันเงียบและฟัง ฉันคิดในใจว่า " อืม อย่างน้อยก็ยังมีคนเชื่อมั่นฉันอยู่ 1 คนหล่ะ "หลังจากแยกย้ายกับน้องแล้ว ฉันเก็บความเครียดกลับมาบ้านและคิดว่าฉันจะทำยังไงกับชีวิตที่เหลืออยู่ ในการดำเนินชีวิตกับภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่แบบนี้ โอกาสตกงานมีมากนะ การเปลี่ยนงานก็ยาก ถ้าคุณไม่แน่และไม่เก่งพอ ตอนนี้ภาษามีส่วนสำคัญในงานของฉันมาก ถ้าฉันไม่พัฒนาตัวเอง ฉันต้องเป็นเต่าอยู่ในกระดองเป็นแน่ ฉันเครียด ฉันควรเริ่มได้แล้ว นอนคิดไปคิดมา เอาวะ ภาษาอังกฤษ ไม่ได้และมันก็คงเกินเอื้อมหล่ะ ฉันไปลงเรียนภาษาญี่ปุ่นดีกว่า เพราะภาษาอังกฤษเราเรียนมาตั้งแต่เด็กๆ มันทำให้เวลาไปเรียนไปสอบ มันดูว่าง่ายและหน้าอายที่จะไปลงเรียนตั้งแต่เริ่มต้น ฉันไปลงเรียนภาษาญี่ปุ่นดีกว่า เพราะมันต้องเริ่มเรียนตั้งแต่ สระอักษร เหมือนตอนเราเรียน ก.ไก่ ข.ไข่ เริ่มกันแบบอนุบาลไปเลย คงถ้าจะดี ฉันคิดได้แบบนั้นแล้วก็นอนหลับไป หายเครียดไปได้เปราะหนึ่งเช้ามา ฉันโทรหาน้องคนเดิมแล้วบอกมันว่า " เฮ้ยย ฉันจะไปเรียนภาษาญี่ปุ่นว่ะ แกว่าดีมะ " แล้วฉันก็ให้เหตุผลมันไปว่า ที่เรียนเพราะอะไรยังไง มันเลยบอกกลับมาว่า " ไปเรียนภาษาจีนเหอะ จะไปด้วย ภาษาจีนน่าจะเป็นอีกภาษาที่ต้องได้ใช้ในเวลาอันใกล้นี้นะ เชื่อสิ " แม่ง..มาทำให้กูสับสนอีกหล่ะ มรึงนี่... แล้วฉันก็ไปเปิดหาคอร์ทเรียนภาษาจีนอยากจะถามเพื่อนๆว่า ระหว่างภาษาจีนกับภาษาญี่ปุ่น เพื่อนเห็นด้วยกับอย่างไหนมากกว่ากัน แล้วใครมีที่แนะนำสถานที่เรียนบ้างที่ดูไว้ของภาษาจีน ก็แถวสวนลุมฯ หรือใครมีสถานที่ไหนบ้าง ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ เครียด ตอนนี้ต้องการเพิ่ม Value ให้กับตัวเองอ่ะค่ะ
เพราะรากของภาษามาจากที่เดียวกัน
เรามีคนรู้จักคนนึง
เค้ารู้ภาษาจีน
แต่ไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่น
เค้าก็ยังอ่านหนังสือนิยายญี่ปุ่นได้
ภาษาจีน มีคนใช้เยอะกว่าภาษาญี่ปุ่นด้วยนะคะ