17 กย 54 กัลยาณมิตรเป็นทั้งสิ้นของพรหมจรรย์
พระพุทธองค์ทรงเป็นสัพพัญญู ทรงมีพระมหาเมตตาและกรุณาธิคุณ ทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์ไว้ทุกแง่มุม ไม่เว้นแม้แต่การดำรงชีวิตประจำวัน คำสอนของพระพุทธองค์ เป็นอมตะ อกาลิโก การได้อัตภาพเป็นมนุษย์ และการได้ฟังคำสอนของพระพุทธองค์ เป็นสิ่งที่เกิดได้ยากยิ่ง ขอยกคำสอนเกี่ยวกับการคบมิตรของพระพุทธองค์เพื่อน้อมนำสู่การทำที่สุดแห่งทุกข์
(ข้อความบางตอนจาก ... พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค อุปัฑฒสูตร) ท่านพระอานนท์ ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี นี้ เป็นกึ่งหนึ่งแห่งพรหมจรรย์เทียวนะพระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ เธออย่าได้กล่าวอย่างนั้น ก็ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดีนี้ เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้นทีเดียว ดูก่อนอานนท์ ภิกษุผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ (มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น) จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘
กัลยาณมิตร เป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์ หรือ เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้น นั้น หมายความว่า เพราะอาศัยกัลยาณมิตรผู้มีปัญญาจึงทำให้เข้าใจถูกและเจริญในอริยมรรคมีองค์ ๘ (พรหมจรรย์ในที่นี้หมายถึง มรรคพรหมจรรย์ คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง) จึงเป็นเหตุให้สามารถดับกิเลสได้ในที่สุด
บุคคลผู้เป็นกัลยาณมิตรสูงสุดสำหรับสัตว์โลกทั้งปวง คือ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงมีพระปัญญาอันเลิศหาผู้เปรียบมิได้ ซึ่งเป็นบุคคลที่ประเสริฐสูงสุด เพราะทรงแสดงพระธรรมจากการที่ทรงตรัสรู้ความจริง ให้สัตว์โลกได้รู้แจ้งธรรม ได้รู้ความจริงตามพระองค์ ด้วยการอบรมเจริญปัญญา ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม และเจริญกุศลทุกประการ เพื่อความพ้นไปจากอกุศลโดยสิ้นเชิง ทำให้เหล่าสัตว์ผู้มีชาติ(ความเกิด)เป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากชาติ ผู้มีชรา(ความแก่)เป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากชรา ผู้มีมรณะ(ความตาย)เป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากมรณะ ผู้มีโสกะ(ความเศร้าโศก) ปริเทวะ(ความคร่ำครวญพิไรรำพัน) ทุกข์ โทมนัส(เสียใจ,ทุกข์ใจ) อุปายาส(ความลำบากใจอย่างหนัก)เป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส เพราะอาศัยพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นกัลยาณมิตร นั่นเอง กล่าวคือ หลุดพ้นจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ไม่ต้องมีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์
ตครํ ว ปลาเสน โย นโร อุปนยฺหติ ปตฺตาปิ สุรภี วายนฺติ เอวํ ธีรูปเสวนา คนห่อกฤษณาด้วยใบไม้ แม้ใบไม้ก็หอมไปด้วยฉันใด การคบกับนักปราชญ์ก็ฉันนั้น
สุโข หเว สปฺปุริเสน สงฺคโม สมาคมกับสัตบุรุษนำสุขมาให้
สทฺเธน จ เปสเลน จ ปญฺญวตา พหุสฺสุเตน จ สขิตํ หิ กเรยฺย ปณฺฑิโต ภทฺโท สปฺปุริเสหิ สงฺคโม บัณฑิตพึงทำความเป็นเพื่อนกับคนมีศรัทธา มีศีลเป็นที่รัก มีปัญญาและเป็นพหุสูต เพราะการสมาคมกับคนดี เป็นความเจริญ
ภทฺโท สปฺปุริเสหิ สงฺคโม. การสมาคมกับคนดี เป็นความเจริญ.
ยาทิสํ กุรุเต มิตฺตํ ยาทิสญฺจูปเสวติ, โสปิ ตาทิสโก โหติ สหวาโส หิ ตาทิโส. คบคนเช่นใดเป็นมิตร และสมคบคนเช่นใด, เขาก็เป็นคนเช่นนั้น เพราะการอยู่ร่วมกันย่อมเป็นเช่นนั้น.
นิธีนํว ปวตฺตารํ ยํ ปสฺเส วชฺชทสฺสินํ นิคฺคยฺหวาทึ เมธาวึ ตาทิสํ ปณฺฑิตํ ภเช ตาทิสํ ภชมานสฺส เสยฺโย โหติ น ปาปิโย. เห็นบัณฑิตใด ผู้มีปกติชี้ความผิดให้ ดุจผู้บอกขุมทรัพย์ให้ ซึ่งมีปกติกล่าวกำราบ มีปัญญา, พึงคบบัณฑิตเช่นนั้น, เมื่อคบท่านเช่นนั้น ย่อมประเสริฐ ไม่เลวเลย. นิหียติ ปุริโส นิหีนเสวี น จ หาเยถ กทาจิ ตุลฺยเสวี เสฏฺฐ มุปนมํ อุเทติ ขิปฺปํ ตสฺมา อตฺตโน อุตฺตรึ ภเชถ. ในกาลไหน ๆ ผู้คบคนเลว ย่อมเลว คบคนเสมอกัน ไม่พึงเสื่อม คบหาคนประเสริฐ ย่อมพลันเด่นขึ้น เหตุนั้นควรคบคนที่สูงกว่าตน.
ปสนฺนเมว อปฺปสนฺนํ วิวชฺชเย ปสนฺนํ ปยิรุปาเสยฺย รหทํวุทกตฺถิโก. บุคคลควรคบผู้เลื่อมใสเท่านั้น ควรเว้นผู้ไม่เลื่อมใส ควรเข้าไปนั่งใกล้ผู้เลื่อมใส เหมือนผู้ต้องการน้ำเข้าไปหาห้วงน้ำฉะนั้น.
สพฺภิเรว สมาเสถ สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ สตํ สทฺธมฺมมญฺาย สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ. พึงสมาคมกับสัตบุรุษ พึงทำความสนิทสนมกับสัตบุรุษ ผู้นั้นรู้ทั่วถึงสัทธรรมของสัตบุรุษแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง.
Create Date : 17 กันยายน 2554 |
|
14 comments |
Last Update : 17 กันยายน 2554 20:46:45 น. |
Counter : 1309 Pageviews. |
|
|
|
ขอบคุณที่แวะมาชมบล็อกพาสต้านะคะ