มีนาคม 2556

 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
25
26
28
29
30
 
 
All Blog
ห้วงพันธนาการ บทที่ 19

Chapter 19

ภายในห้องทำงานกว้างขว้างอากาศเย็นฉ่ำไปด้วยเครื่องปรับอุณหภูมิที่เปิดใช้งานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รุ่งเช้าเจ้านายหนุ่มและลูกน้องสาวต่างขะมักเขม้นให้ความสนใจในหน้าที่การงานอย่างเต็มกำลังมีบางจังหวะที่ทั้งสองพักสายตาหันมาเจอและมองสบกันโดยบังเอิญ คนหนึ่งเกิดหวั่นไหวอีกคนกลับเก็บอาการ ทำให้บรรยากาศเริ่มเข้าสู่สภาวะอึดอัดชอบกล

“เป็นไงบ้างงานเริ่มคล่องตัวหรือยัง”

คำถามทำลายความเงียบสงบและสร้างความคุ้นเคยเป็นกันเองในบางครั้งภายุวรรตเกิดคิดว่าหญิงสาวที่ทำงานอยู่ร่วมห้องมีความกดดันจนไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาที่อยู่ใกล้กันกับเขาอาจเพราะการวางตัวนิ่งเฉยบวกกับตำแหน่งหน้าที่ระดับผู้บริหารจึงทำให้เธอไม่กล้าเริ่มต้นพูดคุยได้อย่างสนิทใจ

“ค่ะเริ่มเข้าใจระบบงานบ้างแล้ว”

“อืม”

นิลนราพยายามควบคุมจิตใจอีกครั้งที่จะไม่มองหรือสบตากับเขาเพื่อลดความไหวหวั่นในอกในทางตรงกันข้ามกลับอยากพูดจาเอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบระหว่างที่เขาไม่มีเธออยู่ข้างกายใจแทบขาดแต่ไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกไปแม้สักคำ สมาธิเริ่มเสียการควบคุมเพียงแค่เขาสร้างบทสนทนาขึ้นมา

“...”

“แล้วกับเลขาของผมคุณมีปัญหาอะไรกันอีกไหมหลังจากวันนั้น”

“ไม่ค่ะและก็ไม่อยากมีด้วยค่ะ”

“ผมไม่รู้ระหว่างคุณกับเธอมีเรื่องข้องใจอะไรกันแต่ดูเธอคงไม่ชอบคุณเอามากๆ”

“คงจะอย่างนั้นค่ะ”

“อืม”

“เอ่อ..”

น้ำเสียงอึกอักพาคนฟังหันสายตามองตามอย่างตั้งใจปากกาในมือถูกจับวางลงบนโต๊ะ ร่างกายเอนพิงพนักเก้าอี้รอคอยสิ่งที่เธออยากสนทนาดวงตาคมเข้มเบิกโตภายใต้คิ้วหนาที่เลิกสูงคล้ายกำลังบอกให้เธอพูดอะไรสักอย่างที่ต้องการสื่อออกมา

“มีอะไร”

“ปละเปล่าค่ะ”

นิลนราถอนใจช้าๆหลบสายตาก้มมองเอกสารตรงหน้า รู้สึกไม่กล้าที่จะเอ่ยพูดอะไรออกไป กับเขาคนที่เคยสนิทชิดใกล้รักใคร่และห่วงใยมากมาย แต่เวลานี้ระหว่างเธอและเขาเหมือนเป็นคนอื่นคนไกลต่อกัน

“ทำงานแบบนี้ผมว่าเครียดนะหากคุณอยู่บ้านคงได้เลี้ยงลูกและดูแลสามี อาจสบายกว่านี้”

ประโยคกระแทกจิตใจรุนแรงจนบาดเจ็บเธอไม่ได้อยากตกอยู่ในสภาพแบบนี้เลยมันเป็นเพราะโชคชะตาเล่นตลกต่างหากถึงต้องทนทุกข์ทรมานในร่างกายที่ไม่ใช่ของตัวเอง

“ค่ะ..ก็น่าจะเป็นแบบนั้น”

จู่ๆ คำพูดของอิทธิพลเกิดผลุบขึ้นมาในสมองผู้ชายคนที่เธอมองเห็นในสายตาอาจมีคนรักแล้วก็เป็นได้จากที่อิทธิพลเคยคาดเดาและฝากฝังให้เธอคอยเป็นหูเป็นตาให้อีกแรงนิลนราอยากทำใจยอมรับว่าเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะหงุดหงิดใจหากผู้ชายคนนี้จะมีใครที่เขารักหรือคบหาดูแลแทนคนรักอย่างเธอที่ร่างกายได้หายสาบสูญจากโลกนี้ไปแล้วมีเพียงวิญญาณที่ยังถูกกักขังเอาไว้ในร่างกายคนอื่นเท่านั้นเธอคงทำอะไรไม่ได้นอกจากเฝ้ามองเขาในระยะห่างไกลแบบนี้ต่อไปและไม่รู้ว่าเธอจะเฝ้ามองเขาได้อีกนานแค่ไหน

“แล้วคุณวรรตล่ะคะมีครอบครัวหรือยัง”

“...”

ไม่มีสิ่งใดตอบสนองนอกจากความเงียบเฉยใบหน้าคมคายเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาทำให้นิลนรารู้สึกผิดที่เอ่ยพูดจาออกไปคล้ายไม่ถูกกาลเทศะ เธอเพียงแค่อยากรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาคนนี้ลืมเธอไปจากหัวใจแล้วหรือยัง

“เอ่อ..ขอโทษนะคะที่ถามละลาบละล้วง”

“เกือบจะมี..”

“เกือบ..”

น้ำเสียงราบเรียบทำให้นิลนราทวนคำถามกลับเธอไม่ค่อยเข้าใจความหมายสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรก็อยากรับฟังเรื่องราวต่อเพื่อไขข้อข้องใจให้จบสิ้น

“เอาเป็นว่าผมมีคนสำคัญแล้วกัน”

นิลนราสีหน้าเจื่อนลงพยายามเก็บอาการใจชาให้เป็นปกติไม่แสดงท่าทางพิรุธออกมาให้เห็นอิทธิพลคงคลำทางถูกแล้วที่ว่าภายุวรรตมีใครข้างกายหลังจากที่เธอกลายเป็นคนเสียชีวิตหมดหน้าที่คนรักอย่างสิ้นเชิง

“คุณ..ยังรัก..”

-ก๊อกก๊อก-

เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะการสนทนาทั้งคู่หันความสนใจยังบานประตูที่กำลังเปิดออก ร่างหญิงสาวทรวดทรงดีก้าวเดินเข้าในห้องพร้อมแย้มยิ้มหวานมาแต่ไกลตรีชาดาชายตามองนิลนราด้วยความไม่ลงรอย ดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย

“บอสคะตรีเอากาแฟมาให้ค่ะ”

“ผมไม่ได้สั่งนะตรี”

“ตรีเห็นว่าถึงเวลาเบรคคลายเครียดแล้วนี่คะพักก่อนดีกว่า เชื่อตรีนะคะบอส”

“ขอบคุณ”

ถ้วยกาแฟถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมตรีชาดายืนขนาบข้างเจ้านายหนุ่มสายตาส่งหาเพื่อนร่วมงานสาวอีกคนพลางยิ้มเยาะโปรยปรายเธอรู้สึกภาคภูมิใจที่หาหนทางเข้ามาภายในห้องนี้ด้วยแผนการอันแยบยลเพียงต้องการเป็นก้างขวางคอไม่ให้เจ้านายคนโปรดของเธอต้องอยู่ใกล้ชิดคู่อริสาวตั้งแต่ตรีชาดาออกพ้นจากห้องไปรอบแรกทำให้เธอไม่มีความสงบในจิตใจเอาเสียเลย ทั้งหงุดหงิดทั้งฟุ้งซ่าน อยากรับรู้บรรยากาศภายในห้องว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอพยายามค้นหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้ามาในห้องเจ้านายอีกครั้งและความคิดอันชาญฉลาดก็แว้บขึ้นมาในสมองจนเธอทำมันสำเร็จในที่สุด

บทสนทนาถูกตัดตอนนิลนราหันเหความสนใจกลับยังกองเอกสารตรงหน้า ไม่อยากเสียสายตามองความน่าอึดอัดและขัดใจที่กำลังเผชิญอยู่เวลานี้ตรีชาดาพยายามชวนภายุวรรตคุยเกี่ยวกับงานเพื่อถ่วงเวลาให้ตนเองได้อยู่ภายในห้องนี้ต่อไปเรื่อยๆเธอคงยอมไม่ได้หากต้องปล่อยปลาย่างชิ้นโปรดไว้กับแมวน้อยอย่างนิลนราแผนการก้างขวางคอของตรีชาดาดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนเวลาล่วงเลยมาเกือบเที่ยงวันในสมองอันน้อยนิดกลับเป็นเหมือนเครื่องบันทึกความจำขนาดใหญ่ที่สะสมเรื่องราวของการทำงานไว้เต็มในนั้นเนื่องจากตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมาดูท่าจะมีแต่ตรีชาดาคนเดียวเท่านั้นที่สนทนาไม่มีหยุดหย่อนเธอขุดคุ้ยเรื่องเกี่ยวกับหน้าที่การงานขึ้นมาเป็นประเด็นโดยมีภายุวรรตรับฟังและพูดคุยโต้ตอบบ้างหากเป็นการตั้งคำถามของเธอ

“ใกล้เที่ยงแล้วค่ะบอสวันนี้เราจะไปทานอาหารกลางวันที่ไหนดีคะช่วงบ่ายต้องเดินทางไปประชุมนอกสถานที่ต่อด้วยนะคะบอสขา”

“อืม..คุณนิลออกไปทานอาหารด้วยกันไหม เดี๋ยวผมแวะมาส่งคุณเข้าทำงานก่อนไปประชุม”

“ไม่เป็นไรค่ะเชิญคุณวรรตกับคุณตรีตามสบาย พอดีฉันเตรียมข้าวกล่องมาทานแล้วล่ะค่ะ”

“แหม๋..คุณนิลนรานี่น่ารักจริงเชียว ตั้งใจตื่นแต่เช้าลุกมาทำตัวเป็นภรรยาและแม่ที่ดีของสามีและลูกสาวหาข้าวปลาให้ทาน ตัวเองเลยมีผลพลอยได้เอากับข้าวมาทานเป็นอาหารกลางวันน่ารักนะคะบอสขา”

“ครับ..คุณคงชอบแบบนี้นะตรี ที่คุณนิลยอมสละที่ไม่ไปทานข้าวกับพวกเรา ผมสังเกตเห็นว่าคุณไม่ค่อยชอบคุณนิลสักเท่าไหร่”

“ใครว่าล่ะคะบอสขาตรีไม่ชอบมีเรื่องบาดหมางกับใคร กล่าวหาตรีอย่างนี้ ตรีน้อยใจนะคะบอส”

“งั้นเหรอแสดงว่าผมเข้าใจผิดไปเอง”

“บอสต้องมองตรีในแง่ดีสิคะตรีเป็นมิตรที่ดีต่อเพื่อนร่วมงานทุกคนนะคะ”

“โอเคเอาเป็นว่าผมมองคุณผิดไปนะตรี”

ภายุวรรตก้าวพ้นจากห้องทำงานปล่อยให้ตรีชาดาเหยียดสายตามองเพื่อนร่วมงานราวกับเธอคือผู้ชนะ รอยยิ้มแสยะใส่พร้อมเสียงหึดังในลำคอ

“เห็นหรือยังบอสเชื่อฉันมากกว่าแก ต่อให้แกพยายามใส่ร้ายป้ายสีฉันแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางเชื่อแกหรอก นังโง่”

“นี่คุณตรีฉันได้ข่าวว่าบอสของคุณออกไปตั้งนานแล้วนะ ป่านนี้เขาคงขับรถออกจากบริษัทไปแล้วล่ะคุณมัวแต่พ่นน้ำลายอยู่แถวนี้ระวังจะตามเขาไม่ทันนะคะ”

ตรีชาดาหยุดคำพูดไว้ในลำคอท่าทางเลิกลั่กปรากฏเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเสียเวลาไปมากกับการข่มขวัญหญิงสาวตรงหน้าเลขาสาวก้าวเดินออกจากห้องอย่างเร่งรีบเพื่อตามเจ้านายให้ทันท่วงทีนิลนราพ่นลมหายใจอย่างโล่งท้องเมื่อบุคคลที่สร้างความอึดอัดเดินจากไปจนลับตา เธอคงทำบาปเอาไว้หนักหนาเวรกรรมถึงตามรังคราญไม่มีจบสิ้นเสียทีนิลนราถอนหายใจปัดความคิดวนเวียนซ้ำซากทิ้ง สองเท้าก้าวเดินออกจากโต๊ะทำงานเตรียมตัวเดินทางไปรับประทานอาหารและผ่อนคลายความตึงเครียดกับช่วงเวลาพักเที่ยงที่หลงเหลืออีกเพียงไม่ถึงชั่วโมง

ระหว่างก้าวเดินหางตาแลเห็นบางสิ่งบางอย่างวางพิงผนังกำแพงด้านหลังโต๊ะทำงานของภายุวรรตกรอบสี่เหลี่ยมแบบเดียวกับที่อิทธิพลหอบนำมาให้เขาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานิลนราย่างก้าวเดินเข้าหาของสิ่งนั้นอย่างเชื่องช้า สมองประมวลผลคิดตามอิทธิพลนำพาสิ่งใดมาให้ภายุวรรต นั่นคือสิ่งที่เธอกำลังค้นหาคำตอบ มือบางเอื้อมถึงกรอบสี่เหลี่ยมจับแกะตามรอยต่อของกระดาษที่เคยถูกเปิดออกก่อนหน้านี้จิตใจพองโตเต้นตึกตักเมื่อเห็นของสิ่งนั้นภาพหญิงสาวผมซอยบนผืนกระดาษขาวที่เคยเห็นมันมาแล้วจากห้องภาพของวิภานีนิลนรายกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปากตนเองเอาไว้พร้อมน้ำตารื้นเอ่อขอบตาเขายังไม่เคยลืมคนรักตั้งแต่เธอจากไปสิ่งที่เคยหวาดระแวงเก็บกดไว้ภายในใจถูกดึงออกราวยกภูเขาออกจากอกคงไม่ต้องลังเลอะไรอีกแล้วหลังจากนี้เธอพร้อมยอมบอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวทุกอย่างว่าเธอคือใครถึงแม้ผลจะออกมาเป็นอย่างไรเธอก็จะไม่กลัวและไม่ลังเลอีกต่อไป

กรอบรูปถูกเก็บไว้เรียบร้อยตามเดิมพร้อมร่างบอบบางค่อยๆหันหลังกลับด้วยความรู้สึกเป็นสุขเต็มเปี่ยมในใจ สายตาเลื่อนมองโต๊ะทำงานของคนรักสำรวจความเป็นตัวตนของเขาเมื่อนั่งทำงานยังโต๊ะตัวนี้มือยกจับพนักเก้าอี้ก่อนเปลี่ยนทิศทางไล่แตะพื้นราบเรียบบนโต๊ะทำงาน กล่องทรงกลมกำมะยี่สีแดงสดตั้งวางอยู่ตรงด้านข้างมุมโต๊ะทำงานสร้างความประหลาดใจให้กับหญิงสาวไม่น้อยเพราะดูอย่างไรของสิ่งนั้นน่าจะเป็นสิ่งสำคัญตามที่คาดคิดเอาไว้นิลนราเอื้อมหยิบกล่องกำมะยี่ขึ้นมาถือไว้ในมือ จิตใจลังเลที่จะเปิดมันออกดู หากทว่าความอยากรู้อยากเห็นมีมากกว่าการยับยั้งชั่งใจหญิงสาวถือวิสาสะจับของสิ่งนั้นเปิดออกแหวนเพชรวงกำลังเหมาะส่องประกายความสวยงามอยู่ภายในกล่องใบนั้นของชิ้นนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องการมอบให้กับเธอใช่หรือไม่ นั่นเป็นคำถามที่วนเวียนในจิตใจเวลานี้

เสียงเครื่องมือสื่อสารจากโต๊ะทำงานดังเตือนให้รับสายพาคนได้ยินสะดุ้งกายรีบปิดกล่องกำมะยี่และวางไว้ตามเดิม มือบางเอื้อมหยิบหูโทรศัพท์ยกรับสายที่โทรเข้ามา

“สวัสดีค่ะ”

‘นิลยังไม่พักอีกหรือไงนี่เที่ยงครึ่งแล้วนะ พี่เห็นคุณวรรตกับแม่เลขาออกไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ’

“ค่ะพี่ภัส จะออกไปเดี๋ยวนี้แล้วค่ะ”

โทรศัพท์ถูกวางสายพร้อมนิลนราก้าวเดินออกจากห้องทำงานด้วยความรู้สึกคลางแคลงในใจแต่คงต้องเก็บความสับสนเอาไว้ก่อนจะได้ค้นหาคำตอบ

ตลอดช่วงบ่ายการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีสิ่งใดหรือใครมาก่อกวนความรู้สึกให้วุ่นวาย นิลนราเพลิดเพลินไปกับการหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจนเวลาล่วงเลยถึงพลบค่ำระหว่างเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายทำให้เธอคิดถึงไตรภาคินขึ้นมาตามที่ได้นัดหมายกันไว้ตั้งแต่เช้าเขาจะมารอเพื่อรับเธอกลับบ้าน ป่านนี้คงถึงลานจอดรถเป็นที่เรียบร้อยแล้วหญิงสาวเร่งเดินจัดการนำพาตนเองลงจากอาคารสำนักงานเพื่อมุ่งหาคนที่รอคอย

เสียงเครื่องมือสื่อสารร้องเรียกพร้อมสั่นสะเทือนให้รู้สึกถึงการติดต่อมือบางล้วงหยิบโทรศัพท์พกพาขึ้นมองดูหน้าจอที่สว่างกะพริบเป็นระยะ

“ค่ะคุณไตร คุณรออยู่ตรงไหนคะ”

‘นิล..รอผมอีกแปบได้ไหม พอดีวันนี้ผมติดลูกค้าเลยออกมาช้ากว่าเวลานิดหน่อย’

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณยังติดธุระก็ทำงานเถอะ ฉันกลับเองได้”

‘ผมกำลัง..’

เสียงจากปลายสายขาดหาย ยังไม่ทันได้สรุปการนัดหมายว่าจะทำอย่างไร นิลนราเลื่อนมือส่งตรงหน้ามองดูจอกระจกมืดสนิทโทรศัพท์หมดสิ้นพลังงาน เธอถอนใจเบาๆ ก่อนเก็บเครื่องมือสื่อสารลงกระเป๋าสะพายพลางคิดหาวิธีแก้ปัญหาให้ตนเอง สมควรรอคอยหรือกลับก่อน สมองใช้ความคิดชั่วครู่ก่อนตัดสินใจก้าวออกจากลานจอดรถเธอเดินเลาะริมถนนเพื่อไปต่อยังป้ายรถเมล์ประจำทางในเมื่อเอ่ยบอกไปแล้วว่ากลับบ้านเองได้ คงไม่น่ามีปัญหาอะไรหากไม่ได้อยู่รอไตรภาคิน

-ปิ๊น-

เสียงแตรดังไล่หลังเรียกร้องความสนใจให้หันกลับไปมองรถจักรยานยนต์ขับเคลื่อนเข้าใกล้ ค่อยๆ ชะลอความเร็ววิ่งขนาบข้างหญิงสาวที่เพ่งมองคนขับค้นหาความคุ้นเคย

“ว่าแล้วต้องใช่ลี่”

อิทธิพลส่งยิ้มกว้างพลางเบรครถจอดสนิทมือยกขึ้นปลดล็อคหมวกกันน๊อคออกจนเห็นหน้าตาชัดเจน นิลนรามองเพื่อนชายด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย

“มาทำอะไรแถวนี้นายอิฐ”

“แวะผ่านมาทำธุระ”

“ทำธุระซะมืดเชียวบังเอิญมากเลยนะ”

“นั่นสิก็แค่บังเอิญ”

อิทธิพลส่งยิ้มพลางยกมือขึ้นเสยผมเส้นเล็กที่ปกปิดใบหน้าทำนิลนราหลุดขำในท่าทางแปลกๆ ของเขา

“มีอะไรหรือเปล่าอิฐทำไมต้องทำตัวแปลกๆ”

“เปล่า..ไม่มีอะไร ดีใจที่ได้เจอไง ว่าแต่กำลังจะกลับบ้านหรือเปล่า”

“ใช่..ลี่กำลังจะกลับบ้าน”

“กลับคนเดียวงั้นเหรอ”

นิลนราพยักหน้าตอบคำถามหากมองไปรอบบริเวณคงไม่มีใครหน้าไหนกลับพร้อมเธอแน่นอน เพราะเวลานี้มีแค่เธอกับเขาที่ยืนคุยกันอยู่ตรงนั้น

“งั้นเดี๋ยวอิฐไปส่งเองว่าแต่แวะหาอะไรกินก่อนได้ป่ะ อิฐชักหิวแล้วสิ”

“จะไปยังไงล่ะ”

นิลนรามองรถพลางกรอกสายตาก้มมองตนเองที่สวมกระโปรงสั้นเหนือหัวเข่าคงไม่เหมาะสมหากจะให้เธอนั่งค่อมไปบนรถจักรยานยนต์ อิทธิพลถอดเสื้อแจ็กเก็ตตัวใหญ่ที่ใส่ออกจากลำตัวยื่นส่งให้นิลนราถือไว้

“เอาปิดกระโปรงไว้ถ้าไม่ปิดมีหวัง...”

“พอเลยพอ ไม่ต้องจินตนาการต่อ ไอ้เพื่อนลามก”

อิทธิพลหลุดขำชอบใจมองดูหญิงสาวก้าวขึ้นนั่งพาดด้านข้างพร้อมจับเสื้อคลุมกระโปรงที่สั้นเต่อปกปิดขาอ่อนขาวเนียนคนขับเตรียมพร้อมสวมหมวกกันน๊อคพลางหยิบหมวกอีกใบที่แขวนไว้ด้านหน้าส่งให้นิลนราสวมใส่เพื่อความปลอดภัยเช่นกันเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย มือแข็งแรงบิดคันเร่งเตรียมตัวออกเดินทาง

“นั่งดีๆล่ะ อิฐจะซิ่งแล้วนะ”

รถจักรยานยนต์พุ่งออกตัวไปข้างหน้าตามถนนทอดยาวเป็นสายแสงไฟดวงกลมสาดกระทบกระจกส่องหลังรถยนต์คันหรูขับขนาบด้านข้างด้วยความเร็วก่อนจะแซงขึ้นและปาดหน้าเบรกล้อตาย

“เฮ้ย!!”

มือกำบีบเบรกตัวโก่งรถหยุดเคลื่อนที่กะทันหัน ทั้งรถทั้งคนเอียงเซแทบจะล้มเสียให้ได้ นับว่ายังโชคดีที่คนขับขี่ขาแข้งยาวสามารถยันพื้นดินไว้ทันก่อนจะประสบอุบัติเหตุ

“คุณไตร..”

นิลนราพึมพำเมื่อเห็นชายหนุ่มที่เปิดประตูรถยนต์เดินตรงมายังเธอ

“จะบ้าหรือเปล่าคุณ!ขับรถดีๆ ไม่เป็นหรือไง ปาดหน้ารถผมแบบนี้ รู้ไหมว่ามันอันตราย”

“นิล..ขึ้นรถ”

น้ำเสียงเย็นเยือกมองคนทั้งคู่ด้วยใบหน้านิ่งเฉย แต่อารมณ์ภายในใจร้อนรุ่มสุดขีด ไตรภาคินไม่ใส่ใจใครหน้าไหนที่จงใจต่อว่าต่อขานคนเดียวที่เขาสนใจมีเพียงภรรยาที่ยืนมองเขาด้วยท่าทางนิ่งสงบถอดหมวกกันน็อคส่งคืนยังเจ้าของรถพร้อมเสื้อแจ็คเก็ต

“ขอโทษนะอิฐไว้โอกาสหน้าค่อยเจอกัน เราไปก่อน”

นิลนราเอ่ยลาก่อนก้าวเดินผ่านคนตัวสูงตรงยังรถยนต์ที่จอดขวางเลนถนนประตูถูกเปิดขึ้นนั่งประจำตำแหน่งด้านข้างคนขับสายตาชายหนุ่มทั้งสองจ้องมองฟาดฟันกันก่อนไตรภาคินจะผละจากเดินตามหลังภรรยากลับขึ้นรถ ปล่อยให้อิทธิพลมองตามอย่างขัดใจ ไม่ชอบเอาเสียเลยกับท่าทางไม่เป็นมิตรที่วาดมาดตีหน้าขึงขังใส่ภรรยาตนเองเขายืนมองตามหลังรถหรูเคลื่อนที่ออกตัวด้วยความเร็วจนหายลับสายตา

บรรยากาศภายในรถยนต์ถูกความเงียบปกคลุมชั่วครู่ก่อนจะมีใครสักคนทนรับสถานการณ์ไม่ไหวเนื่องจากอารมณ์ในใจคุกรุ่นเต็มที

“ผมบอกให้คุณรอผมทำไมถึงกลับก่อน”

“เมื่อครู่ฉันก็บอกคุณไปแล้วว่ากลับบ้านเองได้หากคุณยังติดธุระเรื่องงาน”

“ผมยังพูดไม่ทันจบคุณก็ตัดสายโทรศัพท์ทิ้งเรายังไม่ทันได้คุยกันให้รู้เรื่องเลยนะนิล”

“ฉันไม่ได้ตัดสายพอดีโทรศัพท์แบตหมดเลยขาดการติดต่อ”

“แล้วทำไมคุณถึงอยู่กับเจ้านั่น”

“เจ้านั่นที่คุณเอ่ยถึงชื่ออิฐเขาเป็นเพื่อนสนิทของฉัน”

“นั่นล่ะทำไมพวกคุณถึงอยู่ด้วยกัน”

“อิฐผ่านมาแถวนี้ก็เลยชวนฉันกลับบ้าน”

ไตรภาคินรู้สึกหงุดหงิดใจกับบทสนทนาที่ดูเหมือนไม่มีอะไรปิดบังแต่ทำไมถึงประจวบเหมาะ ผ่านมาอย่างจงใจคล้ายนัดหมายกันไว้ล่วงหน้าทำให้เขาเกิดความหวาดระแวงในใจ

“คุณแน่ใจนะนิลว่าไม่ได้นัดกันไว้”

“นี่คุณกำลังไม่ไว้ใจฉันหรือเปล่าคะคุณไตร”

“...”

ไตรภาคินชะงักคำพูดไว้ในลำคอพยายามสงบจิตใจเมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังเป็นคนหาเรื่องทะเละเบาะแว้งกับภรรยาของตนเองบรรยากาศภายในรถอึมครึมจนดูอึดอัดอีกครั้ง ทั้งสองต่างปิดปากเงียบไม่มีใครหลุดเสียงพูดจาออกมาจนรถยนต์เดินทางถึงที่พักอาศัย

ประตูบ้านเปิดออกพร้อมร่างสองร่างเดินเข้าด้านในไตรภาคินคว้าแขนภรรยารั้งไว้ไม่ให้เธอเดินหนีไปไหน นิลนราชะงักฝีเท้าทันทียืนนิ่งเฉยรอคอยสิ่งที่เขาอยากสนทนากับเธอ

“มีอะไรจะพูดกับฉันคะ”

“ทำไมคุณต้องเย็นชากับผมขนาดนี้นิลผมเริ่มจะหมดความอดทนกับสิ่งที่คุณทำผมพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะไม่คิดมากกับพวกผู้ชายของคุณ แต่ตอนนี้ผมกำลังจะคลั่งคุณรู้ไหม คุณทำให้ผมจะเป็นบ้า”

“...”

สองมือยกจับไหล่บอบบางให้เธอหันกายกลับมามองสบตากับเขาตรงๆสายตาเจ็บปวดพยายามเว้าวอนร้องขอให้เธอยินยอมใจอ่อนเสียทีมือแข็งแรงสั่นเทาบีบกดไหล่บางไว้แน่น พยายามเรียบเรียงคำพูดเพื่อให้ทุกอย่างจบลงด้วยดีไม่มีความบาดหมางระหว่างสามีภรรยา

“เอาล่ะผมขอสงบศึก ผมแค่อยากรู้ ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะเลิกเย็นชาใส่ผมแบบนี้”

“ปล่อยฉันไปได้หรือเปล่าคะ”

“ปล่อยคุณ..”

น้ำเสียงแผ่วเบาหลุดพ้นจากลำคอไม่เข้าใจความหมายที่เธอกำลังเจรจาบอกกล่าว ไตรภาคินปล่อยร่างภรรยาให้เป็นอิสระส่งสายตาคาดคั้นรอฟังประโยคขยายความนิลนราหลบสายตาลงต่ำรวบรวมความกล้าพูดในสิ่งที่ต้องการออกมาอีกครั้งเพื่อจบปัญหาต่างๆที่กำลังยืดเยื้อ

“ฉันเคยบอกให้คุณรับรู้แล้วว่าฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณทั้งวิและฉันพยายามบอกความจริงกับคุณ มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ฉันฟื้นจากการเป็นเจ้าหญิงนิทราคุณคงรู้ดีถ้าคุณยังไม่เชื่อลองหาข้อมูลของคู่กรณีที่ขับรถชนภรรยาคุณสิคะ ฉัน.. คือผู้หญิงคนนั้น”

มีต่อด้านล่างค่ะ




Create Date : 21 มีนาคม 2556
Last Update : 21 มีนาคม 2556 19:28:26 น.
Counter : 239 Pageviews.

1 comments
  
สมองว่างเปล่า จิตใจชาวูบไปทั้งดวง เขายังหลับไม่ตื่นใช่ไหมถึงต้องมารับรู้เรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้ ไตรภาคินยืนนิ่งอยู่กับที่มองดูภรรยาเดินหันหลังจากไป คนตัวสูงย้อนความคิดทวนกลับไปตั้งแต่วันนั้น วันที่ภรรยาของเขาประสบอุบัติเหตุเพราะหญิงสาวคนหนึ่งขับรถพุ่งชนเธอ ความสับสนนำให้เขาก้าวเท้าเดินขึ้นชั้นบนของบ้านเพื่อคลี่คลายความสงสัยที่ยังวนเวียนในสมองไม่สิ้นสุด ประตูห้องนอนถูกผลักเปิด คนตัวสูงก้าวเดินตรงหาหญิงสาว แขนถูกกระชากจนร่างบอบบางเซถลาเข้าหาเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว

“คุณกำลังปั่นหัวผมเล่นใช่ไหมนิล คุณสร้างเรื่องบ้าๆ พวกนี้หลอกผม”

“ฉันบอกความจริงไปหมดแล้ว มันก็อยู่ที่คุณแล้วค่ะว่าจะเชื่อหรือไม่”

“คุณแน่ใจนะ ว่าคุณไม่ใช่ภรรยาของผมจริงๆ”

“ค่ะ ฉันแน่ใจ”

“งั้นก็ดี”

ไตรภาคินบีบแขนสองข้างพร้อมดันร่างภรรยาล้มลงบนเตียงนอน สิ่งที่เคยหวาดกลัวมาโดยตลอดกำลังคืบคลานมาหาเธอแล้วในวันนี้ นิลนราพยายามไม่ขัดขืนหรือต่อสู้เพื่อความปลอดภัยของตนเอง คงไม่เป็นเรื่องดีแน่หากเธอทำให้เขาเกิดโทสะขึ้นมาเวลานี้ ไตรภาคินค่อมทับร่างภรรยาไว้ไม่ต้องการให้เธอดิ้นหนีเขาไปไหน

“ปล่อยฉันไปเถอะคะ”

“ไหนคุณว่าไม่ใช่ภรรยาผม ทำไมไม่ขัดขืนผมเหมือนทุกครั้งที่คุณเคยทำ”

“จะต้องให้บอกยังไง คุณถึงจะเชื่อเรื่องที่ฉันพยายามบอกคุณ”

“ผมเชื่อ ผมเชื่อทุกอย่างที่คุณบอก แต่ผมก็ยอมรับไม่ได้อยู่ดีหากจะปล่อยให้คุณไปจากผม”

ใบหน้าคมคายซุกไซร้ซอกคอระหง ในเมื่อเธอบอกว่าเธอไม่ใช่ภรรยาของเขาแค่จิตใจแต่ถึงอย่างไรร่างกายนี้ก็คงเป็นนิลนราคนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง สัมผัสอบอุ่นพาจิตใจสั่นไหว ลมหายใจพ่นรดต้นคอสลับไล่ใบหน้าและเนิ่นอกรุกไล้เกือบทั่วเรือนร่างส่วนบน นิลนราพยายามนิ่งเฉยไม่ขยับกายเคลื่อนไหวทั้งที่จริงอยากผลักไสเขาออกจากร่างกายเธอไปเสียให้พ้น แต่จะให้เธอขัดขืนทางใดได้อีกในเมื่อฝ่ามือใหญ่เหนี่ยวรั้งร่ายกายเธอไว้จนดิ้นไม่หลุด อ้อมแขนและแรงกดทับทำให้เธอปวดร้าวถึงหัวใจ จิตใต้สำนึกสั่งการให้เธอคิดถึงคนรักขึ้นมา เวลานี้เขาอยู่ไหน เธออยากให้เขาอยู่ตรงนี้ข้างๆ เธอ ช่วยเหลือให้เธอรอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้าย หรือถึงเวลาแล้วที่เธอต้องยอมรับสภาพเสียทีว่าตอนนี้เธอคือนิลนรา และใครก็ไม่สามารถมาช่วยเธอได้อีกแล้ว

ริมฝีปากที่ประทับรอยจูบตามใบหน้าและลำคอหยุดการกระทำเมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆ ไหลลงข้างแก้มนวลเนียน ร่างบอบบางยังคงนิ่งเฉยไร้การตอบสนองใดๆ พาอารมณ์หวามถูกตัดขาดราวกับคนตายด้านไร้ความรู้สึก ไตรภาคินผละกายลุกขึ้นนั่งถอนใจหนักหน่วง

“ฉันขอโทษที่เป็นนิลนราตามที่คุณต้องการไม่ได้”

มือกำคอเสื้อไว้แน่น ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลรินไม่ยอมหยุด

“คุณลุกขึ้นเถอะ ผมไม่ทำอะไรคุณแล้ว ผมสัญญา”

“...”

นิลนราพยุงกายลุกขึ้นนั่ง สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เปลือกตากะพริบถี่ไล่น้ำตาให้แห้งเหือด

“คุณรู้ไหมนิลว่าผมเจ็บปวด”

“ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมฉันถึงต้องตกอยู่ในสภาพนี้ และคุณก็ต้องมาเจ็บปวดแบบนี้ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่านิลนราต้องการอะไรกันแน่”

“คุณจะบอกว่าภรรยาผม ทำให้คุณมาอยู่ในร่างของเธองั้นเหรอ มันจะบ้าไปใหญ่แล้ว”

“ฉันรู้ว่ามันตลก และไม่น่าเป็นเรื่องจริง แต่มันเกิดขึ้นแล้ว”

“งั้นเหรอ.. สรุปผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างผมตรงนี้ไม่ใช่ภรรยาผมสินะ”

เสียงหึดังผ่านลำคอ มันเป็นเรื่องงี่เง่าชัดๆ ภรรยานั่งอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่กลับเป็นใครที่เขาไม่เคยรู้จักมักคุ้นมาก่อน หากเป็นไปได้อยากจะปลดปล่อยเสียงหัวเราะออกมาให้ดังสะใจ เขาเกือบจะขึ้นชื่อว่าบ้าไปแล้วจริงๆ

“คุณไตร.. ฉันขอถามคุณอย่างหนึ่งได้ไหมคะ”

“เอาสิ คุณอยากรู้อะไรเกี่ยวกับสามีคนอื่น”

“คุณจะรู้สึกยังไงบ้างคะ หากคุณได้รู้ว่าผู้หญิงที่รักคุณสองคนต้องมาเจ็บปวดในสิ่งที่คุณทำลงไป ฉันคิดว่าภรรยาคุณคงอยากรู้เรื่องนี้”

ไตรภาคินเอี้ยวกายมองหญิงสาวด้านข้างด้วยอาการตกตะลึงเล็กน้อย พยายามควบคุมความรู้สึกตื่นตระหนกเอาไว้

“คุณพูดเรื่องอะไรนิล..”

“ฉันพูดตามสิ่งที่ได้รับรู้มาค่ะ”

“คุณรู้อะไร..”

มือแข็งแรงคว้าบีบแขนภรรยาไว้แน่น อยากให้เธออธิบายข้อสงสัยให้กระจ่างกว่านี้ หากแต่ความเจ็บปวดกลับทำให้หญิงสาวนิ่งเงียบหยุดการสนทนา

“...”

“บอกผมสิคุณรู้อะไรมา”

“ปล่อยค่ะ ฉันเจ็บ”

น้ำเสียงแข็งกร้าวทำให้มือที่บีบกดคลายออก ไตรภาคินปล่อยแขนจากร่างกายภรรยาอย่างขัดใจก่อนกระแทกกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและก้าวเดินออกจากห้องในที่สุด โทรศัพท์พกพาถูกล้วงจากกระเป๋ากางเกงกดเบอร์ต่อสายถึงใครบางคน

“วิ.. วิบอกอะไรนิล.. วิบอกนิลเกี่ยวกับเรื่องของเรางั้นเหรอ วิบอกนิลใช่ไหมว่าเราเคยคบกัน”

“วิไม่เคยบอกอะไรฉันหรอกค่ะ วิไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำไป อย่าต่อว่าเธอเลยค่ะ”

นิลนราตัดประโยคสนทนาระหว่างโทรศัพท์เพื่อให้เขาได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้ว เรื่องราวทั้งหมดมีเพียงแค่เธอที่ได้รับรู้และกุมมันเอาไว้เป็นความลับจนถึงวันนี้

โปรดติดตามตอนต่อไป
โดย: มาโซคิส วันที่: 21 มีนาคม 2556 เวลา:19:29:51 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments