เหนื่อยมั้ย ลุง...
วันฝนตกอีกวัน ผมยืนรอรถเมล์
ตัดสินใจว่าจะเดินไปที่อนุสาวรีย์เลย
รึ จะรอรถเมล์ดี ระหว่างนั้น ฝนเทจั๊กๆ..
คนรอมากมาย รถเมล์ ก็ยังไม่มา
ลุงท่านนึง มาจากใหนไม่รู้
แกไม่สวมรองเท้า
มือถือถุงใส่ของรุงรัง อีกมือถือขลุ่ยมา 1 เลา
ตอนนั้นฝนเริ่มซา น้ำจากชายคาใหลระบายมาเป็นสาย
ใหลตามท่อมาลงบนผิวถนน
สายฝนเย็นฉ่ำ น้ำตามท่อก็เย็นฉ่ำ
แต่น้ำในท่อจากหลังคา คงไม่สะอาดเท่าน้ำฝน
แกเดินมาถึง นั่งลง กลางสายน้ำที่ใหลจากท่อระบายบนดาดฟ้า
นั่งริมถนน ปล่อยให้สายน้ำจากท่อ พีวีซี อาบร่างแก
แหงนหน้ารับสายน้ำ ปล่อยให้่ร่างกายเปียกปอน
ปากร่ำคำกลอน มือช้อนน้ำลูปกาย ดูสดชื่นฉ่ำใจ แต่ น้ำไม่สะอาด....
สักพักคำกลอนเลือนหาย กลายเป็นเสียงสะอื้นกลางสายฝน
ร่างใหญ่งองุ้มลง ร่ำให้อาดูร เกิดคำถามในใจมากมาย..
ลุงจากบ้านมาทำไม น้ำฝนที่บ้านทั้งอาบทั้งดื่มกินฉ่ำใจ จากมาไกลเพื่อสิ่งใดกัน
เดาจากการแต่งกาย คงมาจากเวทีที่ใหนสักแห่ง..
มาเพื่ออ่ะไร ในเมื่อมาแล้วเสียใจ มาเพื่อพบกับสิ่งที่ไม่ใช่
มาเพื่อพบกับสิ่งไม่คุ้นเคย เข้ามาเพื่ออ่ะไร ..
ดูแล้วก็รู้ ทั้งอดและไม่อิ่มมาหลายมื้อ
คุ้มแล้วเหรอ ที่ทำสิ่งนี้ให้กับคนที่ไม่ควรได้รับมัน..
สักพักเริ่มสติกลับมา ลุกขึ้นยืนแล้วจัดเสื้อผ้า
แล้วก็เดินลับหายไป..
ผมตัดใจ กางร่ม เดินไปทางอนุสาวรีย์ ..
ทิ้งคนมากมายไว้ทางเบื้องหลัง ไม่กล้าที่จะหันกลับไปมอง..
ฝนเย็นฉ่ำ ใจคนเหน็บหนาว..
ลมพัดโชยเบาๆ บนถนนอีกยาวไกล..
แสงไฟเลือนลางตามเสา เงาวิ่งวัปไหว..
ทั้งรถ ทั้งคนมากมาย แต่ทำไมได้ยินแค่เสียงใจตัวเอง..
นายปลาดาว..
ปล. กลับถึงบ้านสงสัยจะเป็นไข้ กินพาราไปสองเม็ด หลับฝันถึงอ่ะไรไม่รู้... ไม่อยากคิดอีกเลย..
จากมาเพราะเชื่อว่าที่นี่มีอะไรมากกว่าที่บ้าน
กำความศรัทธาเข้ามาทั้งที่กระเป๋าว่างเปล่า
มันเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญ
อะไรบ้างที่เหลืออยู่
นั่นสินะ เหนื่อยมั้ย... ลุงจ๋า
.....
เป็นไข้แล้วเหรอคะ หายเร็วๆนะคะ