|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
กระบี่สะท้านฟ้าฯ ตอนที่ 26 เผชิญหน้า
(ความเดิมจากตอนที่แล้วคงไม่ต้องมีนะคะ ผู้แต่งไม่อยากรีเพลย์)
ค่ำคืนอันหนาวเหน็บ ณ จวนอ๋องถูจิ้น
ร่างของหญิงสาวในชุดสีขาวทอดยาวอยู่บนเตียงราวกับสิ่งไร้ชีวิต ลมหายใจของนางแผ่วเบา แววตาว่างเปล่าแต่เจ็บปวด แม้ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น หากแต่น้ำใสๆ ค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างไม่หยุด แก้มพวงชมพูตอนนี้อาบไปด้วยน้ำตา จิตใจของหญิงสาวแทบจะแตกสลาย ยากที่จะเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงกุกกักดังขึ้นที่หน้าห้องของเส่เยี่ย หญิงสาวได้ยินเสียงนั้น แต่ไม่ได้สนใจที่จะหันกลับไปมอง ครู่หนึ่งก็ปรากฏร่างของชายคนหนึ่งที่หน้าประตู ร่างสูงนั้นก้าวเข้ามาในห้องของหญิงสาวช้าๆ ก่อนจะเอ่ยเรียกคนบนเตียงด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา "เส่เยี่ย..."
ทันทีที่เส่เยี่ยได้ยินเสียงเรียกนั้น หญิงสาวก็หลุดจากภวังค์และความเศร้าโศกทั้งปวง เสียงฟังดูคุ้นหูเหมือนกับเสียงของชีเส้าเฟย ชายที่นางเฝ้ารอคอยมาตลอด หญิงสาวค่อยๆ พลิกตัวกลับมาดูให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้หูฝาดไป
ครู่แรกที่เห็นใบหน้าของชายที่ยืนอยู่ เส่เยี่ยก็รู้สึกใจหายวาบ หัวใจของนางเต้นระส่ำ ชายแปลกหน้าคนนี้ช่างมีส่วนคล้ายกับฮ่องเต้เสียเหลือเกิน "เส่เยี่ย!!!" ชีเส้าเฟยเรียกเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาว "ท่านลุง!!!" พอหญิงสาวจำน้ำเสียงของเขาได้ นางก็ปล่อยโฮออกมาทันที สองหนุ่มสาวโผเข้าหากันอย่างไม่คิดชีวิต "ท่านลุง ท่านลุง ฮือๆ" เส่เยี่ยกอดเขาแล้วก็ร้องไห้จนฟังไม่เป็นภาษา ชีเส้าเฟยตกใจมากที่นางร้องไห้หนักถึงเพียงนี้ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ได้แต่กอดร่างนั้นไว้แนบกับอกของตน มือของเขาลูบไปที่ผมของหญิงสาวเบาๆ "เส่เยี่ย เจ้าเป็นอะไรไป ใครทำร้ายเจ้า" คนถามๆ ด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน ชีเส้าเฟยรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของอีกฝ่าย ไม่มีเสียงตอบรับจากเส่เยี่ย หญิงสาวยังคงสะอึกสะอื้นไม่หยุด "ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่แล้ว ข้าจะปกป้องเจ้าเอง" มือใหญ่ของชายหนุ่มค่อยๆ ช้อนใบหน้าของหญิงสาวขึ้น เขาจุมพิตลงบนคราบน้ำตาของนาง ก่อนจะกอดร่างนั้นไว้อีกครั้ง (ฮืมมมม...) อากาศในวังหลวงยามค่ำคืนค่อนข้างหนาวเย็น ชายหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวใส่ไว้แต่ชุดตัวใน จึงถอดเสื้อคลุมของตนเองออก แล้วเอามาห่มให้กับหญิงสาว ชายหนุ่มปลอบหญิงสาวจนนางค่อยๆ หยุดร้อง "ไปกับข้านะ" ชีเส้าเฟยมองหญิงสาวด้วยแววตาอันมุ่งมั่น เขาโทษตัวเองที่ก่อนหน้านี้ดูแลนางไม่ดี ทำให้นางต้องมาพบกับความเสียใจเช่นนี้ ต่อไปเขาจะไม่ปล่อยให้นางอยู่ไกลจากเขาเลยแม้แต่ก้าวเดียว
ทว่าหญิงสาวที่น่าจะยินดีไปกับเขา กลับมีท่าทีลังเล สร้างความรู้สึกแปลกใจให้กับชีเส้าเฟยเป็นอย่างมาก "มีอะไรงั้นหรือ" ชายหนุ่มถาม หญิงสาวไม่เพียงไม่ตอบ นางหลบตาเขาเหมือนกับมีเรื่องปิดบัง ชีเส้าเฟยก็ใจอ่อนเกินกว่าจะเค้นคำตอบจากนางตอนนี้ แต่เขาก็ยืนกรานว่าเส่เยี่ยต้องไปกับเขา ชีเส้าเฟยประคองร่างของหญิงสาวขึ้น มือที่อบอุ่นของชีเส้าเฟยกำมือของหญิงสาวเอาไว้แน่น ทำให้นางรู้สึกมั่นใจอีกครั้ง ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆ เขา นางจะรู้สึกปลอดภัย เส่เยี่ยแม้จะดูลังเลในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ยอมตามเขาไปแต่โดยดี
ชีเส้าเฟยพาเส่เยี่ยหลบออกจากจวนอ๋องถูจิ้นอย่างปลอดภัย ชายหนุ่มกำลังมุ่งสู่ประตูด้านเหนือของวังหลวง หากแต่ถูกมือของเส่เยี่ยรั้งเอาไว้ก่อน ชายหนุ่มหันกลับมามองคนข้างหลังทันที "ทางนั้นเวรยามแน่นหนา ตามข้ามาดีกว่าค่ะ ข้ารู้จักทางลัด" เส่เยี่ยกล่าว ว่าแล้วนางก็จูงมือชีเส้าเฟยเลี่ยงพวกทหารองครักษ์อ้อมไปอีกด้านหนึ่งของตำหนัก ทั้งสองเดินทะลุอุทยานใหญ่ จนมาถึงหอเทียนไต้ หญิงสาวมองเข้าไปในหอแล้วก็หันกลับมามองหน้าชายหนุ่มเหมือนกับมีความในใจบางอย่าง ก่อนที่จะสลัดความคิดนั้นแล้วเริ่มค้นหาทางออก เส่เยี่ยปัดกอหญ้าเพื่อหาทางลับที่ซ่อนอยู่ นางเองก็ไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของมัน แต่ด้วยสัญชาติญาณของชีเส้าเฟย เขาสังเกตเห็นกอหญ้าข้างกำแพงกองหนึ่งซึ่งขึ้นสูงกว่าบริเวณอื่น เขาจึงชี้ให้เส่เยี่ยดู ทั้งสองมุ่งหน้าไปทางนั้นแล้วช่วยกันปัดกอหญ้าออกจนพบทางลับ ชีเส้าเฟยรอให้เส่เยี่ยเข้าไปก่อน หญิงสาวกลับหันมามองหอเทียนไต้และชีเส้าเฟยด้วยแววตาแปลกๆ "มีอะไรงั้นหรือ" ชีเส้าเฟยถามขึ้น เส่เยี่ยส่ายหน้า ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะเล่าเรื่องชาติกำเนิดของชีเส้าเฟยให้เขาฟัง ที่สำคัญนางเองก็ยังไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยินมา "ไม่มีค่ะ" หญิงสาวปฏิเสธแล้วก็เดินเข้าทางลับไปพร้อมกับชีเส้าเฟย
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
อีกด้านหนึ่ง...
ชายหนุ่มในชุดมังกรสีเหลือง ยืนซึมเศร้าอยู่ในอุทยานหลวง บนโต๊ะเต็มไปด้วยขวดสุราที่ถูกดื่มจนหมดเกลี้ยง คังซื่อรู้สึกผิดหวัง สับสน และเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาไม่อยากเชื่อว่าเส่เยี่ยจะเป็นพวกกบฎ ไม่อยากเชื่อว่าเส่เยี่ยจะหลอกใช้เขา แท้จริงแล้วนางไม่เคยรู้สึกอะไรกับเขาเลยงั้นหรือ แต่ถึงนางจะเคยมีใจให้เขา หลังจากวันนี้ไป นางคงไม่มีวันให้อภัยเขาอีก รอยร้าวระหว่างเขากับนางคงไม่อาจมีวันประสานได้อีกต่อไป
ระหว่างที่คังซื่อกำลังถูกความรู้สึกสับสนเข้าถาโถม เสียงตะโกนของพวกองครักษ์ก็ดังขึ้นจากอีกด้าน "มีคนร้ายๆๆ!!!"
องครักษ์นับร้อยวิ่งกระจายกันไปทั่วทั้งสี่ทิศ องครักษ์กลุ่มหนึ่งค้นหาตัวคนร้ายมาจนถึงอุทยานหลวง เมื่อพบว่าฮ่องเต้ยืนอยู่ ก็รีบวิ่งเข้าไปถวายการอารักขา "เกิดอะไรขึ้น" องครักษ์เหอที่ยืนอยู่ข้างฮ่องเต้ถามพวกองครักษ์รุ่นน้องที่กำลังตกใจจนหน้าตาตื่น "เรียนท่านองครักษ์เหอ มีคนร้ายบุกเข้าจวนอ๋องถูจิ้นขอรับ" ทหารคนหนึ่งรายงาน "ว่าไงนะ!!!" คังซื่อตกใจจนแทบสร่างเมา "แล้วเส่เยี่ยหล่ะ นางเป็นอะไรหรือเปล่า!!!" คนถามเสียงสั่น เมื่อเห็นพวกองครักษ์ทำท่าอ้ำอึ้ง คังซื่อก็วิ่งพรวดออกไปทางจวนอ๋องถูจิ้นทันที บรรดาองครักษ์พากันวิ่งตาม แต่ก็ไม่ทัน
ระหว่างนั้นองครักษ์จั๋วก็วิ่งสวนมาจากอีกทาง "ฝ่าบาทๆ" ชายหนุ่มหอบมาแต่ไกล "มีอะไร พบเส่เยี่ยแล้วเหรอ พูดมาสิ!!!" คังซื่อเขย่าตัวจั๋วอี้หัง "ทางโน้นพะยะค่ะ หม่อมฉันเห็นมีรอยเท้าคนร้ายอยู่แถวสวนหอเทียนไต้" จั๋วอี้หังพูดไปหอบไป คังซื่อรีบวิ่งไปดูตามที่องครักษ์จั๋วแจ้ง ก็พบว่ามีรอยเท้าสองรอยอยู่หน้าสวนจริงๆ คังซื่อไม่รอช้า เขารีบวิ่งเข้าไปในสวนทันที ฝ่ายทหารองครักษ์พอวิ่งมาถึงหอเทียนไต้ก็หยุดชะงักกันหมด ไม่มีใครกล้าเหยียบเข้าไป "มัวยืนทำอะไรกันอยู่!!!" องครักษ์เหอหันมาดุใส่ผู้ใต้บังคับบัญชา "ท่านองครักษ์เหอ ที่นี่เป็นเขตหวงห้ามนะ ถ้าพวกเราเข้าไป ต้องหัวหลุดจากบ่าแน่ๆ" องครักษ์คนหนึ่งกล่าวขึ้น "ใช่ๆ แถมในนั้นยังลือกันว่า ผีดุด้วย" องครักษ์คนหนึ่งกล่าวอย่างหวาดๆ "ถ้ากลัวตายก็รออยู่ที่นี่!!! แต่ถ้าฮ่องเต้เป็นอะไรไป พวกเจ้าก็ต้องหัวหลุดจากบ่าเหมือนกัน!!!" ว่าแล้วองครักษ์เหอก็วิ่งพรวดเข้าไปในเขตหอเทียนไต้ทันที
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ฝ่ายเส่เยี่ยและชีเส้าเฟยใช้เวลาไม่นานก็พ้นออกมาจากทางลับ ชีเส้าเฟยเงยดูดาวเหนือบนท้องฟ้าเพื่อคำนวณหาทิศทางที่นัดกับลู่เสี่ยวฟงเอาไว้ ตอนนี้ลู่เสี่ยวฟงคงไปสมทบกับพวกของกงซุนเช่อและอ้อมหมิงเจิ้งเรียบร้อยแล้ว ตามแผนที่พวกเขาวางไว้ ทั้งหมดจะรอชีเส้าเฟยอยู่ที่เรือเหลียนอิ๋น ชีเส้าเฟยจึงพาเส่เยี่ยมุ่งหน้าขึ้นเหนือตามที่นัดกับลู่เสี่ยวฟงไว้ทันที
ส่วนคังซื่อซึ่งตามมาติดๆ เมื่อออกมาจากโพรงลับได้ ก็วิ่งไปคุ้ยกอหญ้าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทางลับนั้น จนพบม้าสีน้ำตาลตัวหนึ่งถูกผูกไว้อยู่ ความจริงม้าตัวนี้คือม้าที่องครักษ์เหอเอามาเตรียมไว้ให้ เวลาที่ฮ่องเต้ต้องการเสด็จออกมานอกวังหลวง คังซื่อควบม้าตัวนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มควบม้ามาได้สักระยะก็เห็นร่างของเส่เยี่ยและคนร้ายอยู่ไกลๆ เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะตามคนทั้งสองทัน ในที่สุดม้าสีน้ำตาลของเขาก็วิ่งมาทันชีเส้าเฟยและเส่เยี่ย
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!" ฮ่องเต้หนุ่มไม่พูดเปล่า เขาหยิบเกาทัณฑ์ขึ้นมาง้างแล้วเล็งไปที่คนร้ายทันที ฝ่ายชีเส้าเฟยเมื่อหันมาพบคังซื่อก็หยุดวิ่งแล้วเอาตัวบังเส่เยี่ยไว้ ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองเผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรก
ความเงียบแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ .........
ฟิ้ว .......
มีเพียงเสียงลมกระทบกับไม้ใบเท่านั้น .........
คังซื่อและชีเส้าเฟยจ้องมองกันและกัน .........
แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย .........
เพราะเหตุใดใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามถึงได้ละม้ายคล้ายกับตนเช่นนี้ .........
ชีเส้าเฟย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวการต่อสู้ หนวดเคราและรอยแผลเป็นทำให้ชายหนุ่มดูมีอายุมากกว่าความเป็นจริง .........
คังซื่อ ฮ่องเต้หนุ่มที่พบแต่ความสุขสำราญตั้งแต่เยาว์วัย แม้แต่แววตาที่กำลังโกรธาของเขากลับดูเหมือนแววตาของเด็กหนุ่มเสียมากกว่า .........
หากแต่เหนือสิ่งเหล่านี้แล้ว คงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ทั้งสองมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกันจนเหลือเชื่อ .........
"เส่เยี่ยเจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า" คังซื่อละสายตาจากชีเส้าเฟยแล้วตะโกนฝ่าความเงียบ ถามหญิงสาวด้วยความห่วงใย ดูเหมือนเขายังไม่รู้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้าคือชีเส้าเฟย "ไม่ต้องกลัวนะ" ชีเส้าเฟยกระซิบบอกหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง มือขวาของเขาถือนี่สุ่ยหาน ส่วนมือซ้ายก็กำมือเส่เยี่ยไว้แน่น ชายหนุ่มมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม แม้ว่าคนตรงหน้าคือฮ่องเต้ ก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย "โจรชั่ว ปล่อยนางเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าเราไม่เกรงใจนะ" คังซื่อตะโกนใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่าไม่กลัวเกรงเช่นกัน "ไม่ต้องพูดมาก จะเป็นอย่างไรให้กระบี่ตัดสินดีกว่า" ชีเส้าเฟยชักกระบี่นี่สุ่ยหานของจากฝัก ประกายของมันแวววาวเมื่อต้องกับแสงจันทร์ยามค่ำคืน "ดี งั้นลองฝีมือเกาทัณฑ์ของเราหน่อยเป็นไร" ว่าแล้วคังซื่อก็ง้างเกาทัณฑ์ก่อนจะปล่อยศรตรงไปยังหัวใจของฝ่ายตรงข้ามทันที "เค้ง!!!""ชีเส้าเฟยปัดศรนั้นออกไปได้ คังซื่อจึงหยิบเกาทัณฑ์ขึ้นมายิงพร้อมกันอีกสามดอก คราวนี้ชีเส้าเฟยปัดออกได้เพียงสองดอก ส่วนอีกดอกหนึ่งเฉี่ยวแขนขวาเขาไปนิดเดียว คังซื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้ใจ เตรียมที่จะจู่โจมชีเส้าเฟยต่อ "หยุดนะ!!!" อยู่ๆ เส่เยี่ยก็วิ่งมาขวางหน้าชีเส้าเฟยไว้ ทำเอาชายหนุ่มทั้งสองแปลกใจ คังซื่อรีบลดคันธนูลงทันที เพราะเกรงว่าจะไปโดนเส่เยี่ยเข้า "อย่าทำร้ายเขาเลยนะเพคะฝ่าบาท แล้วหม่อมฉันจะยอมตามพระองค์กลับไป" หญิงสาวพูดกับคังซื่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ทำไมเจ้าต้องปกป้องมันด้วย" คังซื่อไม่เข้าใจว่าทำไมนางต้องช่วยเหลือคนร้ายด้วย นอกเสียจากว่าคนร้ายคนนี้แท้จริงแล้วก็คือชีเส้าเฟยนั่นเอง ชายหนุ่มเริ่มปะติดปะต่อเหตุการณ์ "หม่อมฉันขอร้องเพคะฝ่าบาท" เส่เยี่ยเห็นคังซื่อมีท่าทีลังเล จึงคุกเข่าลงอ้อนวอน สร้างความไม่พอใจให้กับชีเส้าเฟยเป็นอย่างมาก "เส่เยี่ย ทำไมเจ้าทำแบบนี้ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าไปกับเขาแน่ หรือว่าเจ้าไม่เชื่อในตัวลุงชีคนนี้อีกแล้ว" ชีเส้าเฟยก้มลงข้างๆ หญิงสาว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย เส่เยี่ยเห็นแววตาของชีเส้าเฟยแล้วนางก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ "ฮือๆ ท่านไม่เข้าใจ ข้าไปกับท่านไม่ได้ ข้าไปกับท่านไม่ได้แล้ว..." หญิงสาวมองหน้าชีเส้าเฟยแล้วก็สะอื้น "ไม่ได้ เจ้าต้องไปกับข้า!!!" ชีเส้าเฟยไม่สนคำคัดค้านของหญิงสาว เขาลุกขึ้นแล้วก็ถือกระบี่ตรงเข้าไปหาคังซื่อที่อยู่บนหลังม้าทันที คังซื่อตั้งตัวแทบไม่ทัน เขารีบใช้ธนูยิงใส่ชีเส้าเฟย แต่ชายหนุ่มก็หลบได้หมด เหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นชีเส้าเฟยก็จะถึงตัวคังซื่อแล้ว คังซื่อจึงใช้คันธนูสู้กับกระบี่ของชีเส้าเฟย ทั้งคู่สัปยุทธกันอยู่ครู่ใหญ่ วรยุทธของคังซื่อนั้นเทียบกับชีเส้าเฟยไม่ได้เลย สู้กันเพียงไม่กี่ขบวนท่า คังซื่อก็เสียหลักตกจากหลังม้า ชีเส้าเฟยไม่รอช้า เขาจ่อปลายนี่สุ่ยหานไปที่คอของฝ่ายตรงข้ามทันที "ตอบมาซิ ทำไมเจ้าต้องส่งคนไปทำร้ายผู้คนที่หมู่บ้านเหลียนอิ๋นด้วย" ชีเส้าเฟยถาม "เจ้า... คือชีเส้าเฟยงั้นสิ" คังซื่อหัวเราะในลำคอ ความจริงเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีเส้าเฟยกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ชีเส้าเฟยเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบคำถามก็ยิ่งโกรธ เขาปักกระบี่ไปจนชิดคอของอีกฝ่าย ฝ่ายคังซื่อเมื่อเห็นว่าตนเองแพ้แล้ว อีกทั้งหญิงสาวที่รักก็ยังมาเกลียดเขาอีก จึงหลับตาลงยอมรับชะตากรรม "ลงมือเลย" ชายหนุ่มท้า "ไม่นะ!!!!!!" ยังไม่ทันที่ชีเส้าเฟยจะได้ลงมือ เส่เยี่ยก็ตะโกนห้ามสุดเสียง ชีเส้าเฟยหันไปมองหญิงสาวด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เส่เยี่ยก็หยิบเอาลูกธนูที่พื้นขึ้นมาจ่อคอของตนเองไว้ "เส่เยี่ย เจ้าทำอะไร!!!" ชีเส้าเฟยตกใจมาก "ท่านลุงในเมื่อท่านอยากให้ข้าไปกับท่าน ข้าก็จะไปกับท่าน แต่ท่านต้องสัญญาว่าจะปล่อยเขาไป หากท่านไม่รับปากหล่ะก็ ข้าจะ..." หญิงสาวพูดด้วยน้ำตาอาบแก้มพร้อมทั้งกดลูกธนูลงบนคอของตนเอง แทนที่นางจะรู้สึกโกรธเกลียดฮ่องเต้ แต่นางกลับช่วยเขาแทน "แต่..." ชีเส้าเฟยมองหน้าคังซื่อแล้วก็มองเส่เยี่ยด้วยความรู้สึกลังเล "ข้าพูดจริงนะ" หญิงสาวไม่พูดเปล่า นางกดปลายธนูเข้าที่คอของตนเองจนมีเลือดไหลซิบออกมา "อย่านะ!!!" คังซื่อรีบร้องห้าม ฝ่ายชีเส้าเฟยก็ไม่รอช้า เขาซัดเหรียญใส่ลูกธนูในมือของเส่เยี่ย จนมันหักเป็นสองท่อน "มันคุ้มแล้วหรือที่จะแลกชีวิตกับคนแบบนี้" ชีเส้าเฟยมองหน้าคังซื่อด้วยความไม่เข้าใจ แล้วก็ลดกระบี่ลง แม้เขาจะไม่อยากปล่อยฮ่องเต้ไป แต่เขาก็ไม่อยากผิดใจกับหญิงสาว ชายหนุ่มเก็บกระบี่แล้วเดินกลับไปหาเส่เยี่ย หญิงสาวขอบคุณที่เขาไว้ชีวิตฮ่องเต้ ชีเส้าเฟยไม่พูดอะไร เขาจับมือนางแล้วออกเดินทางต่อไป คังซื่อเห็นเส่เยี่ยกำลังจะจากไปแล้วก็เรียกตามหลัง หญิงสาวหันกลับมามองเขาด้วยแววตาเศร้า นางไม่แน่ใจว่าควรจะโกรธ จะรัก หรือจะเกลียดชายคนนี้ดี เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าชีเส้าเฟยกำลังจ้องมองนางอยู่ นางจึงละสายตาจากฮ่องเต้และเดินตามชีเส้าเฟยไป "เราสองคนคงหมดกรรมกันเพียงเท่านี้ ลาก่อนฮ่องเต้... ลาก่อนวังหลวง...." นางคิด
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ชีเส้าเฟยและเส่เยี่ยเดินต่อมาได้สักระยะ ก็พบกับแม่น้ำแห่งหนึ่ง ที่นั่นพวกลู่เสี่ยวฟงกำลังรออยู่แล้ว พอเห็นชีเส้าเฟยมาพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่ง ลู่เสี่ยวฟงก็เข้าไปทักทายและถามว่าจะให้ทำอย่างไรต่อไป ชีเส้าเฟยบอกว่าพวกทหารองครักษ์กำลังตามตนเองมาทางนี้ ให้รีบลงเรือก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้เขายังไม่อยากใช้กำลังเข้าปะทะ เพราะเรื่องที่สงสัยก็ยังไม่กระจ่างชัด อีกทั้งที่นี่เป็นถิ่นของศัตรู หากต่อสู้กันในยามค่ำคืนเช่นนี้ พวกเขาอาจตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้ ลู่เสี่ยวฟงได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รอช้า รีบพาทั้งสองลงเรือแล้วออกเดินทางทันที
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ฝ่ายองครักษ์เหอและทหารองครักษ์คนอื่น พอมาถึงที่เกิดเหตุก็พบฮ่องเต้ล้มอยู่ที่พื้น ทั่วบริเวณมีแต่ร่องรอยการต่อสู้ องครักษ์หนุ่มรีบวิ่งเข้าไปดูฮ่องเต้ด้วยความเป็นห่วง "ฝ่าบาทๆ เป็นอะไรไหมพะยะค่ะ" องครักษ์เหอประคองฮ่องเต้ขึ้น "นางไปแล้ว นางไปแล้ว" คังซื่อเหม่อลอยแล้วก็พูดแต่คำเดิมซ้ำๆ "พวกเขาไปทางไหนพะยะค่ะ" องครักษ์เหอถาม คังซื่อก็ชี้ไปข้างหน้า องครักษ์เหอพยักหน้าสั่งให้พวกทหารรีบตามไป เมื่อมาถึงยังริมน้ำก็เห็นเรือของพวกชีเส้าเฟยกำลังออกจากฝั่งไปแล้ว พวกทหารองครักษ์จึงจุดไฟติดดอกเกาทัณฑ์ หมายจะยิงให้เรือล่ม ทันใดนั้นคังซื่อก็วิ่งเข้าไปปัดเกาทัณฑ์ของนายทหารคนหนึ่งออก เขาสั่งห้ามไม่ให้ใช้ยิงอาวุธใดๆ ไปบนเรือ เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตรายถึงเส่เยี่ยได้ พวกทหารองครักษ์จึงได้แต่ยืนมองเรือของชีเส้าเฟยค่อยๆ ลอยห่างออกไป... "จะให้ส่งคนตามไปไหมพะยะค่ะ" องครักษ์เหอถาม "ไม่ต้อง เรามีวิธี" ฮ่องเต้ตอบสั้นๆ อย่างเป็นปริศนา
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
อีกด้านหนึ่ง บนเรือเหลียนอิ๋น
บรรดาผู้กล้าในเรือต่างพากันลุ้นว่าทางการจะยิงเกาทัณฑ์ใส่พวกเขาหรือไม่ มีการเตรียมการไว้เป็นอย่างดี ทั้งอาวุธ ยุทโธปกรณ์สำหรับยิงตอบโต้ รวมถึงถังน้ำที่พร้อมจะดับไฟในกรณีที่เรือไฟไหม้ พอทุกคนเห็นว่าทหารที่ฝั่งลดอาวุธลง พวกเขาก็โห่ร้องเซ็งแซ่ด้วยความยินดีกันสนั่นเรือ แม้แต่ทางการยังไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีนั้น มีชายหญิงสองคนที่ไม่สนใจต่อเหตุการณ์ภายนอก... เส่เยี่ย นั่งจิตใจเหม่อลอย สายตาของนางทอดออกไปนอกเรือ... ชีเส้าเฟย จ้องมองหญิงสาวอยู่ตลอด คำถามมากมายผุดขึ้นในใจเขา หากแต่ว่าชายหนุ่มลังเลที่ถามนาง...
ลู่เสี่ยงฟงเห็นพระเอกนางเอกเอาแต่นั่งเงียบ ก็เดินเข้าไปขัดจังหวะคนทั้งสอง "ฮึมๆ แฮ่มๆ หัวหน้าใหญ่ แม่นางคนนี้ก็คือแม่นางเส่เยี่ยใช่หรือเปล่า" คนพูดลูบหนวดแล้วมองไปที่เส่เยี่ย "อืม" ชายหนุ่มพยักหน้าให้หัวหน้ารุ่นน้อง เขายืนขึ้นแล้วตั้งท่าจะแนะนำให้คนอื่นๆ รู้จักกับเส่เยี่ยด้วย แต่อยู่ๆ เส่เยี่ยก็ดึงแขนของเขาไว้ นางกระซิบกับเขาว่า นางรู้สึกไม่ค่อยสบาย ต้องการพักผ่อน ความจริงชีเส้าเฟยรู้สึกเกรงใจพี่น้องของเขา แต่ก็เห็นว่าเส่เยี่ยเพิ่งผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มา จึงไม่อยากขัดใจนาง "ได้ งั้นข้าจะพาเจ้าไปพักผ่อนก่อน ส่วนเรื่องอื่นพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน" ลู่เสี่ยวฟงตั้งท่าจะแนะนำตัวเต็มที่ ก็เลยอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น "น้องสาม เจ้าเตรียมที่พักไว้แล้วใช่ไหม" ชีเส้าเฟยหันไปถามเรื่องที่พักกับอ้อมหมิงเจิ้ง "เรียบร้อยแล้วค่ะหัวหน้าใหญ่" หญิงสาวปรายตามองเส่เยี่ยตั้งแต่หัวจรดเท้า นางรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับท่าทางเงียบขรึมของเส่เยี่ยซักเท่าไหร่ "เชิญ" ชีเส้าเฟยผายมือให้เส่เยี่ยเดินนำไปก่อน ก่อนจะเดินตามนางไปติดๆ หัวหน้าคนอื่นๆ มองตามกันตาปริบๆ เป็นภาพที่ไม่คุ้นเคยเลยจริงๆ ที่เห็นชีเส้าเฟยเอาใจใครขนาดนี้ พวกลูกเรือเองก็พากันซุบซิบถึงที่มาของหญิงสาวคนนี้ บ้างก็ว่านางเป็นลูกสาวของกบฏ บ้างก็ว่านางเป็นคนรักของหัวหน้าใหญ่ บ้างก็ว่านางเป็นว่าที่พระสนมของฮ่องเต้ เดากันไปต่างๆ นาๆ จนกงซุนเช่อทนไม่ไหว ในที่สุดต้องไล่ให้พวกเขาแยกย้ายกันไป
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ชีเส้าเฟยกับเส่เยี่ยเดินเงียบกันมาตลอดทางจนถึงห้องพักของหญิงสาว แม้ชายหนุ่มจะรู้สึกกังวลและสงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรกับนาง แต่เขาก็มีมารยาทพอที่จะไม่เอ่ยถาม แววตาที่อ่อนโยนของเขามองนางด้วยความห่วงใย หากแต่หญิงสาวไม่ได้สังเกตถึงความรู้สึกเหล่านี้เลย ใจของนางกำลังครุ่นคิดอยู่กับเรื่องอื่น "พักผ่อนมากๆ นะ" ชีเส้าเฟยกล่าว เส่เยี่ยก็พยักหน้ารับ นางไม่ได้ตอบอะไร มือก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง ชีเส้าเฟยยังคงยืนอยู่ที่หน้าห้องเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง เส่เยี่ยก็รอให้เขาพูด ชายหนุ่มอึกอักอยู่พักใหญ่แล้วก็ตัดสินใจไม่พูด เขาแค่กล่าวกับนางว่า "ราตรีสวัสดิ์" หญิงสาวได้ยินแล้ว ก็มีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย "ค่ะ ราตรีสวัสดิ์" คนพูดกล่าวคำลาแล้วก็ปิดประตูห้องไป หลังจากนั้น ชีเส้าเฟยก็ถอนหายใจยาว เมื่อกี๊เขาเกือบจะพูดออกไปแล้วว่า เขาดีใจมากที่ได้พบนาง แต่ปากของเขามันก็หนัก ทำให้พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะท่าทีที่เหินห่างของหญิงสาว หรือเป็นเพราะความไม่มั่นใจของเขาเอง ชายหนุ่มสลัดความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะเดินจากไปอย่างเหงาๆ ในเวลานี้มันเหมือนกับมีช่องว่างบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเขากับเส่เยี่ย หญิงสาวเองก็รู้สึกเช่นนั้นเช่นกัน
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
เช้าวันต่อมา บนเรือเหลียนอิ๋น
ปัง ปัง ปัง! เสียงเคาะประตูนับสิบครั้งดังขึ้นที่หน้าห้องของเส่เยี่ย ยิ่งคนในห้องไม่ส่งเสียงตอบ ก็ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับอ้อมหมิงเจิ้งมากขึ้น "จะนอนกินบ้านกินเมืองหรืออย่างไร" คนเคาะบ่นพรึมพรำ นางเคาะประตูดังขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเส่เยี่ยก็เปิดประตูออกมา "นี่ เจ้าไม่ได้ยินหรือไง ข้าเคาะจนมือจะหักอยู่แล้วนะ" อ้อมหมิงเจิ้งไม่รอช้า พอเห็นหน้าเส่เยี่ยก็โวยวายใส่นางทันที "เจ้ามีอะไรงั้นหรือ" แทนที่เส่เยี่ยจะรู้สึกโกรธ นางกลับถามอ้อมหมิงเจิ้งด้วยใบหน้าอันนิ่งเฉย ทำให้อ้อมหมิงเจิ้งรู้สึกขัดใจเป็นอย่างยิ่ง นางเบ้ปากใส่เส่เยี่ยแล้วก็โยนชุดในมือให้ เส่เยี่ยรับชุดมาแล้วก็ทำท่าจะปิดประตู อ้อมหมิงเจิ้งจึงเอามือดันประตูไว้ก่อน "เดี๋ยว แต่งตัวเสร็จแล้ว ออกไปพบทุกคนที่หัวเรือนะ" อ้อมหมิงเจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ เส่เยี่ยไม่ตอบอะไร นางรับชุดแล้วก็ปิดประตูห้องไป ทำให้อ้อมหมิงจิ้งยิ่งรู้สึกไม่พอใจเข้าไปอีก "วิเศษมาจากไหนกัน ขอบคุณสักคำก็ไม่มี" อ้อมหมิงเจิ้งบ่นพรึมพรำ นางรู้สึกไม่ถูกชะตากับแม่นางเส่เยี่ยคนนี้เข้าเสียแล้ว ไม่เข้าใจเลยว่า ผู้หญิงเย็นชาคนนี้มีอะไรดี หัวหน้าใหญ่ถึงได้ใส่ใจนางขนาดนี้
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ชั่วยามต่อมา ณ ดาดฟ้า เรือเหลียนอิ๋น
ลูกเรือทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่ลานกว้าง ลักษณะเหมือนลานชุมนุม สามารถใช้เป็นที่ฝึกวรยุทธหรือที่ชุมนุมได้อย่างสบาย ชีเส้าเฟยยืนอยู่บนพื้นที่ยกสูงกว่าตรงอื่น ทำให้ผู้กล้าทุกคนเห็นมังกรเก้าปรากฏได้อย่างชัดเจน
ชายหนุ่มรอให้เส่เยี่ยปรากฏตัวอยู่นานแล้ว แต่ทว่าผ่านไปครึ่งชั่วยาม หญิงสาวก็ยังไม่ปรากฏตัว เขาจึงกระซิบกับอ้อมหมิงเจิ้งที่ยืนอยู่ข้างๆ หญิงสาวพยักหน้าแล้วทั้งสองก็เดินออกไปจากลานพร้อมๆ กัน
"ก๊อกๆๆ" เสียงชายหนุ่มเคาะประตูห้อง ครู่หนึ่งประตูก็แง้มออก "ท่านลุง" เมื่อเส่เยี่ยเปิดประตูออกมา พบว่าเป็นชีเส้าเฟยก็ตกใจ "เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่ออกไปพบข้า" "ข้า... เอ่อ... ข้ายังรู้สึกไม่ค่อยสบายหน่ะค่ะ" หญิงสาวตอบตะกุกตะกัก "งั้นข้าจะให้พี่รองมาดูนะ" ชีเส้าเฟยทำท่าจะหันไปสั่งให้อ้อมหมิงเจิ้งพากงซุนเช่อมาแต่หญิงสาวก็ห้ามไว้ก่อน "ไม่ต้องหรอกค่ะ ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก" นางปฏิเสธ "แต่..." "ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ แค่รู้สึกอยากพักผ่อนเฉยๆ" หญิงสาวอธิบาย ชายหนุ่มก็พยักหน้ารับ เขาคิดว่า หากว่าพรุ่งนี้แล้วนางยังไม่หาย ค่อยให้กงซุนเช่อมาตรวจดูอาการของนางก็แล้วกัน "เอ๊ะ ทำไมเจ้ายังไม่เปลี่ยนชุดหล่ะ" ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าเส่เยี่ยยังคงใส่ชุดนอนสีขาวตัวเดิม ซึ่งตอนนี้เลอะทั้งคราบฝุ่นและคราบเลือด "น้องสามเจ้าได้เอาชุดใหม่มาให้เส่เยี่ยหรือเปล่า" เขาหันไปถามหัวหน้ารุ่นน้อง อ้อมหมิงเจิ้งก็พยักหน้า ชีเส้าเฟยจึงหันกลับไปมองเส่เยี่ยด้วยแววตาสงสัย "ข้า... เอ่อ..." หญิงสาวอึกอักตอบไม่ถูก ความจริงก็คือหลังจากนางรับชุดมาแล้ว ก็นั่งซึมเศร้าอยู่แต่ในห้อง ไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนชุดเลย "เจ้ามีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า" ชีเส้าเฟยก้มหน้าถามคนตัวเล็กกว่าด้วยความเป็นห่วง "หวังว่าแม่นางคงไม่ได้นึกรังเกียจ ที่มันเป็นแค่เสื้อผ้าชาวบ้านธรรมดาหรอกนะ" อ้อมหมิงเจิ้งรำคาญท่าทางพิรี้พิไรของหญิงสาวจึงแกล้งพูดแหย่ แต่เส่เยี่ยไม่นึกขำด้วย นางหันไปมองคนพูดด้วยสายตาไม่พอใจทันที "ข้าก็เป็นชาวบ้านธรรมดา ทำไมต้องนึกรังเกียจเสื้อผ้าของเจ้าด้วย พูดแบบนี้ หมายความว่าอย่างไรกันแน่" คนพูดทำท่าเอาเรื่อง "ข้าก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น ทำไมต้องจริงจังด้วย" คนพูดลอยหน้าลอยตา "เจ้า..." เส่เยี่ยทำท่าจะเดินเข้าไปหาอ้อมหมิงเจิ้ง แต่ชีเส้าเฟยก็เอาตัวเขามาบังเอาไว้ "หงเผาเจ้าออกไปก่อน ข้าขอพูดกับเส่เยี่ยตามลำพัง" ชีเส้าเฟยสั่งหัวหน้ารุ่นน้อง เส่เยี่ยมองชายหนุ่มด้วยความรู้สึกไม่พอใจ นางรู้สึกว่าเขากำลังปกป้องคนของตนเอง อ้อมหมิงเจิ้งเชื่อชีเส้าเฟย จึงได้เดินกลับขึ้นไปยังลานชุมนุม "เอาหล่ะเส่เยี่ย ตอนนี้ไม่มีคนอื่นแล้ว เจ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกข้ามาเถอะ" คนพูดๆ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หญิงสาวหลบสายตาเขาแล้วก็ส่ายหน้าว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชีเส้าเฟยรู้ทันทีว่านางโกหก "ในเมื่อเจ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร" ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังแต่เขาก็ไม่ชอบคาดคั้นใคร "แต่ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากขอร้องเจ้า ข้าอยากให้เจ้าไปพบพี่น้องของข้า ตอนนี้พวกเขารอเจ้าอยู่ข้างนอก" ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวแล้วก็ชี้ไปที่หัวเรือ "แล้วถ้าข้าไม่ไปหล่ะ" หญิงสาวแกล้งพูดลองใจเพื่อดูปฏิกิริยาเขา "ข้าคงไปบังคับเจ้าไม่ได้ แต่ว่าพวกเขาเพิ่งเสี่ยงชีวิตช่วยเจ้ามา หวังว่าเจ้าคงไม่นึกรังเกียจพวกเขาหรอกนะ" คนพูดน้ำเสียงนิ่ง เขารู้สึกผิดหวังเหมือนกันที่หญิงสาวพูดเช่นนี้ เขาเริ่มคิดถึงเหตุการณ์ที่เส่เยี่ยยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อแลกกับชีวิตของฮ่องเต้ หรือว่านางจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ "ท่านคิดว่าข้ารังเกียจท่านงั้นหรือ" หญิงสาวถามชายหนุ่มด้วยความรู้สึกน้อยใจ "ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น" "แต่คำพูดของท่าน..." "คำพูดของข้าทำไมงั้นเหรอ" "ข้าไม่รู้" เส่เยี่ยมองหน้าเขาแล้วก็หันหลบไปทางอื่น หญิงสาวไม่เข้าใจตนเอง ทำไมนางถึงได้รู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องเล็กๆ เพียงแค่นี้ "เส่เยี่ย เจ้าเป็นอะไรไป" แววตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความสงสัย เหตุใดเส่เยี่ยของเขาถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้ "ข้าไม่รู้... ข้าไม่รู้... ท่านลุง ข้าขออยู่เงียบๆ คนเดียวได้ไหม..." หญิงสาวหันหน้าหลบเขา นางรู้สึกปวดหัวจนไม่อยากคิดอะไรแล้ว "เอาหล่ะงั้นเจ้าพักผ่อนก็แล้วกัน" ชายหนุ่มเห็นท่าทางสับสนของหญิงสาวแล้วก็ถอนหายใจ แม้เขาจะเป็นห่วงนางมาก แต่ถ้าหากนางยังปิดกั้นตัวเองเช่นนี้ เขารั้นไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ชายหนุ่มตัดสินใจถอยออกมา เพื่อให้หญิงสาวได้มีเวลาคิดทบทวน
ขณะที่ชีเส้าเฟยเดินจากมานั้น เขาไม่ได้สังเกตเลยว่า เส่เยี่ยมองตามเขาด้วยสายตาที่ผิดหวัง ลึกๆ แล้วนางอยากให้เขาง้อนางมากกว่านี้ ความจริงเส่เยี่ยดีใจที่ได้พบชีเส้าเฟย นางอยากอยู่กับเขา อยากพูดดีๆ กับเขา ความรู้สึกที่นางมีต่อเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย หากแต่ว่าตอนนี้เหมือนมีอะไรบางอย่างมากั้นระหว่างเขากับนาง
เส่เยี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ "นี่ข้ากลายเป็นคนไร้เหตุผล เอาแต่ใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่" หญิงสาวนึกโทษตัวเองที่เมื่อครู่นี้พูดจาไม่ดีกับชายหนุ่ม นางปิดประตูห้องแล้วหยิบชุดที่อ้อมหมิงเจิ้งเอามาให้ขึ้นดู
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ชีเส้าเฟยเดินคอตกขึ้นมาบนดาดฟ้า พวกพี่น้องมองหาเส่เยี่ย แต่ก็ไม่เห็นมีใครเดินตามหลังเขามา พอลู่เสี่ยวฟงถามถึงเส่เยี่ย ชีเส้าเฟยก็ส่ายหน้าบอกว่านางไม่ค่อยสบาย กงซุนเช่อเห็นชีเส้าเฟยหน้าตามีกังวลจึงเสนอตัวจะช่วยดูอาการนางให้ แต่ชีเส้าเฟยก็ปฏิเสธ หัวหน้าใหญ่แม่นางเส่เยี่ยคนนี้เป็นคนยังไงกันแน่ ทำไมนางดูไม่ให้เกียรติพวกเราเลย อ้อมหมิงเจิ้งพูดอย่างตรงไปตรงมา นางรู้สึกไม่พอใจเส่เยี่ยตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว นางไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก นางแค่มีเรื่องไม่สบายใจเท่านั้น ชีเส้าเฟยออกตัวแทนหญิงสาว หัวหน้าใหญ่ แล้วจริงหรือเปล่าที่ว่านางเป็นลูกสาวของกบฏซุนซิ่ง ศิษย์คนหนึ่งถามขึ้น จริงที่นางเป็นลูกสาวของซุนซิ่ง แต่ไม่จริงที่ว่าจอมยุทธซุนเป็นกบฏ จอมยุทธซุนเปรียบเสมือนอาจารย์ของข้า ถ้าเจ้านับถือข้าเป็นหัวหน้าใหญ่ ต่อไปก็จงให้เกียรติคนๆ นี้ ชายหนุ่มตอบ เป็นจังหวะเดียวกับที่เส่เยี่ยกำลังเดินขึ้นมาบนดาดฟ้าพอดี พอนางได้ยินคำพูดของชีเส้าเฟยก็รู้สึกดีใจที่ชีเส้าเฟยให้เกียรติบิดาของนางขนาดนี้
เอ๊ะ แม่นางเส่เยี่ย กงซุนเช่อหันไปเห็นเส่เยี่ยกำลังเดินเข้ามาพอดี ทั้งหมดจึงหันไปมองนางเป็นสายตาเดียว เส่เยี่ยเห็นชีเส้าเฟยยืนอยู่ตรงกลางที่ชุมนุม จึงเดินตรงเข้าไปหาชายหนุ่ม พวกศิษย์คนอื่นๆ เหมือนรู้งาน จึงหลีกทางให้หญิงสาวเดินเป็นแนวยาว ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวยอมเปลี่ยนชุดและออกมาพบเขาแล้วก็ยิ้มออก
เส่เยี่ยไม่ทันระวังนางสะดุดขั้นบันไดตรงหน้าชีเส้าเฟย ชายหนุ่มคว้าตัวนางเอาไว้ทัน หญิงสาวจึงอยู่ในอ้อมแขนของเขา สายตาที่ทั้งคู่มองกันและกัน ทำเอาลูกเรือหันมามองกันทั้งลำ "แฮ่มๆๆ เอาหล่ะทุกคน หัวหน้าใหญ่มีอะไรจะพูดหน่อย" ลู่เสี่ยวฟงทำเสียงหล่อเต็มที่ เขาตะโกนไปยังบรรดาพี่น้อง แล้วก็หันมายิ้มให้กับหัวหน้าใหญ่และเส่เยี่ย หัวหน้าใหญ่จะมีงานมงคลหรือไง เสียงศิษย์คนหนึ่งตะโกนแซวมาจากกลางวง บรรดาศิษย์คนอื่นๆ ก็พากันโห่ร้องแซวจนหญิงสาวหน้าแดง "เมื่อวานเหตุการณ์มันฉุกละหุก ข้าต้องขอโทษทุกคนด้วยที่ไม่ได้แนะนำ นี่คือแม่นางเส่เยี่ย หลานสาวของข้า" บรรดาศิษย์พากันหน้าตาเอ๋อเหรอเมื่อชีเส้าเฟยบอกว่าหญิงสาวคนนี้เป็นหลานสาวของตน เส่เยี่ยก็รู้สึกผิดหวังเช่นกันที่เขาแนะนำนางเช่นนี้ ชีเส้าเฟยเห็นบรรดาศิษย์ทำหน้างงจึงอธิบายต่อไปว่า "หลายปีก่อนบิดาของเส่เยี่ยได้ช่วยชีวิตข้าไว้ ข้ากับพ่อของนางจึงเป็นสหายกัน หวังว่าต่อไปพวกเจ้าจะเห็นนางเป็นเหมือนพี่น้องคนหนึ่งนะ" "ได้!!!" บรรดาลูกเรือรวมทั้งกงซุนเช่อและลู่เสี่ยวฟงตอบขึ้นพร้อมกัน แต่ละคนดูมีสีหน้ายินดี อันที่จริงไม่ว่าเส่เยี่ยจะเป็นหลานสาวหรือว่าคนรักของชีเส้าเฟย พวกเขาก็รู้สึกดีใจทั้งนั้น บรรดาศิษย์เริ่มหยิบสุราจากท้ายเรือขึ้นมาแจกจ่ายเพื่อฉลองต้อนรับหญิงสาว มีเพียงอ้อมหมิงเจิ้งที่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง สีหน้าของนางดูไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ ลู่เสี่ยวฟงหันไปเห็นจึงอดพูดแหย่หญิงสาวไม่ได้ "นี่ ไม่ดีใจหรือไง ต่อไปเจ้าก็ไม่ใช่ดาวดวงเดียวแล้วนะ" คนพูดยิ้มแบบกวนๆ อ้อมหมิงเจิ้งไม่ตอบ นางยังคงทำหน้านิ่งเหมือนเดิม "เป็นไรไป ทำหน้าอย่างกับคนป่วย ไม่สบายหรือเปล่า" ลู่เสี่ยวฟงเห็นว่าหญิงสาวดูนิ่งผิดปกติ ทุกครั้งนางจะต้องพูดจาตอบโต้เขาแล้ว แต่ครั้งนี้กลับไม่ ชายหนุ่มสงสัยว่านางอาจจะไม่สบายขึ้นมาจริงๆ ชายหนุ่มทำท่าจะจับไปที่หน้าผากของหญิงสาว "อย่ายุ่งกับข้า" หญิงสาวปัดมือลู่เสี่ยวฟงออก แล้วก็เดินลงดาดฟ้าไป ลู่เสี่ยวฟงได้แต่มองตามด้วยความไม่เข้าใจ ท่ามกลางรอยยิ้มของคนอื่นๆ ทำไมหงเผาถึงได้ดูไม่สบายเช่นนี้ หรือว่านางไม่พอใจกับการมาของซุนเส่เยี่ย...
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
Create Date : 30 พฤษภาคม 2552 |
|
34 comments |
Last Update : 19 มีนาคม 2560 2:35:52 น. |
Counter : 1933 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: หลินอี้ 31 พฤษภาคม 2552 0:55:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: O-yohyo 31 พฤษภาคม 2552 7:00:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: O-yohyo 31 พฤษภาคม 2552 7:03:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: O-yohyo 31 พฤษภาคม 2552 7:05:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: มลเยี่ย IP: 58.8.139.121 31 พฤษภาคม 2552 7:06:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: มลเยี่ย IP: 58.8.139.121 31 พฤษภาคม 2552 7:12:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: O-yohyo 31 พฤษภาคม 2552 7:20:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: O-yohyo 31 พฤษภาคม 2552 7:22:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: O-yohyo 31 พฤษภาคม 2552 8:37:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: หลินอี้ 31 พฤษภาคม 2552 8:48:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: O-yohyo 31 พฤษภาคม 2552 8:50:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: O-yohyo 31 พฤษภาคม 2552 8:57:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: มลเยี่ย IP: 58.8.135.225 31 พฤษภาคม 2552 10:36:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: O-yohyo 31 พฤษภาคม 2552 10:43:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: O-yohyo 31 พฤษภาคม 2552 10:46:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: มลเยี่ย IP: 58.8.143.200 31 พฤษภาคม 2552 15:24:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: มลเยี่ย IP: 58.8.143.200 31 พฤษภาคม 2552 17:06:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทับทิม IP: 125.26.36.255 31 พฤษภาคม 2552 17:48:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: O-yohyo 31 พฤษภาคม 2552 19:49:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: O-yohyo 31 พฤษภาคม 2552 19:53:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: O-yohyo 31 พฤษภาคม 2552 19:59:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: O-yohyo 31 พฤษภาคม 2552 20:02:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: มลเยี่ย IP: 58.8.228.185 31 พฤษภาคม 2552 20:18:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: หลินอี้ 31 พฤษภาคม 2552 21:02:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทับทิม IP: 125.26.42.99 31 พฤษภาคม 2552 21:37:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: หลินอี้ 31 พฤษภาคม 2552 22:04:36 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ตะแรกก็เข้าใจว่าเส่เยี่ยร้องไห้เสียใจเรื่องข่าวที่เข้าใจว่าลุงชีตายแล้ว พอลุงชีมาถึง อ๊ากก คิดว่าเส่เยียต้องฝันไปชัวร์ ผกก.แกล้งคนดูให้ดีใจเล่นอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว แต่อ่านไปเรื่อย นี่มันจริงนิหน่า เส่เยี่ยพบลุงชีแล้วจริงๆ พอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องจากตอนที่แล้ว ตอนนั้นเส่เยี่ยกำลังถูกฮ่องเต้รังแกอยู่นี่น่า อ๊ากกก งั้นที่เส่เยี่ยร้องไห้เสียใจตอนต้นก็คือ เสียใจที่พลาดพลั้งให้ฮ่องเต้ ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกไปซะแร้นเหรอเนี๊ยะ
สงสารลุงชีจังเลย แทนที่พบกันแล้วจะดีใจ มีความสุข กลับต้องมาทุกข์ลงไปอีก เริ่มเคืองเส่เยี่ยอีกรอบแล้วเนี่ย ทำลุงชีช้ำใจเรื่อยเลย ฮึ่ม
ตอนลุงชีเผชิญหน้าฮ่องเต้ แล้วรับเกาทัณฑ์ เท่ห์มากกกกกค่ะ
ตอนนี้ลุ้นให้เส่เยี่ยเปิดใจ สารภาพมาซะดีๆ ให้ลุงชีรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จะได้ไม่ต้องเก็บไว้ปวดใจทั้งสองฝ่ายล่ะ
พรุ่งนี้มาเม้นต๋ต่อนะคะ ไปนอนก่อนละ