กลับมาอัพเดท Blog ต่อแล้วครับผม..

หลังจากที่หลับสบายใต้ผ้าห่มอุ่น ท่ามกลางค่ำคืนที่หนาวเหน็บ(น้ำเน่ามั้ย) .. 04.30 น. ก็เป็นเวลาที่สมควรที่จะตื่น เพื่อเตรียมตัวไปดูทะเลหมอกที่ภูทอกแล้วหละครับ..
ตื่นมาก็พบกับข่าวร้าย เมื่อพี่แอม และพี่จ๋า จะยังไม่ไปกับเราวันนี้ .. พี่จ๋าปวดขาเดินไม่ไหวจริงๆ .. เป็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วหละครับ .. วันพรุ่งนี้ได้พี่ ที่จริงอยากให้ไปด้วยกันใจจะขาด ..

หมอกหายไปไหน ?? 

... แปลกใจนิดหน่อย .. วันนี้เราจะได้เจอทะเลหมอกที่รอคอยไหมนี่ .. 
พูดปลอบใจตัวเอง และพี่จุ๋มว่าไม่เป็นไร พรุ่งนี้ยังมีให้แก้ตัว .. สงสัยจะได้ขึ้นมาดูใหม่ อิอิ ..

มองไปไกลๆทางขุนเขาด้านตะวันตก .. ควันขาวๆ ค่อยๆ ลอยมาอย่างช้าๆ ก้อนเมฆหรือเปล่าคิดในใจ ... ก็เกิดมาไม่เคยเห็นน่ะ ...

เรานัดรถที่จะขึ้นไปดูทะเลหมอกกัน ที่หน้าร้านเพลินเพลิน ครับ .. สมาชิกครบองค์ประชุม ก็ออกเดินทางกันเล้ย ..
เราไปกัน หกคน มีผม ก้อย พี่จุ๋ม พี่เอ และหนุ่มสาวอีกหนึ่งคู่ .. 

นั่งกระบะหลังกับพี่เอพร้อมกันกับคุยเรื่องราวต่างๆ พอจะรู้ได้ว่า พี่เอ ประสบการณ์การท่องเที่ยว .. สูงมากครับ
เริ่มเข้าสู่เขตภูเขา หัวใจเริ่มเต้นรัว ... เฮ้ย หมอกนี่ หมอกมาจากไหนกัน เมื่อกี้ยังไม่มีเลย  .. 

พอขึ้นไปอยู่บนยอดภูทอก .. ทะเลหมอกที่แสนงดงามก็ทอดกายรอเราอยู่เบื้องหน้าแล้วหละครับ ..

ความงดงามที่รออยู่เบื้องหน้า .. การแสดงกำลังจะเริ่มแล้วแหละครับ



แสงแรกที่ทุกคนรอคอย ..

เสี่ยงชัตเตอร์รัวเป็นระยะ ต้อนรับพระอาทิตย์ที่กำลังจะเผยโฉมขึ้นมาท่ามกลางขุนเขาและทะเลหมอก .. ที่นี่มีแต่ความสุขและรอยยิ้ม ..
ยิ้มเพราะสมหวัง ..

สวยงามทุกองศา อิอิ..



ไข่แดงยักษ์ขึ้น พร้อมกับเสียงดังระรัวของชัตเตอร์ .. มีความสุขจัง หลายคนคงคิดแบบนี้ ..



สูดหายใจให้เต็มปอด .. อากาศบริสุทธื์อยู่เบื้องหน้า ..



ช่วงเวลานี้ ต้องเก็บเกี่ยวความสุขไว้ให้ได้มากที่สุด ..



...



...สุดท้ายก่อนกลับ .. ขอบคุณธรรมชาติ ..

มีข่าวดีจะบอก..
นายแบงค์ เจ้าของรถผู้ใจดี จะพาเราไปที่แก่งคุดคู้ยามเช้าครับ ..

อยากจะรู้ว่าเป็นอย่างไร ตามมาครับ ..

แก่งคุดคู้ท่ามกลางสายหมอก ..



แก่งใหญ่ กลางสายน้ำโขงที่สงบนิ่ง



งดงามมากครับ ไปมองด้วยตาเปล่า สวยจนบรรยายไม่ถูกอะ..



ลืมปางอุ๋งไปเลยครับ ..



...เดินมากลางแม่น้ำโขง เปียกนิดเลอะหน่อยก็เพื่อความสุขเล็กๆ น้อยๆ และประสบการณ์แบบเจาะลึกล่ะครับ



สายหมอกที่จางลง ปรากฏขุนเขาสวยงามอยู่เบื้องหน้า..



.....สวยหงะ บอกไม่ถูก ..



เืรือประมงของชาวบ้าน ..



มนุษย์ ดูเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆไปเลย เมื่อเทียบกับธรรมชาติ

ชื่นชมธรรมชาติริมโขงอันงดงามได้สักพัก ก็ถึงเวลากลับกันแล้วหละครับ ..
นายแบงค์มาส่งเราที่เดิม  .. จึงขอเดินชมเมืองเชียงคานเวลาเช้ากันสักหน่อยครับ บรรยากาศดี ยังเย็นๆ เดินเล่นแบบสบายใจครับ ..

สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป



บ้านหลังนี้ ใครมาก็ต้องถ่ายนะจ๊ะ



เขาเรียกว่าบ้านร้อยปี ผมก็เรียกตามเขาน้า..



ศรีเชียงคาน..



ร้านนิยมไทย ที่ใครๆ ก็นิยม ร้านผ้านมชื่อดัง ที่กลายเป็น Talk of the town ..



บ้านไม้เก่าๆ และเมืองเงียบๆ



มีสิ่งแปลกปลอมไว้พอเป็นสีสัน



เดินมาเรื่อยๆ จนถึงร้าน รักเลย ครับ เปิดแต่เช้าเชียว นะจ๊ะ



ตามนั้น ..



เดินผ่านวัดศรีคุณเมือง จะถึงเรือนแรมลูกไม้แล้วครับ ..



เชียงคาน ต้องจักรยานเท่านั้น..

จากนั้นก็เตรียมเก็บข้าวของและอาบน้ำกันแหละครับ
เราจะไปนอน ... บ้านเติมสุข เชียงคาน บานบุรี กันคร๊าบ ..

เกสท์เฮ้าส์สุดเท่ หลังนี้ มีพี่ปุ้ย.. สาวใสวัยแรง(แปลว่าไรหวะ) เป็นผู้ดูแล 
ด้วยวิวที่สวยแปลกตา .. และสู๊ง สูง ถึงสามชั้น ทำให้ได้ใจผมไปเต็มๆ ..

ห้องพักสุดเท่ ครับผม



มองบ้านผ่านบานเกล็ด..



ด้านหน้าเป็นบ้านเพลิน เพลิน และใกล้ๆ เป็นบ้าน 100 ปีนั่นเองครับ



การตกแต่งของห้องนอน ที่เท่ไม่เหมือนใครน่า ..

มองมาอีกทางครับ ..



ชั้น 2 ไว้นั่งเล่น ..

พอจัดแจงเก็บข้าวของกันเสร็จเรียบร้อย เราก็เตรียมหาอะไรทานกันครับ ถามพี่ปุ้ย ได้ความว่าให้ไปกินส้มตำที่ข้างโรงพยาบาล คงต้องไปเช่าจักรยานแล้วหละ
.. เลยตรงดิ่งไปบ้านป้าศรีพรรณ ปรากฏว่ารถหมด ลูกป้าแกเลยพามาส่งอีกร้านครับ ขอบคุณมากๆๆ ครับ 

เสียค่าเช่าไป 40 บาท ..

ไหนๆ พี่เขาก็แนะนำมาแล้ว เลยถามป้าเจ้าของร้านเช่าจักรยาน ปรากฎว่ามีร้านเด็ด ชื่อร้านกุมารทอง ซอย 16 ข้างหน้านี่เอง จะพลาดหรือครับ ..

... แน่นอน ขอลองหน่อย ส้มตำ ..

เหลือบเห็นเมนู .. ตำซั่ว ด๊องแด๊ง คือไรหว่า .. ลองสั่งดู 
มาเป็นกาละมังเลยครับ เยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆ

ส้มตำที่ว่า ..

อิ่มอร่อยจนพุงปลิ้นก็ได้เวลายืดเส้นยืดสายกันแล้วหละครับ เราตัดสินใจไปวัดใกล้ๆ ชื่อว่าวัดท่าคก ..

วัดท่าคก เป็นวัดที่มีความเก่าแก่ตั้งแต่สมัยที่ฝรั่งเศสได้เข้ามาปกครอง สปป.ลาวครับ  

ภายในมีอุโบสถที่มีความสวยและโดดเด่น 

พระอุโบสถที่หันไปทางด้านทิศตะวันตก ด้วยอุบาย ... อุบายอะไร ไปหาอ่านกันดูนะ เอิ้กๆๆ



เรียบง่าย



อีกหนึ่งมุมมองที่สวยงาม

ตอนยืนชมความสวยงามของวัดอยู่ มีหลวงพี่รูปนึงมาเล่าประวัติของวัดให้ฟังครับ น่าสนใจทีเดียว
ทางวัดกำลังปรับปรุงครั้งใหญ่ เพื่อเตรียมต้อนรับงาน 100 ปีเชียงคานครับ ..

---

สำหรับตอนนี้ขอจบแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ รูปมันเยอะมากๆๆๆ เดี่๋ยวจะโหลดหนักเกินไปครับ
ตอนหน้าพบกันในเวลาอันใกล้นี้ คร๊าบๆๆ

 

Create Date : 04 มกราคม 2553
Last Update : 3 ตุลาคม 2553 22:36:02 น.		40 comments
Counter : 3813 Pageviews.
Share Tweet