ชื่อหนังสือ : คู่มนตราสาปรัก 魔女的騎士 เล่ม 1-3 (เสน่ห์เงามาร #10)

ผู้เขียน : เฮยเจี๋ยหมิง 黑潔明 ผู้แปล : เม่นน้อย

ฉบับภาษาไทย สิงหาคม 2560 โดย สนพ.แจ่มใสมากกว่ารัก

ราคาชุดละ 689 บาท จำนวน 257+242+301= 800 หน้า

รายละเอียดปกหลัง

‘เคล’ ปลีกตัวออกจากสังคมมาใช้ชีวิตอยู่กลางป่าทึบตามลำพังหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนมาเนิ่นนานจนกระทั่งชายหนุ่มผู้หนึ่งฝ่าม่านหมอกเข้ามาจับนางยัดใส่กระสอบแล้วพาตัวมายังปราสาทแห่งหนึ่งทำให้นางมิอาจปิดตาของตนเอง แสร้งทำเป็นไม่รับรู้สถานการณ์ของโลกภายนอกได้อีกต่อไป

โรคระบาดกำลังคร่าชีวิตผู้คนไปเรื่อยๆก่อให้เกิดความอดอยาก ความแห้งแล้งกันดาร กลิ่นอายแห่งความตายแผ่คลุมไปทั่ว ‘เขา’ ผู้เป็นเจ้าของปราสาทจึงลักพาตัวนางมาที่นี่เพราะคิดว่านางมีความสามารถที่จะช่วยเขาได้

ใช่ นางช่วยได้…และก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่ตนพร่ำบอกว่า‘ข้าไม่ใช่แม่มด’ จะทำให้ผู้คนในปราสาทแห่งนี้เลิกหวาดกลัวนางช่วยให้นางรอดพ้นจากการถูกจับไป ‘เผาทั้งเป็น’ ก่อนที่จะช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากวิกฤตได้สำเร็จด้วยเถิด!

เมาท์มอยด์กัน(นะ)

ติ่งแม่เฮย(เจี๋ยหมิง)ทั้งหลายจงมารายงานตัว ซึ่งชะนีก็เป็นหนึ่งในนั้น จึงจัดการลัดคิว คู่มนตราสาปรัก ด้วยความร้อนแรง ซึ่งเสน่ห์เงามารอันดับที่ 10 นี้แม่เฮยของเราท้าท้ายหรือท้าตายก็ไม่รู้พาพวกเราไปทัวร์ยุโรปยุคกลางกับแม่มดหลิงคนเดิมนั่นเองค่ะคุณ

บางคนอาจสงสัยแม่เฮยพาเราไปทัวร์ยุโรปทำไม อาจจะข้องใจว่า เฮ้ย...นี่มันนิยายจีน(ถึงกับถกประเด็นดราม่าเบาๆเมื่อตอนที่ท่านหญิงโปรโมทนิยายเรื่องนี้)แฟนก้นกุฏิคิดว่าคงเข้าใจการเดินทางของตัวละครและการดำเนินเรื่องเพราะถ้าจะสังเกตดี ๆ นิยายเรืองนี้พาเราไปเรื่อยค่ะ เริ่มจากตะวันออกสุด ๆไปตอนใต้ของแผ่นดินจีนบ้าง ภาคกลางบ้าง หรือแม้แต่ธิเบตและมองโกเลียที่เป็นจุดเชื่อต่อระหว่างตะวันออกและตะวันตกก็เราก็ไปกันมามาแล้วนับประสาอะไรกับการจะทัวร์ยุโรปซักรอบล่ะ.... ว่าไหมละเธอ

มาดูเนื้อหาโดยรวมของคู้มนตราสาปรัก กันบ้างก็แล้วกัน เดี๋ยวจะยาว (เพราะแค่เกริ่นก็ชักจะยาวจริงๆ -*-) เหตุการณ์หลักของเรื่องอยู่ในช่วงยุคกลาง หรือ ก็คือยุคมืดในประวัติศาสตร์ยุโรปมีการล่าแม่มด เพราะกลุ่มคนคลั่งศาสนา หรือก็คือผู้มีอำนาจในศาสนจักรบุคคลผู้มีพลังพิเศษจำเป็นต้องหลบซ่อนตัวตนเพื่อรักษาชีวิต ไม่ให้โดนเผาทั้งเป็นไปซะก่อน

เคล คือหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้น หญิงสาวผู้มีพลังพิเศษนางเคยเกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะพลังพิเศษของตัวเอง ด้วยต้องการช่วยชีวิตมารดาที่โดนเผาทั้งเป็นต่อหน้าโดยที่เธอไม่สามารถทำอะไรได้เด็กหญิงกำพร้า ได้รับการช่วยเหลือจาก หลิง หญิงสาวปริศนาผู้มาจากต่างถิ่น หญิงสาวผู้แสนเย็นชาและมีพลังอำนาจเช่นเดียวกับเคลในฐานะแม่มด

เคลคงจะใช้ชีวิตเก็บตัวเงียบๆอยู่ในป่าหากไม่เพราะเขาคนนั้นบอร์น บารอนแห่งชวาสท์ ชายผู้ที่บุกเข้าไปลักพาตัวนางถึงในบ้านทั้งยังปล้นชิงเสบียงอาการที่นางกักตุนเอาไว้สำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง เพียงเพราะชายหนุ่มต้องการให้นางรักษาโรคระบาดที่กำลังคร่าชีวิตผู้คนในปราสาทของเขาจนแทบไม่เหลือหรอด้วยเข้าใจว่าเธอคือแม่มด ทั้งที่นางพร่ำบอกว่านางหาใช่แม่มดนางเพียงแค่มีความรู้ในตัวยาสมุนไพรเท่านั้น จะเพราะด้วยมนุษยธรรมหรือความใจอ่อนอันไม่น่าอภัยของเธอเองก็ตามเคลจึงตกลงรับปากพำนักอยู่ในปราสาทของเขา เพื่อดูแลคนป่วยทีกำลังจะตายข้อแม้มีเพียงว่า บารอนหนุ่มจะต้องรับประกันความปลอดภัยของเธอว่าในระหว่างที่เธอพำนักอยู่ที่นี้ต้องไม่มีใครจับเธอมัดขึ้นตะแลงแกงเผาทั้งเป็นในข้อหาแม่มดเป็นอันขาด

อย่างที่เกริ่นนะ คู่มนตราสาปรัก (อิชั้นอ่านเป็นคู่นรตรา-สา-ปรัก ตลอดเลยเฟ้ยยย) เล่นกับประวัติศาสตร์ตำนานการล่าแม่มดในยุคกลางยุคสมัยดำมืดที่เต็มไปด้วยความอดหยาก โรคระบาดความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างชนชั้นสูงและสามัญชนทาสติดดิน เคล นางเอกของเรามีพลังพิเศษค่ะ และนางก็ดันเกิดผิดยุคผิดที่จึงจำต้องปกปิดความสามารถของตัวเองเอาไว้แล้วหนีไปอยู่ในป่า

เคลเป็นอีกคนที่อยู่ระหว่างเส้นทางอันยาวนานนับพันปีของหลิง แม่มดขาวผู้อาภัพ เคล เป็นตัวแปลสำคัญทำให้หลิง ซึ่งหันหลังให้กับความเมตตาดีงามทั้งปวงยอมยื่นมือช่วยเหลือคนอื่นอีกครั้งโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนตรงนี้ มันเหมือนเป็นทางแยกที่หลิง จะยอมเดินทางอย่างมืดมนต่อไป หรือจับมือร่วมทางเดินไปกับเฮียฉิน ฉินอู่หมิงราชันแห่งอเวจีที่อยู่ระหว่างตามหาเมีย อวิ๋นเชียนเมิ่ง ทั้งหลิงและพี่ฉินต่างมีคนที่ต้องตามหาในโลกอันกว้างใหญ่เช่นเดียวกันนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ พี่ฉิน และ หลิง มาเปิดร้านชากาแฟร่วมกัน เพื่อเฝ้ารอใครหลายๆคนที่พวกเขาต่างติดค้างค่อยๆแก้ไข ค่อยๆตามหา ในเส้นทางอันแสนยาวไกล พี่ฉินเจอเมียแล้วในเล่มคู่บุปผาข้ามภพ แต่หลิงยังคงตามหาคุณชายซือแห่งเกาะปิศาจ ในคู่เรียงเคียงรักต่อไป ซึ่งแม่เฮยบอกว่ามันก็ใกล้จะสิ้นสุดแล้วนะ(ก็น่าจะหมายถึงใกล้จะจบ แต่ยังไม่จบ 555+) เราๆชาวติ่ง ก็คงต้องรอต่อไปซึ่งดีใจด้วยนะทุกคน เราชาวไทยเขยิบเข้าใกล้เทียบเท่าต้นฉบับแล้ว แม้จะต้องรอแต่ก็รอแบบมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์มากมาย 5555+ (มันดีตรงไหนฟระ)

การดำเนินเรื่องของ คู่มนตราสาปรัก ชะนียอมรับเลยว่าเอื่อย เฉื่อย จนแอบเพลียมีบางจุดที่อิชั้นลำไย ซึ่งชะนีคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องยืดเยื้อขนาดนั้นก็ได้ม้างงงงอาจจะเป็นเพราะนักเขียนพยายามทำให้เราเห็นภาพชีวิต ความเป็นอยู่ ของผู้คนในยุโรปยุคกลางเพราะตรงนี้นักเขียนทุ่มเทกับการหาข้อมูลมาก นางบอกนางเก็บข้อมูลเป็นปี บวกกับการทะเลาะกับตัวเองเรื่องที่จะแต่งเรื่องนี้หรือแกล้งๆข้ามๆมันไป เพราะไม่แน่ใจในข้อมูลอันไม่ใช่ประวัติศาสตร์ชาติของตัวเองแต่ในที่สุดเจ้าเรื่องนี้มันก็คลอดออกมาจนได้อะนะ ในความผิดที่ผิดทางแต่ให้ตายเถอะมันปฏิเสธไม่ได้นะว่ามันจำเป็นกับภาพรวมทั้งหมดของซีรีส์ชุดนี้ยิ่งตรงจุดที่นักเขียนพยายามนำเสนอเรื่องความเชื่อของเทพเจ้า เทพองค์หนึ่งแม้จะเป็นเทพองค์เดียวกัน หากเรื่องราวที่เล่าปากต่อปาก จากต่างกลุ่มคนต่างความเชื่อ ต่างสถานที่ ก็สามารถสร้างเทพเจ้าอีกองค์ขึ้นมาเป็นของตัวเองซึ่งอันที่จริง มันกมีรากฐานมาจากเทพองค์เดียวกันนั่นล่ะ ตรงนี้นักเขียนนำเสนอได้น่าคิดและเราก็เห็นด้วยนะกับประเด็นนี้

คู่มนตราสาปรัก ... อืมเขียนรีวิวซะยาว ก็หนังสือมันยาว (เกี่ยวกันไหม ?) คือก็ไม่ได้พีคมากมายแต่ก็เป็นนิยายที่จำเป็นต้องอ่าน ถ้าคุณยังต้องติดตามนิยายชุดนี้ต่อไปในอนาคตถือซะว่าหลงเข้ามาในวงเวียนนี้แล้ว แกรก็หนีไม่พ้นหรอกนะสู ส่วนคนที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยกับนิยายชุดนี้และคิดอยากจะอ่านเล่มเรื่องนี้แบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ชั้นว่าแก...มึนแน่นวล เพราะฉะนั้นอย่าโชว์เหนือ ไปหาเรื่องแรกมาอ่านก่อนซะ แล้วเรามาอยู่ในวังวนหายนะนี้ด้วยกันนะโอเค้......

ปอลิง.ในเรื่องมิกาหนุ่มรูปหล่อที่อยู่กับหลิงชื่อ จูเรีย อิชั้นจำไม่ได้ พี่แกโผล่มาในเล่มไหนหรือเปล่า ใครจำได้บอกทีหรือว่าพึ่งจะโผล่มาในเรื่องนี้ แล้ว ชะนีมึนเองฟระ !