11:00 เรือค่อยๆ ล่องผ่ายผืนน้ำสีมรกตอีกครั้ง ยังไม่อยากจะกลับเลย.... เขาสก เราจะกลับมาอีกแน่นอน
เรือถึงฝั่งเรียบร้อย เราตัดสินใจทานอาหารกันที่นี่ครับ ^^ ครัวกุ้ยหลิน .. ร้านอาหารอร่อย วิวสวยใช่เล่นเลยครับ เป็นวิวสนามกอล์ฟรัชชประภา
หลังจากที่ทานอาหารเที่ยงกันเสร็จแล้ว .. เราก็ต้องร่งออกดินทางไปที่ขนอมกันแล้วล่ะครับ คืนนี้ เราจะต้องเข้าพักที่ ต้นธารรรีสอร์ท แอนด์ สปา .. ที่ อ.ขนอม ..
รีสอร์ทนี้มีชื่อสียงโด่งดังในเรื่องของสปา ปลา ... ไม่ใช่ปลานวดเท้าในอ่างสี่เหลี่ยมแบบที่เรารู้จักนะครับ .... แต่ป้นปลาในลำธารตามธรรมชาติเลย ... เจ๋งไหมล่ะ ..
เราถึงรีสอร์ทในเวลาประมาณ 17:00 น. ครับ นับว่าย็นมากเลยเพราะว่าเหลวไหลไปนิดกับการช๊อปปิ้งที่เมืองสุราษฎร์ ^^
พอถึงรีสอร์ทเราก็ตรงบึ่งไปยังลำธารที่มีสปา ปลากันลย เจ็บๆ คันๆ แต่สนุกมากครับ ... พี่ๆ บางคน ถอดเสื้อลงไปนั่งในลำธารทั้งตัว ให้ปลาตอดหลัง ตอดคอ ตอดหมดทุกอย่างเลยครับ ^^
ค่ำคืนนี้เราฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารซีฟู้ด ..ชื่อร้านครัวกุ้งเผา อร่อยใช้ได้ครับ เราไม่ลืมที่จะสอบถามเรื่องเรือที่ไปดูโลมาอ่าวขนอมด้วย
.. ปรากฎว่าทางร้านจะติดต่อให้ และให้เรามาขึ้นเรือวันรุ่งขึ้่น เวลาประมาณ 07:30 น. ครับ
10/09/2012
เรามาขึ้นเรือกันที่อ่าวท้องเนียน ขนอม ขอบอกว่าที่นี่เป็นทะเลที่สวยมากครับ .. ที่เห็นไกลๆ ด้านหน้าของเราป็นเกาะสมุย
เวิ้งอ่าวที่นี่ยังอุดมสมบูรณ์และเป็นธรรมชาติอยู่มาก ขออย่าเพิ่งมีใครซื้อไปทำรีสอร์ท หรือโรงแรมห้าดาวเลย เสียดายครับ
วันนี้สมาชิกที่จะไปดูปลาโลมามี 7 คน .. เมื่อพร้อมแล้วก็เดินทางขึ้นเรือกันเลยครับ
สีของน้ำทะเลที่นี่จะไม่ใสนัก เพราะว่าคงอยู่ใกล้กับปากน้ำและมีตะกอนอยู่มาก ... แต่ดูจากน้ำทะเลที่นี่ น้ำสะอาดมากครับ
เรือแล่นไปเรื่อยๆ พร้อมใจที่อยากดูปลาโลมามาก ผมอยากจะเห็นจะแย่ ว่าปลาโลมาตามธรรมชาติว่าเป็นอย่างไร จะน่ารักเหมือนปลาโลมาที่เขาเลี้ยงไว้แสดงโชว์หรือเปล่า ... แต่ก็ยังไม่พบสักทีครับ ..
พี่คนขับเรือ .. เมื่อเห็นเรือประมงจอดเก็บปลาจากตาข่ายก็คอยเข้าไปถามครับ ว่าเห็นปลาโลมาไหม .... แต่คนเรือที่เข้าไปถามก็ไม่ห็นกันสักคน ..
ในใจก็ริ่มคิดแล้ว ... ไม่ห็นก็ไม่เป้นไรนะ จะเอาอะไรกับธรรมชาติล่ะเนอะ ^^
เรือวนไปวนมา ถามได้สักพัก .. ก็เปลี่ยนแผนครับ ไปชมสิ่่งมหัศจรยย์ของขนอมกันก่อนดีกว่า .. คือ น้ำทะเลจืดที่เกาะนุ้ย และ หินพับผ้าครับ ..
บ่อน้ำธรรมชาติ แห่ง เกาะนุ้ย นอก เป็นบ่อน้ำจืดทั้งๆ ที่อยู่ในบริเวณทะเล ช่วงเวลาน้ำขึ้น น้ำทะเลจะกลบบ่อน้ำจนมองไม่เห็น
และช่วงเวลาน้ำลง น้ำทะเลจะลดลงสุด จนเผยให้เห็นบ่อน้ำ ชาวท้องถิ่นเชื่อว่า บ่อน้ำจืดแห่งนี้ คือบริเวณที่หลวงปู่ทวดได้เคยมาเหยียบน้ำทะเลให้กลายเป็นน้ำจืดตามตำนาน
ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า บ่อน้ำจืดกลางทะเล นี้เกิดจาก รอยแยกของเปลือกโลกที่ไปตรงกับสายของทางน้ำใต้ดินที่ต่อเนื่องกันมาจากทางผืนแผ่นดินใหญ่พอดี
จึงทำให้น้ำจืดใต้ดินนั้นดันน้ำเค็มที่อยู่ทางปากบ่อออกจนหมด เมื่อน้ำทะเลลดลง จึงทำให้น้ำในบ่อเป็นน้ำจืด
บนยอดเขาของ เกาะนุ้ย จึงเป็นที่ประดิษฐานของ หลวงปู่ทวด เพื่อให้ประชาชนได้สักการะ
ช่วงเวลาที่ควรไปเที่ยว เกาะนุ้ยคือเวลาเช้า ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำทะเลยังไม่ขึ้น หากไปช่วงสาย จะเสียโอกาสชิมน้ำจืด พิสูจน์ความอัศจรรย์
ระหว่างการเดินทางนั้น ตามหน้าผาจะมีหินสวยๆ เรียงตัวเป็นชั้นๆ สวยงามมาก ชาวบ้านที่นี่เรียกว่า ..หินพับผ้า ครับ
หินพับผ้า ปรากฎการณ์ทางธรณีวิทยา ที่เห็นได้บนเขาหิน และเกาะบางเกาะในทะเลขนอม บริเวณหน้าอ่าวเตล็ด คือที่เกาะท่าไร่ เกาะนุ้ยนอก เขาหลักซอ และชายฝั่งอ่าวเตล็ด
ลักษณะที่เห็นจะเหมือนเป็นแผ่นหินที่ทับซ้อนเรียงกันเป็นชั้นๆสูงขึ้นไป ด้านบนมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมหลากหลายชนิด บางชนิดก็ดูแปลกตาออกไป บางแห่งก็จะพบกล้วยไม้ป่าขึ้นอยู่ด้วย
การเกิดของเขาหินพับผ้า เกิดจากกระบวนการหินตะกอน (sedimentary process) ที่มีการตกตะกอนของหินที่มีส่วนประกอบและความแข็งต่างกัน เป็นชั้นๆ ในท้องทะเล
ต่อมามีการเอียงและยกตัวของเปลือกโลกชั้นหินดังกล่าวก็เกิดเป็นหน้าผา เมื่อถูกกระแสน้ำ และลม กัดกร่อนเอาชั้นที่อ่อนกว่าออกเหลือชั้นที่แข็งแกร่งกว่า ก็จะดูเหมือนแผ่นหินที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ
หน้าตาของหินหล่านี้ ..เปรียบเหมือนขนมชั้น หรือผ้าที่พับไว้ จึงเป็นที่มาของชื่อ " หินพับผ้า "
อีกอย่างหนึ่ง คือเขาหินลักษณะนี้คล้ายกับ Pancake rock ที่เมือง Punakaiki ประเทศนิวซีแลนด์ ครับ
จะบอกว่าตอนที่ขึ้นไปสักการะหลวงปู่ทวด ผมได้อธิษฐานอะไรแปลกๆ ไปนิดนึง คือ ขอให้หลวงปู่ทวดดลบันดาลให้ได้เจอปลาโลมาครับ ^^ ดูไม่ค่อยมีสาระแต่ก็ขอไปแล้ว อิอิ
เรือกำลังแล่นกลับครับ .. วิวทิวทัศน์ของอ่าวขนอม สวยงามมาก บางจุดน่ะเหมือนกับมีนักจัดสวน มาจัดไว้เลย
สวนสวยกลางทะเล
สายตาของพวกผมยังไม่ลดละที่จะต้องเจอปลาโลมาให้ได้ .. และแล้วก็เจอครับ .. ปลาโลมาสีชมพู แห่งน่านน้ำขนอม อวดโฉมคู่กับเรือประมงของชาวบ้าน
ได้ยินมาว่า ปลาโลมาสามารถปรับตัวให้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับชาวบ้านได้แบบถ้อยทีถ้อยอาศัย เมื่อชาวบ้านจับปลาได้ ก็จะมีการแบ่งปัยให้กับเจ้าโลมากินเป็นอาหารบ้างครับ
เราจึงเห็นปลาโลมา ชอบมาว่ายวนเวียนอยู่แถวเรือประมงนั่นเอง
ที่จริงแล้ว ปลาโลมาที่เราได้เห็นจะมีประมาณ 3-4 ตัว แต่จะมีอยู่ตังนึง ขี้เล่นที่สุด ชอบเข้ามาอวดโฉมและกระโดดโลดเต้นใกล้ๆ เรือ คือเจ้าตัวนี้ครับ
เข้ามาแล้วครับ
กระโดดสูงซะด้วย
ตูมม... แล้วก็หายไปครับ ..
พวกเราสนุกสนานกับการถ่ายรูปโลมาอยู่นานมาก .. จนเกือบ 10 โมง .. ได้เวลากลับฝั่งกันแล้วครับ
ถึงรีสอร์ท ไม่รอช้า พวกเรารีบเดินลงไปที่ลำธารหลังรีสอร์ท เนื่องจากติดใจสปาปลา มาก .. มันตอดแรงได้ใจ บางทีก็จั๊กจี้มากครับ
สังเกตว่ารูปข้างบน ปลาเท้าจิกเลยครับ ^^
เนื่องจากกำลังเพลิน .. เราจึงสั่งข้าวเที่ยงกัน ทานที่รีสอร์ทเลย และเดินทางกลับกทม ที่สนามบินนครศรีธรรมราชครับ
จบแล้วครับ ทริปสนุก ชวนฝันและดื่มด่ำกับธรรมชาติของ 2 จังหวัดสวยแห่งภาคใต้
** ผมแนะนำให้ไปเที่ยวกันครับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจ่ายไปคนละ 2500 บาทเท่านั้น เชื่อไหม
การเดินทางจบเพียงเท่านี้ แต่ความสนุกยังไม่จบ เมื่อได้ทราบว่า เพื่อนๆ ร่วมทริป ป่วยเป็นหวัด 2009 กัน 3 คน Y-Y ไม่รู้ว่าไปติดมาจากไหน 555
ขอบคุณข้อมูลจาก : //www.paiduaykan.com , //travel.mthai.com