Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2561
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
2 พฤษภาคม 2561
 
All Blogs
 
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 9 )

หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว ทางหัวหน้าทัวร์ได้จัดรายการเล็กๆ คั่นรายการนำชมวัดและวิหารต่างๆ นั่นคือ ไปชมการทำเครื่องเขินที่บ้านเมียงกาบา ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองเก่าและเมืองใหม่พุกาม



ไกด์ถึงกับลงทุนอธิบายถึงกรรมวิธีทำ ตั้งแต่การสานขึ้นรูป ลงรัก ก่อนที่จะนำมาแกะลวดลายลงสี ปิดทอง จนจบขั้นตอน



ผมได้รับความรู้อันน่าทึ่งเกี่ยวกับขั้นตอนการทำเครื่องเขินที่นี่ คงต่างจากเชียงใหม่ของเราตรงที่มีการพัฒนาใช้ขนหางม้ามาถักขึ้นโครงร่วมกับไม้ไผ่ด้วย ทำให้มีคุณสมบัติยืดหยุ่นง่าย

หากบีบแล้วปล่อยวาง จะขึ้นรูปคงเดิมในไม่ช้า



ตัวอย่างที่วางโชว์ให้ลูกทัวร์พิสูจน์ความจริงข้อนี้



แสดงตัวอย่างผ่านขั้นตอนการทำมาแล้วครับ



การสานขึ้นรูปเครื่องเขิน เส้นไม้ไผ่ที่ใช้จะแบน และบางกว่าเครื่องจักสานทั่วไป



สามารถดูได้อย่างใกล้ชิดครับ

มีปัญหาเพียงอย่างเดียว คือ เราพูดภาษาไทย ส่วนช่างพูดแต่ภาษาพม่าเท่านั้น ฮ่า...



หลังจากทำความสะอาดแล้ว ก็เป็นภาระของแผนกลงรัก ที่ค่อยๆ ทาลงไปทีละชั้น ก่อนที่จะปล่อยให้แห้งสนิท แล้วลงรักไปอีก จนกว่าจะเป็นที่พอใจ



หลังจากนั้น จึงนำมาขัด ก่อนที่จะสลักลาย ลงสี ปิดทองตามวิธีกรรมต่อไป

สำหรับราคาขายนั้น กลับคิดราคาเป็นเงิน US Dollar อย่างเบาะๆ ก็ปาเข้าไปตั้ง 5 US Dollar แล้ว

แพงสุดในร้านเป็นชั้นวางของทำด้วยเครื่องเขิน เช่นเดียวกับตู้เก็บเอกสารบ้านเรา ชิ้นละ 1,500 US Dollar ครับ

ลูกทัวร์ส่วนใหญ่จึงสมัครใจขอเป็นผู้ชมมากกว่าผู้ซื้อ



ตกบ่าย อากาศร้อนๆ ไม่มีอะไรดีกว่าไปยังที่พักประจำคืนนี้

ชาวคณะจึงถูกนำไป check in ที่โรงแรมซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ บริเวณเมืองเก่าพุกาม ก่อนที่จะปล่อยให้พักผ่อนตามอัธยาศัยจนถึงเวลาบ่ายคล้อยนั่นแหละ



กับ welcome drink ก่อนจะขึ้นไปยังห้องพักซึ่งอยู่ชั้นบน

ตามข้อกำหนด โรงแรมที่ตั้งบริเวณสถานที่ทางประวัติศาสตร์เช่นนี้ จะมีความสูงไม่เกิน 2 ชั้น จึงไม่มีลิฟท์ให้บริการ แขกต้องเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพักเอง

แต่มีจุดเด่นตรงเป็นจุดปล่อยบัลลูนยามเช้าชมเมืองเก่าพุกามนี่แหละ



กำลังพักผ่อนเคลิ้มๆ ได้ที่ ได้เวลาปลุกเรียกไปชมเจดีย์วิหารกุบยางกี และไปชมทุ่งเจดีย์ยามพลบ อีกแล้ว

หน้าตาเลยไม่ค่อยยิ้มสู้กล้อง ณ ชั้นบนของโรงแรม



วัดกุบยางกี สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธะ

สิ่งที่โดดเด่นคือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกาม เป็นการเขียนสีบนพื้นปูนเปียก ที่เรียกว่า ”Fresco” สามารถเข้าไปดูข้างในได้

แต่ทางการไม่อนุญาตให้นำกล้องไปบันทึกภาพภายในวิหาร หรือ พระเจดีย์ ด้วยเกรงว่าแสงจากแฟลชจะทำลายภาพภายในให้เสียหาย

ดังนั้น จึงเป็นที่น่าเสียดายสำหรับเหล่าช่างภาพ ทำได้แค่บันทึกภาพภายนอกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น



ดูแต่ลวดลายภายนอกก็พอนะครับ



แต่ยังมีสิ่งที่น่าสนใจรออยู่ภายนอก คือร้านจำหน่ายภาพวาดและภาพวาดโรยทราย อันเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

แต่ละฝ่ายจึงต้องวาดลวดลายกันสุดฤทธิ์เชียวล่ะในการสนนราคา



สำหรับผม พอใจเพียงบันทึกภาพไว้ดูเท่านั้น เพราะไม่ต้องเสียราคาค่างวดแต่อย่างใด



ตัวอย่างภาพส่วนหนึ่งในร้านครับ แต่ยังมีผู้สนใจซื้อด้วยสิ



พอได้เวลาใกล้พลบ ก็ย้ายฐานไปยังเนินชมพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับฟ้า ณ ทะเลพระเจดีย์ 4,000 องค์ อันว่างามประทับใจนัก เพื่อจับจองหามุมสวยๆ ก่อนนักท่องเที่ยวรายอื่นๆ จะมาถึงด้วยจุดประสงค์เดียวกัน

เนินนี้ ทางการจัดทำขึ้นแทนจุดชมดั้งเดิมที่พระเจดีย์ชเวซันดอว์ ซึ่งทรุดโทรมเต็มที่แล้ว ไม่อาจทนทานต่อกระแสนักท่องเที่ยวที่ประดังขึ้นไปบันทึกภาพได้อีก



จริงดังคาด ไม่ว่าคณะทัวร์ไหนๆ ที่อยู่ในทุ่งเจดีย์เมืองพุกามทั้งจีน จาม สยาม แขก แม้แต่ฝรั่งมังค่าก็ตาม เริ่มทะยอยมาจับจองที่เตรียมบันทึกภาพอันประทับใจครั้งนี้

ผมเจอลุงเจ้าของร้านจำหน่ายภาพที่วัดกุบยางกี สะพายสินค้ามาเร่ขายที่นี่ด้วย เจอหน้าปุ๊บ ต่างคนต่างส่งยิ้มให้กัน ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป

น้องผมบอกว่า แกนั้นเป็นยอดนักขายจริงๆ



ยิ่งใกล้พลบ จำนวนนักท่องเที่ยวยิ่งหนาแน่นยิ่งขึ้น

รวมทั้งพ่อค้าแม่ขายชาวพม่าที่ถือโอกาสทำเงินเป็นครั้งสุดท้ายในรอบวันอีกด้วย



สนุกสนานปานรอการแสดงคอนเสิร์ตกลางแจ้งของนักร้องชื่อดังประมาณนั้น

แต่นี่ เป็นการแสดงจากธรรมชาติ พระอาทิตย์ตกดินยามพลบที่ทะเลเจดีย์เมืองพุกาม



แล้วช่วงเวลาอันสำคัญก็มาถึง

เสียงปรบมือและเสียงเฮฮากันลั่น ก่อนที่แสงตะวันจะลับฟ้า และนักท่องเที่ยวต่างทะยอยแยกย้ายกันกลับที่พัก



น้องผม ซึ่งแอบไปลองสรรพคุณของแป้งทานาคาจากแผนกนวดแผนโบราณของโรงแรมเมื่อใดก็ไม่ทราบ ขอร่วมวงอำลาดวงอาทิตย์ประจำวันนี้ด้วย

มีเสียงถามหัวหน้าทัวร์ว่า ช่วงเวลากลางคืนนั้น เหมาะสมกับการปั่นจักรยานเที่ยวชมแสงจันทร์หรือไม่ ?

ได้รับคำตอบว่า ช่วงดังกล่าว เป็นช่วงที่เหมาะสำหรับบรรดาสัตว์เลื้อยคลานออกมาหากิน เพราะช่วงกลางวันจะหลบแดดอันแรงกล้าในโพรงไม้ อาจมีการจ๊ะเอ๋กันโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็ได้



ช่วงเวลาค่ำ บรรยากาศชื่นมื่นระหว่างมื้ออาหารกำลังเริ่ม และมีนักท่องเที่ยวจากหลายคณะเข้ามารวมในร้านแห่งนี้ด้วย

หลายรายลองชิมเบียร์ Myanmar ตามที่เห็นจากโฆษณาระหว่างเดินทาง พบว่าเป็นแค่ light beer มีดีกรีแค่ 5 % ราคาขวดละ 3,500 จั๊ด

พี่อีกคนพูดด้วยแรงชาตินิยมว่า ในกลุ่มอาเซียน เห็นจะไม่มีใครสู้เบียร์ LEO บ้านเราไม่ได้

กลับไป จะไปลิ้มรสให้เต็มรัก สมกับที่คิดถึงสักหน่อย 55555



พอได้เวลา คณะหุ่นกระบอกเมืองพุกาม เริ่มการแสดงแบบไม่ยิ่นเย้อ

เรียกว่าหุ่นตัวน้อยนั้น มีชีวิตชีวาขึ้นทันตาเห็น สมกับเป็นมืออาชีพด้านนี้จริงๆ



แม้แต่ม้าหุ่นกระบอก ยังออกมาแสดงท่าท่าคึกคัก ประทับใจผู้ชม จนถึงต้องคว้ากล้องออกมาบันทึกภาพถึงขอบเวทีเลยทีเดียว



แล้วก็แสดงตามเนื้อเรื่องที่ผูกเอาไว้เป็นเรื่องสั้นๆ ทำเอาฝรั่งปรบมือกันเกรียวกราว



โชว์ตัวในตอนท้ายของการแสดงครับ ก่อนที่จะแยกกันไปตามโต๊ะอาหาร

คงเรียกเงินจากแขกเหรื่อกลับไปแบ่งกันในทีมงานไม่น้อย



เจอของดีระหว่างเดินเข้าโรงแรมที่พักครับ

หลายรายถือโอกาสไปนั่งเป็นนางแบบขับรถตุ๊กๆ กันคนละรูป สองรูป

จนกระทั่งคนขับรถตัวจริงโผล่มาจากโรงแรมนั่นแหละ วงถึงแตก กลับเข้าห้องใครห้องมัน

คงหลับเพลินแน่ๆ เพราะเดินชมวัดกันทั้งวัน


Create Date : 02 พฤษภาคม 2561
Last Update : 2 พฤษภาคม 2561 22:05:26 น. 0 comments
Counter : 775 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

owl2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add owl2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.