|
30 สิงหาคม 2553
|
|
|
|
เบาหวานขณะตั้งครรภ์
เบาหวานอาจเกิดขึ้นเองในขณะที่คุณแม่ตั้งครรภ์ได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่พบว่าเป็นเบาหวาน แต่พอคลอดบุตรแล้วภาวะเบาหวานนี้ก็จะหายไปเอง ซึ่งแตกต่างจากคุณแม่ที่มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานอยู่ก่อนแล้วมาตั้งครรภ์ เพราะในกรณีหลังนั้นเมื่อการตั้งครรภ์สิ้นสุดลงโรคเบาหวานก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม ภาวะเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์นี้เกิดจากการที่คุณแม่ตั้งครรภ์มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน คือมีการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์บางชนิด ซึ่งส่งผลให้เซลล์ต่างๆของร่างกายมีการตอบสนองต่ออินซูลินน้อยลง จึงส่งผลให้เซลล์นำน้ำตาลไปใช้ได้น้อย ก็เลยมีน้ำตาลเหลืออยู่ในเลือดมาก เมื่อเจาะเลือดไปตรวจก็จะพบว่ามีระดับน้ำตาลสูง เหมือนกับผู้ป่วยเบาหวาน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์เหล่านี้ก็เพื่อให้ทารกได้รับน้ำตาลอย่างพอเพียงนั่นเอง ภาวะนี้จึงพบได้บ่อยๆในหญิงตั้งครรภ์ อุบัติการณ์ที่พบในประเทศไทยมีประมาณ 1-14 % แต่ในบางครั้งการที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากเกินไปต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน ก็จะส่งผลเสียต่อทั้งคุณแม่และทารกได้ ผลที่เกิดขึ้นในคุณแม่ก็จะมีอาการเช่นเดียวกับคนเป็นเบาหวาน นั่นคืจะมีอาการปวดศีรษะ วิงเวียน ความดันโลหิตสูง อย่างไรก็ตามภาวะเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์จะเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงที่ตั้งครรภ์เท่านั้น หลังจากการคลอดทารกออกมาแล้วร่างกายคุณแม่ก็จะปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติได้เอง ส่วนผลที่เกิดกับทารกก็คือทารกมีการเจริญเติบโตมากทำให้มีขนาดตัวใหญ่กว่าเกณฑ์ตามอายุครรภ์ และอาจเกิดภาวะขาดน้ำตาลได้หลังคลอด ส่วนในรายที่เป็นมากโดยที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ และเป็นในระยะที่ทารกกำลังสร้างอวัยวะ ก็อาจส่งผลให้ทารกเกิดความพิการได้ ความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์ สามารถประเมินได้จากหลายปัจจัย เช่น อายุมากกว่า 35 ปี อ้วน (น้ำหนักมากกว่า Ideal weight ร้อยละ 20) เบาหวานในญาติใกล้ชิด ประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในครรภ์ที่ผ่านมา ประวัติการคลอดที่ผ่านมาผิดปกติ เช่น เคยคลอดทารกตัวโต (น้ำหนักทารกมากกว่า 4,000 กรัม) ทารกตายคลอด พิการแต่กำเนิด มีภาวะครรภ์เป็นพิษ ครรภ์แฝดน้ำ เป็นต้น ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ ซึ่งแพทย์จะต้องทำการวินิจฉัยภาวะเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ เพื่อให้การดูแลรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป
การดูแลรักษาคุณแม่ที่เป็นเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ ได้แก่การดูแลเรื่องอาหาร การควบคุมระดับน้ำตาล และตรวจหาภาวะแทรกซ้อนต่างๆ การตรวจอัลตร้าซาวด์ และการทำ Non Stress Test อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นในการประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์ นอกจากนี้คุณแม่ยังต้องได้รับการฉีดยาอินซูลินซึ่งความต้องการอินซูลินนั้นมักจะเพิ่มมากขึ้นตามอายุครรภ์
Create Date : 30 สิงหาคม 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 30 สิงหาคม 2553 10:25:23 น. |
Counter : 734 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: เจ IP: 223.205.31.119 13 พฤศจิกายน 2553 1:47:48 น. |
|
|
|
| |
|
|
DR.TONGTIS |
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]
|
B.Sc. Chulalongkorn University, Bangkok Thailand 1974-1978. M.D. Chulalongkorn University, Bangkok Thailand 1979-1980. Diploma Board of Obstetrics and Gynecology. Chulalongkorn University, Bangkok Thailand 1981-1983. Postdocteral Fellow Training. Queen's Mother Hospital, Glasgow Scotland. Postdocteral Fellow Training.King's College Hospital, London. UK. Postdocteral Fellow Training. Department of Obstetrics and Gynecology and Department of Radiology. John Hopkins Hospital, John Hopkins University.
|
|
|