อาเกาะสีชัง ฉังรักเธอ...
......แฮ่ๆๆ กลับมาแล้วครับผม หายไปนานเชียว ไม่ได้ตั้งใจจะหายไปนานขนาดนี้ เป็นเพราะว่างานยุ่งมากๆๆๆ ครับ (งาน IT ก็งี้แหละเน้อ..) มีเวลาว่างวันนี้เพียงวันเดียว จึงขอมาอัพบล๊อกต่อหน่อย มายืนยันตนว่ายังไม่ได้เลิกเล่นเน้อ ..
สืบเนื่องจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา .. เห็นรีวิวจากห้อง Blue Planet (อีกแหละ) เขาพาไปเที่ยวเกาะสีชัง ..( เกาะใกล้ๆ ที่อยากไป แต่ไม่ได้ไปสักกะที .. เจอที่พักสวยถูกใจ ชื่อว่ามาลีบลู .. แต่ก็เป็นอันปิดตัวไปเสียก่อนที่จะได้ไปยล .. น่าเสียดาย )
.....ดีใจสุดขีดที่ได้เจอที่พัก .. เหล้าเก่าในขวดใหม่ "ปารีฮัท" ไม่รอช้า .. อ่านรีวิวจบ ............. โทรไปจองอย่างง่ายดาย .. คืน 3 เมษา คร๊าบบบ.. แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมที่พักยังไม่เต็ม .. สงสัยเพิ่งเปิดใหม่ อิอิ
และแล้วก็ถึงวันที่จะต้องเดินทางสักที .. 3 เมษายน .. เราเดินทางโดยรถตู้ (ตอนนั้นราคาเที่ยวละ 100 บาท ) ลงโรบินสันศรีราชา และต่อตุ๊กตุ๊กไปยังท่าเรือเกาะลอย .. ไปง่ายมากครับขนาดคนที่ไม่เคยไป อย่างผมเนี่ยยังไปได้โดยไม่ต้องลำบากเลย !!
ใกล้เข้าไปทุกที..
- เราขึ้นเรือกันประมาณ 12.00 น. ครับ กว่าจะถึงเกาะก็ โน่น .. บ่าย เรือแล่นช้ามากครับ แต่ก็ได้บรรยากาศทะเล .. นั่งเพลินๆ อารมณ์เย็นดีครับ .. พอขึ้นฝั่งก็ .. แน่นอนครับ โดนประกบด้วยคนให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์/skylab ชมเกาะ ... ไอ้ผมก็ดันขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นซะด้วย .. เลยกะว่าจะให้รถ skylab ไปส่ง ..
ผม : พี่..พาไปเที่ยวรอบเกาะ และไป ปารีฮัท มันรวมเป็นเท่าไหร่เนี่ย .. skylab : ค่าพาเที่ยวรอบเกาะ 250 ค่าไปส่งที่ ปารีฮัท 150 บาท .. มันไกลน่ะน้องนอกเส้นทางด้วย .. ผม : ...เริ่มคิดแล้วตรูจะเช่ามอไซค์ดีมั้ยเนี่ย .. คิดหนักเลย ทำไมค่าไปส่งที่พักมันแพงกว่าค่ารถจาก กทม ฟะ 555+
จู่ๆ ก็มีสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาถามอีกแล้ว .. น้องเช่ามอเตอร์ไซค์มั้ย .. พี่คนนี้อัธยาศัยดีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส.. เอาวะลองถามหน่อย .. ผม : พี่ ผมขี่ไม่เป็นอะ มันขี่ยากป่าว .. พี่สาว : คันนี้มัน auto น้อง .. start รถ แล้วบิดอย่างเดียว ไม่ยากหรอก อ่ะ พี่ให้เอาไปลองขี่ดู ...(ให้ง่ายๆ..เลยหรอเนี่ย)
ผมก็เอาไปลองขี่ครับ .. เออ ไม่ยากนะเนีี่ย ขับได้สบายเลย (ทั้งๆที่ไม่เคย ..) แต่เดี่ยวถามก่อน ไม่รู้ถนนที่นี่เป็นยังไง จะเหมือนเกาะล้านมั้ยเนี่ย ..
พี่สาว : ถนนไม่ชันหรอกน้อง ขี่สบาย ..
และแล้วด้วยความงก .. อ่า งั้นเช่าก็ได้พี่ .. 300 บาทใช่ไหม
พี่สาวยังใจดีไปส่งที่ปารีฮัท พร้อมทั้งช่วยขนของไปด้วย .. ในระหว่างที่ผมกำลังหัดขี่มอเตอร์ไซค์ .. ขอบคุณมากพี่ น้ำใจงามมาก
เราค่อยๆ ขับมาเรื่อยๆ มีขึ้นเขา ลงเนิน หักซ้าย ขวา ถนนลูกรัง !! นี่หรือถนนขับสบายของพี่แก !!??
รถค่อยๆ แล่นมา ปรากฎส้นขอบฟ้า น้ำทะเลสีคราม สีสวยมาก ..
นีหรือ กระท่อมริมผาในตำนาน (ว่าไปโน่น) สวยจังเลยวุ้ยยย !!
.. ก่อนจาก พี่เขาแนะนำตัวว่าชื่อ พี่บุ้ง .. ขอบคุณมากครับพี่บุ้งงงงง.. ยังมีโปรยมาอีก ถ้ามาครั้งหน้า พี่จะลดค่าเช่่าให้อีก
หลังจากนั้นจึงเดินเข้าห้องพัก .. และรับอาหารมื้อแรก ทันที อิอิ
วิวจากบ้าน โนรี
อาหารที่นี่เป็น set ครับ อร่อยใช้ได้ แต่ ผมว่า วิวอร่อยกว่า เยอะ .. ตกบ่ายสาม ออกเดินทางไปเที่ยวรอบเกาะกันดีกว่า ...(รู้สึกว่าเพิ่งจะขี่มอเตอร์ไซค์เป็นนะ เห้าอีกแหละ)..
ก็อยากไปดูสะพานอัษฎางค์ อะ
เกาะสีชัง เป็นเกาะที่มีอากาศดี คนบนเกาะจะมีอายุยืน จากจดหมายเหตุตามเสด็จประพาสจันทบุรีของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อทรงพระเยาว์ได้เสร็จตาม ร.4 ประพาสมาที่เกาะสีชัง และทรงแจกทานแก่ผู้สูงอายุบนเกาะที่มีอายุเกิน 100 ปี ถึง 3 คน
ในสมัยนั้นเกาะสีชังจึงเป็นสถานพักฟื้นที่นิยมของชาวไทยและชาวต่างชาติ
ต้นลั่นทม..
ในสมัย ร.5 พระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ ทรงมีพระอาการประชวร แพทย์หลวงได้ถวายคำแนะนำให้พักรักษาตัวที่เกาะสีชัง
ร.5 ทรงมีความห่วงใยก็เสด็จไปทรงอภิบาลพระราชโอรสเป็นการประจำเช่นกัน ท่านได้พระราชทานความเจิญให้กับเกาะสีชังด้วยการก่อสร้างสิ่งต่าง
(เป็นที่มาของสิ่งก่อสร้างบนเกาะสีชังว่ามักจะมีคำว่า อัษฎางค์)
สะพานนี้ ที่โด่งดัง..
ในปี พ.ศ.2431 จึงได้สร้างตึกสามหลังขึ้นจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ สำหรับเป็นที่พักฟื้นผู้ป่วยได้แก้ตึกวัฒนา ตึกผ่องศรี และตึกอภิรมย์
และในปีในปี พ.ศ.2435 ได้โปรดเกล้าให้สร้างพระราชฐานขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับเพื่อแปรพระราชฐานในฤดูร้อน พระราชทานนามว่า จุฑาธุชราชฐาน ตามพระนามของพระเจ้าลูกยาเธอที่ประสูติที่เกาะสีชัง เมื่อ 5 กรกฎาคม 2435 เมื่อสร้างพระราชฐานแล้วก็โปรดให้สร้าง ถนน ท่าเรือ บ่อน้ำจืด โรงเรียน สวนสาธารณะ และ ที่ทำการไปรษณีย์
สะพานนี้ ..ถ่ายยังไงก็ซ้ำชาวบ้าน ..
ต่อมาใน ร.ศ.112 ฝรั่งเศสมารุกรานในขณะที่ยังก่อสร้างพระราชฐานยังไม่เสร็จ จึงไม่ได้เสด็จไปประทับแรมที่เกาะสีชังอีกและต่อมาโปรดให้รื้อพระที่นั่ง
มันธาตุรัตนโรจน์ ซึ่งเป็นพระที่นั่งองค์ใหญ่ มาสร้างใหม่ที่พระราชวังดุสิต ปัจจุบันคือ พระที่นั่งวิมานเมฆ (พระที่นั่งไม้สักทองทั้งหลัง)
ต้นไม้ประจำถิ่น
วันนี้ไม่ค่อยจะมีคน
พระเจดีย์ วัดอัษฎางคนิมิตร
เรือนไม้ริมทะเล .. อาคารยุคนั้นสวยคลาสสิกจริงๆ
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไม่ปรากฎเด่นชัดว่าเรือนไม้ริมทะเลสร้างขึ้น เมื่อใด สัณนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรือนพักของชาวต่างชาติมาก่อน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปรับปรุงเป็นที่ประทับแรมของพระราชวงศ์ในคราวเสด็จมารักษาพระองค์ ก่อนที่จะมีการสร้างพระจุฑาธุชราชฐาน ในพ.ศ. 2435
ตอนนี้แปลงร้่างไปเป็นร้านอาหาร นั่งแบบ ชิลๆ
..
หลังจากนั่งเล่น ชมวิว และถ่ายรูปเป็นที่หนำใจ .. เด็กแว๊นมือใหม่อย่างผล ก็สนใจที่จะไปที่ ช่องเขาขาด .. จุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเกาะ .. แต่ระหว่างทาง มีสิ่งที่น่าสนใจ ที่ต้องแวะเข้าไปดูครับ ..
ถ้ำจักรพงษ์และวัดพระเหลือง
เป็นถ้ำเล็กๆตั้งอยู่ที่บนไหล่เขา ช่วงกลางของ เกาะสีชัง รัชการที่ 5 เคยเสด็จประพาส และพระราชทานนาม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ เหนือถ้ำขึ้นไปบนยอดเขามีพระพุทธรูปปาง สมาธิองค์ใหญ่ เรียกว่า พระเหลือง องค์พระสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล ในขณะนั่งเรือ ้
พระเหลือง
ลักษณะพระพุทธรูป .. เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ สีเหลือง ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะสีชัง หันหน้าไปทางทิศเหนือ สามารถ มองเห็นทัศนียภาพทางด้านทิศตะวันออกของเกาะสีชัง ได้อย่างสวยงาม และมองเห็นจาก ทะเลได้อย่างสวยงามบนเนินเขาบริเวณวัดถ้ำจักรพงษ์นี้ มีพระพุทธรูปปางต่างๆ อยู่โดยรอบ พระพุทธรูปเหลืององค์ใหญ่ เป็นวัดที่มีความเงียบสงบที่น่าปฏิบัติธรรมอีกวัดหนึ่งของเกาะสีชัง
ทัศนียภาพทางทิศเหนือของเกาะ
ทางขึ้นมาที่วัดพระเหลืองนี้ถือว่าค่อนข้างโหดสำหรับผม ทางชันและเป็นโค้งหักศอก ..กว่าจะขึ้นไปได้ ก็ยากแล้ว .. ขาลงนี่สิ บรื๋ออ.. ต่อไปก็ได้เวลาไปที่ช่องเขาขาดแล้วครับ .. ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเข้าไปไม่ถูก .. ดันขับรถเลยไปเสียอีก กว่าจะรู้ตัวก็ .. มาถึงท่าเรือแล้ว เลยต้องวนกลับไปอีกรอบ อิอิ
ช่องอิศริยาภรณ์ (เขาขาด)
มีลักษณะเป็นช่องเขาที่ขาดออกจากกัน มีจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม สามารถมองเห็นพระอาทิตย์จมหายลับสู่ขอบน้ำ มีศาลาจุดชมวิวที่สร้าง บนหน้าผาอันสูงชันที่ฝั่งทะเลทางทิศตะวันตกมองเ็็้ห็นขอบฟ้า จรดทะเล กว้างไกล ได้สุดสวยงามในยามเย็น
บรรยากาศยามบ่าย
ศาลาชมวิว ข้างบนนั่นสามารถนั่งทานอาหารได้ คร๊าบ
ดอกไม้ สีสดๆ กับศาลา สวยๆ
เนื่องจากอากาศร้อน แดดแรง และเริ่มจะเย็นแล้ว เราจึงเตรียมกลับไปที่ ที่พัก .. แต่เดี๋ยวก่อนสิ ยังมีอีกจุดนึงที่ยังไม่ได้ไป .. หาดถ้ำพังนั่นเอง ..
เลยขอแวะไปเหยียบย่ำน้ำทะเลสีชังสักหน่อย ..
ศาลาชมวิวแบบนี้ มีรอบเกาะเลยจริงๆ
หาดถ้ำพัง ( อ่าวอัษฎางค์ )
อยู่ส่วนกลางทางด้านทิศตะวันตกของเกาะ มีลักษณะเป็นอ่าวโค้ง หาดทรายขาวสวยงาม มีผู้คนนิยมมาเล่นน้ำกันเป็นจำนวนมาก
หอย เยอะมากๆๆ
ด้านเหนือหาดเป็นแหลมถ้ำพัง(แหลมจักรพงษ์) ทางทิศใต้ เป็นแหลมตุ๊กตา ทั้งสามแห่งนี้ล้วนเป็นสถานที่ที่มีทิวทัศน์งดงามมาก และยังเป็น สถานที่ตกปลาที่นักท่องเที่ยวนิยมไปตกปลาเป็นจำนวนมากเช่นกัน เพราะเป็นโขดหินแหลมหินที่งดงาม ประกอบด้วยเนินสูงต่ำ ทอดต่อเนื่องกันไป และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ ตกน้ำ สุดขอบน้ำทะเลที่สวยงามแห่งหนึ่ง
ผู้คนมากหน้าหลายตา
บริเวณชายหาด ยังมีบริการ เจ็ตสกี เรือบานาน่าโบท ห่วงยางเล่นน้ำ เรือคายัค บริการดำน้ำดูปะการัง และยังมีร้านอาหารทะเลเลิศรสไว้บริการนักท่องเที่่ยว หลายร้าน อาหารทะเลเลิศรส เช่น ปูนึ่ง ปูนิ่มผักผงกะกรี่ หมึกย่าง และอาหารเครื่องดื่ม ตามสั่งมากมายไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวที่มาเยือน หรือหากต้องการห้องพักบริเวณริมหาดยังมีรีสอร์ทไว้บริการนัก ท่องเที่ยวพักแรม ชมพระอาทิต์ืตกดินและ สัมผัสบรรยากาศทะเล อย่างใกล้ชิดตลอดช่างเวลาที่เข้าพัก
เย็นแล้ว .. ขอกลับมาที่รีสอร์ทดีกว่า อิอิ แสงอ่อนๆ สีทองยามเย็น ส่องมากระทบกับตัวกระท่อม ..งามอย่าบอกใครเชียว ประกอบกับลมทะเลเย็นๆ ไม่เหนียว ทำให้ผมรู้สึกว่า ..
ชอบที่นี่จริงๆ..
ยิ่งนอนบนเปลไม้ไผ่ .. แล้วชมวิวพระอาทิตย์ตกไปด้วยล่ะก็ .. คุณจะหลงรักที่นี่จริงๆ ไม่เชื่อ .. มาลองดูสิ เอิ้กๆๆ
แสงสีทองที่มีเสน่ห์
ชอบบรรยากาศแบบนี้ที่สุด..
กระท่อมริมผา ที่นี่ไม่เหมือนใคร อยากให้ลองมาสัมผัสดู
ผนังไม้ไผ่ ถูกฉาบ
น้ำทะเล เป็นประกายระยิบระยับเลยทีเดียว
นอนอยู่บนเปล เก็บบรรยากาศและความงดงามของที่นี่
นอนดูตะวันตกน้ำ อย่างใจเย็น ..
บางคนก็เล่นน้ำอยู่ในสระ .. พวกเขาคงมีความสุขเหมือนเรา
แม้วันน้จะเห็นตะวันลับขอบฟ้าไปก่อนที่จะถึงขอบฟ้า .. แต่เราก็ประทับใจมาก
แสงสุดท้าย ..
ใกล้มืดแล้วครับ เราเตรียมตัวอาบ้ำ เพื่อที่จะไปทานอาหารเย็นกัน .. โทษทีที่ไม่ได้ถ่ายครับ เพราะหิวมาก .. แต่กินกันอิ่มแปล้เลยทีเดียว 5555 นอนหลับอย่างมีความสุข ลมที่นี่แรงมาก และเย็นจริงๆ ไม่ต้องพึ่งแอร์เลย
วันรุ่งขึ้นถึงมีเวลาเดินสำรวจรอบๆ รีสอร์ท ..
สะพานไม้ไผ่
บ้านอีกหลังหนึ่ง
วิวโดยรวม
ที่นี่มีสระน้ำให้เล่นน้ำด้วยนะครับ (เป็นน้ำทะเล)
น้ำน่าเล่นดีนะ
.. ที่นี่ มีต้นไม้ัปลูกประดับไว้ ประปราย มีพืชผักสวนครัวด้วยล่ะครับ
น้ำทะเลใสๆ แต่ไม่รู้ว่าจะลงไปเล่นยังไง เหอะๆ
สูงซะขนาดนี้นะ
ใกล้ได้เวลากลับแล้วครับ เตรียมตัวเก็บข้าวของ ..
หาอาหารเที่ยงทานสักหน่อย ค่อยกลับ
โนรี (ผมว่าวิวสวยสุดแล้วนะ)
หลังจากเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อย วันนี้เราจะไปไหว้ศาลเจ้าพ่อกัน ..
ช่องเขาขาด ยามสาย
ก่อนที่จะถึงศาลเจ้าพ่อ ผ่านที่นี่พอดี ..เลยขอกลับมาที่ช่องเขาขาดอีกครั้งหนึ่ง มาดูบรรยากาศยามสายครับ
ศาลา
.. ดอกไม้สวยๆ
...
...
...
..
ถึงแล้วครับ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ วันนี้เราจะไปไหว้เจ้าพ่อ และเจ้าม่กวนอิมกัน ก่อนกลับ (จะได้เฮงๆ เน้อ)
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่บรรดาชาวจีน ทั้งในและต่างประเทศให้ความเคารพสักการะ ศาลเจ้า เป็นอาคารใหญ่ลักษณะทรงวิหารจีน นอกจากองค์เจ้าพ่อเขาใหญ่แล้ว ภายในยังเป็นทีี่ประดิษฐานของเจ้าพ่อเห่งเจีย เจ้าแม่กวนอิม พระสังกัจจาย ในช่วงตรุษจีนจะมีผู้คนมาบวงสรวงสักการะเนืองแน่นด้วยความเชื่อว่าจะทำให้กิจการค้าเจริญรุ่งเรือง เชื่อกันว่าใครได้ไปกราบไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่ติดต่อกันเป็นเวลา ๓ ปี จะได้โชคลาภอันวิเศษ
วันนี้คนน้อยจัง
เข้าไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมกันก่อน
ถ้ำนาคราช ..เกือบสำลักควันธูปตายน่ะ
ระหว่างทางขึ้น..
วิวมุมสูงของเกาะสีชัง
เจ้าำพ่อเขาใหญ่
ประวัติความเป็นมา่ และลักษณะ เจ้าพ่อเขาใหญ่ : เป็นรูปหินที่เกิดจากธรรมชาติเมื่อหลายหมื่นปีมาแล้ว จากจารึกภาษาจีนโบราณที่ นายอุ้งเซ็ง แซ่อึ้ง ภาษาแต้จิ๋ว หรือนายยุ่นเซิ้ง เซิ้นหวง ภาษาจีนกลาง ชาวอำเภอบุงเชียง จังหวัดไหหลำเกาะไหหลำ ประเทศจีน เป็นผู้จารึกไว้ในไม้สักเก่าแก่ราว ค.ศ.1883 ปีพ.ศ.2426 ราว 124 ปีมาแล้ว ซึ่งขณะนี้เก็บรักษาไว้ที่ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่เกาะสีชังซินแส ผู้สูงอายุที่มาทำหน้าที่เป็นเสมียนจีนในเทศกาลไหว้เจ้าได้แปลไว้ว่าขณะที่มาจอดทอด สมอเรืออยู่หน้าเกาะได้เห็นแสงไฟอยู่บนเขาจึงได้ปีนขึ้นไปดู พบรูปหินย้อยลักษณะเหมือนศรีษะคนตรงตามตำราจีนว่าเป็นรูปเจ้าพ่อที่เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ อยู่ในถ้ำในเขากลางทะเล และหันหน้าไปทางทิศตะวันออกมีน้ำอยู่ ข้างหน้าตามที่ชาวจีนโบราณเชื่อถือว่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มหัศจรรย์
โดยเฉพาะชาวจีนที่เดินเรือจะให้ความเคารพนับถือมาก เพราะทุกครั้งที่เรือเกิดอุบัติเหตุรั่วน้ำเข้าเรือ ทุกคนก็จะบนเจ้าพ่อเขาใหญ่ ให้ช่วยเพื่อมิให้เรือต้องอัปปางกลางทะเล ปรากฎว่ามีแมงกะพรุนลอยมาปะที่รูรั่วทำให้น้ำหยุดไหลทันที่เมื่อมาเดินทางมาถึงเกาะสีชัง ก็จะนำเรือเข้าเกยตื้นและทำการอุดรูรั่ว ความศักดิ์สิทธิ์นี้เองจึงทำให้เจ้าพ่อเป็นที่นับถือของผู้คนทั่วสารทิศ โดยเฉพาะคนจีนย่านเยาวราช ทุกปีจะมีคนมาไหว้เป็นจำนวนมาก แม้แต่ชาวมาเลเซียและสิงค์โปรค์ ก็มา เมื่อสมัยที่ผู้เขียนมีความคิดว่าทองที่ปิดองค์ ์เจ้าพ่ออยู่นั้นส่วนใหญ่จะเป็นทองวิทยาศาสคร์ จึงอยากจะลงรักปิดทองเจ้าพ่อใหม่ให้สวยงาม แต่ขณะนั้นยังไม่พร้อมหลังจากนั้นอีกประมาณสองเดือน ต้นมกราคม 2534 ได้รับการติดต่อจากคุณสกนธ์ บุญประสิทธิ์ ว่าเจ้าพ่อได้ไปเข้าฝันคุณจิตอารีย์ ทีปะนาถ นักธุรกิจย่านหัวลำโพง กรุงเทพฯ ให้มาเปลี่ยนทององค์เจ้าพ่อให้เป็นทองคำเปลวแท้ทั้งองค์ ซึ่งเป็นที่น่าอัศจรรย์มาก ในแต่ละปีจะมีผู้ที่บนท่านไว้จะนำลิเกมาเล่นถวายเป็นแรมเดือน เพราะสิ่งที่บนไว้ ได้ดังสมใจสมความปรารถนา
เจ้าพ่อเฮ่งเจีย
เีขียนชื่อตัวเองแล้วแปะไว้ครับ
เกาะขาม
หลังจากนั้นจึงได้กลับบ้านกันครับ ถึง กทม. ประมาณ 18:30 แบบสบายๆ
Trip นี้เป็นอีก Trip ที่นับว่าได้พักผ่อนแบบจริงๆจังๆ ได้สนุกกับการหัดขี่มอเตอร์ไซค์ อิอิ .. คุ้มมากครับ กับประสบการณ์ที่ได้ ..
กระเป๋าคู่บุญ.
ที่มา : //www.folktravel.com/archive/sichang-09-1.html //www.sichangisland.com/
Create Date : 15 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 3 ตุลาคม 2553 23:20:01 น. |
|
15 comments
|
Counter : 7602 Pageviews. |
|
|