มกราคม 2556

 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
20
22
23
24
25
27
28
29
 
 
All Blog
ห้วงพันธนาการ บทที่ 1

Chapter 1

ภายในตัวอาคารของโรงพยาบาลกลางกรุงเทพมหานคร มากมายไปด้วยคนป่วยหลากหลายอาการทั้งลูกเล็กเด็กแดง ผู้สูงอายุมากวัย ไม่เว้นแม้กระทั่งวัยรุ่นหนุ่มสาวบ่งบอกถึงสังคมเมืองทุกวันนี้เต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่เฝ้ารุมเร้าคร่าสุขภาพพาผู้คนให้ล้มเจ็บออดๆแอดๆ รอคิวพบแพทย์รับยาจนเกือบล้นโรงพยาบาล

ชายหนุ่มวัยสามสิบปีลักษณะท่าทางสุขุม ดูดีเป็นผู้ใหญ่สมวัย ก้าวผ่านโถงใหญ่ของอาคารที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่านทั้งคนป่วยทั้งญาติมิตรคนไข้ชายหนุ่มเดินตรงยังลิฟต์ของโรงพยาบาลต้องการขึ้นยังชั้นบนโซนห้องพักผู้ป่วยพิเศษร่วมเดือนเห็นจะได้ที่เขาแวะเวียนยังสถานที่แห่งนี้เป็นประจำจนเกิดความคุ้นหน้าคุ้นตากับเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเมื่อพบเจอต่างส่งยิ้มทักทายระหว่างทางเดิน

ตู้ลิฟต์กว้างขวางเคลื่อนที่ถึงชั้นปลายทางไฟสีส้มดับสนิทพร้อมการเคลื่อนไหวหยุดนิ่งประจำชั้นที่กดเลือกไว้ ก่อนประตูเลื่อนเปิดสองเท้าพาร่างกายก้าวเดินต่อยังหน้าห้องพักผู้ป่วยพิเศษ ‘นิลนรา’ ป้ายหน้าประตูแสดงชื่อผู้ป่วยประจำห้อง

“เย้! พ่อไตรมาแล้ว”

บานประตูห้องเปิดกว้างพร้อมเสียงใสเจื้อยแจ้วเอ่ยทักทายร่างเล็กของเด็กหญิงวัยห้าขวบเศษวิ่งโผ่เข้าโอบกอดแข้งขาคนตัวใหญ่ด้วยระดับความสูงที่มีขอบจำกัดของเด็กน้อยชายหนุ่มแย้มยิ้มเอ็นดูพลางก้มกายอุ้มร่างบางขึ้นแนบอก

“ว่าไงครับน้องไหมดื้อกับคุณยายหรือเปล่า”

“หม่อนไหมไม่ดื้อนะคะถามคุณยายดูก็ได้”

ไตรภาคินอุ้มลูกน้อยเดินลึกเข้าด้านในหยุดยืนเคียงข้างเตียงผู้ป่วยที่มีหญิงสาวร่างกายซูบผอม ใบหน้าซีดเซียวนอนแน่นิ่ง โดยมีสายท่อทรงกลมยาวระโยงระยางพาดผ่านใบหน้าบริเวณจมูกเชื่อมต่อยังเครื่องช่วยหายใจที่ตั้งอยู่ด้านข้างหน้าจอมอนิเตอร์วัดระดับการเคลื่อนไหวเป็นคลื่นการเต้นของหัวใจตลอดเวลา

“วันนี้อาการนิลเป็นไงบ้างครับ”

สายตาหม่นหมองมองยังร่างหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งคล้ายหลับไหลพยายามเก็บอาการรวดร้าวไว้ภายใน เอ่ยประโยคพูดจาโดยไม่ได้หันมองยังคู่สนทนาแต่อย่างใด

“อาการยัยนิลดีขึ้นเห็นหมอว่างั้นนะลูก”

หญิงวัยกลางคนหรือมารดาของหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งเป็นเจ้าหญิงนิทราโต้กลับบทสนทนาเพื่อตอบคำถามแก่ชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงปลอบปละโลมเธอเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเวลานี้ชายหนุ่มเบื้องหน้ามีทุกข์หนักหนาเพียงใด เนื่องจากหญิงสาวคนรักนอนหลับไหลไม่ได้สติพาจิตใจแข็งแกร่งสะเทือนหวั่นไหวจนแสดงความตึงเครียดและเศร้าโศกออกทางสีหน้าชัดเจน

ผู้เป็นมารดารับรู้ว่าไตรภาคินหลงรักนิลนรามาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสืออยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันและการคบหาสมัยนั้นอยู่ภายใต้สายตาของครอบครัวมาโดยตลอด จนกระทั่งเรียนจบทั้งสองตกลงปลงใจแต่งงานและมีพยานรักอย่างน้องหม่อนไหมจนเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมานิลนราประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์พุ่งชนอาการสาหัสปางตายแต่ยังนับว่าโชคดีที่เธอรอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชมาได้อย่างหวุดหวิด ทว่าเวลานี้นิลนรากลับหลับไหลกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไม่ยอมฟื้นตื่นขึ้นมานับจากนั้นระหว่างนี้ทั้งมารดาและสามีต่างแวะเวียนเฝ้าดูแลไม่เคยห่างหาย หวังเพียงส่งกำลังใจให้นิลนราฟื้นคืนชีพอีกครั้งด้วยความหวังและปาฎิหาริย์

“ผมอยากให้นิลฟื้นเร็วๆครับแม่”

มืออบอุ่นเอื้อมสัมผัสไหล่กว้างพร้อมบีบปลอบเป็นกำลังใจให้เขามีความมุ่งมั่นและรอคอยกันต่อไปถึงแม้ชายหนุ่มจะดูเศร้าสร้อยเพียงใด ผู้เป็นแม่ย่อมเสียใจไม่ต่างกันตั้งแต่นิลนรานอนอยู่โรงพยาบาลต่างฝ่ายต่างไม่เคยได้นอนหลับเต็มตื่นแม้สักวันข้าวปลาอาหารจับใส่กระเพาะได้นิดหน่อยจนร่างกายซูบผอมลงอย่างชัดเจน

“พ่อไตรคะเดี๋ยวแม่นิลก็ฟื้นแล้วค่ะ”

มือน้อยยกจับสัมผัสใบหน้าผู้เป็นพ่อส่งกำลังใจให้อีกแรงทำให้รอยยิ้มเจือจางปรากฏวางบนวงหน้าคมเข้มอีกครั้งด้วยกำลังใจจากคนรอบข้างทำให้เขามีเรี่ยวแรงและมีกะจิตกะใจที่จะปฏิบัติภาระหน้าที่ในแต่ละวันต่อไปทั้งที่ใจทั้งดวงห่วงใยภรรยาไม่น้อยเลย

“ครับเดี๋ยวแม่นิลก็ฟื้นมาหาพวกเราแล้วเนอะ”

มือแข็งแรงส่งจับใบหน้าซีดขาวที่นอนหลับตานิ่งบนเตียงนิ้วยาวไล่เกลี่ยจนทั่วใบหน้า อีกนานแค่ไหนนิลนราจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งไตรภาคินได้แต่ถอนใจเบาๆ

“ว่าแต่เรื่องอุบัติเหตุเป็นไงบ้างไตร”

“เรียบร้อยแล้วครับครอบครัวคนขับรถชนนิล ยินดีรับผิดชอบทุกอย่างคงรอนิลฟื้นก่อนจึงจะเจรจากันอีกทีว่าต้องการอะไรเพิ่มอีกไหม”

“ก็ยังดีที่ชนแล้วไม่หนี”

“คงหนีไม่ได้หรอกครับแม่ทางฝ่ายนั้นก็อาการสาหัสเหมือนกัน เห็นว่ามีคู่กรณีหลายคน ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่สนใจแต่ส่วนของนิลเท่านั้น ถึงยังไงผมก็ไม่อยากญาติดีกับคนทำให้นิลเจ็บตัว”

“มันเป็นเวรกรรมนะลูกอย่าไปผูกใจเจ็บกันเลย ยังไงยัยนิลก็ยังมีลมหายใจ”

“หากวันนั้นผมยอมสละเวลาไม่มัวห่วงแต่งานแล้วแวะไปรับนิล ก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้”

“อย่าโทษตัวเองไปเลยไตรไหนๆ เรื่องมันก็เกิดแล้ว คิดในทางกลับกัน หากไม่เจอเหตุการณ์วันนั้นก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างยัยนิลอาจไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วก็ได้นะลูก”

สายตาเศร้าหมองส่งมองภรรยารู้สึกผิดมหันต์คล้ายตนเองเป็นฝ่ายทำให้เธอต้องเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานอย่างที่เป็นอยู่เวลานี้

“พ่อไตรคะยิ้มให้หม่อนไหมดูหน่อยสิคะ”

รอยยิ้มจางๆฝืนกระตุกมุมปากเอาใจลูกสาวตัวน้อยแสร้งทำว่ากำลังมีความสุขเพื่อไม่ให้เกิดความหดหู่ท้อแท้กับบุคคลอันเป็นที่รักรอบกาย

“หม่อนไหมมาหายายมาลูก ได้เวลาพวกเรากลับไปพักผ่อนที่บ้านกันแล้ว ให้พ่อไตรอยู่ดูแลแม่นิลนะลูกนะ”

“ค่ะคุณยาย”

ร่างเล็กถูกจับส่งยังมือผู้เป็นยายข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ โดนไตรภาคินหยิบยกขึ้นเต็มสองมือพร้อมก้าวเดินนำหน้าเพื่อส่งลูกสาวกับแม่ของภรรยาให้ถึงรถยนต์ส่วนตัวกลับยังที่พักอาศัย


++++


เสียงยางใต้รองเท้าผ้าใบเสียดสีกับพื้นตามจังหวะก้าวเดินก่อนจะหยุดนิ่งหน้าห้องพักผู้ป่วยประตูถูกเปิดออกพลางสายตามองหาคนในห้อง ไม่มีใครนอกเสียจากหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงกระเป๋าสะพายใบโตถูกจับยกออกจนพ้นร่างกาย และวางลงยังเก้าอี้ด้านข้าง

“ไอ้นิล..ฉันมาเยี่ยม ตื่นซะทีสิ เมื่อไหร่แกจะฟื้นขึ้นมา ฉันคิดถึงแกจะแย่แล้วนะอยากจะโกรธแกจริงๆ ปล่อยให้คนอื่นเขาเป็นห่วงกันแบบนี้”

ลมหายใจถูกทอดถอนหลังจบประโยคน้ำเสียงตัดพ้อบ่งบอกให้รับรู้ถึงการรอคอยได้พูดจากันอีกครั้งมือเอื้อมสัมผัสผิวหนังซีดขาวแต่กลับอบอุ่นไปด้วยอุณหภูมิในร่างกายที่ทำให้รับรู้ถึงการมีชีวิตมือบางค่อยๆ บีบไล่ไปตามแขนขาวเบาๆ คล้ายช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดและเมื่อยล้า

“แกนอนอยู่อย่างนี้ร่วมเดือนกว่าแล้วนะตื่นขึ้นมาแกต้องเป็นง่อยเปี้ยกลายเป็นอัมพาตแน่เลยไอ้นิลเอ้ย”

วิภานีส่งรอยยิ้มขำขันหลุดออกมาระหว่างพูดจากับผู้ป่วยบนเตียงโดยไม่รู้ว่าเธอที่หลับไหลจะมีสัมผัสรับรู้หรือได้ยินเสียงพูดจาบ้างหรือไม่

“วันนี้ฉันจะเล่าเรื่องตลกให้แกฟังแกฟังฉันอยู่หรือเปล่าไอ้นิล วันนี้นะเว้ยฉันไปเดินเล่นที่ห้างเพราะคิดถึงแกหากแกไม่นอนอยู่ตรงนี้ฉันคงได้ไปเที่ยวกับแกใช่ไหมล่ะเพราะงั้นมันเป็นความผิดของแกที่ไม่ยอมตื่นมาเที่ยวกับฉันรู้ไหมวันนี้ฉันไปปิ๊งหนุ่มมาด้วยล่ะ ผู้ชายอะไรไม่รู้หน้าตาดีเป็นบ้า ตัวสูงโปร่งตาโตมาก ผมยาวปะบ่า โอ้.. เพอร์เฟคไปซะทุกอย่าง จะว่าไปลักษณะคล้ายๆ สามีแกเลยนะยัยนิลผู้ชายคนนั้นคล้ายๆ พี่ไตรแต่ดูเด็กกว่าหลายปี ถ้าแกเห็นคงต้องหลงรักเขาเหมือนฉันแน่ๆเลย เนี้ย.. หากมันเป็นพรหมลิขิตให้ฉันเจอกับเขาจริงๆ สักวันเราคงได้เจอกันอีกแล้วถ้าเมื่อไหร่ฉันได้เจอกับคนนั้นอีก ฉันจะแนะนำให้แกรู้จักเอาไหมยัยนิลว่าแต่.. เมื่อไหร่แกจะฟื้นซะที ฉันคิดถึงแกนะ”

น้ำใสๆคลอรื้นขอบตา สงสารเพื่อนสนิทจับใจ ถึงแม้วิภานีจะพยายามพูดคุยเปล่งเสียงดังหรือสร้างความสนุกสนานให้เพื่อนที่นอนหลับไหลได้ยินเพียงใดหากแต่ทุกสิ่งยังคงสงบนิ่งไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบกลับมา ชีวิตของนิลนราคล้ายถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายยังไม่ผ่านพ้นจากความตายไปไหนเลย เนื่องจากเธอยังนอนนิ่งไม่ได้สติมองดูกี่ทีก็ยังคล้ายร่างไร้วิญญาณไม่มีผิด

“อ้าววิมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

ไตรภาคินทักทายหญิงสาวเบื้องหน้าเมื่อเปิดประตูเข้ามาเจอพอดีวิภานีกะพริบเปลือกตาถี่เพื่อไล่น้ำตาที่เอ่อคลอให้เหือดหายก่อนหันหน้าเผชิญกับชายหนุ่มผู้ตั้งคำถาม

“วิมาได้ซักพักแล้วล่ะพี่ไตรว่าแต่พี่ไตรไปส่งคุณแม่กับน้องไหมมาเหรอ ถึงปล่อยให้ยัยนิลอยู่คนเดียว”

“อืม..ส่งคุณแม่กับน้องไหมขึ้นรถ แล้วเราล่ะไปไหนมา ถึงมาโผล่อยู่ที่โรงพยาบาลได้”

ไตรภาคินหยิบน้ำดื่มจากตู้แช่ยื่นส่งให้แขกผู้มาเยือนถือไว้ก่อนทรุดกายลงนั่งยังโซฟาใกล้ๆ

“ไปเดินช็อปปิ้งที่ห้างตั้งใจจะแวะมาเยี่ยมยัยนิลด้วย เออ.. วันนี้วิเจอผู้ชายคนนึงเห็นแล้วคิดถึงพี่ไตรมากมาย ลักษณะท่าทางเหมือนกันอย่างกับแกะ”

“อ้าววิจะว่าพี่เกิดมาหน้าโหลงั้นหรือไง หน้าตาแบบพี่มีคนเดียวในโลกนะจะบอกให้”

“แหม๋..ไม่ได้ว่าหน้าโหลซะหน่อย แค่บอกว่าเห็นแล้วคิดถึงพี่ไตรเท่านั้นเอง”

ประโยคสนทนาช่วยสร้างรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นมาบ้างไม่ใช่มีแต่ความโศกเศร้าเมื่อสายตามองผ่านไปยังร่างกายซีดขาวไร้เลือดฝาดที่ดูจะผอมแห้งลงทุกวันจนจะกลายเป็นหนังหุ้มกระดูกไปเสียก่อนหากยังคงเป็นอย่างนี้ต่อไป

“ว่าแต่กินข้าวเย็นมาหรือยัง”

“เรียบร้อยมาแล้วล่ะพี่ไตรคงยังไม่ได้กินล่ะสิ จะว่าไปพี่ไตรดูซูบลงไปเยอะนะ ดูแลตัวเองบ้างวิเข้าใจว่าพี่ไตรเป็นห่วงยัยนิลมาก แต่ถึงยังไงพี่ก็ต้องดูแลตัวเอง ดูแลหม่อนไหมเพื่อรอคอยยัยนิลฟื้นขึ้นมา”

“อืม..พี่จะพยายาม”

สายตาเหลือบมองยังบุคคลที่โดนกล่าวถึงสิ้นเสียงพูดจาไม่ทันไรเสียงหวีดจากเครื่องมอนิเตอร์ด้านข้างส่งร้องถี่ยาวดังลั่นห้องพักผู้ป่วยหน้าจอที่มีสัญญาณวิ่งเป็นคลื่นหยักเวลานี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นเส้นตรงไตรภาคินใจร่วงหายลุกยืนรวดเร็ว ก้าวยาวถึงริมเตียงนอนพร้อมยื่นมือจับสัมผัสภรรยาท่ามกลางความตื่นตระหนกของตนเองและวิภานีปุ่มฉุกเฉินบริเวณหัวเตียงถูกกดเรียกพยาบาลเวรด้านนอกอย่างเร่งด่วนทว่ายังไม่ทันจะมีใครหน้าไหนผ่านประตูเข้าห้องมาทุกอย่างกลับเป็นปกติเสียงหวีดเตือนเมื่อครู่ดับสนิท หน้าจอมอนิเตอร์กลับมาวิ่งเป็นคลื่นหยักอีกครั้งไตรภาคินหันกลับมามองภรรยาสำรวจดูการเคลื่อนไหว เธอยังคงหายใจทำให้ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจราวยกภูเขาออกจากอกพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ปัดความกังวลเมื่อครู่ทิ้งหมดสิ้น

“พี่ไตร!”

วิภานีร้องเรียกชื่อชายหนุ่มด้านข้างเสียงหลงตาโตตื่นเต้น จ้องมองเพื่อนสนิทบนเตียง ทำให้ไตรภาคินที่หันมองเธอตวัดสายตามองตามจุดสนใจนิ้วเรียวซีดขาวกระตุกเคลื่อนไหว พาคนมองเห็นกลับมาใจเต้นแรงอีกครั้ง

“นิล! นิลขยับตัวแล้ว!”

จิตใจเต้นโครมครามรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เอื้อมกายสัมผัสมือบอบบางของภรรยามากุมไว้ถัดมาไม่กี่นาทีกลุ่มนายแพทย์และนางพยาบาลกรูเข้าห้องกันอย่างเร่งรีบ

“เมื่อสักครู่มีสัญญาณเตือนฉุกเฉิน”

“ครับผมเป็นคนแจ้งเองภรรยาผมขยับร่างกาย”

ไตรภาคินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงยินดีถอยห่างจากเตียงผู้ป่วยให้หน่วยแพทย์พยาบาลได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ไม่ต่างกับวิภานีที่ถอยร่นออกมาก่อนหน้านั้นเพื่อรอดูสถานการณ์ของเพื่อนสนิทอย่างใจจดใจจ่อตื่นเต้นเช่นกัน

“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นบ้างครับ”

นายแพทย์ประจำเจ้าของไข้ตั้งคำถามไตรภาคินเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ให้ได้รับรู้อย่างละเอียดถี่ถ้วนพร้อมกับแพทย์ตรวจเช็คสภาพร่างกายของนิลนราไปพลาง

“ร่างกายภรรยาผมมีการเคลื่อนไหวเธอใกล้จะฟื้นแล้วใช่ไหมครับหมอ”

“อาจจะเป็นข่าวดีก็ได้นะครับเนื่องจากร่างกายคนไข้มีปฏิกิริยาตอบสนองมากขึ้น”

“คุณหมอค่ะ!”

นางพยาบาลส่งเสียงเรียกเมื่อหญิงสาวที่เคยนอนหลับตานิ่งเวลานี้เปลือกตาปรือเปิดกะพริบถี่รัวคล้ายพยายามปรับสายตาให้รับสภาพกับแสงไฟที่ส่องกระทบดวงตา

“นิล!”

ไตรภาคินโผ่เข้าใกล้ขอบเตียงอีกครั้งด้วยความรู้สึกหลากหลายมีความยินดีอย่างมากเมื่อเห็นภรรยาของตนฟื้นตื่นจากหลับไหลแล้วจริงๆหลายคนในห้องพักผู้ป่วยต่างมองหน้ากันเลิกลั่กรู้สึกประหลาดระคนดีใจวิภานีบีบมือตนเองแน่นข่มอารมณ์ดีใจไว้ เนื่องจากเธอเองไม่อยากวิ่งเข้าไปใกล้เพื่อนสนิทมากกว่านี้เกรงจะเป็นการขัดขวางหรือเกะกะการทำงานของหน่วยแพทย์ประจำโรงพยาบาล

“แสดงความยินดีด้วยนะครับคนไข้รู้สึกตัวและอาการทรงตัวดีครับ”

หลังจากใช้เวลาตรวจเช็คร่างกายพักใหญ่รอยยิ้มยินดีปรากฏบนใบหน้านายแพทย์เจ้าของไข้ส่งให้ไตรภาคินที่แย้มยิ้มตอบกลับอย่างโล่งใจเช่นกัน

“ขอบคุณมากครับหมอ”

“ยังไงพรุ่งนี้ผมจะขอตรวจร่างกายคนไข้อย่างละเอียดอีกครั้งนะครับ”

“ครับ”

เหล่าบรรดาทีมแพทย์ทั้งหลายเคลื่อนย้ายออกจากห้องโดยมีไตรภาคินเดินส่งแขกพร้อมหันหลังกลับรวดเร็วยังเตียงผู้ป่วยอีกครั้ง วิภานีก้าวเดิน หยุดยืนข้างเตียงเมื่อเห็นว่าสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ

“ว่าไง..ยัยนิล”

“นิล..คุณฟื้นแล้ว”

“...”สายตาเลื่อนลอยหันมองตามเสียงของบุคคลทั้งสองที่มีสีหน้าออกอาการดีใจยกใหญ่ไม่ต่างกันไตรภาคินเอื้อมแต่สัมผัสมือบอบบาง แต่ทว่านิลนราพยายามดึงกลับทั้งที่เวลานี้เรี่ยวแรงแทบจะไม่มีให้เห็นเธอใช้สายตาจ้องมองชายหนุ่มกับหญิงสาวด้านข้างราวกับไม่เคยพบเจอมาก่อนใบหน้านิ่งเฉย แม้แต่รอยยิ้มยังไม่มีปรากฏออกมาให้ชื่นใจ

“นิลเป็นไงบ้างยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

เป็นอีกครั้งที่ไตรภาคินเคลื่อนมือกุมจับมือบอบบางไว้จนสำเร็จอาจเพราะเธอคงหลับใหลนานเกินไป คงต้องให้เวลาปรับความรู้สึกและจิตใจสักระยะ

สายตาว่างเปล่าของนิลนรากวาดมองไปรอบห้องเธอพยายามขยับร่างกายแต่ไร้ประโยชน์เนื่องจากเวลานี้ร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับแขนยกขึ้นยังทำไม่ได้ ไตรภาคินรีบยื่นความช่วยเหลือทันทีเมื่อเห็นว่าภรรยาต้องการจะลุกขึ้นนั่งเตียงนอนผู้ป่วยถูกปรับยกด้านหัวเตียงสูงขึ้นทำให้นิลนราอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน

“ยัยนิลฉันดีใจจริงๆ ที่แกฟื้นแล้ว”

วิภานีเอ่ยทักพร้อมส่งยิ้มให้หากมีเพียงสายตาเฉยชาเท่านั้นที่มองกลับมา สร้างความประหลาดใจไม่น้อย

“นิล..คุณยังมึนหัวอยู่ใช่ไหม”

“นี่แก..จำฉันไม่ได้เหรอไอ้นิล ฉันวิ เพื่อนแกไง”

วิภานีเริ่มใจคอไม่ดีเมื่อเห็นการตอบสนองของเพื่อนสนิทดูผิดแปลกไปจากเดิมไม่เหมือนที่ควรจะเป็น ไตรภาคินก็ไม่ต่างเกิดคำถามส่งดังในใจเหตุใดนิลนราจึงนิ่งเฉยไร้อารมณ์เช่นนี้ จิตใจเริ่มหวั่นไหวชอบกล ถึงจะมีคำถามหลากหลายคำถามส่งหาเธอ แต่นิลนรายังคงจ้องมองหญิงสาวและชายหนุ่มด้านข้างอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีปฏิกิริยาใดตอบสนองมีเพียงสายตาที่ส่งคำถามตอบกลับไปว่า ‘พวกคุณเป็นใคร’


โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ..




Create Date : 17 มกราคม 2556
Last Update : 17 มกราคม 2556 20:28:52 น.
Counter : 634 Pageviews.

5 comments
  
สวัสดีค่า พี่มาโซ ^ ^
อ่านแล้วๆๆ รอตอนที่สองอยู่นะคะ
รู้ที่มาที่ไปทางฝั่งนิลแล้ว ด้วยความสงสัย
รอฝั่งพระเอกอยู่นะคะ
โดย: lovereason วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:23:42:07 น.
  


โดย: ชนมนธรส วันที่: 18 มกราคม 2556 เวลา:0:35:37 น.
  
มาส่งกำลังใฝจให้นะคะ คุณมาโซ
ว่าแต่ ใครเป็นนางเอกน้า
โดย: บ้านสายไหม IP: 110.77.249.76 วันที่: 18 มกราคม 2556 เวลา:9:04:03 น.
  
ความจำเสื่อม หรือ ว่าวิญญาณคนอื่นมาเข้าร่าง
โดย: sakeena IP: 58.11.138.51 วันที่: 18 มกราคม 2556 เวลา:10:16:28 น.
  
@นู๋นุ่น ลงตอนต่อไปให้แล้วจ้า

@คุณชนมนธรส ขอบคุณที่แวะมานะคะ

@บ้านสายไหมขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจค่ะ นิลนราเป็นนางเอกค่ะ

@คุณ sakeena ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ความจำเสื่อมหรือวิญญาณอื่นเข้าร่าง ต้องติดตามค่ะ ไม่นานเกินรอ
โดย: มาโซคิส วันที่: 19 มกราคม 2556 เวลา:13:27:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments