มีนาคม 2556

 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
25
26
28
29
30
 
 
All Blog
ห้วงพันธนาการ บทที่ 21

Chapter 21

วงหน้านวลเนียนยังคงมีหยดน้ำใสเอ่อล้นร่องรอยจากการร้องไห้อย่างหนักทำให้ขอบตาบวมช้ำ คราบเครื่องสำอางอย่างมาสคาร่าเปรอะเปื้อนนิ้วเรียวยกขึ้นปาดน้ำที่กำลังไหลเป็นม่านบดบังดวงตาทำให้การมองเห็นพร่ามัว นิลนราก้าวเดินตามถนนริมฟุตบาทเมื่อพ้นจากอาคารสำนักงานเธอพยุงร่างกายไร้เรี่ยวแรงฝืนเดินต่อเรื่อยๆปล่อยใจให้นึกถึงแต่เขาคนที่ทำให้เธอรวดร้าว ยิ่งคิดถึงยิ่งอยากเจอะเจอยิ่งพยายามลืมเท่าไหร่ในใจยิ่งจดจำอีกเท่าตัว ได้แต่โทษตัวเองไม่น่าเอ่ยบอกความจริงออกไปนิลนราไม่ได้ใส่ใจบรรยากาศรอบกายยังคงก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอยากให้ถึงป้ายรถเมล์ประจำทางเสียทีหากแต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดรองเท้าคู่โปรดเกิดส้นหักกลางทางทำให้เสียการทรงตัวแทบล้มทั้งยืน

นิลนรานิ่งคิดชั่วครู่ก่อนตัดสินใจถอดรองเท้าถือมันไว้ในมือสองขาก้าวเดินต่อด้วยเท้าเปล่าเหยียบย่ำบนพื้นถนนที่เต็มไปด้วยเม็ดกรวดเม็ดทรายเกลื่อนกลาดมือบางยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาอีกครั้งพลางยิ้มเยาะให้กับความน่าสมเพชของตนนึกถึงชะตากรรมครั้งเก่าหากตายไปตั้งแต่ตอนเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นคงไม่ต้องทนทุกข์อยู่แบบนี้แม้แต่จะตายยมบาลยังไม่ยอมรับวิญญาณไปอยู่ด้วยปล่อยให้ทรมานเกินเยียวยา มิหนำซ้ำคนที่รักยังจดจำกันไม่ได้แสดงท่าทีไม่อยากเข้าใกล้กันสักนิด ความคิดหลายอย่างวนเวียนในสมองซ้ำซากไปมา

-ปิ๊น-

เสียงแตรดึงสติคนเดินเหม่อลอยให้หันมองขณะรถยนต์ขับเทียบด้านข้าง กระจกติดฟิลม์มืดสนิทลดลงพร้อมคนขับก้มกายมองหญิงสาวที่เดินอยู่ริมทางด้วยสองเท้าเปล่าเปลือย

“ขึ้นรถ..”

เสียงขึงเข้มเอ่ยแกมบังคับให้ปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อแม้หรือหาทางแก้ตัวนิลนรามองเจ้านายหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อครู่ยังผลักไสไล่ส่งแต่เวลานี้กลับเรียกร้องให้เข้าใกล้ทั้งที่อยากลบลืมความเพ้อฝันกับการมีชีวิตเป็นลี่เสียที เสียงความคิดภายในใจตะโกนเตือนตนเองซ้ำๆว่าความเป็นจริงเธอมีชีวิตเป็นนิลนรา น้ำตาถูกปาดทิ้งพร้อมกลั้นสะอื้นไว้ในลำคอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจก้าวเดิน เปิดประตูรถขึ้นนั่งตามคำเชิญ

บรรยากาศภายในรถอึมครึมทันตาเห็นเมื่อผู้อาศัยไร้เสียงพูดจาไม่มีกล่าวทักทายแต่อย่างใด รถยนต์ออกตัวขับเคลื่อนอีกครั้งภายุวรรตให้ความสนใจยังเส้นทางหลวงที่มีการจราจรหนาแน่นนิลนราหลบใบหน้าหันมองนอกกระจกด้านข้างตลอดเวลาตั้งแต่ขึ้นนั่งในรถ สถานการณ์เริ่มกดดันจนใครสักคนต้องปริปากพูดจา

“ทำไมต้องถอดรองเท้า”

น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบสงบไม่มีคำตอบออกจากปากของเธอที่นั่งด้านข้าง มีเพียงลมหายใจทอดถอนออกมาอย่างหนักใจ เธอควรทำอย่างไรเพื่อพูดจากับเขาได้อย่างสนิทใจกับการวางตัวต้องแสดงเป็นลี่หรือนิลในเวลานี้ ความสับสนควบคุมความรู้สึกแต่คงต้องตัดสินใจเลือกสักทาง

“ส้นหัก”

นิลนราพยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติทั้งที่ปิดอย่างไรก็ไม่มิดภายุวรรตปรายสายตามองความผิดปกติชั่วครู่ก่อนหันกลับไปยังถนนเบื้องหน้าตามเดิม

“คุณร้องไห้..”

“...”มีเพียงความเงียบเข้ายึดพื้นที่ ทำให้คนถามเกิดความลังเลคิดหนักไม่รู้วิธีปลอบใจ ตลอดช่วงหัวค่ำที่ผ่านมาภายุวรรตรู้สึกผิดลึกๆในจิตใจ หลังจากได้รับรู้เรื่องที่สร้างความประหลาดใจอย่างมากมายเกี่ยวกับความจริงที่นิลนราได้บอกกล่าวและแม้เขาจะสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยแต่ใจอีกฝ่ายกลับต่อต้านว่าทุกอย่างไม่มีทางเป็นจริงไปได้เพราะมันอยู่เหนือธรรมชาติเกินไปความสับสนกำลังทำลายจิตใจแข็งแกร่งให้หวั่นไหน ทำให้เขาแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมและอาจพูดจาทำลายจิตใจเธอคนนี้จนเกือบพังยับเยิน

“หากผมเป็นต้นเหตุทำให้คุณเป็นแบบนี้ผมขอโทษ”

“อย่า.. กังวลเลยค่ะ เรื่องทั้งหมด.. มันเพราะตัวฉันเองไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น”

“อืม..ว่าแต่.. คุณกำลังจะกลับบ้านใช่ไหม”

นิลนราใจหายวูบเมื่อนึกถึงหม่อนไหมขึ้นมาเธอต้องเดินทางไปหาลูกน้อยตามเวลาและสถานที่นัดหมายซึ่งไตรภาคินได้ติดต่อบอกล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันและคงเลยเวลามามากแล้ว

“ไม่ค่ะฉันต้องไปโรงพยาบาล”

“โรงพยาบาล..”

เจ้าของคำถามหันมองหญิงสาวด้านข้างอีกครั้งเกิดแปลกใจเกี่ยวกับสถานที่ อยากรู้แต่ก็ไม่อยากถามซอกแซกมากไปกว่านี้ กลัวเสียมารยาทเกินเลยฐานะเจ้านาย

“ลูกสาวมีนัดถอดเฝือกที่ขาวันนี้ค่ะ”

“อืม”

ความสงสัยคลี่คลายก่อนถามไถ่เกี่ยวกับสถานที่ตั้งของโรงพยาบาลเพื่อพาเธอไปส่งยังที่นัดหมายระหว่างการเดินทางไม่มีการสนทนาใดๆ เกิดขึ้นอีกแต่ภายในใจกลับมีหลายสิ่งหลายอย่างอยากระบายออกมามากมาย ต่างฝ่ายต่างไม่รับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดภายในจิตใจว่าเป็นอย่างไรแต่สิ่งเดียวที่รู้สึกได้คือเขาไม่มีทางเชื่อเกี่ยวกับความจริงที่เธอได้บอกกล่าวให้รับรู้ไปแล้ว

การเดินทางสิ้นสุดเมื่อรถจอดสนิทยังหน้าโรงพยาบาลที่หมายนาฬิกาข้อมือถูกยกขึ้นดูเวลา ด้วยสภาพการจราจรคับคั่งทำให้มาช้ากว่ากำหนดเกือบหนึ่งชั่วโมงนิลนราจัดเตรียมของส่วนตัวก่อนก้าวลงจากรถ

“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”คำกล่าวลาถูกเอ่ยทั้งที่ไม่ได้มองสบตากับคนด้านข้าง เธอเอี้ยวกายพร้อมเปิดประตูรถผลักออก

“นี่คุณ..จะลงไปทั้งที่ไม่ใส่รองเท้าว่างั้น”

“...”นิลนราชะงักการกระทำทุกอย่างเมื่อถูกทักท้วง รีบร้อนจนลืมไปเสียสนิทว่ากำลังปล่อยให้เท้าเปล่าเปลือยเธอก้มมองสภาพร่างกายของตนเองครุ่นคิดหาวิธีแก้ไขปัญหา และเพียงไม่นานรองเท้าคู่ที่ชำรุดถูกจับใส่แก้ขัดแม้มันจะเดินไม่ถนัดก็ตามทุกการกระทำของเธอมีผลให้ใครบางคนหลุดขำอย่างลืมตัว โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน

“รอนี่ก่อน..”

ภายุวรรตดึงเบรกมือก่อนเปิดประตูก้าวลงจากรถทำให้นิลนรามองตามเงาตะคุ่มที่เดินไปเปิดท้ายรถเพียงชั่วครู่และกลับมานั่งประจำตำแหน่งตามเดิมพร้อมยื่นส่งบางอย่างให้เธอ

“ถุงอะไรคะ”

“รองเท้าแตะผมให้ยืมใส่ไปก่อน อาจจะใหญ่กว่าเท้าคุณ แต่ก็น่าจะดีกว่าคู่ที่ส้นพิการนะ”

นิลนรามองหน้าเจ้านายหนุ่มพร้อมยื่นมือรับถุงกระดาษที่เขาส่งให้หยิบรองเท้าใส่แทนคู่เก่าพร้อมกับบอกตนเองว่าอย่าหวั่นไหวในสิ่งที่เขาทำสำหรับความหวังดีที่เขาแสดงออกมาเป็นเพียงความช่วยเหลือที่เจ้านายมีต่อลูกน้องเท่านั้น

“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”

การร่ำลาจบลงเมื่อประตูถูกเปิดพร้อมร่างบอบบางก้าวออกจากรถยนต์โดยมีสายตาคู่หนึ่งมองดูเธอเดินเข้าด้านในอาคารของโรงพยาบาลจนพ้นสายตารถยนต์เคลื่อนที่อีกครั้งพร้อมภาพเหตุการณ์เมื่อช่วงสายของวันกลับมายืนในความคิดเอกสารเกี่ยวกับวันเกิดอุบัติเหตุรถชนจนคนรักของเขาเสียชีวิตได้ถูกอ่านผ่านสายตาทุกตัวอักษรทั้งสาเหตุที่มีการสันนิษฐาน ทั้งปากคำให้การของพยานหลายฝ่ายรวมทั้งชื่อคู่กรณีทั้งหมด โดยมีลวิตาเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้นส่วนนิลนราคือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังถูกรถพุ่งชนและกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรานอนอยู่ในโรงพยาบาลร่วมเดือนเศษโดยเขาเองเป็นผู้จ่ายค่าเสียหายทั้งหมด

ภายุวรรตได้แต่โทษตนเองที่ไม่ใส่ใจรายละเอียดของเหตุการณ์ณ ตอนนั้น เป็นเพราะเขามัวแต่เสียใจกับการจากไปของคนรัก หากเขาสนใจสักนิดคงได้เจอกับนิลนราตั้งแต่วันแรกที่เธอฟื้นขึ้นมาและเขาอาจได้สังเกตอย่างใกล้ชิดหากเธอคือลี่จริงๆ ไม่ใช่มารับรู้เรื่องราวกะทันหันจนตั้งตัวไม่ติดเช่นนี้คันเบรกถูกเหยียบจนรถหยุดเคลื่อนที่ ใบหน้าคมคายฟุบลงกับพวงมาลัยเกิดความกังวลสับสน เขาจะเชื่อหัวใจตนเองหรือเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น เป็นความคิดที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมาในสมองจนเริ่มเจ็บปวดรวดร้าว

เครื่องมือสื่อสารถูกคว้าจากกระเป๋าสะพายขึ้นต่อสายเมื่อได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ว่าหม่อนไหมถูกนำเฝือกออกจากขา ตรวจอาการดีขึ้นจนเป็นปกติและเดินทางกลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นิลนรารู้สึกผิดขึ้นทันที ที่มาไม่ทันเวลาคล้ายเธอละเลยไม่ใส่ใจหม่อนไหมเท่าที่ควรห่วงแต่เรื่องของตนเองจนขาดตกบกพร่องหน้าที่การเป็นมารดาไป

“คุณไตรอยู่ไหนแล้วคะ”

โทรศัพท์ถูกรับสายพร้อมกับนิลนราก้าวเดินออกจากโรงพยาบาลไตรภาคินไม่ได้แสดงท่าทางโกรธเคืองใดๆ จากน้ำเสียงที่เธอได้ยินเขาแค่ต้องการให้เธอเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย หากจะคอยอยู่ในโรงพยาบาลเขาก็ยินดีจะกลับมารับเธออีกครั้ง

“ไม่เป็นไรค่ะฉันกลับเองได้ เดี๋ยวเจอกันนะคะ”

นิลนราหยุดเดินเมื่อออกมายืนอยู่ด้านหน้าอาคารเครื่องมือสื่อสารถูกเก็บลงกระเป๋าสะพายอีกครั้งเมื่อเจรจาเรียบร้อยสายตากวาดมองหารถแท็กซี่ที่เปิดสัญญาณไฟรอให้บริการ เธอยืนรออยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจก้าวเดินออกไปยังถนนใหญ่ที่มีรถวิ่งพลุกพล่านคงจะเรียกหารถกลับบ้านได้สะดวกกว่านี้ สองเท้าก้าวเดินไปเรื่อยๆ นิลนราก้มมองรองเท้าคู่ที่ใส่ทำให้เกิดคิดถึงเจ้าของมันขึ้นมานิลนรากำมือไว้หลวมๆคิดถึงสัมผัสอบอุ่นที่ฝ่ามือนี้เคยทาบแตะอกแกร่งรับรู้ถึงหัวใจที่เต้นแรงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงแม้คำพูดที่เธอบอกกล่าวจะทำให้เกิดความหวั่นไหวอยู่บ้างแต่ลักษณะท่าทางที่แสดงออกมาเปรียบเสมือนเธอคือคนอื่นสำหรับเขาอยู่ดีความจริงข้อนี้เธอไม่มีทางปฏิเสธหรือหลอกตัวเองได้เลยหลังจากนี้ควรหยุดเสียทีกับการอยากเป็นตัวตนแท้จริง

นิลนราปัดความกังวลใจทุกอย่างทิ้งพร้อมกลับมาให้ความสนใจยังถนนเบื้องหน้าอีกครั้งแต่ทว่าภาพที่เห็นทำให้จิตใจเต้นรัวจนแทบหยุดหายใจ ทุกสิ่งรอบกายหยุดเคลื่อนไหวเมื่อใครบางคนยืนอยู่ในระยะสายตาร่างสูงยืนกอดอกพิงกระโปรงท้ายรถคล้ายกำลังใช้ความคิด แต่เพียงไม่นานเขากลับปรายหางตามองมาที่เธอเช่นกันสายตาสองคู่สบกันอยู่ชั่วครู่ก่อนภายุวรรตเปลี่ยนท่าทางและเดินเข้าหาหญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

“ทำไมมาเดินอยู่แถวนี้แล้วลูกสาวกับ..”

“ฉันมาไม่ทันพวกเขากลับไปแล้วค่ะ ว่าแต่คุณล่ะคะ ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ทั้งที่ขับรถออกไปตั้งนานแล้วหรือว่ารถของคุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า..ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวผมไปส่ง หากรอแท็กซี่แถวนี้ คืนนี้ทั้งคืนคุณคงไม่ได้กลับบ้าน”

“ทำไมคะ..”

“ตั้งแต่เดินออกจากโรงพยาบาลคุณเจอรถแท็กซี่ว่างสักคันหรือยังและที่สำคัญนั่งรถคนเดียวดึกๆ แบบนี้มีหวังโดนพาไปที่อื่นมากกว่ากลับบ้านนะ”

คำขู่ไม่ได้ทำให้เธอหวาดกลัวภัยสังคมแต่ยอมเดินขึ้นรถยนต์ที่จอดอยู่เพียงเพราะอยากเดินทางให้ถึงที่พักอาศัยโดยไวและรู้ดีแก่ใจว่าเธอคงปฏิเสธไม่ได้หากเขาคนนี้เห็นว่าทุกอย่างรอบกายไม่ปลอดภัยสำหรับชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อทั้งสองขึ้นนั่งบนรถเป็นที่เรียบร้อยการเดินทางจึงเริ่มต้นอีกครั้งและสถานการณ์ภายในรถยังคงเงียบกริบเหมือนเช่นที่ผ่านมาตลอดระยะการเดินทางต่างฝ่ายต่างวางตัวนิ่งเฉยแต่ในใจกลับทุรนทุรายอยากหาเรื่องพูดจา

“คุณ/คุณ”เสียงประสานราวกับนัดหมายกันไว้

“งั้น..ผมให้คุณพูดก่อน”

“ไม่ค่ะฉันจะฟังในสิ่งที่คุณต้องการพูด”

“คุณรู้หรือเปล่าว่าคนรักของผมเสียชีวิตยังไงแล้วทำไมคุณถึงรู้จักเธอ”

“คุณต้องการอะไรคะทั้งที่คุณไม่เชื่อเรื่องนี้ แล้วตอนนี้ฉันก็พยายามทำใจไม่อยากพูดถึงมันอีกฉันกำลังจะปรับตัวให้ชินกับการเป็นผู้หญิงคนนี้ ดำเนินชีวิตให้เป็นนิลนรา”

“หากลี่อยู่ตรงนี้..เธอคงไม่ยอมแพ้ และไม่ละความพยายามง่ายๆ คุณคงไม่ใช่เธอถึงไม่มีความเข้มแข็ง ทั้งที่เพิ่งจะเริ่มต้นด้วยซ้ำ”

“คุณคงสนุกกับการทำร้ายจิตใจใครต่อใครฉันเคยคิดว่าคุณเป็นผู้ชายเย็นชาไม่ค่อยแสดงความรู้สึกสักเท่าไหร่ แต่ไม่คิดเลยว่าคุณจะเลือดเย็นได้ขนาดนี้”

“...”

“ฉันจะบอกกับคุณอีกครั้งลี่ขับรถประสบอุบัติเหตุในวันเกิดของตัวเองโดยที่ก่อนตายได้คุยโทรศัพท์กับคุณเป็นคนสุดท้ายฉันไม่รู้ว่าทำไมอุบัติเหตุครั้งนั้นไม่ทำให้ฉันตาย แต่กลับให้เข้ามาอยู่ในร่างกายนี้แทนและฉันรู้ดีว่าคนอย่างคุณไม่มีทางเชื่อในสิ่งที่ฉันบอกเป็นครั้งที่สองตอนนี้ฉันไม่หวังให้คุณยอมรับแล้วล่ะค่ะว่าฉันเป็นลี่ เพราะถึงอย่างไรฉันก็ยังต้องเป็นนิลนราต่อไป”

รถยนต์จอดสนิทยังหน้าบ้านหลังใหญ่แสงไฟส่องทางสาดกระทบร่างสูงที่ยืนตระหง่านรอคอยบุคคลสำคัญกำลังก้าวลงจากรถไตรภาคินรีบรุดเข้าหาภรรยาทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเธอและความข้องใจถาโถมเมื่อเห็นชายหนุ่มอีกคนเดินตามลงมาติดๆ

“ทำไมคุณเพิ่งกลับไหนว่าจะมาแท็กซี่แล้วใครมาส่งคุณ”

คำถามหลายข้อส่งตรงภรรยาแต่สายตากลับมองยังชายหนุ่มอีกคนที่นำพาเธอมาส่งยังที่พักอาศัยในน้ำเสียงเสียงจริงจังทำให้นิลนรารู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆคล้ายตกที่นั่งเป็นจำเลยถูกไต่สวนคดีความ

“เอ่อ..คือ”

“ขอโทษด้วยครับที่ผมนำภรรยาคุณมาส่งช้าไปพอดีมีงานด่วนทำให้เธอแวะไปโรงพยาบาลไม่ทัน”

“งั้นเหรอครับ”

ไตรภาคินเดินมายืนขนาบข้างภรรยาพร้อมยกมือโอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของเต็มตัวบรรยากาศความกดดันเริ่มมาคุโดยรอบ สายตาสองคู่จ้องมองกันไม่วางตา

“เอ่อ..นี่คุณภายุวรรตเจ้านายฉันค่ะ ส่วนนี่คุณไตร สามี.. ฉันค่ะ” นิลนราแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกันเพื่อลดความตึงเครียดที่เกิดอยู่ขณะนี้แต่ดูจะไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับผมเพิ่งรู้ว่าบริษัทนี้มีบริการเจ้านายส่งลูกน้องด้วย แต่ก็ขอบคุณอย่างสูงที่กรุณาขับรถมาส่งภรรยาผมถึงบ้านอย่างปลอดภัย”

“ครับ..ด้วยความยินดี”

มือแข็งแรงที่โอบไหล่เมื่อครู่เปลี่ยนมากุมมือของนิลนราไว้และจูงแกมดึงให้เธอเดินตามเข้าภายในเขตรั้วบ้านอย่างเร็วทำให้คนมองเห็นรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย ความรู้สึกแปลกๆ วนเวียนในใจ แต่ภายุวรรตคงห้ามอะไรไม่ได้เพราะเขาเป็นแค่คนอื่นไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายในชีวิตครอบครัวของเธอ

“วันนี้พาเจ้านายมาถึงบ้านเลยนะนิลแล้วคุณทำงานจนเกินเวลาจริงเหรอถึงลืมผมกับลูก”น้ำเสียงเข้มงวดเอ่ยดังระหว่างเดินเข้าบ้าน น้ำหนักมือเพิ่มแรงในการบีบกดมากขึ้น

“ฉันไม่ขอพูดอะไรแล้วกันค่ะเพราะพูดไปก็เหมือนกับแก้ตัว”

“งั้นผมจะถือว่าสิ่งที่ผมคิดคือเรื่องจริง”

“แล้วแต่คุณเถอะค่ะฉันคงไม่มีสิทธิ์ห้ามความคิดของใครได้”

“ก็ดี..”

ไตรภาคินกระชากมือภรรยาให้เดินเข้าบ้านด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองอย่างหนักรู้สึกโกรธ หึงหวง สับสน สารพัดอย่างที่จะรู้สึกได้ ณ ตอนนี้นิลนราได้แต่จำใจฝืนเดินตามเพื่อไม่ให้เกิดความบาดหมางมากไปกว่าเดิม

“แม่นิลคะ”

เสียงใสเจื้อยแจ้ววิ่งปรี่เข้าหามารดาทำให้มือแข็งแรงคลายแรงและปล่อยให้เธอเป็นอิสระในที่สุดไตรภาคินพ่นลมหายใจพร้อมยกมือขึ้นเสยผมและกุมขมับ มืออีกข้างยกขึ้นท้าวเอวคิดหนัก พยายามตัดอารมณ์ปั่นปวนให้สงบลง

“ว่าไงคะน้องไหมเพิ่งหายดีอย่าเพิ่งวิ่งสิคะ”

คนตัวเล็กวิ่งกอดแข้งขาออดอ้อนจนมารดาต้องอุ้มร่างน้อยๆไว้ในอ้อมอก กอดรัดแสดงความรักและคิดถึงรอยยิ้มจากหม่อนไหมทำให้ความรู้สึกกดดันเมื่อครู่หายเกลี้ยงจากใจเป็นปลิดทิ้งสองแม่ลูกพากันเดินเข้าบ้านปล่อยให้ไตรภาคินยืนมองพร้อมสงบสติอารมณ์ฟุ้งซ่านให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว

“พ่อไตรคะเข้าบ้านเร็วๆ ค่ะ แม่นิลมาแล้วนะคะ”

“ครับเดี๋ยวพ่อตามเข้าไป”

ต่อให้เขาเชื่อว่าเธอคนนี้ไม่ใช่ภรรยาแต่อีกใจกลับรู้สึกว่าเธอยังเป็นนิลนราคนเดิม ทั้งความรัก ความห่วงใยยังมีให้เธออย่างเปี่ยมล้นหัวใจ ไม่อยากปลดปล่อยให้เธอจากเขาไปอยู่ดี



                 ‘พี่ไตร’

เสียงเรียกแผ่วเบาดังจากที่ใดสักแห่งในระยะห่างไกล คนตัวสูงก้าวเดินหาต้นตอของเสียงคุ้นเคยมองไปทิศทางใดกลับเจอแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่าไร้ใครสักคนยืนให้เห็นผ่านสายตา ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่เอนไหวตามลมโบกแรงกระทบของกิ่งก้านทำให้ดอกหญ้าแตกตัวฟุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้า ลอยลิ่วปลิวตามลมนำพาบรรยากาศรอบด้านเย็นสบายเมื่ออากาศพัดผ่านผิวกาย แต่กลับรับรู้ได้ถึงความโศกเศร้าลึกๆในใจ

‘พี่ไตร’

เสียงเรียกชื่อดังซ้ำอีกครั้งท่ามกลางทุ่งหญ้าแห่งนั้นแต่คราวนี้กลับดังใกล้ขึ้นและกังวานอยู่ในโสตประสาท เขาหันหลังกลับมามอง หญิงสาวในชุดเดรสสีครีมอ่อนผมดำเงางามยาวสลวยพัดพลิ้ว รอยยิ้มเจือความเศร้าในดวงตากลมโตคู่สวย ทำให้คนมองเห็นรู้สึกเจ็บแปลบที่อกข้างซ้ายเธอย่างก้าวเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้าชายหนุ่ม ร่างบอบบางเขย่งขึ้นตามความสูงของเขามอบจุมพิตหวานซึ้ง ก่อนกลับมายืนในท่าปกติอีกครั้ง

“นิล..พี่คิดถึงนิล”

ชายหนุ่มโผเข้ากอดหญิงสาวแนบแน่นยืนยันในสิ่งที่บอกกล่าวนานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่เคยได้สัมผัสความอบอุ่นเช่นนี้ ทั้งที่รอคอยและโหยหามาตลอดเวลาหญิงสาวกอดตอบพร้อมนำมือตบและลูบไล้แผ่นหลังเบาๆ ราวกับให้กำลังใจ ดวงตาคู่สวยเริ่มร้อนผ่าวเมื่อน้ำใสๆเอ่อริน

‘นิลเสียใจที่นิลคิดอะไรโง่ๆทำให้พี่ไตรไม่มีความสุข ทำให้ลูกไหมขาดแม่ แต่นิลย้อนเวลากลับมาไม่ได้นิลอยากให้พี่ไตรอยู่ให้มีความสุขกับคนที่พี่รัก ดูแลลูกไหมแทนนิลด้วย’

“นิลจะไปไหนพี่ไม่ให้นิลไปไหนทั้งนั้น นิลต้องอยู่กับพี่ อย่าทิ้งพี่ไปนะนิล พี่รักนิล”

‘พี่ไตรลองค้นหัวใจตัวเองแล้วจะรู้ว่ายังมีอีกคนที่พี่ไตรรักไม่ต่างจากนิล ถึงเวลาที่นิลต้องไปแล้ววันนี้นิลมาเพื่อบอกลา อยากให้พี่ไตรดูแลตัวเองและลูกไหมให้ดีนิลจะได้หมดห่วงแล้วไปอยู่ในที่ของนิล อย่าเสียใจไปเลยนะพี่ไตรนิลจะอยู่ในใจพี่เสมอ ลาก่อนที่รักของนิล’

“นิล!อย่าทิ้งพี่ไป!”

ไตรภาคินสะดุ้งกายลุกขึ้นนั่งเขาแค่ฝันไปเท่านั้นจิตใจเต้นโครมครามหันเหความสนใจมองคนด้านข้างที่ยังหลับใหลไม่รู้สึกตัวแต่ภาพที่เห็นทำให้เขาตกตะลึงอีกครั้งเมื่อใบหน้าของภรรยา เป็นใบหน้าของหญิงสาวอีกคนซ้อนขึ้นมาทำให้เขายกมือขึ้นขยี้ตาและมองยังภรรยาอีกครั้ง ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ เขาคงตาฝาดไปเองไตรภาคินถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนขยับกายลุกลงจากเตียงนอน และนำพาร่างกายเดินฝ่าความมืดออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ

ดวงไฟจากหลอดนีออนสว่างโล่เมื่อถูกเปิดใช้งานภายในห้องทำงานส่วนตัวคือจุดหมายที่ไตรภาคินต้องการค้นหาข้อมูลบางอย่าง ลิ้นชักโต๊ะถูกเปิดพร้อมซองสีน้ำตาลถูกนำขึ้นมาวางชั่วครู่ก่อนตัดสินใจดึงเอกสารทั้งปึกที่อยู่ด้านในออกมาอ่านอย่างละเอียด เรื่องราวเกี่ยวกับวันที่ภรรยาของเขาเกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัสชื่อของหญิงสาวคู่กรณีถูกอ่านผ่านสายตา หากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงผู้หญิงที่อยู่ในร่างภรรยาของเขาคือลวิตา มันเรื่องบ้าชัดๆทำไมนิลไม่กลับเข้าร่างของตนเองมีเหตุผลอะไรที่ผู้หญิงคนนั้นต้องมาอยู่เป็นนิลนราแทนแล้วทำให้ภรรยาแท้จริงของเขาจากไปตลอดกาล สองมือยกกุมขมับพยายามหาหนทางแก้ไขกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ค้นหาอย่างไรเขาก็ไม่มีคำตอบให้ตนเอง

ช่วงใกล้สว่างไตรภาคินกลับมายังห้องนอนอีกครั้งเหลือเวลาให้เอนกายพักผ่อนอีกหน่อยก่อนจะลุกดำเนินหน้าที่ตามปกติประจำวัน

“พ่อไตรคะ”หม่อนไหมรู้สึกตัวตื่นเมื่อถูกโอบกอดจากอ้อมแขนของบิดา

“นอนต่อสิครับพ่ออยู่ข้างๆ น้องไหมนะครับ”

“พ่อไตรคะเมื่อคืนแม่นิลมาหาหม่อนไหม แม่นิลบอกว่าต้องจากไปอยู่ในที่แสนไกลด้วยค่ะ”

“...”คนตัวเล็กพลิกกายกลับไปอีกฝั่งมองมารดาที่หลับสนิทก่อนหันหน้ากลับมาทางบิดาอีกครั้ง

“แต่แม่นิลก็อยู่กับเรานี่คะพ่อไตร”

“ครับแม่นิลอยู่ตรงนี้แม่นิลไม่ได้จากพวกเราไปไหน น้องไหมนอนนะครับ พรุ่งนี้พ่อจะไปส่งที่โรงเรียนอยากไปไหมครับ ตั้งแต่ขาหักก็ไม่ได้เจอเพื่อนๆ เลยใช่ไหม”

“ค่ะหม่อนไหมคิดถึงเพื่อนๆ ที่โรงเรียน”

ริมฝีปากประทับลงบนหน้าผากลูกน้อยฝ่ามือใหญ่ลูบไล้เส้นผมสองสามครั้งก่อนที่หม่อนไหมจะปิดตาหลับสนิทอีกครั้ง ทิ้งให้ไตรภาคินสะกดอารมณ์ความเสียใจไว้ภายในเมื่อนึกถึงความฝันที่เพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่นาน

 (มีต่อด้านล่างค่ะ)




Create Date : 24 มีนาคม 2556
Last Update : 24 มีนาคม 2556 10:36:57 น.
Counter : 564 Pageviews.

7 comments
  
โต๊ะทำงานเต็มไปด้วยกองเอกสารและแฟ้มหนาวางเรียงรายเป็นระเบียบเรียบร้อย สร้างความแปลกใจให้กับเจ้าของโต๊ะเป็นอย่างมาก เมื่อคืนหลังออกจากห้องผู้บริหาร เธอจำได้ว่าไม่เคยขนงานทั้งหมดออกจากห้องแต่อย่างใด แล้วใครนำมันออกมาวางไว้ตรงนี้ คำถามวิ่งพล่านในความคิดทันที

“พี่ภัสขนเอกสารพวกนี้ออกจากห้องคุณวรรตให้นิลหรือเปล่า”

“เปล่านะ ก็เห็นนิลว่าจะขนเมื่อวานเย็นไม่ใช่หรือไง”

“นิลไม่ได้ขนมันออกมา หรือจะเป็น..”

คงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากเจ้าของห้อง เขาคงแสดงความเป็นสุภาพบุรุษหรือมีน้ำใจแก่พนักงานในบริษัท ขนเอกสารทั้งหมดออกมาวางไว้หลังจากที่เธอเดินออกจากสถานที่เมื่อคืนนี้ นิลนราไม่ปล่อยให้ความเคลือบแคลงเกาะกุมความรู้สึกนาน เธอเดินไปยังห้องผู้บริหารทันทีเพื่อถามไถ่และตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งว่างานทุกชิ้นถูกขนออกมาหมดจนไม่มีหลงเหลืออีกแล้วด้านใน

ระหว่างก้าวเดินผ่านโต๊ะทำงานเลขาสาวหน้าห้อง สายตาหันมองเห็นตรีชาดากำลังชื่นชมความงดงามกับนิ้วมือที่กรีดกราย ดูเธอจะพอใจกับบางสิ่งที่ประดับอยู่บนนั้น และเมื่อเลขาสาวละความสนใจจากนิ้วมือเพื่อมองคนเดินผ่าน ทำให้เธอกระแทกกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ พร้อมเดินดิ่งหาเพื่อนร่วมงานอย่างรวดเร็ว

“นี่นังนิล ดูสิแหวนสวยไหม”

ตรีชาดาชูหลังมือส่งให้ดูบนนิ้วเรียว แหวนเพชรน้ำดีส่องประกายความแวววาว แต่ความงดงามของมันทำให้จิตใจคนมองร่วงหายเมื่อเธอจำได้ขึ้นใจว่าแหวนวงนี้เป็นวงเดียวกันกับที่เธอเคยเห็นมาก่อนในห้องของภายุวรรต ทำไมตรีชาดาถึงมีแหวนวงนั้นอยู่ในครอบครอง

“ค่ะ”

“บอสใจดีมากเลยรู้ไหม เขายกแหวนวงนี้ให้ฉัน เผลอๆ อาจมีข่าวดีก็ได้นะ หรือบอสจะขอฉันแต่งงาน”

น้ำเสียงตื่นเต้น ดีใจจนออกนอกหน้า แต่กลับทำให้หัวใจใครบางคนเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ หรือเพราะเธอจำเป็นต้องเป็นนิลนราต่อไป เขาจึงหมดเยื่อใยกับเธอแล้วจริงๆ หรือแหวนวงนี้ไม่ได้เป็นของเธอแล้วตั้งแต่แรก

“ดีใจด้วยนะคะ ถ้ามันออกมาเป็นแบบนั้น”

“ว่าแต่แกมาทำอะไรแต่เช้า”

“ฉันมาตรวจดูเอกสารว่าเอาออกไปครบหรือยัง”

“ครบหมดแล้วล่ะย่ะ ฉันช่วยบอสขนเมื่อเช้านี้เอง แกไม่ต้องเสนอหน้าเข้าไปหรอกนะ บอสคงไม่อยากเจอหน้าแกเท่าไหร่ ฉันเลยช่วยเขาจัดการขนเอกสารออกไปไงล่ะ”

“ขอบคุณมากนะคะ ที่มีน้ำใจ”

นิลนราพยายามสะกดอารมณ์หวั่นไหว ควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด สองเท้าค่อยๆ ย่างก้าวกลับไปยังโต๊ะทำงานของตนเองด้วยสภาพจิตใจห่อเหี่ยว หมดแล้วความหวังที่จะเป็นคนรักในความทรงจำของเขา..


โปรดติดตามตอนต่อไป..
โดย: มาโซคิส วันที่: 24 มีนาคม 2556 เวลา:10:38:03 น.
  
ตอนนี้มาลงบล็อคเร็วดีจังค่ะพี่มาโซ ^^

ไม่ล็อบบี้แล้ว
เดี๋ยวพี่มาโซแกล้ง หุหุ

โดย: lovereason วันที่: 24 มีนาคม 2556 เวลา:11:14:42 น.
  
ไม่แกล้งน้า อิอิ
โดย: มาโซคิส วันที่: 24 มีนาคม 2556 เวลา:12:17:36 น.
  
อ่านเต็มอิ่มหลายตอนเลย ขอบคุณค่ะไรเตอร์
โดย: alanta IP: 49.0.68.64 วันที่: 24 มีนาคม 2556 เวลา:12:25:31 น.
  
ขอบคุณนะคะ ที่ติดตาม จะพยายามไม่ลืมลงในบล็อกค่ะ
ส่วนใหญ่จะไปวางที่กระทู้ ถนนนักเขียน
โดย: มาโซคิส วันที่: 24 มีนาคม 2556 เวลา:16:25:20 น.
  

น่าสงสารนะ เเล้วใครคือพระเอกตัวจริงล่ะเนี่ย เเล้วหนูลี่ต้องอยู่ในร่างหนูนิลไปตลอดชีวิตเลยเหรอ รักสามเส้าสี่เส้า ไม่ลงตัวสักที
โดย: VEE IP: 66.172.205.75 วันที่: 24 มีนาคม 2556 เวลา:19:52:38 น.
  
อีกไม่นาน จะลงตัวแล้วล่ะคะ ยังไงก็ติดตามต่อจนจบนะคะ

ขอบคุณมากๆ ค่ะ ที่ติดตามห้วงพันธนาการ
โดย: มาโซคิส วันที่: 24 มีนาคม 2556 เวลา:19:56:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments