Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2562
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
14 ธันวาคม 2562
 
All Blogs
 
Konnichiwa Nihon no densha (8)

วันนี้เป็นวันที่ชาวคณะนั่งรถไฟเที่ยวแถวเกาะฮอกไกโดล่ะครับ

เริ่มจากนั่งรถด่วน Limited Express ไลแล็ก จากสถานีซัปโปะโระ ไปยังสถานีอะซะฮีกาวะ แล้วต่อด้วยรถไฟ Local Train ตู้เดียวจากที่นั่น แวะสถานีบิเอะ ก่อนที่จะนั่งรถไฟเลียบอุทยานแห่งชาติ ไดเซ็ตสึซาน ไปยังสถานีฟูระโนะ

จากสถานีฟูระโนะ ต่อรถไฟ Local Train อีกขบวนหนึ่งไปยังสถานีทากิกะวะ ก่อนที่นั่งรถด่วน Limited Express ไลแล็ก กลับมายังซัปโปะโระ



เช้าตรู่ บรรดาหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นที่ห้องโถงที่พัก ต่างพาดหัวพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์ใหม่ และเริ่มศักราช "เรวะ" ต่อไป

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ด้านขวาหนังสือพิมพ์ จะลงสภาพอากาศประจำวันของเมืองต่างๆ ซึ่งเขาถือว่า จำเป็นมากสำหรับชาวบ้านทีเดียว



ออกมาสัมผัสบรรยากาศข้างนอกที่ค่อนข้างเย็นแล้ว ยังนึกดีใจไม่หาย ที่ยืมเสื้อกันหนาวตัวหนาของหลานติดมือมาด้วย ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่คราวนี้เอง



ถึงแม้จะเป็นเมืองที่ค่อนข้างใหญ่ แต่ยังรักษาบรรยากาศของธรรมชาติไว้เป็นอย่างดี



ทั้ง อ.วิรัตน์ กับคุณอรรณพ เดินนำไปยังสถานีรถใต้ดิน เพื่อไปยังสถานีรถไฟซัปโปะโระ ทราบในเวลาต่อมาว่า สงสารคนแก่เช่นผม ที่เมื่อยล้าจากการเดินเท้าในทริปนี้แหละ



รอขบวนรถใต้ดินที่กำลังจะมาถึงครับ หน้าตาเช่นเดียวกับโมเดลที่ตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์รถไฟโอมิยะ



บรรยากาศในรถใต้ดินเช้าวันนั้นครับ



โผล่ขึ้นมาที่หน้าสถานีรถไฟซัปโปะโระเลยล่ะ



ขอเดินชมบริเวณหน้าสถานีสักหน่อย เพราะวันที่เดินทางมาถึง ยังไม่มีโอกาสได้เห็นเต็มตาเลย

อ.วัรัตน์บอกว่า ช่วงตอนค่ำ จะพามาบันทึกภาพบริเวณหน้าสถานีซึ่งประดับด้วยแสงไฟ สวยกว่าช่วงกลางวันเสียอีก



เข้ามาถึงชานชาลาสถานีแล้วครับ

รถด่วน limited Express ไลแล็ก ที่ไปทางเหนือ จอดคู่กับรถด่วน Limited Express ซูเปอร์ โฮกุโตะ ซึ่งไปทางใต้ ดูแล้วสวยไม่หยอก



ขอเซลฟี่ซ้อนกับคุณอรรณพหน่อยน่า ยังมีอีกหลายช็อตครับ



ติดตามด้วย อ.วิรัตน์ แต่เสียดายอยู่นิด ที่ห่างไปหน่อย



ตามรายการวันนี้ ชาวคณะจะนั่งรถไฟด่วน Limited Express ไลแล็ก ไปยังสถานีอาซาฮิกะวะ ต่อรถ Local Train ืั้นั่น แวะที่เมืองบิเอะ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวธรรมชาติที่สำคัญ และต่อรถไปยังเมืองฟุระโนะ

ก่อนที่จะไปต่อรถ local Train ที่นั่น กลับมาลงสถานีทากิกาวะ และรอขึ้นรถด่วน Limited Express ไลแล็ก มายังสถานีซัปโปะโระ



พอถึงเวลา รถด่วน Limited Express ไลแล็ก ออกจากสถานีซัปโปะโระ มุ่งไปทางเหนือ



ผ่านย่านสถานี ซึ่งมีขบวนรถ Local Train จอดอยู่เป็นทิวแถว



เกิดมา ผมเพิ่งเห็นรถไฟกวาดหิมะตัวเป็นๆ หนนี้แหละ เลยขอเก็บภาพเป็นที่ระลึกกันหน่อย



ผ่านชุมชนเมืองซัปโปะโระ มีรถราจอดอยู่เป็นระเบียบเรียบร้อย เพิ่งสังเกตตอนนี้ว่า โรงรถแถบนี้ จะปกคลุมมิดชิด ป้องกันหิมะที่อาจตกลงมาอย่างหนักเมื่อใดก็ได้



คงอยู่ห่างออกไปหน่อย สังเกตจากอาคารที่สร้างแบบอพาร์ตเม้นต์ครับ แต่รถรายังจอดเป็นระเบียบเหมือนเดิม



แก๊บ..แก๊บ... มาแล้วล่ะ

อ.วิรัตน์หยิบตั๋วให้คนละใบ พลางสอนวิธีเสียบตั๋วลงในซองที่อยู่หน้าเรา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พนักงานประจำรถ

บ้านใคร วิธีมันนะครับ



แพล้นท์ปูนที่มิดชิดมากกว่าเรา อาจมาจากสภาพอากาศที่ไม่อำนวย หรือตามระเบียบข้อบังคับด้านป้องกันมลภาวะ ไม่ให้รบกวนชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงก็ได้



เส้นทางเริ่มผ่านไร่นาอันกว้างขวางแล้วครับ แต่การเพาะปลูกพันธุ์พืช ยังอาศัยโรงเรือนพลาสติก เพื่อป้องกันสถาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงกระทันหันเมื่อใดก็ได้



ผมเข้าใจว่า เป็นย่านสถานีอิวามิซะวะ ต้นทางสายแยกมูโรรัน

จะเห็นรถ Local Train ขนิดตู้เดียวจอดรอทำขบวนให้เห็นในย่าน หากเป็นช่วงเร่งด่วน จะพ่วงกันเป็นขบวนละ 2 ตู้ จนกว่าจำนวนผู้โดยสารจะลดลง ถึงจะทำเป็นขบวนละ 1 ตู้ต่อไป



สิ่งที่เห็นบ่อยมากจนเป็นปกติ คือ solar farm ตามชุมชนหมู่บ้านต่างๆ ที่ผมคิดว่าเป็นการส่งเสริมจากรัฐบาลเพื่อลดภาระด้านการบริโภคพลังงานไฟฟ้าที่โรงงานไฟฟ้าแห่งต่างๆ จะผลิตได้ และเป็นแหล่งพลังงานฉุกเฉินหลังภัยพิบัติธรรมชาติแก่ชุมขน จนกว่าทางหน่วยงานช่วยเหลือจะเข้าไปฟื้นฟู แก้ไขให้กลับคืนสู่ปกติ



ข้ามแม่น้ำ อิชิการิ ครับ แหล่งน้ำ เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเกษตร ดังนั้น กลุ่มสหกรณ์การเกษตรต่างๆ จำเป็นต้องบำรุงรักษาแหล่งน้ำให้เกิดประโยชน์ที่สุด

โชคดีของผม ที่เห็นแหล่งน้ำต่างๆ เหล่านี้ในบ้านเขา มีน้ำไหลตลอดปี



การจะปลูกพืชผลต่างๆ นั้น เหล่าเกษตรกรต้องมาร่วมประชุมเพื่อสรุปเป็นมติของสหกรณ์ต่างๆ ว่าจะทำ ถึงจะมีการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะปล่อยน้ำให้ตามช่วงเวลาเพาะปลูกต่อไป เคยเห็นในสารคดีว่าการจ่ายน้ำไปยังไร่นาจะผ่านทางท่อ เช่นเดียวกับน้ำประปาบริโภค มีมิเตอร์วัดปริมาณน้ำ โดยมีต้นทางที่โรงจ่ายน้ำของสหกรณ์นั้นๆ

ถ้ามติสมาชิกสหกรณ์ใดบอกว่าไม่ทำ น้ำก็... ไม่ไหล และไม่มีใครทำหน้ามึน ลักลอบดูดน้ำไปใช้ในไร่นาของตัวเองด้วย



ได้รถกวาดหิมะเป็นบำเหน็จมืออีกแล้ว



ตู้หยอดเหรียญขายเครื่องดื่มกระป๋อง คู่กับชานชาลาสถานีระหว่างทาง และทุกหัวระแหงในญี่ปุ่น



รถบำรุงทางของบริษัท JR ฮอกไกโด ซึ่งผมว่าลวดลายออกจะด้อยกว่ากลุ่มบริษัท JR อื่นไปสักหน่อย



เข้าชานเมืองฟุกากะวะ บ้านเรือนของเกษตรกรเหล่านี้ ทำให้ผมนึกถึงนมสดฮอกไกโดอันมีชื่อเสียงขึ้นมาติดหมัดทีเดียว มาถึงถิ่นแล้ว ต้องหาซื้อมากินให้ได้



เข้าเขตชุมชนเมืองอะซะฮิกะวะ ดูเผินๆ แล้วเหมือนตัวจังหวัดบางแห่งในบ้านเรา



ถึงสายน้ำจะเหลือน้อย แต่ชาวบ้านไม่คิดจะปลูกบ้านเรือนรุกล้ำลงไปลำน้ำ อาจเกรงใจรั้วกั้นทั้งสองฝั่งก็ได้ ผมคิดว่า คงสร้างเพื่อป้องกันน้ำหลากเข้าท่วมเมืองในฤดูฝนมากกว่า



ขอเซลฟี่ซ้อน ด้วยภาพของ อ.วิรัตน์ สักหน่อยครับ

รถด่วน Limited Express ของ JR ฮอกไกโด (ยกเว้นขบวนซูเปอร์ โฮกุโตะ) มักจะติดรูปการ์ตูนน่ารักไว้เป็นสัญญลักษณ์ประจำขบวนด้วยล่ะ



ยังมีเวลารอต่อรถ Local Train ไปยังสถานีฟุระโนะ ชาวคณะเลยขอเดินดูบริเวณสถานีกันหน่อย หลังจากเข้าห้องสุขากันเรียบร้อยแล้ว

ตารางเดินรถที่ค่อนข้างแปลกสำหรับเรา โดยชั่วโมง นำหน้า ถัดมาถึงจะเป็นนาที พร้อมด้วยหมายเลขขบวนรถตามลำดับ เรียงตามแบบอ่านภาษาญี่ปุ่นยังไงยังงั้น



เพิ่งเห็นป้ายเตือนนี้แหละ เป็นป้ายแรกที่ทำให้ยกกล้องเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก

บ้านเรายังไม่มีครับ



ขบวนรถที่จอดรอให้บริการอยู่ตามชานชาลา แต่ยังไม่เปิดประตูให้ผู้โดยสารขึ้นไปนั๋งแต่อย่างใด



ตู้ไฟบอกทางไปยังขานชาลา และสถานทีต่างๆ ภายในอาตารสถานี



พอดีมีขบวนรถ Local Train เข้ามาถึงปลายทางที่นี่

ไฟที่บอกปลายทาง จะเปลี่ยนเป็นถ้อยคำว่า out of service พร้อมกับผู้โดยสารที่ลงจากรถ นำขยะติดมือมาใส่ในถุงดำที่พนักงานมายืนกางตรงประตูรถ

จากนั้น พนักงานจะนำถุงดำและอปกรณ์ทำความสะอาดเข้าไปในรถ เพื่อเก็บขยะที่ยังคงค้างตามถุงในรถ พร้อมทำความสะอาดขั้นต้น โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเท่านั้น

แต่ก็สะอาดเอี่ยมเกินพอ ก่อนเตรียมขบวนรับผู้โดยสารชุดใหม่ขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อไป



ขอเดินลงไปชมบรรยากาศที่ชั้นล่างสักหน่อย ชาวญี่ปุ่น ชอบศิลปะตกแต่งลวดลายไม้ครับ



ความพลุกพล่านของผู้โดยสารย่อมมีน้อยกว่าสถานีใหญ่อยู่แล้ว จนกว่าจะมีขบวนรถมาถึงนั่นแหละ



ลิฟท์ที่ขึ้นไปยังชานชาลาชั้นบน

สถานีใหญ่หลายแห่ง พอขึ้นถึงชั้นบน ประตูลิฟท์กลับเปิดไปยังอีกด้าน ทำเอาผมต้องปรับความรู้สึกอยู่พักใหญ่ กว่าจะรับกับเทคโนโลยีสมัยใหม่นี้



ป้ายข้างรถ ยืนยันว่า คันนี้ ไปยังสถานีฟุระโนะ แน่นอน



ผู้โดยสารค่อนข้างมาก เพราะรถไฟ Local Train เที่ยวนี้ มีเพียงตู้เดียวเท่านั้น



แถมรถไฟเที่ยวนี้ ยังมีนายตรวจยืนคุมมาอีกด้วย คาดว่า พขร.คงจะเริ่มงานใหม่

ดูจากเขาปฏิบัติหน้าที่แล้ว เพลินดีครับ หยุดรถแต่ละแห่ง พขร.ต้องออกมาจากห้องขับ มองดูความเรียบร้อยของผู้โดยสารในรถ ก่อนที่จะกลับเข้าไปในห้อง ชี้ตรวจดูเวลา สถานีต่อไป มาตรวัดต่างๆ ประจำรถ พอเห็นว่าครบทุกขั้นตอนแล้ว จะยกนิ้วชี้ไปข้างหน้า ชูขึ้น 45 องศา ก่อนที่จะออกรถต่อไป จนกว่าจะถึงปลายทาง

มีป้ายแปลกๆ อีกแล้วคือ ห้ามผู้โดยสารคุยกับ พขร.ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้

ส่วนกล่องที่เห็นนั้น เป็นกล่องเก็บค่าโดยสาร โดยมีบอร์ดแสดงอัตราค่าโดยสารสถานีข้างหน้า ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปทุกระยะ ให้ผู้โดยสารได้ทราบ และชำระเงินได้ถูกต้องด้วย



ภาพผู้โดยสารในรถครับ ไม่มากมายอะไรนัก แต่ไม่มีที่นั่ง ที่เหลือเลยต้องยืนจนกว่าจะถึงปลายทาง



แนวเส้นทางรถไฟ Local Train ช่วงสถานีอะซะฮิกะวะ - บิเอะ



ที่หยุดรถระหว่างทางครับ เพื่อนอาจารย์ที่เคยไปเรียนที่ญี่ปุ่นบอกว่า เป็นที่หยุดรถชื่อมิโดริงะโอกะ เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2539 นี้เอง ตามคำร้องขอของชาวบ้าน



บ้านน้อยที่น่ารักริมทาง



ภาพประทับใจบนรถ เมื่อคุณปู่พาหลานขึ้นรถไฟ และสอนให้หลานคุ้นเคยกับระบบต่างๆ



ป้ายนี้ผมยังไม่ทราบความหมายครับ รบกวนจากผู้รู้แล้วล่ะ



ไม้กั้นทางตัด มีขนาดแค่นี้จริงๆ แถมรถยนต์ยังจอดอยู่ห่างจากทางตัดอีกด้วย



เจอรถขาขึ้นที่สวนมาแล้วล่ะ แต่ไม่ยักจอดที่รางหลีกแฮะ



มีตู้เดียวเช่นกัน

รางหลีกแยกซ้ายข้างหน้า คงสำหรับรถซ่อมบำรุงทาง เพราะสั้นเหลือเกิน



ถึงสถานีบิเอะ อ.วิรัตน์ ขอให้ชาวคณะแวะชื่นชมบรรยากาศสักหน่อย

ก่อนที่จะต่อรถขบวนต่อไปยังสถานีฟุระโนะ



และก็... เซลฟี่กันตามระเบียบ



ตัวผมบ้าง เพราะโอกาสมาเยือนถึงถิ่นมีน้อยมากครับ



แล้วก็ คุณอรรณพซึ่งเป็นคนรั้งท้ายสุด



รายนี้ขอแถมอีกรูปกับป้ายชื่อสถานี



พอดีมีรถไฟ Local Train จากเมืองฟุระโนะ ไปยังอะซะฮิกะวะ มาถึงสถานีบิเอะ เลยอ้อยอิ่งเก็บภาพอีกนิดหนึ่ง

แน่นอนว่า บรรดาผู้โดยสารที่จะขึ้นรถและลงรถที่นี่ ต้องใช้บริการข้ามสะพานลอยข้ามทางรถไฟโดยไมมีข้อแม้ หรือโวยวายแต่อย่างใด เพราะมีข้อห้ามไว้ครับ



แถมด้วยป้ายติดพื้นชานชาลาสถานีถึงตำแหน่งประตูรถ และยืนรอ หลังจากผู้โดยสารที่จะลงเดินออกมาหมดแล้ว

ป้ายนี้สำหรับรถไฟที่มีเพียงตู้เดียว



ป้ายนี้สำหรับรถไฟที่มีตู้โดยสารพ่วงกันสองตู้ครับ ยังงๆ อยู่ว่า พขร.เขามีวิธีจอดอย่างไรให้ช่องประตูตรงป้ายพอดี ?



อาคารที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ดูจากถังนมแล้ว น่าจะเป็นสถานที่เกี่ยวของกับกิจการโคนม แต่ผิดจากที่คาดเดาไว้ทั้งสิ้น

เป็นโรงแรม ผู้ที่ชอบบรรยากาศแบบนี้คงถูกใจนะครับ



บรรดาผู้โดยสารที่มาถึง ต่างแสดงตั๋วโดยสารให้นายสถานีดู ก่อนเดินผ่านประตูเข้าไปภายใน เพราะสถานีเป็นระบบปิด ไม่ให้ใครเดินเพ่นพ่าน จนกว่ารถไฟมาถึง

ชาวคณะก็รวมหมู่เดินเข้าไปด้วย



ป้ายแสดงบริเวณใกล้เคียงสถานี บอกว่ามีอะไร ที่ไหน ให้ผู้โดยสารได้ทราบ ก่อนที่จะออกจากสถานี

เพราะเมืองบิเอะ ถือว่าเป็นเมืองที่มีท่องเที่ยวธรรมชาติอันสวยงาม มักจะมีชาวไทย และฝรั่งมังค่า แวะมาพักเสมอ



กว้างออกไปอีกนิดหนึ่ง จะเห็นว่า มีเส้นทางชี้แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่อยู่บนเขา เช่น บ่อน้ำสีฟ้า น้ำตกชิราฮิเกะ นินชิคิไซ ชิโรกาเนะออนเซ็น สวนโฮคุเซ ต้นเคนและแมรี่ และเส้นทางแพทเวิร์ค



สภาพภายในอาคารสถานี



เดินออกมาด้านหน้าสถานีครับ มีพาหนะสะดวก ทั้งแท็กซี่มิเตอร์ และรถประจำทาง



มีป้ายของสำนักงานเมืองบิเอะ จัดทำไว้แนะนำนักท่องเที่ยวเช่นกัน



ชาวคณะพากันดุ่มๆ เลียบด้านซ้ายสถานี ไปยังสำนักงานการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ประจำเมืองบิเอะซึ่งจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึกจากเมืองนี้



ผ่านโรงเก็บรถจักรยาน ที่ชาวเมืองขี่มายังสถานี เพื่อขึ้นรถไฟไปทำงานยังเมืองใหญ่

ครั้นถึงเวลาเลิกงาน ลงรถไฟที่นี่ แล้วขี่จักรยานกลับบ้าน

ผมยังไม่เห็นรถจักรยานยนต์ที่น่าจะมีหลากหลายเลยนะ ทั้งๆ ที่ในบ้านเรามียี่ห้อยอดฮิตของญี่ปุ่นวิ่งอยู่มากมาย



แผนภูมิจำลองของเมืองบิเอะ ที่ตั้งแสดงอยู่ภายในร้าน โดยมองไปทางทิศตะวันออก



จากนั้น ก็เดินชมเมืองแบบฉาบฉวย ซึ่งผมประทับใจในความสะอาด และปริมาณรถยนต์ที่มีน้อย ทั้งๆ ที่ในใจ จะรู้สึกเหงาๆ หน่อยก็ตาม



ลองเดินข้ามถนนไปอีกล็อกหนึ่งสิ



เจอวัดชินโตแห่งหนึ่ง มติชาวคณะเห็นว่า ถ้าจะชมเมืองแบบนี้ ควรเช่าจักรยานจากร้านหน้าสถานีมาขี่ดีกว่า แถมบรรยากาศที่พักในช่วงนี้ คงพอคบค้าได้ ถ้ามาพักจริงๆ สักสองสามวัน

ชวนกันเดินข้ามถนน ไปยังร้านสะดวกซื้อ เพื่อหาเสบียงยามเที่ยงมากินที่สถานีรถไฟ

ถึงร้านสะดวกซื้อ ต่างพากันจับจ่ายของ รับเงินทอนเป็นเหรีญย่อยกันสนุกมือเชียวล่ะ

ร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ สถานีนี่เอง



ถ้าไม่ได้เห็นจากการ์ตูนญี่ปุ่นมาก่อน ผมคงไม่ทราบว่าเป็นเครื่องหมายของอะไร ?

ขอขอบคุณโดเรมอนและโนบิตะ มา ณ ที่นี่



หลังจากอิ่มท้องและได้พักขาแล้ว รถไฟ Local Train สายอะซะฮิกะวะ - ฟุระโนะ เที่ยวบ่าย ได้มาถึงสถานีบิเอะ

ลาล่ะครับ เมืองบิเอะที่แสนสวย สงบ และสะอาดสะอ้าน



เส้นทางรถไฟ Local Train ช่วงสถานีบิเอะ - ฟุระโนะ



เห็นสะพานโค้งริมทางที่อยู่ห่างๆ นึกว่าเป็นสะพานรถยนต์

พอเข้าไปใกล้ๆ อีกครั้งหนึ่ง กลายเป็นสะพานโค้งสำหรับท่อประปา ผิดจากที่คาดหมายลิบลับ



นึกถึงเส้นทางสายเหนือขึ้นมาทันใดครับ

แถมมีกำแพงกันดินข้างทางถล่มลงมาทับในช่วงฤดูฝน และหิมะช่วงฤดูหนาวอีกด้วย



รางกัน เขากลับสร้างอยู่ด้านนอก ดูแล้วแปลกตา



เจอรถไฟ Local Train ขาขึ้นจอดรอหลีกพอดี

มาแปลกตาตรงที่รางประธานไม่ยาวตรงไป กลับแยกกับรางหลีกเหมือนกันอีกด้วย

ต้องมีเหตุผลประกอบล่ะครับ



มาดของ พขร.ขณะนำรถวิ่งบนเส้นทางช่วงขึ้นเขา



สะพานข้ามลำน้ำบนเส้นทาง ปูทางเดินเพื่อความปลอดภัยของพนักงานซ่อมบำรุงทางให้เสร็จสรรพ



อ.วิรัตน์ ให้คำอธิบายในภายหลังง่า ประแจเหล่านี้ เป็นประแจรีด โดยล้อรถจะทำหน้าที่เปิดประแจเอง เช่นเดียวกับรถราง

รถขบวนต่อไป จะแล่นเข้ารางที่ล้อรถคันก่อนรีดเปิดประแจทิ้งเอาไว้ แล้วไปรีดเปิดประแจข้างหน้าต่อไป

ผมว่า คงเหมาะกับเส้นทางที่ใช้ความเร็วไม่มากกระมัง ?



คงเชยมากๆ กระมัง ? ที่สารภาพกันตรงๆ ว่า เพิ่งเห็นหิมะบนยอดเขาจริงๆ ตอนแก่ตัวนี่แหละ ถึงแม้หิมะจะละลายไปเกือบหมดแล้วก็ตาม



ถึงสถานีนากะ ฟุระโนะ ส่วนใหญ่ มักมีลักษณะเป็นที่หยุดรถในบ้านเรามากกว่า



คราวนี้ เห็นตัวเมืองฟุระโนะ ตั้งอยู่ห่างๆ ริมเชิงเขาครับ



จำนวนผู้โดยสารเริ่มลดลง เพราะใกล้ถึงปลายทางแล้ว



เห็นจะต้องลงบัญชีเครื่องดื่่มพื้นถิ่นฮอกไกโดมาชิมเพิ่มแล้วล่ะ

อ.วิรัตน์ ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้พอดี



สถานีชิกะอุจิ ชอบรูปทรงอาคารสถานีสมัยดั้งเดิมครับ



สถานีงะกูเด็น สถานีนี้ ทันสมัยหน่อย



เข้าย่านสถานีฟูระโนะ



เส้นทางแยกไปสถานีทากิกะวะ เพื่อต่อรถด่วน Limited Express ไลแล็ก กลับซัปโปะโระ



ย่านสินค้าสถานีฟุระโนะ



ตัวเมืองฟุระโนะ มองจากรถไฟครับ พอมีหิมะปกคลุมยอดเขา ปลอบใจคนบ้านไกลยามได้เห็นบ้าง



ขอเก็บภาพห้องขับไว้เป็นที่ระลึก ถึงจะผ่านการใช้งานร่วมหลายสิบปีแล้ว สภาพยังใหม่แจ๋วเหมือนเดิม



อีกด้านหนึ่งครับ ถ้าเป็นบ้านเรามักเป็นฝั่งช่างเครื่อง แต่ที่นี่ ไม่มีกั้นห้องด้วยสิ



จากนั้น ก็แยกย้ายกันเก็บภาพตามอัธยาศัย



คุณอรรณพ กำลังเก็บภาพรถที่จอดอยู่ในย่าน



ผู้โดยสารออกจาก Local Train อีกขบวนเข้าเทียบชานชาลาสถานี



จากนั้น ชวนกันเดินข้ามสะพานลอย ไปชมอาคารสถานี



เพียงแค่ชูบัตร JR Rail Pass ให้เจ้าหน้าที่ช่องซ้ายสุดดู ก็ผ่านตลอดออกมาภายนอกแล้ว



สถาพโล่ง ไม่มีผู้คนเดินพลุกพล่าน ทำให้ผมรู้สึกเหงาๆ ครับ ซึ่ง อ.วิรัตน์บอกว่าเป็นวันหยุดราชการแบบหยุดยาว ถึงกระนั้น เมืองฟุระโนะมี้ระบบขนส่งมวลชน เช่น รถเมล์ รถแท็กซี่ ที่สามารถรับผู้โดยสารกลับเข้าบ้านได้สะดวกก็ได้

ปกติ เมืองเหล่านี้ จะคึกคักในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว เพื่อมาเล่นสกี ชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ และชมโรงงานทำเนยแข็งที่กล่าวกันว่า อร่อยที่สุดของเกาะฮอกไกโดทีเดียว



หันมาทางซ้ายของอาคารสถานี ก็ทึ่งกับเครื่องร่อนลำเท่าแบบ ที่นำมาแสดงอยู่

อาจเป็นช่วงเทศกาลกระมัง ?



แม้แต่ในอาคารสถานี ยังมีโมบายเครื่องร่อนนี้แขวนโชว์อยู่ด้วย



กลับมาที่ชานชาลา คาดว่าเป็นหุ่นโชว์ถึงชาวไอนุ เผ่าพันธุ์พื้นเมืองของเกาะฮอกไกโด

เป็นผู้ตั้งชื่อเมือง อันมีความหมายว่า "เปลวไฟที่เหม็น" อันมาจากเดิมในหุบเขานี้ มีกลิ่นเหม็นจากกำมะถันจากยอดภูเขาไฟโทกาจิ

ข้อมูลอีกอย่างของเมืองนี้ คือ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของเกาะฮอกไกโด



จากนั้น ชาวคณะได้ต่อรถไฟ Local Train สายฟุระโนะ - ทากิกะวะ กันล่ะ



เส้นทางรถไฟ Local Train ช่วงสถานีฟุระโนะ - ทากิกาวะ



แล้วต่อรถด่วน Limited Express ไลแล็ก กลับสถานีซัปโปะโระ



เส้นทางรถไฟช่วงสถานีทากิกาวะ - ซัปโปะโระ

รายการวันนี้ยังไม่จบ ขอยกยอดไปต่อตอนหน้าครับ





Create Date : 14 ธันวาคม 2562
Last Update : 14 ธันวาคม 2562 15:02:39 น. 0 comments
Counter : 778 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

owl2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add owl2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.