แฟนฟิคชั่น : กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน (The Hero & The King)
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
9 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
กระบี่สะท้านฟ้าฯ ตอนที่ 22 มองเห็น



หลังจากพิจารณาสาวงามอยู่ครู่หนึ่ง ฮ่องเต้ก็กลับมานั่งที่บัลลังก์ เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะตัดสินใจยกป้ายชื่ออันหนึ่งขึ้นมาจากโต๊ะ ไทเฮา นางกำนัล และขันทีต่างพากันชะเง้อชะแง้งตามด้วยความตื่นเต้น จากนั้นขันทีส่วนพระองค์ก็ประกาศชื่อของหญิงสาวผู้โชคดี
"ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งแต่งตั้งคุณหนูสั่วฟางเอ๋อขึ้นเป็นฮองเฮา คุณหนูซูโหย่ว คุณหนูเยี่ยปี้เสีย และคุณหนูอ๋าวเทียนเจียวให้เป็นเจ้าจอมตามลำดับ ฮ่องเต้ยังทรงมีรับสั่งแต่งตั้งให้คุณหนูหลินกุเหนียง บุตรีของแม่ทัพหลินเซียงขึ้นเป็นเจ้าจอมลำดับที่สี่ เพื่อให้เกียรติแก่สกุลหลินด้วย จบราชโองการ..." ขันทีส่วนพระองค์พูดจบก็เดินเลี่ยงไปด้านหลัง สั่วฟางเอ๋อหลังจากได้ยินราชโองการก็ก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย ส่วนเทียนเจียวกับเยี่ยปี้เสียชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ ทั้งคู่หางตามองสั่วฟางเอ๋อด้วยความริษยา ฝ่ายหลินกุเหนียงพอได้ยินชื่อตัวเองอยู่ในรายชื่อเจ้าจอมด้วยก็สำลักไม่หยุด จนองครักษ์จั๋วต้องพานางออกมาด้านนอก

"เจ้าเป็นอะไรมากหรือเปล่าน้องหลิน" พอออกมาถึงด้านนอกองครักษ์จั๋วก็ถามหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
"เอ่อ คือ ข้า ไม่เป็นไรหรอก คอก.. แคก.." หลินกุเหนียงตอบไปก็เอามือลูบอกไป นางยังคงไอไม่หยุด องครักษ์จั๋วส่งย่ามน้ำให้กับหญิงสาว ท่าทางของเขาดูเป็นห่วงนางมาก
"เอานี้ดื่มน้ำหน่อยนะ" หลินกุเหนียงชะงักมองหน้าองครักษ์จั๋วนิดหนึ่ง ก่อนจะรับน้ำมาดื่ม ตอนนี้นางอยากจะบอกความจริงกับเขาเหลือเกิน หญิงสาวดื่มน้ำแล้วก็นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
"นี่ เจ้าหายแล้วใช่ไหม ทำไมอยู่ๆ ก็เงียบไป" องครักษ์จั๋วสะกิดนาง
"เอ่อ ขะ ข้า หายแล้ว" หลินกุเหนียงฝืนยิ้มให้เขา
"ดีแล้ว เมื่อกี๊ทำเอาข้าตกใจแทบแย่" องครักษ์จั๋วพูดสีหน้าจริงจัง หลินกุเหนียงแอบรู้สึกซาบซึ้งในความเป็นห่วงของเขา หากเขารู้ว่านางเป็นใคร จะยังเป็นห่วงนางเช่นนี้หรือไม่นะ หลินกุเหนียงถามตนเองในใจ
"นี่ พี่จั๋วข้าถามอะไรท่านหน่อยสิ"
"อืม ว่าไงหล่ะ"
"นี่สมมติ แค่สมมตินะ สมมติว่าพี่จั๋วเกิดไปหลงรักเจ้าจอมของฮ่องเต้เข้า ท่านจะทำยังไง" คนพูดทำสีหน้าจริงจัง
"ฮืยยย!!! นี่เจ้าจะบ้าเหรอ!!! ทำไมถามอะไรเช่นนี้ อยู่ๆ ข้าจะไปหลงรักเจ้าจอมได้ยังไง!!!" องครักษ์จั๋วทำหน้าตกใจเหมือนเจอผี
"ก็บอกแล้วไงว่าแค่ สมมติๆๆ เข้าใจไหม สมมติหน่ะ" หลินกุเหนียงขมวดคิ้ว รีบๆ ตอบมาเหอะหน่า นางอยากรู้ใจจะขาดแล้ว
"ไม่มีทางหรอก ต่อให้ข้าเสียสติ ก็ไม่มีวันไปยุ่งกับหญิงสาวของฮ่องเต้แน่" ชายหนุ่มตอบสีหน้าจริงจัง
"แล้วถ้าตอนแรกท่านไม่รู้ว่านางเป็นเจ้าจอมหล่ะ" หลินกุเหนียงซักต่อ
"ไม่ว่าจะรู้ตอนแรกหรือตอนหลัง ข้าก็ไม่มีวันไปเกี่ยวข้องกับนางแน่ อีกอย่างข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องความรัก เป็นองครักษ์หน่ะ ไม่เหมาะจะมีคู่อยู่แล้ว ชาตินี้ข้าตั้งใจไว้แล้วว่าจะอยู่ดูแลฮ่องเต้กับไทเฮาตลอดไป" ชายหนุ่มตอบหนักแน่น หลินกุเหนียงได้ยินคำตอบแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดูท่าความรักครั้งนี้คงจะหมดหวังเป็นแน่
"นี่ แล้วอยู่ๆ ทำไมเจ้าถึงถามเรื่องนี้"
"อ๊ะ!!! รึว่าเจ้าไปแอบชอบเจ้าจอมฮ่องเต้เข้า!!!" องครักษ์จั๋วถามหน้าตาตื่น
"เปล่าๆ ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ!!!" หลินกุเหนียงรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน จะบ้าเหรอนางเป็นผู้หญิงจะให้ไปชอบผู้หญิงได้ยังไงกัน
"รึว่า!!! เป็นแม่นางเส่เยี่ย!!! เป็นแม่นางเส่เยี่ยใช่ไหม ข้าเห็นเจ้าชอบไปหานางที่จวนบ่อยๆ นี่เจ้าคงไม่ได้คิดชอบ..." คราวนี้องครักษ์จั๋วโวยวายใหญ่ ดูจากรูปการณ์แล้วก็เป็นได้ที่องครักษ์รุ่นน้องจะแอบชอบเส่เยี่ย
"ท่านจะบ้าเหรอ ข้าไม่ได้ชอบผู้หญิง ข้าชอบผู้ชาย!!!" หลินกุเหนียงเห็นเขากำลังเข้าใจผิดไปกันใหญ่ ก็เลยตกใจเผลอพูดออกมา
"เฮ้ยยยย ว่าไงนะ เจ้าชอบผู้ชาย!!!" องครักษ์จั๋วถอยครูดไปตั้งหลักไกล
"ไม่ใช่ ไม่ใช่ ข้ายังพูดไม่จบ คือ ข้าหมายความว่า ข้าเป็นผู้ชาย ชอบใช้ชีวิตแบบลูกผู้ชายหน่ะ" หลินกุเหนียงแถไปแบบข้างๆ คูๆ องครักษ์จั๋วหรี่ตามองแบบไม่ไว้ใจเขาเท่าไหร่
"นี่ ข้าไม่ใช่อีแอบหรอกน่า เลิกมองแบบนั้นได้แล้ว"
"เจ้าแน่ใจนะ"
"โธ่ แน่ใจสิ ถ้าข้าเป็นอีแอบคงขอเป็นขันทีไปแล้ว จะมาเป็นองครักษ์ให้เหนื่อยทำไมเล่า" หลินกุเหนียงทำหน้าดุ องครักษ์จั๋วพยักหน้าแบบยอมเชื่อก็ได้

หลินกุเหนียงถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง แต่เดิมเรื่องของนางก็ยากอยู่แล้ว หลบหนีงานอภิเษก แถมยังปลอมตัวเป็นองครักษ์ แล้วตอนนี้ดันมาหลงรักองครักษ์ซื่อบื้อที่ไม่รู้ว่านางเป็นผู้หญิงอีก หากถูกจับได้หล่ะก็ ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเป็นยังไง ฮ่องเต้ก็ช่าง ทำไมต้องแต่งตั้งนางเป็นเจ้าจอมด้วยนะ โกรธเขาแล้ว จะไม่ช่วยเป็นแม่สื่อให้แม่นางเสี่ยเยี่ยแล้วด้วย งอนๆๆ

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ซุนซิ่งกำลังต่อสู้กับทหารของทางการร่วมสิบคน มือขวาของเขาถือดาบฟาดฟันไม่ได้หยุด ส่วนมือซ้ายก็กำแขนบุตรสาวเอาไว้แน่น พวกทหารฉวยโอกาสตอนที่ซุนซิ่งเผลอ แทงดาบเข้ามาพร้อมกันทั้งสี่ทิศ ซุนซิ่งล้มลงจมกองเลือด เด็กสาววัยสี่ขวบเห็นภาพบิดาตนเองกำลังจะตายก็ร้องขึ้น
"ท่านพ่อออออ!!!!!!!" เส่เยี่ยสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันร้าย ร่างกายของนางยังคงสั่นเทาไปด้วยความกลัว

แต่แล้วนางก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น หญิงสาวชูมือทั้งสองข้างของตนเองขึ้นดู
"มือ!!! มือของข้า ข้ากำลังมองดูมือของข้า" เส่เยี่ยกระพริบตาถี่ๆ ให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้ฝันไป นางพลิกมือของตนเองไปมาอยู่หลายครั้งจนแน่ใจว่า นางมองเห็นแล้วจริงๆ จากนั้นหญิงสาวก็วิ่งไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง นางลูบใบหน้าของตนเองหน้ากระจกช้าๆ
"นี่... ข้า... มองเห็นแล้ว..." หญิงสาวพูดกับตนเองเบาๆ ราวกับไม่แน่ใจว่านี่คือความจริง

ระหว่างที่หญิงสาวกำลังตกใจอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินเข้ามา นางจึงรีบวิ่งไปนอนบนเตียงตามเดิม คนที่เดินเข้ามาก็คือเจ้าหยาจือและองครักษ์หลิน พวกเขาเป็นห่วงอาการของเส่เยี่ยมาก กำลังตัดสินใจว่าควรจะบอกเรื่องนี้กับฮ่องเต้ดีหรือไม่ หลินกุเหนียงเสนอว่าฮ่องเต้กำลังยุ่งกับเรื่องงานแต่งตั้งฮองเฮาอยู่ ไว้รอให้เส่เยี่ยปลอดภัยก่อนแล้วค่อยบอกจะดีกว่า เจ้าหยาจือเองก็เห็นด้วย

ทั้งคู่คุยกันเพลินจนไม่ทันสังเกตว่าความจริงเส่เยี่ยนั้นรู้สึกตัวแล้ว นางแกล้งหลับต่อไปเพื่อฟังเรื่องที่พวกเขาพูด หลินกุเหนียงเล่าให้เจ้าหยาจือฟังว่า ฮ่องเต้เลือกคุณหนูสั่วฟางเอ๋อ บุตรีของหัวหน้าเสนาบดีสั่วหนีขึ้นเป็นฮองเฮา นางมีทั้งความงดงาม และสติปัญญา องครักษ์หลินดูจะชื่นชมฮองเฮาคนนี้มาก เส่เยี่ยที่แอบฟังอยู่ก็รู้สึกเศร้าใจนิดๆ ความจริงนางควรจะดีใจกับเขามากกว่า ต่อไปฮ่องเต้คงจะมีเจ้าจอมนางสนมมากมายคอยดูแล อีกหน่อยก็คงจะลืมนางไปเอง

เส่เยี่ยยังคงแกล้งหลับต่อไปจนองครักษ์หลินขอตัวกลับก่อน ก่อนเจ้าหยาจือจะเดินออกไป นางดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดร่างให้หญิงสาวด้วยความห่วงใย จากนั้นเจ้าหยาจือก็ปิดประตูห้องของเส่เยี่ย แล้วเดินไปส่งองครักษ์หลินที่ด้านนอก

เส่เยี่ยลุกขึ้นจากเตียง ดวงตาทั้งสองข้างของนางมีน้ำตาคลอๆ
"ดอกไม้ป่าก็ต้องอยู่ในป่า จะไปเหมาะกับสวนในวังหลวงได้อย่างไร" หญิงสาวเอ่ยกับตัวเองเบาๆ ความจริงนางจะไม่อยากจากถูฮูหยินไป เจ้าหยาจือดีต่อนางมาก ดูแลนางเหมือนลูกสาวแท้ๆ คนหนึ่ง แต่วาสนาของนางกับคนที่นี่คงหมดลงแค่นี้ ความแค้นที่ราชสำนักสร้างไว้กับครอบครัวของนาง ทำให้หญิงสาวไม่อาจร่วมทางกับพวกเขาได้ เส่เยี่ยไม่เพียงได้ดวงตาสองข้างกลับมาเท่านั้น นางยังกลับมามุ่งมั่นกับจุดมุ่งหมายเดิมของตนเอง นางจะต้องตามหาชีเส้าเฟย นางจะต้องหาตัวคนร้ายที่ฆ่าพ่อของนาง และนางจะกลับไปจัดงานศพให้บิดาอย่างสมเกียรติ

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ณ ค่ายเหลียนอิ๋น

หัวหน้าทั้งสามกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมกำลังคนเพื่อเดินทางไปยังเมืองหลวง กงซุนเช่อกำลังนับเสบียงอาหารที่พวกศิษย์ขนเข้ามาในค่าย ใบหน้าบัณฑิตของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อจากความเหน็ดเหนื่อย อ้อมหมิงเจิ้งเดินผ่านมาพอดี จึงส่งผ้าซับหน้าให้กับเขา กงซุนเช่อพยักหน้าให้หญิงสาวชุดแดงก่อนจะหันกลับไปทำงานต่อ

อ้อมหมิงเจิ้งเดินต่อมายังอีกกระโจมที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์อยู่มากมาย บรรดาศิษย์กำลังช่วยกันลำเลียงทั้งดาบ กระบี่ ธนู และพลุไฟเข้ามายังกระโจมแห่งนี้

ด้านนอก ลู่เสี่ยวฟงนั่งสบายๆ อยู่บนเก้าอี้ผ้า เขากำลังชมการประลองฝีมือของบรรดาชายฉกรรจ์ที่มาสมัครขอเดินทางไปกับพวกเขาในครั้งนี้
"ไปๆ เจ้ากลับบ้านไป" ลู่เสี่ยวฟงชี้ไปที่ชายคนหนึ่งที่เพิ่งแสดงวรยุทธจบอย่างคล่องแคล่ว
"หัวหน้าสี่ให้ข้าไปด้วยเถอะ!" ชายหนุ่มรู้ว่าตนเองไม่ผ่านการคัดเลือก ก็โวยวายคุกเข่าลงขอร้องเขา
"ก็บอกว่าไม่รับไง" ลู่เสี่ยวโบกมือไล่เขาแล้วก็หันไปทางอื่น
"ทำไมหล่ะท่าน ไอ้ขี้ก้างนั่น วรยุทธอ่อนกว่าข้าตั้งเยอะ ทำไมมันถึงได้ไป!" ชายหนุ่มไม่ยอมแพ้เขาวิ่งมาตามตื้อขอร้องลู่เสี่ยวฟง
"ก็ข้าไม่ชอบขี้หน้าเจ้า มีปัญหาไหม" ลู่เสี่ยวฟงหันไปตอบแบบไม่พอใจแล้วเดินหนีเขา
"โธ่จอมยุทธลู่ ข้าขอร้องหล่ะ ข้าอยากไปแก้แค้นไอ้ราชสำนักชั่วนั่นจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกมัน พ่อข้าคงไม่ต้องตายอย่างอนาถเช่นนี้ แม่ข้าก็แก่มากแล้ว ท่านเสียใจร้องห่มร้องไห้สามวันสามคืนไม่หยุด ให้ข้าไปแก้แค้นพวกมันด้วยเถอะนะ" ชายหนุ่มครวญครางแล้วก็เกาะขาลู่เสี่ยวฟงให้ยอมรับเขา จังหวะนั้นอ้อมหมิงเจิ้งเพิ่งนับอาวุธเสร็จ นางเดินออกมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี จึงเดินตรงเข้ามาหาลู่เสี่ยวฟง
"นี่! ในเมื่อเขามีความตั้งใจ ทำไมท่านต้องไปขัดศรัทธาเขาด้วย" อ้อมหมิงเจิ้งเอ่ยถามขึ้น ลู่เสี่ยวฟงพอได้ยินเสียงหญิงสาว ก็หันมายิ้มหน้าพริ้ม
"จริงด้วยๆ หัวหน้าสามท่านพูดมีเหตุผล" ชายหนุ่มเห็นมีคนเข้าข้างก็รีบวิ่งเข้าไประจบ
"เกี่ยวไรกับเจ้าด้วย กลับไปเตรียมอาวุธของเจ้าเถอะไป เรื่องคัดคน หัวหน้าใหญ่มอบหมายให้ข้าแล้ว" ลู่เสี่ยวฟงจงใจพูดจากวนๆ ใส่อ้อมหมิงเจิ้ง หญิงสาวได้ยินแล้วก็ไม่พอใจ เดินเข้าไปใกล้ๆ เขา
"ข้าหวังดี ไม่อยากให้พวกเราไปตายเปล่า เจ้าคัดคนยังไงของเจ้า คนเก่งๆ มีความสามารถทำไมไม่เอาไป!" คนพูดขมวดคิ้ว
"ข้ามีเหตุผลของข้า!" ลู่เสี่ยวฟงตอบแล้วก็หันหนีไปทางอื่น ทำให้อ้อมหมิงเจิ้งโกรธยิ่งกว่าเดิม
"นี่! ข้ายังพูดไม่จบ" อ้อมหมิงเจิ้งเดินเข้าไปคว้าแขนเสื้อของเขา ลู่เสี่ยวฟงหันมามองหญิงสาวด้วยท่าทางยียวน แล้วก็เอามือของเขาจับมือของนาง
"ได้... แล้วจะไปคุยต่อที่ไหนดีหล่ะ" คนพูดยิ้ม พวกชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ส่งเสียงเชียร์กันเกรียวกราว ทำให้อ้อมหมิงเจิ้งรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก
"นี่เจ้า!!!" หญิงสาวง้างมือขึ้นหมายจะตบคนตรงหน้า
"พอแล้วๆ พวกเจ้าสองคนไม่ทะเลาะกันสักวันจะได้ไหม แค่นี้ยังเดือดร้อนไม่พออีกเหรอ!" กงซุนเช่อวางมือจากเสบียง แล้วเดินเข้ามาห้ามคนทั้งสอง
"พี่รอง ก็ดูเขาสิ เขามากวนประสาทข้าก่อน" อ้อมหมิงเจิ้งเดินเข้าไปหากงซุนเช่อ
"อ๊ะๆ พูดให้ดีนะ ข้าเลือกคนของข้าอยู่ดีๆ เป็นเจ้าไม่ใช่เหรอที่เดินเข้ามาหาข้าเอง" คนพูดยิ้มแล้วก็ยักคิ้วให้หญิงสาว
"ก็ใครใช้ให้เจ้าทำงานห่วยอย่างนี้เล่า คนดีๆ มีความสามารถมาสมัคร ทำไมไม่ยอมให้เขาไปด้วย" อ้อมหมิงเจิ้งชี้ไปที่ชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่ข้างๆ
"อ้าวน้องสี่ แล้วทำไมเจ้าถึงไม่รับเขาไว้หล่ะ" กงซุนเช่อพิจารณาดูแล้ว ชายหนุ่มคนนี้ก็ถือว่าหน่วยก้านไม่เลว
"ก็พ่อเขาเพิ่งโดนฆ่าตาย ที่บ้านเหลือแม่แก่ๆ อยู่คนเดียว หากเขาไปแล้วใครจะดูแลนาง รึท่านจะไปดูแลนาง พี่รอง" ลู่เสี่ยวฟงพูดจบแล้วก็ส่ายหน้า
"เป็นความจริงงั้นเหรอ" กงซุนเช่อหันไปถามชายหนุ่ม ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วก็ตอบเสียงอ่อยๆ
"แต่... ข้าอยากไปแก้แค้นจริงๆ"
"แก้แค้นเหรอ ไปครั้งนี้ข้าเองยังไม่รู้เลยว่าจะรอดไหม เจ้าไม่เห็นเหรอว่าพวกราชสำนักนั่นมันร้ายกาจขนาดไหน หากเจ้าไปแล้วไม่กลับมา ใครจะดูแลแม่เจ้า พ่อของเจ้าตาย แม่เจ้าร้องไห้สามวันสามคืน หากเจ้าเป็นอะไรไปอีกคน นางไม่ร้องไห้เป็นเดือนเลยงั้นเหรอะ ข้ารับไม่ไหวหรอกนะ" ลู่เสี่ยวฟงดุใส่ชายหนุ่ม แล้วก็หันไปค้อนให้อ้อมหมิงเจิ้ง
"แล้วทำไมเมื่อกี๊ไม่บอกข้าหล่ะ" หญิงสาวเห็นสายตาลู่เสี่ยวฟงแล้วก็กระแทกเสียงใส่เขา
"ก็ข้าบอกแล้วว่าข้ามีเหตุผล เจ้าไม่เชื่อเอง" ชายหนุ่มยังคงทำหน้าตากวนๆ ใส่นาง
"เอาหล่ะๆ พวกเจ้าก็ลดราวาศอกกันซะบ้าง พวกเรายังต้องเดินทางกันอีกไกล หากไม่สามัคคีกัน ต่อไปจะไปสู้กับพวก..." กงซุนเช่อกำลังจะสั่งสอนต่อ ลู่เสี่ยวฟงก็หาววอดขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน
"หาววววววววววว... พี่รองจะเทศน์อีกแล้ว ข้าขอตัวหล่ะนะ"
"เดี๋ยวน้องสี่... เจ้า..." กงซุนเช่อกำลังจะเรียกตามหัวหน้ารุ่นน้อง แต่เขาก็เดินหลบไปไกลเสียแล้ว วิชาตัวเบาของลู่เสี่ยวฟงนั้นเป็นเลิศ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องหลบกงซุนเช่อก่อนที่เขาจะเทศน์ อ้อมหมิงเจิ้งแอบอมยิ้มในความกะล่อนของลู่เสี่ยวฟง แล้วนางก็เดินกลับไปทำงานต่อ ส่วนกงซุนเช่อมองตามคนทั้งสองแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

อีกด้านหนึ่ง ชีเส้าเฟยนำอาหารและยาไปแบ่งให้พวกชาวบ้าน พอเดินเข้าหมู่บ้านมา พวกเด็กๆ ก็เดินตามเขาเป็นพรวน บางคนก็ขอช่วยเขาถือของ คนที่นี่รักและเคารพชีเส้าเฟยมาก ชีเส้าเฟยเป็นเหมือนวีรบุรุษของพวกเขา พวกเด็กๆ โตขึ้นก็อยากเป็นนักรบกล้าเหมือนกับเทพมังกรชีเส้าเฟย

ชายหนุ่มมาหยุดอยู่ที่บ้านของลุงกับป้าคู่หนึ่ง ลุงถูกทหารของหันจุ้นทำร้ายจนขาเกือบขาด ชายหนุ่มไม่มีท่าทีรังเกียจบาดแผลเลยแม้แต่น้อย เขาเข้าไปนั่งใกล้ชิดกับลุงแล้วก็เอายาออกมาใส่ให้กับลุง ทำเอาป้าที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ

"โถ จอมยุทธชีช่างมีน้ำใจกับพวกเราจริงๆ" คนพูด พูดไปก็ซับน้ำตาไป
"ป้าอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย ที่พวกท่านต้องลำบากเช่นนี้ ก็เพราะข้าแท้ๆ" ชายหนุ่มก้มศีรษะลงขอโทษหญิงชรา
"จอมยุทธชี ท่านช่างเป็นคนดี ไหนเลยพวกเราจะคิดโทษท่าน ราชสำนักมันต่ำช้า กังฉินครองอำนาจ พวกมันไม่เพียงไม่ปกป้องประชาชน แต่กลับมาเข่นฆ่าพวกเรา หากฮ่องเต้มีจิตใจเหมือนท่านเพียงครึ่งเดียว พวกเราคงไม่ต้องคงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้" ป้าพูดหน้าเศร้า ชีเส้าเฟยไม่ตอบอะไร เขาใส่ยาให้กับลุงต่อจนเสร็จ

"จอมยุทธชี ท่านไปเมืองหลวงครั้งนี้ จะไปปราบพวกโจรชั่วนั่นใช่ไหมครับ" เด็กชายที่มามุงดูคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น
"ก็แน่อยู่แล้ว จอมยุทธชีเป็นผู้กล้า เขาจะไปฆ่าพวกมัน ต่อไปพวกมันก็จะไม่มารังแกพวกเราอีก" เด็กอ้วนคนหนึ่งตอบ
"แล้วจอมยุทธชีจะฆ่าฮ่องเต้ด้วยหรือเปล่าครับ" เด็กชายตัวเล็กเอ่ยถามขึ้นบ้าง

ชีเส้าเฟยไม่ตอบ เขาลุกขึ้นไปลูบศีรษะเด็กคนนั้นเบาๆ แล้วยิ้มให้ ความจริงเขาเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ศัตรูที่แท้จริงของตนเองเป็นใคร หากเป็นฮ่องเต้จริง แล้วเขาจะทำอย่างไร...

ชายหนุ่มเยี่ยมชาวบ้านจนครบทุกหลัง ก่อนจะเดินทางออกจากหมู่บ้าน พวกเด็กๆ มาโบกมือและตะโกนให้กำลังใจเขา ชายหนุ่มรู้สึกสลดใจเป็นอย่างมาก คนบริสุทธิ์มากมายต้องมาตายไปในเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นใคร เขาปฏิญาณว่าจะไม่มีวันละเว้นมัน...

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

เช้าวันต่อมา ณ จวนอ๋องถูจิ้น

หลินกุเหนียงเผลอหลุดปากบอกฮ่องเต้ว่าเส่เยี่ยไม่สบาย คังซื่อรีบรุดมาเยี่ยมหญิงสาวแต่เช้าด้วยความเป็นห่วง แต่พอมาถึง กลับถูกคนอื่นๆ ห้ามไว้ไม่ให้เข้าไปพบเส่เยี่ย
"ทำไมกัน เส่เยี่ยไม่สบาย พวกท่านก็ปิดบังเรา แล้วนี่ยังจะมากีดกันไม่ให้เราพบกับนางอีก" คนพูดหน้าแดงด้วยความโกรธ
"ฝ่าบาทใจเย็นๆ ก่อนนะเพคะ" เจ้าหยาจือรีบเข้ามาห้าม
"งั้นบอกเรามา ทำไมเราถึงพบเส่เยี่ยไม่ได้"
"เอ่อ... คือ..." คราวนี้ทั้งเจ้าหยาจือ อิเต็งไต้ซือ และองครักษ์ทั้งสามต่างพากันเงียบ
"ถ้าพวกท่านไม่บอก ก็หลีกไป เราจะไปพบเสเยี่ย!" คังซื่อปัดมือคนอื่นออกแล้วจะเข้าไปหาเส่เยี่ย
"ตอนนี้ยังพบนางไม่ได้นะพะย่ะค่ะ!" อิเต็งไต้ซือเดินเข้ามาขวาง
"ทำไมไม่ได้!!!" ชายหนุ่มโกรธสุดขีด หันไปตะโกนเสียงดังลั่น
"เพราะว่าแม่นางเส่เยี่ย ไม่อยากพบฝ่าบาท!" อิเต็งไต้ซือตอบแล้วก็หันหน้าหลบเขา
"หา ว่าไงนะ!" คังซื่อหันไปมองคนอื่นๆ ในห้อง แต่ละคนก็ก้มลงหลบตาเขาเช่นกัน
"ท่านอาหญิง เป็นความจริงงั้นหรือ!" เจ้าหยาจือพยักหน้า คังซื่อแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาพยายามสงบสติลง
"ทำไม... ทำไมเส่เยี่ยไม่อยากพบเรา..." คนถามหน้าเศร้า
"บางที นางอาจกำลังไม่สบายใจเรื่องดวงตาของนางอยู่ก็ได้" เจ้าหยาจือพยายามอธิบาย
"แล้วมันเกี่ยวอะไร ไม่ได้! เราต้องไปถามนางให้รู้เรื่อง" คังซื่อยังคงดื้อแพ่ง ยังไงวันนี้เขาต้องคุยกับนางให้รู้เรื่องให้ได้
"ไม่ได้นะฝ่าบาท ตอนนี้อาการแม่นางเส่เยี่ยกำลังแย่ หากพบฝ่าบาทอาจจะยิ่งทรุดหนักได้" อิเต็งไต้ซือเข้ามาขวางไว้อีก
"นี่นางไม่อยากพบเราขนาดนั้นเลยเหรอ" คนถามหน้าเสีย ใจคอของเขารู้สึกไม่ดีเลย ที่แท้เส่เยี่ยเป็นอะไรไปกันแน่
"เอ่อ..." ไต้ซืออ้ำอึ้งไม่กล้าพูดต่อ
"ทำไม! หรือมีอะไรที่พวกท่านยังปิดบังเราอีก" ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น
"ฝ่าบาทคือว่าแม่นางเส่เยี่ย เขา..." องครักษ์หลินพยายามจะเป็นหน่วยกล้าตายอธิบายให้ฮ่องเต้ฟัง แต่ก็ยังกล้าๆ กลัวๆ
"เส่เยี่ยเขาทำไม!!!" คังซื่อหันไปคาดคั้นคำตอบจากหลินกุเหนียง
"แม่นางเส่เยี่ยเขา... ขู่ว่าจะทำร้ายตัวเอง... หากพวกเรา... ยอมให้ฝ่าบาทพบนาง..." ตอนนี้หลินกุเหนียงตัวลีบลงไปเหลือแค่คืบเดียว

คังซื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้ แทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน แต่ดูจากสีหน้าของแต่ละคนในห้องแล้ว เรื่องนี้คงเป็นความจริง นี่เขาทำอะไรผิดงั้นหรือ ทำไมเส่เยี่ยถึงได้ไม่อยากพบเขาขนาดนี้ ชายหนุ่มนั่งเงียบด้วยหัวใจแตกสลาย ในห้องไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว องรักษ์เหอทนไม่ได้จึงเข้าไปประคองฮ่องเต้ขึ้น คังซื่อปัดมือของเขาออก แล้วเดินอย่างหมดหวังไปจากจวนอ๋องถูจิ้น

อีกด้านหนึ่งของห้อง เส่เยี่ยแอบดูเหตุการณ์อยู่ตลอด น้ำตาของหญิงสาวค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้มสีชมพู ความจริงนางไม่ได้เกลียดเขา นางอยากออกไปพบเขา แต่ในเมื่อนางได้ตัดสินใจแล้ว ก็ไม่ควรลังเลอีกต่อไป

เขากับนางไม่ควรเริ่มต้นตั้งแต่แรกแล้ว บิดาของนางเป็นกบฏ ส่วนเขาก็เป็นฮ่องเต้ต้าซ่ง ราชสำนักทำให้ครอบครัวนางต้องพลัดพราก นางไม่มีวันให้อภัยคนที่ทำให้นางต้องสูญเสียครอบครัวไปอย่างแน่นอน เช่นนั้นแล้วพบกันไปก็ไร้ประโยชน์ รังแต่จะทำให้ทั้งเขาและนางเจ็บปวดมากกว่า หญิงสาวบอกลาเขาในใจ จากนี้ไปเส่เยี่ยจะไม่อยู่ในวังหลวงแห่งนี้อีกแล้ว
"รักษาตัวด้วยนะเพคะฝ่าบาท"

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

กลางคืนวันนั้น หลังจากทั้งจวนดับไฟหมดแล้ว เส่เยี่ยลอบเดินออกมาข้างนอก นางมาตั้งต้นอยู่ที่หน้าจวน

"เหนือสองร้อยยี่สิบ เลี้ยวขวาสุดทาง เลี้ยวซ้ายสองร้อย ตะวันตกร้อยสี่สิบ" หญิงสาวท่องหนทางไปยังหอเทียนไต้จนขึ้นใจ ครั้งนี้คงไม่ลำบากเหมือนเก่า เพราะตอนนี้นางมองเห็นแล้ว

เมื่อเดินมาครบตามที่ท่องแล้ว หญิงสาวก็มาหยุดอยู่ที่หน้าสวนของหอเทียนไต้ ไม่นึกว่าสวนแห่งนี้ตอนมองเห็นดูน่ากลัวกว่าตอนที่มองไม่เห็นเสียอีก ด้านหน้าแม้จะเป็นสวนดอกไม้สวยงาม แต่ลึกเข้าไปหน่อย กลับเป็นป่ารกร้าง เส่เยี่ยพยายามสะกดความกลัวแล้วนึกถึงตอนที่องครักษ์จั๋วพานางเข้ามา

"ทางออกมันอยู่ตรงไหนนะ" เส่เยี่ยคุ้ยกิ่งไม้ไปมาเพื่อหาทางออก ระหว่างนั้นก็ได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าคนอยู่ใกล้ๆ พอหันหลังกลับไปดูก็ไม่เห็นใคร หญิงสาวรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี จึงเดินถอยล่นออกมา แล้วก็ชนเข้ากับบางอย่างจนนางล้มลง

พอหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาก็แทบหยุดหายใจ ตรงหน้าของนางตอนนี้ มีหญิงชราหน้าตาน่ากลัวคนหนึ่งยืนจ้องนางอยู่ เส่เยี่ยพยายามบอกกับตัวเองให้มีสติที่สุด หญิงชราคนนี้คงเป็นคน ไม่ใช่ผีแน่
"ท่านยายนั่นเอง" พอนึกขึ้นได้เส่เยี่ยก็ร้องทักหญิงชรา
"เจ้า" หญิงชราหรี่ตาใส่หญิงสาว
"ข้าเองไงคะ ที่เคยมาเล่นกับองค์ชายรองไง" เส่เยี่ยทำใจดีสู้เสือ นางจำได้ว่าคราวที่แล้ว ตอนพบหญิงชรา นางก็พูดถึงเรื่ององค์ชายใหญ่องค์ชายรองอะไรนี่
"ข้าบอกไม่ให้เจ้ามาที่นี่ยังไง" หญิงชราพูดด้วยสีหน้าดุ
"ข้ารู้ค่ะ แต่ว่าพอดี ข้าต้องออกไปหาเพื่อน ได้ยินว่าแถวนี้มีทางออกไปข้างนอกได้ ท่านยายพอทราบไหมคะว่ามันอยู่ที่ไหน" เส่เยี่ยลุกขึ้นแล้วก็ปั่นฝุ่นที่ตัว โดยไม่ทันสังเกตว่านางได้ทำถุงหยกหล่นพื้นไว้
"ที่นี่ไม่มีอะไรทั้งนั้น เจ้ากลับไปเถอะ" หญิงชรายังคงหน้าตาบูดบึ้ง เส่เยี่ยเห็นท่าไม่ดี จึงคิดถอยออกไปตั้งหลักก่อนดีกว่า
"งั้น เอ่อ ข้าขอตัวก่อนนะคะ" เส่เยี่ยกำลังจะหันหลังกลับไป หญิงชราก็เรียกนางไว้
"ช้าก่อน!"
"มีอะไรหรือคะ" เส่เยี่ยหันไปถามนางใจสั่นๆ
"นี่ของเจ้าหรือเปล่า" หญิงชรายื่นถุงผ้าสีเหลืองให้นาง เส่เยี่ยไม่ทันระวัง จึงทำหยกหล่นออกจากถุงสีเหลืองนั้น พอหญิงชราก้มลงเห็นหยก อยู่ๆ นางก็ร้องไห้คร่ำครวญขึ้น
"โฮ... องค์ชายใหญ่ โฮ... องค์ชายใหญ่ องค์ชายใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ข้าเป็นห่วงท่านมากรู้ไหม ฮองเฮาก็ทรงเป็นห่วงท่าน แต่ว่าพวกเราไปหาท่านไม่ได้ โฮ.. โฮ..." หญิงชราก้มลงหยิบหยกชิ้นนั้นแล้วลูบคลำมันด้วยความทะนุถนอม ทำเอาเส่เยี่ยยืนนิ่งด้วยความมึนงง
"ท่านยาย ท่านเป็นอะไรไปคะ" เส่เยี่ยก้มลงดูหญิงชราด้วยความเวทนา นางคิดว่าหญิงชราคงจะเสียสติไปเท่านั้น
"โฮ... โฮ... เจ้า เจ้าไปเอาหยกชิ้นนี้มาจากไหน" หญิงชราเอ่ยถามเส่เยี่ยด้วยน้ำตาอาบแก้ม
"หยกชิ้นนี้เป็นของเพื่อนข้าค่ะ คนที่ข้าบอกว่าจะออกไปตามหาเขาไงคะ" เส่เยี่ยอธิบาย หยกหักชิ้นนี้พ่อของนางได้แลกมาจากชีเส้าเฟยตอนที่นางยังเด็กอยู่ จากนั้นนางก็พกมันมาโดยตลอด
"ว่าไงนะ เจ้าจะออกไปหาองค์ชายใหญ่งั้นเหรอ เจ้ารู้งั้นเหรอว่าเขาอยู่ที่ไหน" หญิงชราหันมาถามเส่เยี่ยหน้าตาตื่น
"เอ่อ คือ ข้าก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเขาอยู่ที่ไหน ถึงได้จะออกไปตามหาเขาไงคะ" เส่เยี่ยตอบแบบอึกอัก นางไม่ได้จะไปหาองค์ชายใหญ่อะไรสักหน่อย นางจะไปหาลุงชีของนางต่างหาก
"เจ้าโกหก ไหนทีแรกเจ้าว่าเป็นเพื่อนกับองค์ชายรองไง แล้วทำไมเจ้าถึงได้รู้จักองค์ชายใหญ่ เจ้าโกหกข้าใช่ไหม!!!" อยู่ๆ หญิงชราก็หันมาทำตาเขียวใส่เส่เยี่ย แล้วบีบคอนาง
"ทะ ท่านยายปล่อยข้าเถอะ ข้าไม่ได้โกหกท่านนะคะ หยกชิ้นนี้เป็นของเพื่อนข้าจริงๆ ข้าไม่รู้ว่าหรอกว่าเขาใช่องค์ชายใหญ่ของท่านหรือเปล่า บางทีท่านอาจจะจำผิดก็ได้นะคะ" เส่เยี่ยพยายามอธิบายแล้วก็แกะมือของหญิงชราออกจากคอของตน
"ข้าจะจำผิดได้ยังไง หยกอันนี้มีเพียงชิ้นเดียวในแผ่นดิน ฮองเฮาหักครึ่งหนึ่งให้องค์ชายใหญ่ก่อนที่พวกเขาจะหนีไป เจ้า!!! เจ้าโกหกข้าใช่ไหม เจ้าโกหกข้าใช่ไหม!!!" เอาหล่ะสิ เส่เยี่ยเริ่มจะสงสัยที่มาของหยกชิ้นนี้ซะแล้ว หากหญิงชราคนนี้ไม่ได้บ้า และหยกชิ้นนี้มีเพียงชิ้นเดียวจริง ทำไมมันถึงไปอยู่ในมือของชีเส้าเฟยได้
"ท่านยาย งั้นท่านลองดูหยกอีกครึ่งชิ้นนี่สิคะ ดูสิว่าท่านรู้ไหมว่ามันเป็นของใคร" เส่เยี่ยหยิบหยกอีกชิ้นหนึ่งขึ้นมา เป็นชิ้นที่นางคิดว่าฮ่องเต้ทำตกไว้ในห้องนอนของนาง
"นี่เจ้า!!! เจ้าเอาหยกชิ้นนี้มาได้ยังไง เจ้า!!! เจ้าเป็นใครกันแน่ ฮองเฮาส่งเจ้ามาใช่ไหม!!! ข้าเปล่า ข้าไม่รู้เรื่อง ข้าไม่รู้เรื่อง!!!" อยู่ๆ หญิงชราก็ปล่อยมือจากเส่เยี่ย แล้วก็ถอยล่นไปนั่งขดด้วยความกลัว
"ท่านยาย ไม่ได้มีใครส่งข้ามาหรอก ท่านใจเย็นๆ นะคะ ข้าไม่ทำร้ายท่านหรอก" เส่เยี่ยเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าหญิงชราคนนี้บ้าจริงๆ หรือว่านางกุมความลับอะไรไว้กันแน่
"ท่านยาย ท่านดูนี่สิ หยกสองชิ้นนี้ประกบกันเป็นชิ้นเดียว ท่านบอกข้าได้ไหมว่าเพราะอะไร" เส่เยี่ยหยิบหยกสองชิ้นขึ้นมาประกบกันแล้วก็เดินเข้าไปหาหญิงชรา
"ข้า ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น!!! ข้าไม่รู้!!! ข้าไม่รู้!!! ท่านมีอะไรก็ไปถามฮองเฮาเอง ข้าไม่รู้เรื่อง!!! ข้าไม่รู้เรื่อง!!! อย่าทำอะไรข้าเลยนะ ฮือ..." หญิงชราส่ายหัวถี่ นางเหลือบมองหยกสองอันด้วยความตื่นกลัว ด้วยความสงสารเส่เยี่ยจึงไม่อยากซักถามนางต่อ

เส่เยี่ยตัดสินใจเดินออกมาจากตรงนั้น พอตั้งสติจะหาทางออกต่อ จิตใจก็ดันไปนึกถึงเรื่องหยกขึ้นมาอีก และแล้วหญิงสาวก็ทนไม่ไหว
"เอาหล่ะ เป็นไงเป็นกัน!!!" ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจพักเรื่องออกจากวังหลวงไว้ก่อน ตอนนี้นางสงสัยเรื่องที่มาของหยกสองชิ้นนี้ ชีเส้าเฟยเคยบอกกับนางว่าเขากำพร้าตั้งแต่เด็ก บางทีนี่อาจเป็นกุญแจที่จะไขปริศนาเรื่องชาติกำเนิดของเขาก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง มันก็คุ้มค่าที่นางจะเสี่ยงอยู่ที่นี่ต่อไป เพื่อลุงชีของนาง...

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑






Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 19 มีนาคม 2560 2:17:00 น. 41 comments
Counter : 770 Pageviews.

 
ปั่นกันสดๆ ร้อนๆ เลยทีเดียว เห็นผู้กำกับคนอื่นลงกันครบ ไอ้เราจะไม่ลงก็เกรงใจ วอลเปเปอร์กับเพลงฟังของเก่าไปก่อนเด้อ ทำใหม่ไม่ทัน

ปล. ผู้เขียนแอบรู้สึกว่ามุขตอนจบของแม่นางเส่เยี่ย มันแต่วๆ ไปหน่อยนะ ฮ๋าๆๆ


โดย: realtomtam วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:16:36:14 น.  

 
แต๋มมาลงแล้ว เพิ่งอาบน้ำเสร็จเลยแวะเข้ามาดู เดี๋ยวมาอ่านนะค่ะ แปบเดียวจ้า


โดย: ทับทิม IP: 125.26.39.40 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:17:24 น.  

 
อ่านจบแล้วจ้า และแล้วเส่เยี่ยก็ตัดสินใจเด็ดขาดยุติความรู้สึกดีๆที่เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างนางกับฮ่องเต้น้อย แต่ว่าในระหว่างที่นางตัดสินใจจะไปหาท่านลุงชี เจ้าหยกปริศนาก็ทำให้นางเปลี่ยนใจซะได้ แต่ก็เพื่อสืบหาความจริงอ่ะนะ ที่มาของหยกเริ่มคลี่คลายแล้วล่ะ

ตอใหม่ขำมุของครักษ์หลินจริงๆ เกือบไปแล้วไหมล่ะ เกือบให้องครักษ์หน้าหยกเข้าใจผิดคิดว่าชอบไม้ป่าเดียวกันซะแล้ว ดีนะที่หัวไว ๔ไถเอาตัวรอดไปได้

ขอบคุณแต๋มนะค่ะ ที่ให้หยุด 3 วันเป็นสัปดาห์แห่งฟิคคะ ผู้กินกับทุกคนลงกันครบหมดเลย


โดย: ทับทิม IP: 125.26.39.40 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:47:21 น.  

 
หม่อมฉัน . . ซูโหย่ว ขอสัญญาต่อหน้าบัลลังค์ฮ่องเต้ว่า

จะตั้งใจถวายตัวรับใช้ฮ่องเต้อย่างเต็มความสามารถ จะคอยดูแลแม่นางเส่เยี่ยนางในดวงใจของพระองค์ ตั้งแต่วันนี้จะขนเสื้อผ้า หมอน และผ้าห่ม ตลอดจนเครื่องใช้ต่างๆ เข้าไปอยู่ในห้องของแม่นางเส่เยี่ย จะคอยสอดส่องไม่ให้ยุงมาไต่ ไม่ให้ไรมาตอม ไม่ให้หนุ่มหน้าไหนเข้าใกล้ ฮื่อ แฮ่ . .

(กำลังกดดันอย่างมาก ที่พลาดท่าลืมไปดูแลหนูเร จน ฮือ ฮือ . . เสียท่าเฮียเคนนี่คนหล่อไปซะแล้ว แต่สำหรับแม่นางเส่เยี่ย รับรองว่างานนี้ไม่พลาด แต่จริงๆ ไม่กลัวเท่าไหร่ เพราะเชื่อว่าเจ้าจอมทั้งหลายรวมทั้งผู้กำกับไม่ปล่อยโอกาสให้แน่ๆ ก๊าก . . สบายใจหายห่วง)



โดย: O-yohyo วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:52:51 น.  

 
โผแต่งตั้งฮองเฮาเป็นดังคาดหมายจริงๆ ต่อไปคงได้ลุ้นกับการต่อกรมันส์ๆ แน่นอน

มาคลายเครียดขำก๊าก ก็ตรงมุขสุดเอ๋อ ขององครักษ์หลินโก๊ะเนี่ยแหล่ะค่ะ ไม่รู้จะขำหรือจะสงสารดีเนี่ย ความรักของนางช่างมีอุปสรรค แต่ว่านะองครักษ์หลินออกมาทีไรทำให้อารมณ์ดีทุกที

ดีใจที่เส่เยี่ยมองเห็นแล้วแต่แหมทำเอาใจหายว่าเส่เยี่ยจะไปแล้วเหรอ แต่สุดท้าย . . แป่ว กลับมาอีกจนได้ เพราะความอยากรู้อยากเห็นแท้ๆ เชียว ใจนึงก็ดีใจที่ฮ่องเต้จะได้อยู่ใกล้ชิดเส่เยี่ยต่อไป แต่อีกใจก็ห่วงท่านลุงชี โอ้ . . ใจร้าวราน

พี่ลู่เสี่ยวฟงก็ช่างเท่ห์ เหตุผลของท่านช่างล้ำลึกทำเอาแม่นางอ้อมหมิงเจิ้นอึ้งไปเลย แบบนี้ไม่รู้จะเรียกคะแนนจากนางได้แค่ไหนเนอะ

ท่านลุงชีก็รักชาติรักประชามิเสื่อมคลาย สมแล้วที่เป็นขวัญใจประชาชน ท่านลุงชีแมนเกินร้อย

ขอตัวไปคุ้ยภาพปลากรอบสักครู่ใหญ่ๆ ค่ะ





โดย: O-yohyo วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:55:28 น.  

 
วันนี้วันฟิคแห่งชาติอีกแล้วอ่ะทับทิม ไม่ลงคนเดียว กลัวโดนเพ่งเล็ง 555

เรื่องแม่นางหลิน ก็เจ้าตัวเขารีเควซมาเอง ก็เลยต้องจัดให้ เพราะตัดบทชีไปหลายรอบแล้ว จริงๆ คู่นี้บทเยอะกว่านี้นะคะ อย่างตอนที่ฮ่องเต้ไปขอไทเฮาว่าจะแต่งงานกับเส่เยี่ย ทีแรกฮ่องเต้ก็ไปเห็นจั๋วอี้หังกับหลินกุเหนียงหยอกล้อกันก่อน แล้วฮ่องเต้ก็ประมาณดูออกอ่ะว่า ความจริงหลินกุเหนียงเป็นผู้หญิง ฮ่องเต้ก็เลยนึกอิจฉาสองคนนี้

แล้วก็มีอีกฉากหนึ่งตอนที่ฮ่องเต้ไม่สบายอ่ะ องครักษ์หลินก็เป็นหัวโจกนำทีมองครักษ์มาแอบส่องรู ดูว่าเส่เยี่ยกับฮ่องเต้ทำอะไรกัน กั่กๆ

ตอนเหล่านี้ ผู้กินกับเห็นว่ามันนอกเรื่องไปหน่อย ใจอยากให้เส่เยี่ยออกจากวังจะแย่อยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะอะไร กลัวนางเอกจะหลงรักฮ่องเต้อ่ะดิ เพราะผู้กรรมกับหลงรักฮ่องเต้ จนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว (เหมือนน้องมล) แพ้ความใกล้ชิดอ่ะ เลยอยากรีบพานางเอกออกไปหาลุงชีเร็วๆ เดี๋ยวพล๊อตเรื่องเสียหมด แฮ่ๆๆ


โดย: realtomtam วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:10:21 น.  

 
ก๊าก . . บอกแล้วว่าสบายใจได้ ผกก ไม่ปล่อยโอกาสให้เส่เยี่ยกับฮ่องเต้อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อเรทแน่ๆ

แหม่ . . เสียดายที่ตัดฉากองค์รักษ์หลินนำทีมส่องรู เชื่อว่าต้องฮาแน่ๆ


โดย: O-yohyo วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:36:50 น.  

 


โดย: O-yohyo วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:38:24 น.  

 


โดย: O-yohyo วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:39:34 น.  

 


โดย: O-yohyo วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:40:07 น.  

 


โดย: O-yohyo วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:41:39 น.  

 


โดย: O-yohyo วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:42:40 น.  

 


โดย: O-yohyo วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:43:49 น.  

 
วันหยุดนี้อิ่มเอมจริงๆ หลากเรื่องหลากรส

ขอบคุณผู้กำกับแต๋มนะคะ ที่ส่งจานร้อนมาให้ได้เต็มอิ่มก่อนนอน พรุ่งนี้ลุยงานต่อแล้ว เย้ . .


โดย: O-yohyo วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:46:42 น.  

 
ว้าววว 4 เรื่องสี่รส ครบทีมวันหยุดเลยค่ะ เป็นวันหยุดสามวันที่มีความสุขมากอีกแล้ว อยากให้มีวันหยุดยาวบ่อยๆจัง

ตะแรกว่าจะไปนอนแระ แต่แอบเข้ามาดู เผื่อแต๋มลงฟิคจริงๆ ก็เจ๊อะจริงๆด้วย เห็นว่าปั่นสดๆคั้นมากะมือ ขอบคุณมากๆนะคะ

รู้สึกว่าอาเส่จะรับบทโศกทั้ง 4 เรื่องเลยนะเนี่ย มีโศกมาก โศกน้อย เหนื่อยแทนโหยวสตูดิโอต้องหาภาพปลากรอบแบบบีบคั้นอารมณ์ แต่ก็เข้ากับบททุกเรื่องเลยค่ะ เก่งมั่กๆ

โหย...บทแม่นางหลินกับพี่จั๋วถูกตัดออกไปตั้งหลายตอนแหน่ะ ฮึกๆ แบบนี้ต้องเอาไว้ใส่เป็นตอนพิเศษ อย่างในดีวีดีไงจ๊ะผู้กินกับ พอเราดูเรื่องเต็มๆ จบแล้ว ตอนท้ายก็จะมีฉากที่ถูกตัดออกไปให้ชมด้วย ฮิๆ เสียดายอ่ะ คิดถึงพี่จั๋วมากมาย

แม้จะเชียร์ลุงชีแต่ตอนนี้รู้สึกสงสารฮ่องเต้นะเนี่ย สละตัวเองเพื่อบ้านเมือง ยอมแต่งตั้งฮองเฮา แล้วเส่เยี่ยยังไม่ยอมให้พบหน้าอีก แล้วเส่เยี่ยก็ใจเด็ด ยอมตัดไฟแต่ต้นลม แต่โชคดีที่ปมของหยกครึ่งเสี้ยวทำให้เส่เยี่ยอยู่ต่อ เพราะถ้าขืนออกจากวังไป ต้องคลาดกับลุงชีที่กำลังเดินทางมาเมืองหลวงแน่เลยค่ะ ตอนนี้ลุ้นว่าเมื่อไหร่สองคนจะได้พบกัน ลุ้นว่าเส่เยี่ยจะเห็นหน้าใครก่อนกัน ระหว่างแฝดน้องคังซื่อ หรือแฝดพี่เส้าเฟย อ้ายยย ตื่นเต้นๆๆ


โดย: หลินอี้ วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:03:15 น.  

 
ภาพปลากรอบขอติดเป็นพรุ่งนี้นะจ๊ะ ตอนนี้ไม่ไหวแระ มึนเจงๆ หลินกุสตูดิโอขอเลื่อนไปพรุ่งนี้ค่ะ โปรดติดตามคุณผู้ชม


โดย: หลินอี้ วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:05:32 น.  

 
หลินกุ >>> เส่เยี่ยเคยเห็นหน้าท่านลุงชีไปก่อนหน้านี้แล้วค่ะ ก็ตอนไปตลาดแล้วไปดูพัดที่ร้านไงคะ ที่เส่เยี่ยติดใจพัดอันนึง แต่โดนจอมยุทธ์หนุ่มหยิบตัดหน้าไป ตอนนั้นเส่เยี่ยก็แค่รู้สึกว่าเค้าสง่างาม แต่ไม่ได้ติดใจที่หน้าตา เพราะฉะนั้นเรื่องหน้าตาอันหล่อเหลาของฮ่องเต้ คงไม่มีผลกับเส่เยี่ย แต่ความใจดี มีเมตตา สุภาพ ขี้เล่นและเป็นกันเองเนี่ยซี่ เส่เยี่ยไม่หลงก็ให้รู้กันไป


โดย: O-yohyo วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:16:51 น.  

 
ลืมบอกไป ว่าจอมยุทธ์หนุ่มคนนั้นก็คือท่านลุงชีนั่นแหล่ะ แต่ว่าตอนนั้นทั้งคู่ไม่รู้จักกัน แล้วเส่เยี่ยก็ไม่รู้ว่าเค้าคือลุงชีค่ะ


โดย: O-yohyo วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:17:55 น.  

 
แอบสะอึกกับมุขมานอนเฝ้าเส่เยี่ยของแม่นางซูโหย่ว หากผกก. ไม่กีดกันแล้ว ไม่ทราบว่าแม่นางซูโหย่วจะอนุญาตให้ฮ่องเต้ได้กุ๊กกิ๊กกับนางเอกไหมคะเนี่ย

ก่อนไปนอน จัดรูป deleted scence ให้หลินกุตามคำขอค่ะ



โดย: realtomtam วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:51:52 น.  

 
คิวพี่จั๋วบ้างค่ะ





โดย: realtomtam วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:56:39 น.  

 
55 มี Deleted scene ด้วยแฮะ

ชอบมาค่ะ ผกก แต๋ม เอาอีก เอาอีก


ปล. ถ้า ผกก ไม่กีดกันน่ะเหรอ ก็ขึ้นอยู่กับว่าสุดท้าย ผกก จะให้เส่เยี่ยคู่กับใครค่ะ แฟนคลับถึงจะยกเส่เยี่ยให้หนุ่มคนนั้นได้ครอบครอง ไม่อยากให้แบบว่าเป็นของคนนึงแล้ว แต่สุดท้ายไปอยู่กับอีกคน ไม่เอาค่ะ ไม่ดี


โดย: O-yohyo IP: 58.9.159.220 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:59:52 น.  

 
ถูกต้องแล้วโย่ว เส่เยี่ยไม่หื่นเหมือนซ้อๆ บ้านจางหรอกค่ะ คงไม่ตกหลุมรักฮ่องเต้หรือว่าลุงชีเพราะว่าหน้าตาแน่ๆ แต่ถ้าได้เห็นแววตา ดวงตา เศร้าๆ ซึ้งๆ แบบนั้น ก็ไม่แน่เหมือนกันนะคะ

พี่จั๋วอีกติ๊ดค่ะ



ไปนอนจริงๆ แล้ว กู๊ดไนท์ทุกคน จุ๊บๆ (จื้อหลิน)



โดย: realtomtam วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:00:51 น.  

 
อ้าวโย่ยังไม่นอนอีกเหรอ เอ.. ถ้าอย่างนั้น ผกก. ยกเส่เยี่ยให้ฮ่องเต้เลยแล้วกัน แฟนๆ ลุงชีจะยอมไหมเนี่ย


โดย: realtomtam วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:05:14 น.  

 
ยังค่ะ มัววิ่งเข้าวิ่งออกตามฟิค ตามบล็อก ก็กะว่าทิ้งท้ายไง วันทำงานกะเก็บตัวหน่อย แบบว่าเพลียคงไม่มีแรงมาโม้ด้วย วันนี้เลยโซโล่ยาวเลย นี่ก็จะไปนอนแล้วค่ะ


โดย: O-yohyo IP: 58.9.159.220 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:09:30 น.  

 
ผกก แต๋ม ยกเส่เยี่ยให้ฮ่องเต้จริงอ้ะ แน่ใจนะว่าทำใจได้ ให้โอกาสคิดใหม่นะคะ เอ้า . . นับ 1-10

1 . . 2 . .


โดย: O-yohyo IP: 58.9.159.220 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:11:39 น.  

 
เอ่อออ... พรุ่งนี้ค่อยมาตอบละกันนะคะ ตอนนี้ง่วงแล้ว กลัวจะเลือกผิด คิดจนตัวตาย


โดย: realtomtam วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:16:05 น.  

 
เมื่อคืนอ่านฟิค วิ่งรอกตอบกระทู้ฟิคทำเอาปวดหัวจิ๊ดๆต้องคลานไปนอนเลยอ่ะ แพ้ o-yo ซะด้ายยย

เห็นภาพตอนคัดซีนของพี่จั๋วกับแม่นางหลินแล้ว น่ารักมากมาย ผู้กินกับเข้าใจหาภาพปลากรอบ พี่จั๋วหล่อน่ากินมากกกก หน้าตาเข้ากับอารมณ์ในบทเด๊ะเลยค่ะ จะกำชับแม่นางหลินอย่างดีว่า อย่าปล่อยพี่จั๋วคนนี้หลุดไปได้เด็ดขาด ต้องเก็บมาไว้เป็นของแม่นางหลินให้ได้ โฮะๆ

แล้วก็อะไรกันเนี๊ยะ ผู้กินกับแอบกระซิบกับ o-yo จ๋องคนว่าจะยกเส่เยี่ยให้คังซื่อเหรอ ไม่ยอมนะ ของแบบนี้ต้องขึ้นอยู่กับคนกลางเด้อ เส่เยี่ยไปตร่องตรองให้ดีว่าในหัวใจมีใครอยู่กันแน่ ไม่ใช่หลงไหลความสุขเพียงข้ามคืน หลงไหลในลมปาก การเอาใจเพียงข้ามวัน ต้องคิดให้มากๆ ว่าใครที่เคยผูกพัน ใครที่อยู่ใกล้แล้วอบอุ่น ปลอดภัย คิดๆๆนะจ๊ะเส่เยี่ย


โดย: หลินอี้ วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:8:29:51 น.  

 
ไม่ได้นะ ข้าน้อยขอยกมือค้านสุดเสียงเลย ผู้กินกับอย่ามัดมือชกยกเส่เยี่ยให้ฮ่องเต้นะ ไม่ยอมๆ สงสารท่านลุงชีค่ะ แต่ท่านลุงก็เป็นองค์ชายใหญ่นี่นา คงมีสิทธิ์ได้ครองบัลลังค์หากความจริงเปิดเผย นั่นเท่ากับว่าท่านลุงชีก็จะกลายเป็นฮ่องเต้ แบบนี้พอยอมรับได้ แต่คิดว่าพอท่านลุงจะได้เป็นฮ่องเต้จริงๆ ท่านลุงคงไม่ยินยอมและสละสิทธิ์ในการครองบัลลังก์ให้น้องชายได้ครองต่อไปเหมือนเดิม เพราะง้นท่านลุงก็ไม่ได้เป็นฮ่องเต้แล้ว งั้นไม่เอาค่ะ ยังไงก็ไม่ยอมเด็ดขาดเลย เส่เยี่ยต้องเป็นของท่านลุงชีท่านั้นคะ ฟันธง!!!

ได้ชม Deleted scene แล้ว ฮ่าๆ องครักษ์หลินนี่ น่าให้พี่จั๋วจับมาลงโทษด้วยการจุ๊บๆเสียจริงๆ ข้อหาที่ซนเกินไป


โดย: ทับทิม IP: 125.26.37.210 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:20:41:41 น.  

 
โห . . ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าจะยกเส่เยี่ยให้ฮ่องเต้ กองเชียร์ท่านลุงชีก็ออกมาร้องเรียนกันใหญ่ 55 งานเข้าแล้วแต๋ม

ไม่เป็นไรนะคะ ระหว่างที่ ผกก กำลังตัดสินใจ เดี๋ยวซูโหย่วจะดูแลเส่เยี่ยเอง และเพื่อความยุติธรรม ก็จะไม่ให้ใครมาแตะต้องเส่เยี่ยเป็นอันขาด หากเส่เยี่ยเหงา เดี๋ยวซูโหย่วจะกอดปลอบใจเอง


โดย: O-yohyo วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:49:59 น.  

 
งั้นปล่อยไปตามกรรม (และอารมณ์ของผู้แต่งในตอนนั้น) ละกันนะคะว่าจะยกเส่เยี่ยให้ใคร


โดย: realtomtam วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:03:37 น.  

 
อ้าว . . งั้นก็งานเข้าเส่เยี่ยแล้วซี่

กองเชียร์อย่าแย่งกันมากนะคะ กลัวว่าเดี๋ยวแต๋มยกเส่เยี่ยให้ม้ามืดอย่างท่านปู่จิวแปะทงล่ะยุ่งเลย


โดย: O-yohyo วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:17:10 น.  

 
ยกเส่เยี่ยให้ท่านลุงชีเถอะ แล้วยกฮ่องเต้ให้มลเยี่ยละกันคะ เส่เยี่ยไม่อยากเจอฮ่องเต้ แต่มลเยี่ยอยากเจอนี่นา แถมอยากอยู่ในอ้อมกอดฮ่องเต้ด้วย หุหุ

ตอนที่อ่านพี่จั๋วเรียกน้องหลินนะ มลก้อแหม...ทำไมพี่จั๋วเรียกซะเพราะเชียวหรือรู้แล้วว่าเป็นผู้หญิงปลอมตัวมา ที่แท้ตัวเองดันลืมพากษ์ด้วยเสียงผู้ชายนี่เอง พอคิดแล้วก้อได้อารมณ์อีกแบบเหมือนกันนะคะเนี่ยถ้าพี่จั๋วเรียกว่า น้องหลินจ๊ะ อย่างนี้น่ะคะ คงจะหวานน่าดู :)


โดย: Cipher IP: 58.8.228.53 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:28:30 น.  

 
ดีค่ะ ผู้กินกับต้องเป็นกลางค่ะ ห้ามลำเอียง ต้องแล้วแต่เส่เยี่ย และก็เสน่ห์ของแต่ละหนุ่มที่จะทำคะแนนเอาชนะใจเส่เยี่ยนะคะ

น้องมล ถ้าเสียงพี่จั๋วเรียก น้องหลินๆ อ๊ากกกก พี่คงเคลิ้มไปด้วยค่ะ แบบว่าเป็นโลมไปเลย ขอฉากเข้าหอเลยได้มั้ยอ่าผู้กินกับ กว่าจะจีบพี่จั๋วได้ ทรมานจัง หุหุ


โดย: หลินอี้ วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:47:05 น.  

 
ภาพปลากรอบทำคะแนนค่ะ

คังซื่อ



เส้าเฟย



โดย: หลินอี้ วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:00:45 น.  

 


โดย: O-yohyo วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:25:17 น.  

 


โดย: O-yohyo วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:25:55 น.  

 


โดย: O-yohyo วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:26:29 น.  

 


โดย: O-yohyo วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:27:22 น.  

 
โอ้ววว เส่เยี่ย ไหงยิ้มหวานกะจิวแป๊ะทงแบบนี้อ้า ชักจะยังไงๆซะแระ หนุ่มๆ กอดคอกันอกหักแย่เลยค่ะ

แต๋ม ตัวอักษรกลนกับ bg มองไม่ค่อยเห็นเลยค่ะ ยิ่งตาไม่ค่อยดีด้วยย


โดย: หลินอี้ วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:20:36:31 น.  

 
อันนี้เป็น deleted scene ที่แต๋มแต่งเอาไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ตอนที่จะเปิดตัวให้ไทเฮาได้รู้จักกับเส่เยี่ย (แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนไปใช้อีกแผนหนึ่ง เพราะจะทำให้เนื้อเรื่องเดินเร็วขึ้นกว่า) ตอนแรกแพลนไว้ว่า ฮ่องเต้จะไม่ยอมเข้าพิธีอภิเษก ประจวบกับไทเฮาก็ล้มป่วยลง ทำให้ฮ่องเต้รู้สึกผิดว่าตนเองเป็นคนทำให้ไทเฮาป่วย หลังจากไทเฮาป่วยได้สักระยะ พระอาการก็แย่ลง ไม่ว่าจะหาแพทย์หลวงที่เก่งขนาดไหน ก็ไม่มีใครทราบว่าไทเฮาทรงเป็นอะไร ฮ่องเต้เอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับเส่เยี่ย นางอยากลองรักษาไทเฮาดู ฝ่ายฮ่องเต้ก็ลังเล เพราะไม่อยากให้ไทเฮารู้เรื่องของเส่เยี่ย จนในที่สุด ด้วยความเป็นห่วงมารดา ฮ่องเต้จึงตัดสินใจเล่าเรื่องของเส่เยี่ยให้ไทเฮาฟัง ก่อนที่จะพาหญิงสาวมารักษาอาการของไทเฮาจนหายดีค่ะ

ปล. ความจริงที่ไทเฮาป่วยแล้วไม่มีใครรักษาได้ เป็นเพราะว่าไทเฮาทรงโดนวางยาพิษประหลาดนะคะ เนื่องจากเส่เยี่ยเชี่ยวชาญเรื่องสมุนไพรหลากหลายชนิด นางจึงรู้ว่าเป็นอาการของพืชชนิดหนึ่งค่ะ และคนที่วางยาไทเฮาก็คืออ๋าวป้ายะนะคะ เพราะเขาโกรธที่ไทเฮาเสี้ยมสอนให้ฮ่องเต้แข็งข้อ เลยต้องการทำลายขวัญฮ่องเต้และคนในราชสำนัก เพื่อให้ฮ่องต้กลับมาเกรงใจเขาอีกครั้ง และอ๋าวเทียนเจียวจะได้ขึ้นเป็นฮองเฮาสะดวกด้วยค่ะ (ข้างล่างเป็นแค่ดราฟท์คร่าวๆ ยังไม่ได้เกลาเลยนะ อ่านแล้วจะรู้สึกแปลกๆ นิดนึง)

"เจ้าแน่ใจหรือว่าจะรักษาไทเฮาได้"
"หม่อมฉันไม่แน่ใจเพคะ"
"หากเจ้าไม่แน่ใจ เรายังไม่อยากให้เจ้าไปพบกับนาง"
"หม่อมฉันเป็นแค่หมอชาวบ้านธรรมดา ในเมื่อยังไม่เห็นอาการของคนไข้ จะให้รับปากได้อย่างไรว่ารักษาได้ ขอฝ่าบาททรงให้โอกาสหม่อมฉันดูก่อน หากพอมีหนทาง หม่อมฉันรับรองว่าจะช่วยไทเฮาอย่างเต็มที่แน่"
"ฝ่าบาททรงมีความจำเป็นหน่ะแม่นางเส่เยี่ย" องครักษ์เหอเห็นเส่เยี่ยรบเร้าฮ่องเต้ จึงรีบเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย
"เราขอคิดดูก่อน"

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

"เสด็จแม่ๆ ทรงเป็นอย่างไรบ้างพะย่ะค่ะ" ฮ่องเต้รีบวิ่งเข้ามาประคองมารดาที่กำลังอาเจียนอยู่บนเตียง
"ไม่ๆ แม่ไม่เป็นไร" ไทเฮาเอามือผลักอกฮ่องเต้เบาๆ เหมือนกับว่าไม่อยากให้เขารู้สึกเป็นห่วงมากไป
"สามวันมานี้ ไม่มีหมอหลวงคนไหนวินิจฉัยโรคของเสด็จแม่ได้เลย" ฮ่องเต้ทำหน้าเศร้า
"คนแก่แล้วก็แบบนี้ ต่อให้กินยาอายุวัฒนะสักร้อยเม็ด ก็ช่วยอะไรไม่ได้"
"เสด็จแม่!!!" คังซื่อได้ยินไทเฮาพูดแบบนี้ก็หน้าเศร้าเข้าไปอีก ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ เตียงของมารดา ทำให้นางกำนัลที่อยู่ใกล้ๆ ต้องพากันมอบราบกับพื้นไปด้วย
"ฝ่าบาททรงโตแล้วนะ จะมานั่งทำหน้าซึมเหมือนสมัยเด็กๆ ทำไมกัน" ไทเฮาตั้งใจพูดให้ติดตลก หากแต่ฮ่องเต้หนุ่มกับมีใบหน้าที่เศร้าลงไปอีก พร้อมกับนัยน์ตาทั้งสองข้างก็เริ่มคลอไปด้วยน้ำตา
"ความจริงหม่อมฉันรู้จักคนๆ หนึ่ง นางเชี่ยวชาญเรื่องสมุนไพรมาก อยากให้นางได้ลองตรวจอาการของเสด็จแม่ดู"
"งั้นหรือ งั้นเจ้าก็พาเขามาสิ"
"แต่ว่าหม่อมฉันมีเรื่องหนึ่งต้องบอกเสด็จแม่ก่อน..."
"เรื่องอะไรงั้นหรือ"
"ความจริง นางคือ หญิงสาวที่หม่อมฉันเคยเล่าให้เสด็จแม่ฟังเมื่อไม่นานมานี้" ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มเคยขอร้องกับไทเฮาว่าตนเองขอเลือกหญิงสาวที่จะมาเป็นฮองเฮาเอง
"ออ ที่แท้คนที่ฮ่องเต้ไปชอบ เป็นแพทย์หลวงอย่างนั้นหรือ" ไทถามถาม
"นางไม่ใช่แพทย์หรอกพะยะค่ะ นางแค่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสมุนไพรโบราณเท่านั้น"
"อืม หากเป็นเช่นนั้นแล้วทำไมไม่พานางมาหล่ะ"
"คือว่า นาง..." ชายหนุ่มลังเล เขาไม่แน่ใจว่าควรจะเล่าเรื่องเส่เยี่ยให้ไทเฮาฟังอย่างไรดี
"นาง...มีใบน้าที่คล้ายคลึงกับองค์หญิงปิงเยี่ยมากหน่ะพะยะค่ะ"
"ปิงเยี่ยงั้นหรือ" ไทเฮาได้ยินชื่อปิงเยี่ยก็ตกพระทัยมาก...

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

"เป็นไงบ้าง"
"ชีพจรนางสับสนมาก อีกทั้งธาตุทั้งห้าในร่างกายก็ไม่สมดุล โดยเฉพาะธาตุไฟ มีมากจนเกินไป ทำให้นางล้มป่วยลง ตอนนี้เพียงพวกท่านจัดยาให้นางตามที่ข้าสั่ง อาการของนางก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง" เส่เยี่ยกล่าว
"นี่เจ้ารักษาไทเฮาได้งั้นหรือ" ฮ่องเต้ทำหน้าไม่อยากเชื่อ หญิงสาวพยักหน้า
"แต่หม่อมฉันมีเรื่องหนึ่งไม่แน่ใจ หากหม่อมฉันสืบพบความจริงแล้วจะบอกให้ฝ่าบาทรู้อีกที"
"เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน ตกลงเจ้ารักษาเสด็จแม่ได้หรือไม่กันแน่"
"ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือ รักษาอาการของไทเฮาให้ดีขึ้นก่อน เรื่องอื่นๆ หม่อมฉันจะอธิบายให้ทรงทราบภายหลังเพคะ"

(ความจริงเส่เยี่ย รู้ตั้งแต่ตอนนี้แล้วว่าไทเฮาทรงโดนวางยาพิษ แต่นางไม่อยากบอกให้ฮ่องเต้รู้ เพราะนางรู้ว่าเขาจะต้องโวยวายหาตัวคนร้ายอย่างแน่นอน นางจึงเก็บความลับอันนี้ไว้คนเดียว เพื่อที่จะแอบสืบอย่างลับๆ ว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้วางยาพิษองค์ไทเฮา)


โดย: realtomtam วันที่: 24 มีนาคม 2552 เวลา:0:11:26 น.  

 
โอ๊ะโอ . . มี deleted scene มาให้อ่านด้วย

ชอบจังค่ะ รู้สึกว่าเส่เยี่ยได้ใช้ความสามารถดี


โดย: ซูโหย่ว (O-yohyo ) วันที่: 24 มีนาคม 2552 เวลา:23:03:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

realtomtam
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add realtomtam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.