กุมภาพันธ์ 2556

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
18
19
20
22
23
25
26
27
28
 
 
24 กุมภาพันธ์ 2556
All Blog
ห้วงพันธนาการ บทที่ 13

Chapter 13

ในช่วงเวลาเร่งด่วนยามเช้า ดวงตะวันสาดส่องพอมองเห็นความเจิดจ้าฉายแววสว่างไสวผู้คนมากมายต่างให้ความสนใจกับการเดินทางเพื่อปฏิบัติหน้าที่และภารกิจประจำวันบ้างทำงาน บ้างเรียนหนังสือ หรือจะธุระมากมายหลายอย่างที่กล่าวได้ไม่หวาดไม่ไหวส่งผลให้ผู้คนพลุกพล่าน การจราจรติดขัด บนถนนแออัดไปด้วยรถยนต์หลากสีสัน มากชนิดหลายยี่ห้อ จอดเข้าคิวติดไฟแดงเป็นระยะ เหล่าบรรดามนุษย์ทำงานต่างเร่งฝีเท้าแยกย้ายคนละทิศคนละทางเมื่อลงจากรถเมล์ประจำทางตึกสูงตระหง่านตั้งอยู่เบื้องหน้า รอคอยให้เดินย่างก้าวเข้าหา

กับการทำงานวันแรกนิลนรารู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างบอกไม่ถูกตื่นเต้นกับหน้าที่การงานที่ตนเองต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบหลังจากวันนี้ทั้งที่เมื่อคืนเธอได้หลับนอนไม่ถึงสองชั่วโมง ต้องคอยดูแลคนเมาลุกขึ้นมาอาเจียนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมานิลนราคอยเฝ้าดูแลจนเห็นว่าไตรภาคินเริ่มมีอาการดีขึ้น พอจะมีสติสร่างเมาเธอจึงปล่อยให้เขาได้นอนหลับซ่อมแซมร่างกายและจิตใจต่ออีกสักหน่อยเมื่อฟื้นกลับมาเป็นปกติเขาคงเดินทางไปทำงานตามปกติ เธอหวังให้เป็นเช่นนั้น

ประตูลิฟต์เปิดกว้างรอรับเหล่าพนักงานออฟฟิศทั้งหลายที่ยืนต่อคิวเดินเข้าด้านในจนเริ่มแน่นขึ้นเรื่อยนิลนราก้าวเดินเข้าไปเป็นคนสุดท้ายพร้อมทุกสายตาเพ่งมองมาด้วยความสนใจกับผู้ร่วมงานแปลกหน้า บางคนพอทราบข่าวมาบ้างเกี่ยวกับการรับสมัครพนักงานใหม่บางคนกลับให้ความสนใจสรีระหน้าตามากกว่าประเด็นอื่น สาวผมยาวสลวย ตาโต แก้มป่องรู้สึกเก้อเขินแก่สายตาที่จับจ้องทำให้ไม่มั่นใจเสียเลยกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวและกระโปรงทรงสอบสีเทาดำนิลนราค้นรื้อเสื้อผ้าทั้งตู้ไม่มีชุดไหนที่ถูกใจเลยสักชุด เห็นมีชุดนี้ที่ดูดีสุดเพื่อใส่แก้ขัดไปก่อนสักวัน

ลิฟต์เปิดพร้อมผู้คนเดินออกเป็นระยะตามชั้นจนถึงที่หมายไฟสว่างไล่เลขชั้นดับลงพร้อมประตูเลื่อนเปิดนิลนราก้าวนำคนอื่นอีกสามสี่คนที่เดินตามหลังเธอมุ่งไปยังห้องพักรับรองในทันทีเนื่องจากได้นัดหมายกับฝ่ายบุคคลที่โทรติดต่อให้เริ่มงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วทางเครื่องมือสื่อสารเมื่อวานนี้นิลนรากวาดสายตามองไปโดยรอบกับสถานที่คุ้นชินที่ถูกถ่ายทอดออกจากความจำเมื่อครั้งอดีตที่เธอยังเป็นลวิตาหรือลี่เธอเคยได้มาฝึกงานตามผู้บริหารของที่นี่กล่าวเชิญชวนในฐานะคนรักของลูกชายใช้เวลาในการฝึกทำงานอยู่ราวสองเดือน พอได้ประสบการณ์เธอจึงหางานทำที่เหมาะสมกับตนเองอย่างนักแปลภาษาเป็นล่ามให้กับชาวต่างชาติ ทำให้เธอได้เดินทางและเรียนรู้ภาษาแดนอื่นหลากหลายตามที่ใฝ่ฝันเอาไว้

ระหว่างเดินวนดูรอบห้องและพยายามรื้อฟื้นความจำโดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีสายตาใครบางคนจับจ้องมองเธออยู่ประภัสหัวหน้าฝ่ายบุคคลเดินมารอคอยอยู่ที่ด้านหน้าประตู พร้อมสำรวจทุกอิริยบทของหญิงสาวเบื้องหน้าทุกกระเบียดนิ้วราวกับสแกนความถูกต้องเรียบร้อยตามระเบียบของบริษัทตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า

“คุณนิลนราตามดิฉันมาทางนี้ค่ะ”

หญิงสาวเจ้าของชื่อสะดุ้งกายเล็กน้อยหลุดจากความคิดทั้งมวลพร้อมหันกลับมามองและปฏิบัติตามบุคคลผู้เดินนำเธอไปยังสถานที่แห่งหนึ่งทั้งสองผ่านโต๊ะทำงานเลขาว่างเปล่าไร้ใครประจำตำแหน่งทว่าป้ายชื่อและรูปภาพที่พอมองเห็นใบหน้าเลือนรางตั้งโชว์แสดงความเป็นเจ้าของครอบครองเขตแดนตรงนั้นทำให้นิลนราสะดุดอย่างมากมาย ‘ตรีชาดา ตำแหน่งเลขานุการ’ คงไม่ใช่คนเดียวกันหรอกใช่ไหมนิลนราภาวนาให้เป็นเช่นนั้นหรือหากใช่ก็คงถึงคราวเคราะห์ของเธอที่ต้องเผชิญหน้าสู้กับเวรกรรมที่อาจนำความหายนะครั้งใหญ่มาให้เธอก็เป็นได้

ประตูไม้โอ๊คบานใหญ่สีน้ำตาลเข้มถูกติดแทบป้ายผู้บริหารของบริษัทพาใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ หลังประตูบานนี้เธอคงได้พบกับบิดาของคนรักที่เคยสนิทสนมกันเมื่อครั้งในอดีตที่ผ่านมา

“นัง!...นิล..”

เสียงเรียกลดระดับแผ่วลงราวกับคิดได้ว่าไม่ควรเผลอตัวทำในสิ่งมิสมควรออกไปสาวชุดเดรสเกาะอกสีแดงกระโปรงสั้นกุดฟิตแนบกาย ดูดีเมื่อมีเสื้อสูทแขนยาวสีขาวใส่ทับไม่ประเจิดประเจ้อจนเกินงามเครื่องสำอางจัดจ้านบนใบหน้ารูปไข่แสดงท่าทีเลิกลั่กเมื่อเห็นหญิงสาวสองคนยืนมองเธอด้วยความประหลาดใจอยู่หน้าห้องเจ้านาย

“...”นิลนราถอนใจ ทำไมโลกกลมๆ ใบนี้ช่างกลั่นแกล้งเธอเสียจริง ขนาดโลกกลมแล้วไม่กลมเปล่ากลับทำให้มันแคบมากจนเธอต้องเผชิญเจอกับผู้หญิงใจร้ายหน้าเนื้อใจเสือคนนี้

“พี่ภัสจะพาพนักงานใหม่ไปไหนคะ”

“พอดีท่านประธานอยากเจอพนักงานใหม่ของเราค่ะ”

ยืนจ่ออยู่หน้าประตูทางเข้าแท้ๆยังจะกล้าถามเหมือนไม่รู้ว่าที่ตรงนี้มันเป็นทางตันไปไหนต่อไม่ได้อีกแล้วประภัสไม่ใส่ใจส่งมือผลักประตูบานใหญ่เข้าด้านในรวดเร็ว ไม่อยากให้เสียเวลามากไปกว่านี้การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดใจตรีชาดาอย่างมาก ทำเหมือนเธอไม่มีความสำคัญตรีชาดาเบิกตาโต ทำปากขมุบขมิบ ส่งเสียงแผ่วเบาพอจับใจความได้ว่า ‘ฝากไว้ก่อนเถอะนังนิล’ทำให้นิลนราหลับตาถอนใจตั้งสติชั่ววินาทีก่อนเดินตามเข้าด้านในห้องที่เปิดประตูรอคอยเธออยู่

ประตูปิดลงพร้อมร่างอ้อนแอ้นวิ่งถลาเอียงใบหน้านำหูแนบฟังผนังประตูอยากรู้อยากเห็นเรื่องราวด้านในว่าเป็นอย่างไรบ้างนังนิลของเธอกล้าดีอย่างไรถึงได้เข้าห้องผู้บริหารตั้งแต่วันแรกที่ทำงาน จากประสบการณ์ที่ได้อยู่บริษัทแห่งนี้มาสองปีตรีชาดาไม่เคยเห็นพนักงานคนใหม่รายไหนได้สิทธิพิเศษเท่านี้มาก่อนทำให้ต่อมอยากรู้ของเธอทำงานอย่างหนักที่สุดแต่ทว่าเพราะความหนาของประตูทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงใดๆ ไม่ว่าจะขยับไปมุมไหนของประตูบานนั้นเธอรู้สึกหงุดหงิดกระฟัดกระเฟียดก้าวเดินกลับโต๊ะประจำตำแหน่งพร้อมกระแทกกายลงนั่งอย่างไม่พอใจมือยกขึ้นกอดอกพร้อมหาทางคิดว่าพอจะมีหนทางไหนให้เธอได้รับรู้รายละเอียดเกี่ยวกับการเรียกพบตัวพนักงานใหม่บ้าง

บรรยากาศภายในห้องเย็นฉ่ำไปด้วยความเย็นของเครื่องปรับอากาศบวกกับความเงียบสงบ ทำให้นิลนราพยายามรวบรวมสติไม่ให้กระเจิงหายในตอนนี้ ร่างกายของประภัสบดบังทัศนียภาพภายในห้องจนมองไม่เป็นบุคคลที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะผู้บริหารได้ถนัดชัดเจนนักทั้งที่เธอพยายามแอบมองให้เห็นบุคคลในความคิดอย่างหวั่นใจจะทำอย่างไรดีให้ตนเองไม่แสดงพิรุธใดๆออกไปให้คนอื่นผิดสังเกต

“คุณนิลนรามาแล้วค่ะ”

“ครับเชิญนั่ง”

น้ำเสียงแหบห้าวฟังดูคุ้นหูกลับทำให้นิลนราประหลาดใจเหตุใดบิดาของคนรักเสียงจึงดูหนุ่มลงจนผิดปกติและเมื่อประภัสหันกลับมาหาเธอทำให้ความคิดชะงักกลางอากาศรอฟังคำสนทนาที่พนักงานฝ่ายบุคคลกำลังจะเอ่ยกับเธอ

“เชิญคุณนิลนราไปพบท่านผู้บริหารก่อน เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินไปหาดิฉันที่ห้องรับรองเมื่อสักครู่ด้วยค่ะ”

“ค่ะขอบคุณค่ะ”

ประภัสเดินสวนพร้อมเปิดประตูออกจากห้องทำให้นิลนราถอนใจทิ้งอีกครั้งพร้อมตั้งสติสะกดอารมณ์ตื่นเต้นไว้ภายในก่อนหันไปเผชิญหน้ากับบุคคลเบื้องหน้า

“เชิญนั่งครับ”

“...”คำเชิญถูกกล่าวดังอีกครั้งโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ละสายตาจากเอกสารแต่อย่างใด คนถูกเชิญต่างหากกลับแน่นิ่งยืนอึ้งราวถูกสาปให้แข็งเป็นหินเมื่อหันมาเจอกับชายหนุ่มนักธุรกิจสายตาคู่สวยจับจ้องใบหน้าคมสันไม่วางวายผู้บริหารคนที่เธอรู้จักไม่ใช่คนเดิมที่เคยเป็นชายสูงวัยอีกต่อไป กลับเป็นชายหนุ่มคนที่ทำให้เธอตกตะลึงราวกับเจอรักครั้งแรกอีกครั้ง

ความนิ่งเงียบไม่มีสิ่งใดโต้ตอบ และไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองตามคำเชิญที่เอ่ยออกไปเมื่อครู่ ทำให้เขาเลื่อนสายตามองหญิงสาวเบื้องหน้าอย่างสงสัยสายตาเรียบเฉยไม่ได้ดึงสติให้นิลนรากลับออกจากภวังค์สับสน ตื่นเต้น ดีใจหลากหลายอารมณ์ได้เลย ภาพความจำซ้ำซากแย่งกันวิ่งออกจากสมองให้เห็นเรื่องราวระหว่างเธอกับเขาในช่วงเวลาหนึ่งที่เคยมีความสุขและผูกพันกัน

“คุณนิลนรา คุณจะยืนอยู่ตรงนั้นถึงเมื่อไหร่ ผมเชิญคุณนั่งสองรอบแล้วนะ”

แล้วสติหลุดลอยก็กลับมายืนในปัจจุบันอีกครั้งนิลนราก้าวเดินอย่างคนหมดเรี่ยวแรง แขนขาสั่น ไม่เป็นตัวของตัวเองเธอพยายามหลบเลี่ยงที่จะสบกับสายตาเรียบเฉยคู่นั้น ลดความหวั่นไหวที่เกาะกินภายในใจเวลานี้เธอค่อยๆ หย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้เบาะหนังอย่างเชื่องช้า

“ค่ะ”

ปากกามองบลังค์ด้ามสีดำตัดขอบทองถูกวางลงบนกองเอกสารก่อนขยับเลื่อนเก้าอี้ถอยหลัง เปิดลิ้นชักโต๊ะ หยิบซองเอกสารที่พับทบเท่ากับของด้านในวางลงตรงหน้าหญิงสาวพนักงานใหม่

“คุณทำมันตกไว้เมื่อเดือนก่อน”

นิลนรามองสิ่งของตรงหน้าอย่างประหลาดใจพยายามนึกคิดว่าไปทำอะไรตกหล่นที่ไหน และเพื่อทำให้หายสงสัยข้องใจมือบางเอื้อมหยิบซองเอกสารขึ้นมาเปิดดูสิ่งของที่อยู่ด้านใน สายตาส่องมองพร้อมล้วงหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมา

“กระเป๋าสตางค์..”

“ครับไม่รู้คุณยังจำได้ไหม วันที่คุณเดินเหม่อลอยจนผมชนคุณ แต่คุณกลับไม่เอาเรื่องแถมยังทำกระเป๋าใบนี้ตกอยู่ตรงนั้น ผมไม่ได้มีเจตนาจะเก็บมันไว้แต่เพราะส่งคืนตามที่อยู่ในบัตรประชาชนแล้วมันดันตีกลับมา ก็เลยจนปัญญาที่จะตามคืนและผมต้องขอโทษที่ถือวิสาสะเปิดมันดูเพื่อหาที่อยู่ส่งคืนคุณ รับรองได้ว่าของทุกอย่างยังอยู่ครบสมบูรณ์”

“ขอบคุณค่ะ”

ความสนใจยังมุ่งไปที่กระเป๋าในมือความคิดต่างหากที่วิ่งย้อนกลับไปนึกถึงวันนั้น วันที่เธอออกตามหาตัวตนแท้จริง เมื่อครั้งที่ตื่นขึ้นจากความตายแต่กลับไม่รู้ว่าตนเองคือใครหากวันนั้นเธอสนใจสักนิดหรือมีสติอีกสักหน่อยเธอคงได้รู้ความจริงตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าเธอคือใครและใครเป็นคนชนเธอ แต่ทว่า ณวันนั้นกับวันนี้อาจจะไม่แตกต่างกัน ถึงรู้ทั้งรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าคือใครมีความสำคัญอย่างไรต่อหัวใจที่เต้นรุนแรง แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนั่งนิ่งเฉยและแอบมองเขาเป็นระยะอยู่อย่างนั้น

“เอาเป็นว่าคุณคงเข้าใจทุกอย่างแล้วนะและผมอยากถามอีกครั้ง คุณคิดจะเอาผิดอะไรกับผมอีกหรือเปล่าที่ชนคุณวันนั้น”

“เอ่อ..ไม่ค่ะ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ คุณ.. เอ่อ.. ผู้บริหาร”

“ผมภายุวรรตพนักงานที่นี่มักเรียกผมว่าบอส คุณจะเรียกตามก็ได้นะ และยินดีต้อนรับพนักงานใหม่ผมหวังว่าคุณจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่กับตำแหน่งที่ได้รับหลังจากนี้ เอาล่ะ.. ไม่มีอะไรแล้วเชิญคุณไปพบคุณประภัสได้เลย”

“ค่ะ”

นิลนราก้มศรีษะเล็กน้อยแทนการขอบคุณสายตาชำเลืองมองชายหนุ่มเบื้องหน้าอีกครั้ง พยายามเก็บภาพทุกอิริยาบทของเขาที่ไม่ได้เห็นมาเนิ่นนานไว้ในความทรงจำจิตใจพองโต เต้นรัวแรงจนแทบหลุดออกนอกอกเสียให้ได้ระหว่างลุกยืนเต็มความสูงภายุวรรตละสายตาจากหญิงสาวหันกลับมาให้ความสนใจเอกสารที่ต้องเซ็นชื่ออีกกองเป็นตั้งราวภูเขาสองเท้าค่อยๆ พาร่างกายเยื้องย่างตรงประตูทางเข้าเธอหันกลับไปมองเขาอีกครั้งก่อนเปิดประตูเดินจากไปอย่างเงียบเชียบที่สุด

ประตูปิดตัวลงยังไม่ทันสนิทดีเมื่อนิลนราเตรียมตัวก้าวเดินกลับพบใครบางคนดักอยู่ด้านหน้าขวางทางไม่ให้เธอได้เดินต่อตรีชาดาแสยะยิ้มอวดริมฝีปากแดงจัดจ้าน ยืนกอดอดพร้อมไต่สวนปัญหาที่ค้างคาใจอยู่พักใหญ่

“นังนิลฉันไม่คิดว่าแกจะมาทำงานที่นี่ แล้วในมือซองอะไร”

“เรื่องส่วนตัวค่ะคงไม่จำเป็นที่ฉันต้องบอกคุณ”

“หนอยแหน่ะ..กล้าปากดีกับรุ่นพี่ในบริษัทอย่างนี้เหรอ ฉันถามแกดีๆ ก็ตอบมาดีๆ สิฉันไม่ได้อยากจะมีเรื่องกับแกตรงนี้หรอกนะ”

“เราต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะคะคุณตรี”

นิลนราพยายามหลบเลี่ยงการปะทะซึ่งหน้าเบี่ยงกายเดินหนีจากหญิงสาวที่ยืนตระหง่านขวางทางไว้เธอสะกดอารมณ์หงุดหงิดไว้ภายใต้ความนิ่งเฉยไม่อยากมีปัญหากับใครตั้งแต่วันแรกที่ได้เริ่มทำงานสองเท้าก้าวยาวรวดเร็วเพื่อจะได้พ้นจากพื้นที่ตรงนั้นโดยไว

“แกยังไปไหนไม่ได้นะแกยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลย”

ตรีชาดาวิ่งพรวดดักหน้านิลนราอีกครั้งไม่ให้เธอหนีไปไหนได้แม้สักก้าวเดียวอารมณ์หงุดหงิดเริ่มก่อตัวเนื่องจากถูกเซ้าซี้ไม่เลิกจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เวรกรรมที่วนเวียนอยู่รอบกายหายสาบสูญไปจากโลกนี้เสียที

“หลีกทางด้วยค่ะคุณประภัสรอฉันอยู่”

“แกยังไปไหนไม่ได้บอกฉันมาก่อนว่าในมือแกคืออะไร บอสให้อะไรกับแก”

ทั้งสองยื้อยุดคนหนึ่งพยายามหลีกหนี อีกคนเข้าหาคอยขวางทาง ซ้ายทีขวาที จนนิลนราหยุดยืนนิ่งๆระหว่างสงบสติอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านในใจตรีชาดาเอื้อมแขนคว้าหมับเข้าที่ข้อมือต้องการแย่งห่อกระดาษสีน้ำตาลให้ได้และการขัดขืนจึงเริ่มต้น

“ปล่อยนะคุณตรีแล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

“แกนั่นแหละปล่อยเดี๋ยวนี้! ฉันจะดูของในมือแก!”

มือยื้อแย่งกันพัลวันกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่พักใหญ่จนห่อกระดาษสีน้ำตาลหลุดจากมือเจ้าของร่วงหล่นลงพื้นหน้าโต๊ะทำงานตรีชาดาพยายามจะก้าวไปคว้าสิ่งของชิ้นนั้นขึ้นมาแต่กลับถูกพันธนาการไว้จึงก้าวต่อไม่ได้เส้นผมยาวสลวยกำหนึ่งพันเข้ากับนาฬิกาข้อมือของตรีชาดาจนแกะไม่ออกปมผมสร้างไว้ยุ่งเหยิงทั้งที่เจ้าของมือพยายามกระชากยังไม่ยอมหลุดพ้นออกจากกัน

“คุณช่วยถอดนาฬิกาก่อนค่ะฉันจะเอาผมที่พันออก แล้วจะนำมันคืนให้คุณ”

“เรื่องอะไรฉันจะต้องช่วยแกทั้งที่มีวิธีดีกว่านี้”

นิลนราถอนใจปล่อยเลยตามเลยรอดูสถานการณ์ว่าเธอคนนี้จะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหาตรีชาดาเอื้อมมือยื่นหยิบสิ่งของบางอย่างบนโต๊ะทำงาน และหันกลับมาหานิลนราอีกครั้งกรรไกรอันใหญ่ถูกง้างตัดฉับเข้าที่ผมยาวสลวยสั้นเหลือแค่คางแถมเธอไม่ได้ตัดเฉพาะที่พันเข้ากับนาฬิกาเท่านั้น ยังเผื่อแพร่ตัดแหว่งไปเกือบครึ่งศรีษะนิลนราหันมองเส้นผมที่ร่วงลงพื้นกองใหญ่ด้วยความโทสะกล้าดีอย่างไรมาตัดผมสวยของร่างกายนี้ เธอรู้สึกผิดลึกๆที่ไม่สามารถดูแลร่างกายของนิลนราให้ดีเท่ากับที่เธอได้มาครอบครอง

“มันจะเกินไปแล้วนะคุณตรี..”

สายตาแค้นเคืองจ้องมองยังตรีชาดาที่กระตุกยิ้มไม่แยแสสิ่งใดราวกับเธอคือผู้ชนะเธอยักไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายกำลังอวดดีก่อกวนประสาทคนกำลังโมโหถึงขีดสุดเสียงผัวะดังขึ้นพร้อมความรู้สึกมึนงงตามติด กำปั้นจากมือบางยื่นส่งชกเข้าที่ใบหน้าตรงๆทำให้ตรีชาดาผงะกายหงายหลัง ถอยเซล้มลงนั่งกองกับพื้น

“โอ้ยยย..นี่แก..”

ทุกอย่างรวดเร็วจนตรีชาดาตั้งรับไม่ทันกำลังสับสนมึนงงว่าเธอลงไปนั่งทำอะไรบนพื้นเวลานี้ใบหน้าชาวาบพร้อมยกมือขึ้นจับจมูกตนเอง เธอรู้สึกได้ว่าเจ็บในทันทีเมื่อเห็นเลือดไหลติดมือออกมาเสียงกรุบเมื่อครู่คงไม่ได้แปลว่าดั้งจมูกเธอหักหรอกใช่ไหม น้ำตาคลอเบ้าเมื่อรับรู้ถึงอาการปวดระบมที่วิ่งซ่านผ่านตามร่างกาย จ้องมองนิลนราอย่างตกตะลึงไม่คิดฝันว่าเธอจะถูกผู้หญิงชกหน้าอย่างนี้

“ฉันเตือนคุณแล้วค่ะ”

“กรี๊ดดดดดดฉันจะเอาเรื่องแกคอยดูนะนังนิล! ฉันจะเอาแกเข้าตาราง!”

นิลนราไม่ได้สนใจคำขู่ของคนที่กรีดร้องแต่อย่างใดเธอหันหลังกลับเพื่อก้มลงเก็บสิ่งของซองกระดาษขึ้นมาและต้องชะงักกายกะทันหันเมื่อสายตาสบเข้ากับชายหนุ่มที่เพิ่งพบเจอเมื่อสักครู่อีกครั้ง

“พวกคุณมีเรื่องอะไรกัน”

เสียงทะเลาะเบาะแว้งที่ลอดผ่านเข้าไปในห้องทำงานของภายุวรรตทำให้เขาลุกเดินมาดูว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นในบริษัทของตน จนเห็นทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นพาลให้เขานึกถึงใครบางคนที่ฝังอยู่ในความทรงจำ ได้แต่นึกขำอยู่ในใจ หากต้องเก็บอาการไว้ให้นิ่งเฉยภายใต้ใบหน้าเฉยชาและวางตัวเป็นเจ้านายต่อไป

“บอสคะช่วยตรีด้วย นังเด็กใหม่คนนี้มันชกตรี ดูสิคะเลือดไหลไม่ยอมหยุดเลย บอสขา”

ตรีชาดาคร่ำครวญโอดโอยร้องห่มร้องไห้ ประโยคออดอ้อนของคนถูกทำร้ายยังไม่ทันจบดี กลับมีหลายคนที่ได้ยินเสียงกรีดร้องต่างวิ่งกรูตรงมาดูเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นผู้ร่วมงานทั้งไทยจีนแขกฝรั่งหลากหลายเชื้อชาติมุงดูเลขาหน้าห้องนั่งหมดฤทธิ์สิ้นลายกองอยู่กับพื้นเบื้องล่างบางคนมองดูอย่างสงสารเห็นใจ บางคนกลับยืนอมยิ้มขำขันพร้อมซุบซิบกันสนุกปากอีกส่วนหนึ่งเดินเข้ามาช่วยพยุงแต่กลับโดนสะบัดใส่จนต้องถอยออกมายืนดูห่างๆ

ประภัสเดินแหวกกลุ่มคนเข้ามายืนเมื่อสงครามสงบลงเนื่องจากห้องที่เธอรอคอยนิลนราอยู่ห่างจากตรงนี้พอสมควรทำให้ไม่ทันได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเธอหันมองตรีชาดาและนิลนราสลับไปมาอย่างสงสัย

“คุณประภัสผมรบกวนพาคุณตรีไปโรงพยาบาลด้วยครับ”

“ไม่ค่ะ!ตรีจะแจ้งความ! จับนังคนนี้เข้าตาราง!”

“คุณเลือกเอาระหว่างคุณไปโรงพยาบาลรักษาจมูกที่เลือดออกกับไปโรงพักแจ้งความเพื่อจะเสียค่าปรับทั้งสองฝ่าย คุณจะเอาอะไร”

เสียงร้องไห้คร่ำครวญเงียบสนิทน้ำตาที่พยายามบีบเค้นให้หลั่งไหลเวลานี้เหือดแห้ง คิดตามคำพูดของเจ้านายหนุ่ม เธอควรจะรักษาตัวเองให้หายดีเพื่อกลับมาแก้แค้นก็ไม่สายว่าแล้วตรีชาดาพยายามขยับกายลุกขึ้นยืนโดยมีเพื่อนร่วมงานหลายคนยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธออีกครั้งทุกคนต่างแยกย้ายกลับไปทำงาน มีแค่บางคนช่วยประคองตรีชาดาให้เดินทางเพื่อไปยังโรงพยาบาลต่อโดยมีประภัสตามไปติดๆ ทั้งที่ไม่เต็มใจแต่เนื่องจากเป็นคำสั่งเธอต้องยอมทำตามอย่างขัดไม่ได้

“ฉันขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นค่ะยังไม่ทันเริ่มงานก็มีปัญหาแล้ว คุณจะให้ฉันออกตอนนี้ก็ได้นะคะ”

“ไม่มีเหตุผลที่ต้องให้คุณออกในเมื่อคุณเป็นฝ่ายถูกกระทำเหมือนกัน แล้วอีกอย่างผมรับคุณไว้ผมอยากเห็นฝีมือการทำงานของคุณ ว่าแต่วันนี้คุณประภัสไม่อยู่คนสอนงานคุณคงยังไม่มีใคร งั้นผมอนุญาตให้คุณกลับไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนพรุ่งนี้หวังว่าผมคงเจอคุณที่นี่”

“ค่ะ”

“ส่วนผมกองนั้นคุณจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกหรือจะให้แม่บ้านเก็บทิ้ง”

“ฉันเก็บเองค่ะ”

ทั้งใจสั่นมือไม้อ่อน หวั่นไหวกับน้ำเสียงคุ้นเคยและใบหน้านิ่งเฉยที่เขามักแสดงออกมาให้เห็นจนเคยชินรู้สึกทรมานใจเหลือเกินกับการต้องเก็บกดความรู้สึกคิดถึงที่ถาโถมราวพายุคลั่งอยากวิ่งเข้าไปกอดตามจิตใต้สำนึกสั่งการผ่านความคิดหากแต่ในความเป็นจริงกลับทำได้เพียงก้มลงเก็บกองเส้นผมที่ถูกตัดขาดเท่านั้นมิหน่ำซ้ำยังไม่มีโอกาสพูดจาไปมากกว่ายืนมองเขาเดินกลับเข้าห้องทำงานจนพ้นสายตาเสมือนคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มันแน่อยู่แล้วกับเวลานี้เขาไม่เคยรู้จักเธอแม้แต่น้อย

ดวงตาปรือเปิดพร้อมปรับความชัดเจนขึ้นทีละเล็กละน้อยความวิงเวียนวิ่งเข้าใส่จนบ้านหมุนได้รอบ ทั้งพะอืดพะอม ทั้งสะลึมสะลือสารพัดความรู้สึกเลวร้าย ศรีษะปวดหนึบหนักอึ้งจนแทบยกขึ้นไม่ไหวไตรภาคินพยายามพยุงกายลุกขึ้นนั่งทรงตัวไว้ มือท้าวยันโซฟา หันมองรอบบ้านไม่พบสิ่งมีชีวิตใดๆความคิดพยายามย้อนรอยกลับไปเมื่อคืนวานที่ผ่านมา จำได้ว่าช่วงเวลานั้นจิตใจกำลังสับสนอย่างหนักจนต้องหันไปพึ่งสุราเมรัยปรับทุกข์เพื่อขจัดความกังวลให้หมดไปจนความรู้สึกเลือนรางจำได้บ้างไม่ได้บ้างว่าขับรถกลับถึงบ้านได้อย่างไร ภาพวงหน้าหวานของภรรยาลอยเข้ามาในความคิดที่เขามานอนอยู่ตรงนี้ได้คงเป็นเพราะเธอปรนนิบัติพัดวี

ร่างสูงลุกยืนโงนเงนพยายามยามทรงตัวให้อยู่ พลางก้าวเดินเข้าในครัวเพื่อหาน้ำดื่มแก้กระหายในลำคอแห้งผากราวกับกลืนเม็ดกรวดเม็ดทราย ตู้แช่ถูกเปิดหยิบขวดน้ำจนไอควันเย็นลอยตามเขาเดินพาตนเองตรงไปยังชั้นวางแก้วน้ำ คว้าเทพร้อมยกน้ำดื่มจนหมดรวดเดียวติดกันถึงสองแก้วเต็มๆไม่คิดว่าเวลากระหายน้ำมากมายรสชาติของมันจะหวานถึงเพียงนี้ ไตรภาคินวางทุกสิ่งลงบนโต๊ะอาหารพลันหางตาเห็นแผ่นกระดาษขาววางไว้ โดยมีแจกันดอกไม้ทับไว้อีกทอดหนึ่งกระดาษแผ่นดังกล่าวถึงหยิบยกขึ้นมาเปิดอ่านข้อความด้านใน ‘ฉันทำกับข้าวไว้ให้ถ้ามันเย็นก็อุ่นด้วยนะคะ’ สิ่งแรกที่นึกถึงเมื่ออ่านจบประโยคใครกันนะทำกับข้าวให้เขาได้รับประทาน เมื่อเลื่อนสายตาลงไปด้านล่างเห็นชื่อ ‘นิล’ ตามมาจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อภรรยาของเขาไม่ได้เขียนหนังสือด้วยลายมือแบบนี้

คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเริ่มปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอีกครั้งเขาจึงเลิกใส่ใจทุกอย่าง ยกมือขึ้นกดบีบขมับหมุนวนอยู่หลายรอบกระดาษแผ่นนั้นถูกวางลงที่เดิมร่างสูงผละกายออกจากโต๊ะอาหารเดินหาตู้ยาสามัญประจำบ้านหยิบยาแก้ปวดใส่ปากพร้อมเดินกลับไปเทน้ำดื่มตามกลืนยาลงคอกับเวลานี้คงรับประทานอะไรไม่ลงเนื่องจากยังปวดศรีษะไม่หายไตรภาคินเดินกลับไปยังโซฟาที่นอนประจำตำแหน่ง ทรุดกายนั่งลงพร้อมเอื้อมคว้าโทรศัพท์กดเบอร์ต่อสายถึงภรรยาด้วยความคิดถึงและห่วงใยกับการเริ่มงานวันแรก

เขารอสายอยู่นานจนสัญญาณตัดไปเป็นรอบที่สี่ที่ห้าไม่มีผู้ใดรับสาย ทำให้เกิดอารมณ์หลากหลายตามมาทั้งหงุดหงิดไม่พอใจทั้งคิดถึงและเป็นห่วง น้อยใจคิดมาก

“ทำไมคุณถึงทำให้ผมจะเป็นบ้าแบบนี้นิล”

เสียงบ่นพึมพำในลำคอตัดพ้อน้อยใจจนต้องยอมแพ้และวางโทรศัพท์ไว้อย่างเดิมตามที่ที่มันเคยอยู่ไตรภาคินรู้สึกท้อแท้ ผิดหวัง หมดกำลังใจ กับความเปลี่ยนไปของภรรยาเขาจะต้องทนอยู่ในสภาวะจิตใจย่ำแย่แบบนี้ต่อไปอีกนานถึงเมื่อไหร่จึงจะเคยชินเสียทีความคิดโกรธเคืองผุดขึ้นมาในใจเพราะไอ้รถบ้าคันนั้นแท้ๆที่ขับชนจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับภรรยาของเขาจนเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเช่นนี้ หากคู่กรณีคนนั้นยังอยู่ที่โรงพยาบาลใดสักแห่งเขาจะตามไปฆ่าให้ตายคามือโทษฐานทำให้ครอบครัวเขาต้องตกอยู่ในสภาพทุกข์ตรมเช่นนี้ราวกับสูญเสียคนสำคัญ




Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2556 21:14:39 น.
Counter : 782 Pageviews.

3 comments
  
ร้านทำผมหรูหราในห้างสรรพสินค้าชั้นนำกลายเป็นสถานที่ใช้บริการของหญิงสาวที่ต้องการทำผมทรงใหม่ให้เข้ากับใบหน้าหวาน และแก้ไขปัญหาผมที่แหว่งเนื่องจากถูกตัดออกไปจนไม่เป็นทรงปกติที่คนทั่วไปทำกัน ช่างทำผมระดับมืออาชีพเริ่มบรรจงตัดแต่งผมจนสั้น ซอยเล็มอย่างประณีต นิลนราเลือกทำผมซอยสั้นตามแบบฉบับทรงประจำของลี่ที่เคยไว้มาโดยตลอด เพราะเธอคิดว่าผมยาวจะต้องคอยดูแลเป็นพิเศษไม่เหมือนผมสั้นที่หวีนิดหน่อยจับเซตรวดเร็วเป็นอันเสร็จพิธีการแต่งทรง ไม่ต้องเสียเวลานั่งรัดรวบ หรือใช้เวลานานกับการเป่าผมให้แห้งหลังจากสระเสร็จจนเปียกชุ่มไปทั้งศรีษะ

“เสร็จแล้วจ้า เป็นไงรับกับหน้าคุณน้องมากๆ เลยนะจ๊ะเนี้ย”

นิลนรายิ้มส่งในกระจกที่มองสะท้อนไปยังช่างทำผมมืออาชีพสาวประเภทสองหน้าตาดูดีจนผู้หญิงชิดซ้าย นิ้วกรีดกรายจับแต่งเซตบางส่วนให้ดูเข้าที่เข้าทาง

“ใช้ได้เลยค่ะเจ๊”

“ว่าแต่แต่งหน้าด้วยสิ ผมทำสีชาแบบนี้ ซอยสั้นเทรนเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด ต้องแต่งหน้าให้ออกหวานจะได้ดูกลมกลืน ไม่งั้นคุณน้องจะดูจืดไปนะจ๊ะ”

“จะนานหรือเปล่า พอดีนัดเพื่อนไว้อะเจ๊”

“โอ้ยยย ไม่นานหรอก เชื่อมือเจ๊สิจ๊ะ เดี๋ยวจัดให้อย่างด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋าเลย รับรองไม่ถึงสิบนาที สวยเช้งกระเด๊ะ เด้งได้เลยนะจ๊ะ คุณน้องจ๋า”

“โอเค เร็วๆ นะเจ๊ เดี๋ยวเพื่อนรอ”

นิลนราจ้องมองตนเองในกระจกเงา เห็นวงหน้าหวานที่รับกับทรงผมซอยสั้น แบบนี้ถึงจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการ ความมั่นใจคืนกลับมาในชีวิตลี่อีกครั้ง เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะการแต่งหน้าทำให้นิลนราขอเวลานอกเพื่อรับสายที่โทรเข้ามา กระเป๋าสะพายบนโต๊ะกระจกถูกช่างผมมืออาชีพหยิบส่งให้เพื่อล้วงหาโทรศัพท์มือถือ หน้าจอคนโทรเข้าไม่ใช่ใครที่ไหนคือเพื่อนสนิทของเธอเอง

‘อยู่ไหนแล้วแก’

“ยังอยู่ในร้านทำผม เกือบเสร็จแล้ว”

‘งั้นฉันไปรอที่ร้านแมคนะ’

“โอเค เดี๋ยวเจอกันนะวิ” โทรศัพท์ถูกตัดสายพร้อมเก็บลงกระเป๋าอีกครั้ง

“เสียงโทรศัพท์คุณน้องเองหรือจ๊ะเนี้ย เมื่อกี้เจ๊ได้ยินดังอยู่ตั้งนานสองนาน ไม่ลองดูหน่อยล่ะว่าใครโทรมาหา ไม่แน่อาจเป็นที่รักโทรตามก็ได้นะ เพราะเพื่อนโทรมาแล้วนิจริงไหมจ๊ะ”

รอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ส่งสายตาหยอกเย้าเป็นประกายกระเซ้าแหย่ ทำให้นิลนราชะงักมือที่นำเจ้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ลงกระเป๋า ยกขึ้นมากดดูเบอร์โทรเข้าที่ไม่ได้รับสายจำนวนหกสาย และเป็นไปตามคาดที่สาวประเภทสองเดานำไว้ ไตรภาคินสามีของนิลโทรมาจริงๆ คงไม่เป็นไรหากยังไม่โทรกลับไปตอนนี้ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็ต้องกลับไปเผชิญหน้ากันอยู่แล้ว นิลนราส่งโทรศัพท์มือถือเก็บเข้ากระเป๋าตามเดิมอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก



มือบางจับปัดสะบัดผมเส้นเล็กให้ยุ่งเหยิงนิดหน่อยตามแบบฉบับความเคยชินของลี่ สองเท้าก้าวว่องไวเพื่อไปให้ถึงที่นัดหมายเกรงว่าเพื่อนสนิทจะคอยนานเกินกว่าเวลาที่กำหนดเอาไว้

“ลี่..”

เสียงคุ้นหูทำให้เธอหันหลังกลับยังต้นทางที่เรียก ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยืนมองเธอด้วยอาการตะลึงอย่างหนัก ทั้งที่คิดไว้แล้วว่าจะหนักแน่นเกี่ยวกับท่าทีที่แสดงออกต่อหน้าเธอคนนี้ แต่ความคิดทั้งหลายกลับสลายหายไปหมดสิ้นเมื่อเห็นเธอมายืนอยู่ตรงหน้าแถมเปลี่ยนแปลงไปจนคล้ายเพื่อนสนิทของเขาจริงๆ อิทธิพลเริ่มจะเชื่ออย่างสนิทใจว่านิลนราคือลี่ เพราะจากอะไรหลายอย่างที่เขาสัมผัสได้บ่งบอกว่าเธอคนนี้คล้ายจนเกือบจะเป็นคนๆ เดียวกันกับลี่ แม้กระทั้งชื่อที่เขาจงใจเรียกเพื่อดูท่าทางและกิริยาของเธอยิ่งทำให้เขามั่นใจเพิ่มเติม

“นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง”

“คุณลืมตัวหรือเปล่า คุณชื่อนิลไม่ใช่หรือไง ผมเรียกลี่ทำไมต้องหัน”

“เอ่อ.. คือ”

นิลนราอึกอักลืมตัวไปชั่วขณะหลบสายตาที่มองมาอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ แต่ทำไมเธอต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนทั้งที่จริงเธอคือลี่ พอเริ่มตั้งสติได้เธอเลื่อนสายตาสู้กับชายหนุ่มอีกครั้งทำให้เห็นรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าคมสัน นี่เขาจงใจแกล้งเธออย่างนั้นหรือ

“ผมล้อเล่น ต่อไปนี้ผมจะใช้คุณเป็นตัวแทนลี่ ตามที่คุณยัดเยียดให้ผมแล้วกัน ว่าแต่ทำไมต้องตัดผมสั้นแบบนี้ด้วยล่ะ ผมยังตกใจไม่หาย นึกว่าลี่โผล่มาจริงๆ”

“มีเรื่องนิดหน่อย”

“จากผมยาวเท่าเอว จนเหลือสั้นแบบนี้ ผมว่าคงไม่นิดแล้วมั้ง”

“อืม ไว้เล่าให้ฟังนะ เดี๋ยววิจะคอย ว่าแต่นายนัดวิเหมือนกันหรือไง”

“ใช่ ก็เห็นวิว่านัดคุณ.. นัดลี่ไว้ ผมเลยมาด้วย”

“เอางี้ ถ้านายคิดว่าให้เราเป็นตัวแทนลี่แล้ว งั้นช่วยพูดจากันให้สนิทสนมแบบเดิมเหมือนที่นายรู้จักลี่ได้ไหม นายอิฐ”

“เอางั้นเหรอ..”

นิลนราพยักหน้าตกลง รอยยิ้มปรากฎบนวงหน้าหวาน ความรู้สึกดีวิ่งผ่านเข้าที่อกข้างซ้าย อิทธิพลเริ่มเชื่อเธอบ้างแล้ว ว่าสิ่งที่เธอบอกเป็นความจริง เธอไม่เคยคิดฝันว่าเพื่อนสนิทหัวรั้นคนนี้จะยอมเชื่อคำพูดที่ดูไร้สาระง่ายดายเช่นนี้ แค่กำลังใจเพียงน้อยนิดจากเพื่อนข้างกายทำให้รับรู้ถึงการเติมพลังชีวิตให้สู้ต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้โชคชะตา ทั้งสองก้าวเดินขนาบข้างไปพร้อมกันเพื่อมุ่งหน้าหาเพื่อนอีกคนที่รอคอยกับการพบเจอกันตามที่นัดหมายเอาไว้



ร้านอาหารฟาสฟู้ดประเภทอิ่มด่วนอย่างแมคโดนัล ส่วนใหญ่จะอาศัยเป็นที่นัดพบกันเสียมากกว่าจงใจมาหาอาหารใส่กระเพาะอย่างจริงจัง หนุ่มสาวก้าวเดินเข้าด้านในร้านส่ายสายตามองไปรอบบริเวณจนหยุดที่หญิงสาวผมหยักศกเกล้ารวบขึ้นม้วนไว้ด้านบนกลายเป็นจุดเด่นประจำตัว วิภานีกำลังตั้งใจลากดินสอลงบนสมุดวาดเขียนอย่างเพลิดเพลินจนไม่ทันสังเกตว่าใครได้เดินผ่านร่างกายและอ้อมไปยืนด้านหลังโดยมีนิลนรายืนมองพร้อมส่งยิ้มอย่างเงียบกริบ เมื่อความรู้สึกสัมผัสได้ว่ามีสายตาจ้องมองอยู่ทำให้วิภานีเงยหน้าขึ้นมาเห็นเพื่อนสนิทยืนยิ้มหวานตรงหน้า ทำให้เธอถึงกับตะลึงงัน วงหน้าหวานเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนใหม่ วิภานีนั่งอ้าปากค้างก่อนจะถูกฝ่ามือคนด้านหลังตบเข้าที่ใต้คางเบาๆ พร้อมยกมือวางบนศรีษะโยกไปมาอย่างเอ็นดู จนเธอหันกลับไปมองคนด้านหลังชั่วครู่ก่อนหันกลับมายังเพื่อนสนิทอีกครั้ง

“แก.. ทำไมทำผมทรงนี้ แล้วผมยาวไปไหนแล้ว”

“เราเจอศึกหนักแล้วล่ะวิ”

“ศึกอะไรแก”

อิทธิพลหย่อนกายนั่งลงด้านข้างวิภานี โดยมีนิลนรานั่งอีกฟากฝั่ง เตรียมเล่าเหตุการณ์ระทึกให้ทุกคนที่นั่งประจำที่ได้รับรู้ทุกอย่าง

“เราเจอคุณตรี”

“ยัยไม้ตรีพริกอะนะ เจอที่ไหนล่ะแก”

“บริษัทที่เราได้งาน เธอเป็นเลขาอยู่ที่นั้น”

“เห้ยจริงดิ.. เป็นไปได้ไง”

“เป็นไปแล้ว และวันนี้เรากับคุณตรีก็สู้รบกันมาจนเราต้องตัดผม”

“ทำไมอะแก”

นิลนราเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้วิภานีและอิทธิพลฟังอย่างละเอียดโดยปิดเรื่องของภายุวรรตไว้เป็นความลับต่อไป เนื่องจากเธอยังไม่พร้อมให้ใครรับรู้ถึงสิ่งที่เธอยังกังวลในใจเกี่ยวกับความลับของลี่ในร่างนิล เธอกำลังตัดสินใจอย่างหนักระหว่างจะบอกความจริงให้คนรักได้รับรู้ตัวตนแท้จริง หรือจะเก็บไว้เป็นความลับตลอดไป

“ว่าแต่คนที่ชื่อตรีนี่เป็นใครเหรอ”

ความสงสัยใคร่รู้ก่อตัว ชายหนุ่มหันมองคนด้านข้าง ก่อนหันมองคนตรงข้าม รอคอยใครสักคนตอบคำถามที่เป็นปัญหาคาใจ

“น้องสาวพี่ไตร สามียัยนิลหน่ะสิ”

“แล้วทำไมต้องไม่ถูกกับนิลด้วยล่ะ”

“ก็เพราะนิลไม่ใช่นิลคนเดิมไง เธอถึงตามจองล้างจองผลาญอยู่แบบนี้ เมื่อก่อนนิลไม่เคยสู้รบปรบมือกับยัยไม้ตรีพริกเลยก็ว่าได้ แต่พอเป็นลี่กลับกลายเป็นสู้เธอขึ้นมา เลยสมองกลับข้างบ้าบออยากมีเรื่องขึ้นมาล่ะมั้ง ฉันอยากเห็นจังแกตอนยัยนั่นโดนชกจะเสียสูญแค่ไหน ว่าแต่ดั้งหักหรือเปล่านะ”

อิทธิพลนั่งฟังเรื่องราวพลางคิดตามไปด้วย เธอคนนี้คือเพื่อนของเขาไม่ผิดตัวแน่นอน วีรกรรมชกหน้าเกิดขึ้นแล้วหลายต่อหลายครั้ง หากไปก่อกวนป่วนอารมณ์ให้เธอโมโหขึ้นมา แม้แต่เขายังเคยโดนกำปั้นหนักๆ มาครั้งหนึ่ง โทษฐานแอบไปหลอกให้เธอตกใจเล่นจนได้เลือดกลบปาก หลังจากนั้นเป็นต้นมาเขาไม่กล้าแหย่ให้เธอต้องเกิดมีน้ำโหอีกเลย รู้สึกเข็ดและขยาดหมัดน้อยๆ จนไม่อยากโดนอีกเป็นครั้งที่สอง

“เราไม่รู้หรอก แต่เห็นเลือดไหลเหมือนกันนะ ตอนนั้นโมโหมากเลยไม่อยากจะมองเธอเท่าไหร่”

“ว่าแต่ไม่หิวกันหรือไง อิฐไปสั่งอาหารให้เอาไหม เอาอะไรดี”

นิลนราส่ายหน้าพร้อมยิ้มกริ่มมีเลสนัยแอบแฝงในสายตา จ้องมองหญิงชายเบื้องหน้าสลับกันไปมาพอจะจับสัมผัสการคบหาที่ดูจะลึกซึ้งมากเกินกว่าคนจ้างวานวาดภาพเท่านั้น

“มองแล้วยิ้มอะไรแก”

วิภานีขมวดคิ้วมองเพื่อนสาวรอดแว่นใสกรอบดำ รู้สึกกำลังถูกแซวผ่านสายตาหวานคู่นั้นที่ดูแพรวพราวชอบกล อิทธิพลนั่งอมยิ้มแสร้งมองทางอื่นทำไม่รู้ไม่ชี้

“รู้สึกสองคนนี้ชักมีอะไรแปลกๆ นะเนี้ย มีอะไรที่เรายังไม่รู้หรือเปล่านะ เดี๋ยวนี้คิดปิดบังเพื่อนสนิทอย่างเราแล้วหรือไงกัน”

“เรื่องอะไรแปลกๆ ไม่มีซะหน่อยแก”

วิภานีปฏิเสธทั้งที่รู้ดีว่าเพื่อนสนิทหมายถึงอะไร จู่ๆ มือคนด้านข้างพาดวางบนไหล่พร้อมโอบดึงสาวมาดเซอร์เข้ามาใกล้ ส่งยิ้มให้นิลนราอีกครั้ง

“อิฐกับวิตกลงจะคบกัน”

“จะบ้าเหรออิฐ! ใครไปตกลงด้วย วิยังไม่ได้บอกอะไรเลยนะ”

นิลนราหลุดหัวเราะ ยกมือขึ้นปิดปากขำขันท่าทางเขินอายของวิภานี โดยมีอิทธิพลแกล้งแหย่หัวเราะชอบอกชอบใจอยู่ด้านข้าง ดูความสนิทสนมเริ่มสานใยสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้น

“แหนะๆ ไม่ต้องเลย ยอมตกลงไปเถอะวิ อิฐจะได้มีแฟนกับเขาซะที อายุปาเข้าไปจะเลขสามอยู่แล้วนะ”

อิทธิพลส่งสายตามองคนตรงข้ามพร้อมค่อยๆ หุบยิ้มช้าๆ เพื่อไม่ให้ใครต่อใครจับพิรุธเจอ คำพูดของนิลนราคล้ายตอกย้ำซ้ำเติมเรื่องไม่ยอมมีคนรัก คราวนี้ล่ะเขาจะคบหากับวิภานี จะได้มีคนรักกับเขาเสียทีตามแรงยุของเพื่อนสนิท ลบคำสบประมาท

“อะไรกัน ถึงฉันจะชื่มชมอิฐก็จริง แต่คบกันเป็นแฟนมันเร็วไปหรือเปล่า”

“ไม่เร็วหรอกน่า ลองคบกันเลยดีกว่า เอาเป็นว่าอิฐตกลง ตอนนี้อยู่ที่วิแล้วล่ะว่าจะตกลงกับอิฐหรือเปล่า”

เป็นอีกครั้งกับประโยคสนทนาที่สร้างรอยยิ้มให้คนนั่งฟังเพื่อนสองคนถกเถียงกันเพื่อตกลงปลงใจ นิลนรายกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาลืมไปเสียสนิทเกี่ยวกับเด็กน้อยที่นอนขาหักอยู่โรงพยาบาล

“ตกลงกันไปนะ เราขอตัวไปโรงพยาบาลหาน้องไหมก่อน”

“เห้ยแก! ไม่กินอะไรก่อนล่ะ”

“ไม่ดีกว่า อยู่ดีๆ ก็ห่วงน้องไหมขึ้นมา”

“งั้นฉันขอหาอะไรกินแล้วจะตามไปทีหลัง ตกลงไหม”

“ได้ๆ ว่าแต่ตกลงกันดีๆ นะ”

นิลนราพูดพลางขยับตัวยืนขึ้น เตรียมร่ำลาเพื่อนทั้งสองก่อนจะก้าวเดินจากไปเผชิญหน้ากับครอบครัวที่ยังคงต้องดูแลต่อไปในฐานะของนิลนรา
โดย: มาโซคิส วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:21:15:07 น.
  
มาหาพี่มาโซอีกแล้ว อิอิ

ชอบตอนนี้มากเป็นพิเศษ ไม่ใช่ฉากบู๊ของยัยตรีนะ
แต่ชอบที่ได้รู้รายละเอียดของแต่ละคนมากขึ้น จะได้เดาต่อ เหอเหอ

ภายุวรรต ชื่อเพราะดีค่ะ แต่จะสู้คุณไตรของนุ่นได้รึเปล่าน๊า

เอาดอกไม้มาฝากค่ะ สีม่วงดูอึมครึมเหมาะกับตัวละครในเรื่องดีนะคะพี่มาโซ



โดย: lovereason วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:30:44 น.
  
ขอบใจนะจ๊ะ สีม่วง พี่มาโซ ชอบมากๆ ถูกใจๆ

อิอิ ตามลุ้นกันต่อไป เรื่องคงค่อยๆ คลี่คลายทีละนิดๆ

เอ.. ต้องรอดูซะแล้ว ว่า ภายุวรรต จะสู้คุณไตรได้ไหม

หรือนุ่นจะเปลี่ยนใจหรือเปล่า ฮ่าๆ

ขอบคุณนะคะ
โดย: มาโซคิส วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:23:20:37 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments