|
29 กันยายน 2553
|
|
|
|
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวิตามินในหญิงตั้งครรภ์
การรับประทานวิตามินในหญิงตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญ หรือเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากในทุกวันนี้ แม้ว่าการรับประทานวิตามินในระหว่างตั้งครรภ์เป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว เพราะในวิตามินเม็ดเล็กๆนี้เป็นแหล่งของวิตามินและเกลือแร่ที่มีความจำเป็นในหญิงตั้งครรภ์ แต่ปัญหาก็คือเรามีแนวความคิดที่ผิดเกี่ยวกับวิตามินเสริมหลายประการ หลายๆคนมักถูกบอกกล่าวมาว่าการรับประทานวิตามินก่อนการตั้งครรภ์จะช่วยป้องกันความพิการแต่กำเนิดของทารกได้ และการรับประทานวิตามินอย่างต่อเนื่องในระยะตั้งครรภ์ไปจนกระทั่งหลังคลอดในระยะให้นมบุตรจะช่วยป้องกันภาวะทุพโภชนาการ อย่างไรก็ตามบางสิ่งที่เราเคยได้รับฟังมาเกี่ยวกับผลของวิตามิน อาจจะถูกอ้างเหตุผลโดยผิดหลักการแพทย์ แนวความคิดหรือความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับวิตามินมีดังต่อไปนี้ การรับประทานวิตามินในระหว่างตั้งครรภ์จะช่วยรักษาทุกอย่าง ไม่ต้องสงสัยเลยวิตามินเสริมมีคุณประโยชน์มากมายสำหรับหญิงตั้งครรภ์ แต่ประเด็นสำคัญคือ เราเชื่อว่าเราจะมีภาวะโภชนาการที่ไม่ดีหากไม่รับประทานวิตามิน แท้จริงแล้ววิตามินเพียงแต่มีส่วนช่วยส่งเสริมภาวะโภชนาการของเรา ยิ่งเราสามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้นเท่าใด เราก็ยิ่งได้รับวิตามินมากขึ้นเท่านั้น การซื้อยาวิตามินในระหว่างตั้งครรภ์จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์ บริษัทผลิตยาวิตามินต่างต้องการให้เรามีความเชื่อว่า การรับประทานยาวิตามินจากบริษัทของเขาระหว่างการตั้งครรภ์เท่านั้นจึงจะมีคุณประโยชน์มากมายและได้ผลดีกว่ายาของบริษัทอื่น ทั้งที่ยาวิตามินส่วนมากแล้วมีคุณประโยชน์ใกล้เคียงกัน ยาวิตามินบางชนิดที่วางขายในร้านขายยาทั่วไปก็มีคุณประโยชน์เช่นเดียวกัน หากคุณไม่แน่ใจก็สามารถนำยาวิตามินที่ซื้อมามาให้แพทย์ที่รับฝากครรภ์พิจารณาให้ได้ อย่างไรก็ตามการซื้อยาตามร้านขายยาอาจต้องเลือกร้านที่มีคุณภาพ มีการจัดเก็บยาอย่างถูกต้อง และมีการรับประกันคุณภาพด้วย จำเป็นต้องรับประทานวิตามินสำหรับหญิงตั้งครรภ์เท่านั้น มียาวิตามินจำนวนมากที่ดีและปลอดภัยต่อหญิงตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามเราควรที่จะเลือกบริโภคยาวิตามินชนิดที่มีคุณประโยชน์เพียงพอต่อการตั้งครรภ์ เช่น มีปริมาณและชนิด ของวิตามินและเกลือแร่ อย่างพอเพียงและเหมาะสม วิตามินบางชนิด เช่น วิตามิน A หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความพิการของทารกแต่กำเนิดได้ การรับประทานวิตามินระหว่างตั้งครรภ์นั้นเพียงพอแล้วโดยไม่ต้องคำนึงว่าอาหารที่รับประทานอยู่จะเป็นเช่นไร ความเชื่อนี้ผิดมาก เพราะหลักการของวิตามินเสริมคือ เพื่อเสริมการรับประทานอาหารตามปกติไม่ใช่เพื่อทดแทน และความจริงแล้วการรับประทานวิตามินจะให้ผลดีที่สุดเมื่อเรารับประทานอาหารที่มีประโยชน์หลากหลายชนิด เป็นที่ทราบกันดีว่าส่วนประกอบในวิตามินบำรุงครรภ์ทั่วไปมีแคลเซียมไม่พอเพียง ปริมาณแคลเซียมในวิตามินบำรุงครรภ์ทั่วไปมีปริมาณ 250 มิลลิกรัมเท่านั้น ซึ่งหญิงตั้งครรภ์ต้องการแคลเซียมสูงถึง 1,200 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ เราจำเป็นต้องรับประทานวิตามินก่อนการตั้งครรภ์มิเช่นนั้นอาจไม่ได้ประโยชน์ เราควรรับประทานวิตามินก่อนที่เราต้องการที่จะตั้งครรภ์หลายเดือน แต่ถึงแม้ว่าเราทราบว่าเริ่มตั้งครรภ์ก็ควรที่จะรับประทานวิตามินเพราะเรายังได้ประโยชน์จากวิตามินอยู่ดี
เมื่อจะตัดสินใจเลือกรับประทานวิตามินใดๆระหว่างตั้งครรภ์ ขอให้คำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ ไม่มีวิตามินเสริมการตั้งครรภืชนิดใดเลยที่มีปริมาณแคลเซียมพอเพียงต่อความต้องการของคุณ จึงควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมให้พอเพียง หรือรับประทานแคลเซียมเสริม การบริโภคยาวิตามิน A มากเกินไปสามารถส่งผลต่อความพิการของทารกได้ ขอให้แน่ใจว่าปริมาณวิตามิน A ในวิตามินเสริมของคุณมีปริมาณน้อยกว่า 10,000 IU ธาตุเหล็กที่มากเกินไปในวิตามินเสริม จะไม่ดูดซึมไปใช้ได้ รสชาติของวิตามินเสริมบางชนิดอาจทำให้คุณแม่บางท่านรับประทานไม่ได้ ลองเปลี่ยนชนิดดู
Create Date : 29 กันยายน 2553 |
|
6 comments |
Last Update : 29 กันยายน 2553 10:18:12 น. |
Counter : 592 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: ForFanG 1 ตุลาคม 2553 23:00:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: ForFanG 4 ตุลาคม 2553 12:31:19 น. |
|
|
|
| |
|
|
DR.TONGTIS |
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]
|
B.Sc. Chulalongkorn University, Bangkok Thailand 1974-1978. M.D. Chulalongkorn University, Bangkok Thailand 1979-1980. Diploma Board of Obstetrics and Gynecology. Chulalongkorn University, Bangkok Thailand 1981-1983. Postdocteral Fellow Training. Queen's Mother Hospital, Glasgow Scotland. Postdocteral Fellow Training.King's College Hospital, London. UK. Postdocteral Fellow Training. Department of Obstetrics and Gynecology and Department of Radiology. John Hopkins Hospital, John Hopkins University.
|
|
|