กุมภาพันธ์ 2556

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
18
19
20
22
23
25
26
27
28
 
 
All Blog
ห้วงพันธนาการ บทที่ 11


Chapter 11

ชายวัยกลางคนสีหน้าอมทุกข์ยืนอยู่หน้าแผนกกุมารเวร คอยชะเง้อมองทางหน้าลิฟต์รับส่งผู้คนขึ้นลงตลอดเวลาหลายนาทีเข้าไปแล้วตั้งแต่โทรศัพท์ติดต่อลูกสาวบอกกล่าวให้รีบมายังโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วนแต่ยังไร้วี่แววของเธอ ถึงอย่างไรก็คงต้องรอด้วยใจจดจ่อต่อไปอย่างกระวนกระวายเสียงยางใต้รองเท้ากระทบพื้นดังเอี๊อดอ๊าด ดึงดูดความสนใจให้หันขวับหญิงชายสองคนก้าวเดินอย่างด่วนจี๋มุ่งหน้าหาคนยืนคอย

“น้องไหมล่ะคะ..”

“ทางนี้”

ผู้เป็นบิดานำพาบุคคลทั้งสองที่เพิ่งมาถึงยังไม่ทันได้พักเหนื่อยเลี้ยวผ่านทางเดินของตึกด้วยฝีเท้าว่องไวตามกันจนถึงทางเข้าหน้าห้องพักผู้ป่วยพิเศษประตูเปิดออกพร้อมนิลนราพุ่งตรงยังเตียงคนเจ็บโดยอัตโนมัติ เด็กหญิงตัวน้อยหลับไหลพร้อมเผลอสะอื้นรอยต่อเปลือกตายังมีละอองน้ำติดตามไรขนจนเปียกชื้น พาจิตใจคนมองปวดแปลบขึ้นมานี่หรือเปล่าความรู้สึกของคำว่าแม่ เมื่อได้รับรู้ว่าลูกน้อยเจ็บทรมานพลอยทำให้ตนเองทุกข์ร้อนจิตใจตามอีกคนทั้งกระวนกระวาย ทั้งห่วงใย สารพัด นิลนราเอื้อมมือแตะสัมผัสผมนุ่มเส้นเล็กลูบไล้ราวปลอบประโลม

“ทำไมน้องไหมถึงตกบันไดคะ”

“ก็วิ่งซนตามประสาแม่เผลอเข้าครัวไม่ทันไร ได้ยินเสียงร้องจ้า พอวิ่งมาดูก็ตกลงมาอยู่ข้างล่างแล้วเห็นตาเขาว่ารับหลานไว้ไม่ทัน”

“แล้วคุณไตรรู้เรื่องหรือเปล่าคะ”

“แม่โทรบอกหมดแล้วทั้งไตร ทั้งย่าเขานั่นล่ะ เดี๋ยวคงแหกันมา”

ดวงตาแววเศร้าจ้องมองร่างเล็กไม่วางวายนึกสงสารเด็กวัยกำลังซนหากตื่นขึ้นมาเห็นตัวเองเข้าเฝือกเดินไปไหนมาไหนไม่ถนัด หรือหากอยากวิ่งเล่นคงไม่คล่องเหมือนเก่าไม่รู้จะงอแงอีกแค่ไหน นิลนรารู้สึกถึงความไม่สงบรอคอยอยู่เบื้องหน้า ขณะที่ใครต่อใครต่างให้ความสนใจยังเตียงเด็กน้อยมีบางคนกลับมุ่งมองหญิงสาวที่อ้างตนเป็นลี่ไม่ละสายตา จิตใจสับสนในลักษณะท่าทางที่ดูคุ้นเคย

อิทธิพลทบทวนความรู้สึกที่ได้สัมผัสระหว่างเดินทางมาโรงพยาบาลไออุ่นตอนถูกบีบไหล่กว้างบวกกับน้ำหนักมือที่กดลงบนกล้ามเนื้อบริเวณบ่าช่างเหมือนลี่ไม่แตกต่างราวกับเป็นคนเดียวกันเลยก็ว่าได้อิทธิพลเลื่อนมือขึ้นกอดอกชั่งใจคิด เรื่องราวที่เขากำลังค้นหาความจริงเกี่ยวกับลี่จะเป็นอย่างไรในอกร้อนรนดังไฟสุมจนดิ้นพล่านอยู่นิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไปอยากรับรู้คำตอบที่เป็นปัญหาค้างคาแทบคลั่งตาย หากแต่ต้องเก็บอาการรอคอยให้เรื่องเด็กหญิงตัวน้อยคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเสียก่อนคงจะไม่เหมาะสมถ้าเขาจะเดินเข้าไปกระชากแขนเธอมาถามเรื่องราวทั้งหมด ตอนทุกคนกำลังตกอยู่ในหลุมความห่วงใยหม่อนไหมดวงใจดวงน้อยของครอบครัว

“ขอบใจนะที่อุตส่าห์เสียเวลามาส่ง และอยู่รอดูอาการน้องไหมตั้งนาน”

“อืม..ไม่เป็นไร”

หญิงชายสองคนเดินเคียงข้างด้วยความสูงเลื่อมล้ำจนเห็นความแตกต่างทั้งคู่ออกจากห้องพักผู้ป่วย ย่างก้าวตามทางเดินของโรงพยาบาลเพื่อส่งอิทธิพลกลับความเงียบเข้าควบคุมบรรยากาศโดยอัตโนมัติเมื่อการเจรจาสิ้นสุดลงหากแต่ภายในใจยังมีหลายสิ่งหลายอย่างค้างคาจะเริ่มต้นอย่างไรคือความคิดที่วนเวียนอยู่ในสมองของทั้งสอง ไม่มีใครกล้าเริ่มต้นเพราะความลังเลฉุดรั้งการตัดสินใจ

“นี่นาย..เหม่ออะไร ทางนี้”

ข้อศอกยกกระแทกเข้าสีข้างของคนกำลังใช้ความคิดให้ได้สติรับรู้เมื่อเดินมาถึงทางแยกของอาคาร แต่ดูเหมือนอิทธิพลจะไม่มีสมาธิเอาเสียเลยระหว่างเดินคล้ายเขาจะหลงลืมไปว่าสถานที่จอดรถของทางโรงพยาบาลต้องเป็นอีกฝั่งกับที่เขากำลังจะมุ่งหน้าไปนิลนราหลุดยิ้ม ปรายสายตามองก่อนเดินนำให้เขาเปลี่ยนทิศทางตาม มันเป็นอีกครั้งที่ทำให้เขานึกถึงลี่ขึ้นมาด้วยลักษณะท่าทางของหญิงสาวที่อยู่ใกล้ชิดเวลานี้ราวกับเป็นคนเดียวกันกับเพื่อนสนิทที่อยู่ในความคิดเสียเหลือเกินหัวใจพองเป็นจังหวะวูบวาบ เกิดตื่นเต้นขึ้นมาเฉยๆ

“นิล..”

เสียงละมุนคุ้นหูดังส่งจากด้านหลังทำให้เจ้าของชื่อหันตามไตรภาคินก้าวเดินจากอีกฟากของตึกดิ่งตรงยังภรรยาที่หยุดยืนนิ่งโดยด้านข้างมีบุคคลแปลกหน้าที่ไม่เคยพบเจอกำลังหันมองทางเขาเช่นกันเกิดคำถามก่อร่างสร้างตัวในใจ ผู้ชายคนนี้เป็นใคร และทำไมถึงเดินอยู่เคียงข้างภรรยาของเขาใกล้ชิดอย่างคนสนิทสนมสายตาเรียบเฉยจ้องมองคนทั้งคู่เบื้องหน้า ภายในอกรู้สึกหงุดหงิดชอบกล

“เจอน้องไหมหรือยังคะ”

“ยังผมเพิ่งมาถึง แล้วคุณกับ..”

ปากพูดกับภรรยาแต่สายตาหันเหความสนใจยังชายหนุ่มด้านข้างบ่งบอกชัดเจนว่าสงสัยใคร่รู้จะแย่โครงหน้าเข้าขั้นดูดี รูปร่างสูงโปร่งมาดเท่ เห็นแล้วขัดลูกหูลูกตาพิลึกสายตาสองหนุ่มประสานมองกันไม่มีใครยอมหลบหลีกใคร

“เอ่อ..นี่เพื่อนฉันกับวิ ชื่ออิฐค่ะ แวะมาดูน้องไหม กำลังจะกลับพอดี ฉันเลยลงมาส่ง”

คนถูกแนะนำตวัดลูกตามองหญิงสาวด้านข้างประหลาดใจไม่น้อย นี่เขาไปตกลงปลงใจเป็นเพื่อนกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กันหากแต่ต้องยอมปล่อยเลยตามน้ำร่วมแสดงละครโดยมีเธอเป็นผู้กำกับต่อไปอิทธิพลนิ่งสงบเปลี่ยนจุดสนใจพร้อมพยักหน้าเป็นการทักทายกลับอย่างจำใจรู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอะเจอ เพราะท่าทางของไตรภาคินไม่เป็นมิตรเอาเสียเลยสังเกตได้จากรังสีหึงหวงที่แผ่ออกจากแววตาจนสัมผัสได้

“สวัสดีครับพอดีผมแปลกใจนิดหน่อยไม่ค่อยเห็นเพื่อนชายของนิล”

“งั้นเหรอครับ”

คำพูดหยั่งเชิงรอดูท่าทีของแต่ละฝ่ายทำให้คนยืนฟังเย็นสันหลังวาบจนต้องหาทางออกเพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ณ เวลานี้

“คุณไตรขึ้นไปหาน้องไหมก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปส่งเพื่อนแล้วจะตามขึ้นไป”

“อืม..”

ไตรภาคินรู้สึกขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ายืนมองดูคนทั้งคู่ค่อยๆ เดินห่างออกไปทุกทีความหวาดระแวงวิ่งพล่านในใจ นานแค่ไหนแล้วที่ความรู้สึกหวงไม่เคยเกิดขึ้นทั้งที่ควรไว้ใจ ทั้งที่ควรเชื่อมั่นในภรรยาของตนเองแต่เวลานี้สิ่งเหล่านั้นถูกอารมณ์หงุดหงิดไม่พอใจเข้าควบคุมจนอยากวิ่งเข้าไปยืนขวางระหว่างกลาง

“ผู้ชายคนนั้นแฟนคุณเหรอ”

“แฟนของนิล..พ่อของน้องไหม”

“ดูท่าเขาจะหึงคุณนะที่เดินกับผมแบบนี้”

“...”นิลนราได้แต่นิ่งเงียบ ไม่โต้ตอบกลับไป นึกถึงสีหน้าและแววตาของไตรภาคินที่ดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นอีกคนที่เธอไม่เคยพบเจอหากเป็นอย่างที่นายอิฐว่าไว้ อารมณ์ผู้ชายเวลาหึงหวงดูน่ากลัวไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว

“แล้วอีกอย่าง..คุณกับผมไปเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เมื่อไหร่”

เสียงห้าวของคนด้านข้างทำให้เธอทิ้งความคิดเมื่อครู่ออกจากสมองหันมองใบหน้าคมคายที่ตั้งประเด็นคำถามในสิ่งที่เธอลืมไปชั่วคราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับเธอนิลนราสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนพ่นทิ้งลดความตึงเครียดและคลายอาการตื่นเต้นพร้อมเผชิญความจริงอีกครั้ง

“เรา..เป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปีแล้วอิฐ เราเข้าใจว่าเรื่องนี้มันเป็นอะไรที่เชื่อยากเราไม่บังคับให้นายต้องเชื่อ สักวันหนึ่งนายคงจะรู้และสัมผัสได้เองหากนายเป็นเพื่อนรักของลี่จริง”

“เลิกล้อเล่นเลิกลีลาได้ไหมคุณ ผมชักหงุดหงิด คุณคือใครกันแน่ บอกผมมาเลยดีกว่าทำไมคุณถึงรู้เรื่องผมกับลี่”

“นายลองคิดตามในสิ่งที่เราเล่าให้ฟังแล้วกัน”

“...”อิทธิพลหลบตาลงต่ำเมื่อเห็นแววจริงจังปรากฎ ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนกำลังล้อเล่นหรือพยายามแหย่ให้เขาหัวปั่นในทางตรงกันข้ามกลับดูมั่นอกมั่นใจถึงสิ่งที่กำลังจะเอ่ยบอก ทำให้เขายอมเปิดใจรับฟังอย่างเงียบเชียบโดยไม่ปริปากขัดจังหวะใดๆ

“นายกับลี่รู้จักกันมาตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่งนายจีบผู้หญิงไม่เลือกโดยเฉพาะดาวมหาลัย นายมักจะให้ลี่เข้าไปขอเบอร์และทำความรู้จักกับผู้หญิงทุกคนที่นายสนใจนายเป็นคนหัดกีตาร์ให้ลี่ พาไปเรียนวิธีการป้องกันตัวจนลี่อยากยิงปืนแต่ยังไม่ทันเรียนจบคอร์สลี่ก็จากไปซะก่อนในวันคล้ายวันเกิดและเรายังเจอกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ลี่จะประสบอุบัติเหตุสิ่งเหล่านี้พอจะช่วยให้นายเชื่อว่าเราเป็นลี่บ้างไหม”

“...”ประสาทสัมผัสชาวูบ ไม่อยากรับรู้สิ่งใด ทั้งหมดคือเรื่องโกหกใช่ไหมอิทธิพลนิ่งคิดซ้ำซาก ถ้าหากเป็นเรื่องแต่งขึ้นทำไมถึงตรงกับที่เธอบอกเล่าทุกประการภาพความทรงจำในอดีตหลั่งไหลฉายออกมาเป็นฉากเป็นตอนราวกับนั่งดูภาพยนตร์ชีวิตของตนเอง

“นี่นาย..”

มือบางเอื้อมสัมผัสแขนทว่ากลไกการต่อต้านทำให้อิทธิพลปฏิเสธที่จะให้เธอแตะถูกเนื้อตัวด้วยการหลบแขนและขยับกายออกห่างอย่างรวดเร็วความสับสนเข้ายึดพื้นที่ในจิตใจเป็นที่เรียบร้อย นิลนราชักมือที่ส่งเก้อกลับมา เผยยิ้มผิดหวังให้กับตนเองเธอคงคิดผิดไปแล้วที่นำเรื่องจริงมาบอกกล่าวกับเขาคนนี้

“โทษที..ผมไปล่ะ”

จิตใจสั่นระรัวรู้สึกผิดขึ้นมาในใจคงต้องขอเวลาปรับตัวปรับใจสักพัก ร่างสูงก้าวเดินผ่านลำตัวของนิลนราไปราวกับสายลมพัดผ่านคงต้องปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่เขามีต่อเธอ ดวงตาเศร้าโศกหันมองตามจนอิทธิพลเดินลับหายไปไม่หลงเหลือแม้แต่เงานิลนราได้แต่ยืนนิ่งสงบอารมณ์พักใหญ่ก่อนเดินกลับขึ้นยังห้องพักเด็กน้อยที่กลายเป็นคนป่วยขาหักยังหลับไหลไม่รู้สึกตัว

“เพื่อนกลับไปแล้วเหรอนิล”

ไตรภาคินรอคอยด้วยความกังวลในใจตั้งแต่เจอกับภรรยาด้านล่างเขาก็หลบขึ้นมานั่งอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยคิดอะไรเรื่อยเปื่อยหลังจากแวะเข้าไปดูอาการลูกสาวจนเห็นว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วความเคลือบแคลงสงสัยยังคงมีเพิ่มเติมไม่ลดน้อยลงเลยสักนิด

“ค่ะกลับไปแล้ว”

“เพื่อนคุณที่ไหนเหรอทำไมผมไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จัก”

“เพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนเรามาเจอกันโดยบังเอิญที่ห้องภาพของวิ พอดีอิฐมาจ้างวิวาดรูปให้”

“แปลกดีนะ..ทั้งคุณทั้งวิ รู้จักหมด มีแต่ผมไม่เห็นจะรู้จักกับหมอนั่น ทั้งๆ ที่พวกเราก็เรียนที่เดียวกันทั้งสามคน”

ราวกับตกเป็นผู้ต้องหาก่อคดีร้ายแรงเวลานี้เขาคงไม่หลงเหลืออีกแล้วความเชื่อใจในตัวภรรยาของเขาเอง ด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ส่อแววไม่ไว้ใจเช่นนี้ความกดดันพุ่งพล่าน เธอควรทำอย่างไรเพื่อแก้ไขสถานการณ์

“นี่คุณกำลังระแวงฉันหรือเปล่า”

“ถ้าผมบอกว่าใช่คุณจะโกรธผมไหมนิล”

“ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คุณเชื่อแต่เรื่องทั้งหมดที่ฉันบอกเป็นความจริง”

“ที่คุณเปลี่ยนไปทุกวันนี้หวังว่าคงไม่เกี่ยวกับไอ้หมอนั่นหรอกนะ”

“ค่ะ..หากฉันเปลี่ยนไป นั่นคงเพราะตัวฉันเอง ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น”

มือเอื้อมจับลูกบิดประตูเตรียมเปิดออกเธอไม่ได้เลี่ยงหนีปัญหา แต่ไม่รู้จะต้องเผชิญหน้าด้วยวิธีไหนก็เท่านั้นจนปัญญาและเหตุผล แม้แต่บอกเรื่องจริงยังไม่มีใครเชื่อ กับเรื่องนี้ที่เธอเป็นลี่คงได้เวลาปล่อยวางเสียที

“นิล..ผมยังคุยกับคุณไม่จบ”

“มีอะไรอีกคะ”

“พรุ่งนี้คุณจะไปสัมภาษณ์งานใช่ไหม”

“ค่ะ”

“ต้องไปกี่โมงผมจะไปส่ง”

“คุณต้องทำงานไม่ใช่เหรอ”

“ผมอยากไปส่งคุณ”

“ตามใจคุณแล้วกันค่ะฉันมีนัดสัมภาษณ์ตอนเก้าโมงเช้า”

ไตรภาคินลุกเดินตามภรรยาเข้าห้องพักผู้ป่วยเพื่อหาลูกสาวตัวน้อยเมื่อเจรจาตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วแม้จะมีความแคลงใจอยู่ลึกๆ ก็ตามแต่คนตัวสูงพยายามเก็บความรู้สึกไว้ภายใต้ความนิ่งเฉย ทั้งที่ในอกร้อนลุ่มจนแทบระเบิดเสียให้ได้

“ส่งเพื่อนแล้วหรือยัยนิล”

“ค่ะ”

“เพื่อนคนนี้เพื่อนที่ไหน พ่อกับแม่ไม่เคยเห็น”

สายตาทุกคู่มองมายังเธอจนเริ่มวางตัวไม่ถูก จะอ้ำอึ้งอึกอักคงดูไม่ดีเพราะเวลานี้เธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่โดนยัดเหยียดให้อย่างไม่ต้องคาดเดาเสียให้ยาก

“เพื่อนที่เรียนด้วยกันแต่ไม่ได้เจอนานมากแล้วค่ะ บังเอิญเจอกันที่ห้องภาพของวิ พอรู้ว่าน้องไหมเข้าโรงพยาบาลก็เลยตามมาด้วย”

“ไว้ว่างๆพาไปเที่ยวบ้านพ่อกับแม่บ้างสิ พ่อหนุ่มคนนั้นดูคุยสนุกดีนะ นี่เจ้าหม่อนไหมหลับไม่งั้นคงได้เพื่อนใหม่อีกคน”

“ค่ะไว้จะพาไป”

ทำไมต้องยกยอปอปั้นกันทั้งบ้านไตรภาคินรู้สึกหงุดหงิดทวีคูณนิลนราได้แต่แอบอมยิ้มเมื่อหางตาหันไปเห็นชายหนุ่มปั้นหน้านิ่งแต่หัวคิ้วขมวดชนกันจนเป็นปม เธอรู้สึกถูกใจไม่น้อยที่ความกดดันรอบกายลดลงไปบ้างไม่งั้นคงเป็นบ้าตายแน่ๆ หากต้องตกเป็นจำเลยถูกซักถามและจับผิดตลอดเวลา

“กลับบ้านไปพักผ่อนกันได้แล้วหม่อนไหมพ่อกับแม่เฝ้าเอง ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”

“ฉัน..เอ่อ.. หนูขออยู่เฝ้าน้องไหมนะคะ”

“จะเฝ้ายังไงพรุ่งนี้คุณต้องไปสัมภาษณ์งานแต่เช้า”

“ฉัน..”

“ไม่เป็นไรหรอกลูกแม่กับพ่อเฝ้าเอง ไปพักผ่อนให้สบายใจ พรุ่งนี้เสร็จธุระแล้วค่อยแวะมาดูอาการหม่อนไหมแล้วกัน”

จะปฏิเสธและหาข้ออ้างอย่างไรได้กับเหตุการณ์ครั้งนี้หรือจะถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่เธอต้องเผชิญหน้ากับสามีแปลกหน้าของคนอื่นในบ้านและห้องนอนเพียงลำพังสองต่อสองปัญหาใหญ่สำหรับเธอกำลังวิ่งชนเข้าให้อย่างจัง


มีต่อด้านล่างค่ะ




Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2556 13:16:37 น.
Counter : 703 Pageviews.

6 comments
  
เขตสถานศึกษาพลุกพล่านไปด้วยนิสิตหลายร้อยชีวิต ร่วมทำกิจกรรมยังสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ งานกีฬาของมหาวิทยาลัยกำลังจะเริ่มต้น ด้วยเสียงอึกทึกคึกโครมส่งร้องเพลงเชียร์กันให้สนั่นหวั่นไหว

‘เฮ้.. ลี่ ติดต่อน้องคนนั้นให้หน่อยดิ น่ารักว่ะ’

‘ไปจีบเอาเอง ลี่ไม่ใช่กามเทพแผงศรของใคร’

‘นะ นะ ช่วยอิฐหน่อย ขอเบอร์ก็ได้ เดี๋ยวโทรไปจีบเอง’

‘บังคับลี่มากๆ เดี๋ยวลี่ฟ้องภายุให้จัดการซะเลย’

‘น่ากลัวตายล่ะ ลองให้มันมาสิ อิฐจะวิ่งหนีให้ดู ฮ่าๆ’

‘โธ่เอ้ย.. นึกว่าจะแน่.. ไหน.. คนไหน บอกมาเดี๋ยวไปขอเบอร์ให้ จะได้ไปให้พ้นๆ ลี่ซะที ชักจะหงุดหงิดแล้วนะ’

‘นั่นไง.. คนที่คาดผมสีขาว ตากลมๆ ยิ้มหวานๆ หน่ะ’ มือชี้ส่งชวนให้มองตามหญิงสาวที่ตกเป็นเป้าสายตา

‘รอนี่นะ เดี๋ยวมา ได้เบอร์แล้วก็ช่วยไปไกลๆ ด้วย ลี่จะดูเขาแข่งเตะบอลกัน’

‘โอเค สัญญาๆ ได้เบอร์แล้วอิฐจะไปให้ไกลจากสายตาลี่หนึ่งนาที’

อิทธิพลหลุดยิ้ม ส่ายศรีษะเล็กน้อย มือยกแก้วเหล้าขึ้นซดจนเกือบหมด ภาพในอดีตยังคงตามหลอกหลอนจิตใจ หากแต่ความรู้สึกที่ได้รับกลับเป็นความสุขและความอบอุ่นจนอิ่มในใจ เสียงเพลงคลอเบาเข้ากับบรรยากาศสลัวในแสงไฟอ่อนๆ แต่ทุกอย่างรอบด้านไม่ได้ช่วยทำให้รอยยิ้มกลบเกลื่อนความเศร้าได้เลย แม้เขาจะยิ้มหากแต่เป็นยิ้มที่เจือจางความทุกข์ตรม คิดถึงเหลือเกินในความสุขเหล่านั้นที่หลงเหลือไว้เพียงอดีตและความทรงจำ

“อิฐ.. รอนานไหม”

เสียงห้าวทักทายพร้อมนำมือตบไหล่ให้รู้ถึงการมาเยือน ชายหนุ่มในชุดทำงานหรูหรา ปลดกระดุมแขนเสื้อ พับทบขึ้นมาถึงข้อศอกทั้งสองข้าง ทรุดกายลงยังตำแหน่งด้านข้างคนคอย

“ไม่อะ ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย”

“แล้วเป็นบ้าหรือไง นั่งยิ้มอยู่ได้คนเดียว”

“เออดิ.. คงใกล้บ้าแล้ว”

เสียงหึดังเบาในลำคอ เห็นด้วยกับคำตอบที่ได้รับ สายตาหันหาบาร์เทนเดอร์ที่ยืนผสมเครื่องดื่มอยู่หลังเคาน์เตอร์จำหน่ายสุราของมึนเมาสีสวยงาม มือชูยกเป็นอันรู้กันเกี่ยวกับการสั่งเครื่องดื่มของโปรดประจำหากมานั่งยังตำแหน่งนี้

“นัดข้ามามีอะไรหรือเปล่า”

“แค่ชวนมากินเหล้าเป็นเพื่อน”

“ข้าไม่ได้ว่างมากนะ พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า”

“เปิดหูเปิดตามั้งเหอะ เพิ่งกลับมาจากนอกก็โหมงานหนักเลยหรือไงไอ้วรรต”

“อืม.. ทำงานให้หัวปั่น จะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านคิดถึง....”

“ลี่..”

“...” อิทธิพลต่อประโยคให้ เมื่อเสียงของคนด้านข้างเงียบหายไป เขารู้ดีเพื่อนสนิทอย่างภายุวรรตไม่มีแม้สักนาทีจะลืมคนที่รักได้เลย เพียงแต่พยายามสร้างกำแพงกั้นความเจ็บปวดโดยใช้เวลาทุ่มเทให้กับงานจนหมด เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจและไม่มีเวลามานั่งคิดถึงคนรักที่จากไปไกลแสนไกลอย่างไม่มีวันได้กลับมาพบเจอกันอีกแล้ว

สองหนุ่มนั่งดื่มน้ำเมาเพื่อปรับทุกข์ แม้จะผ่านเวลานานหลายเดือนความซึมเศร้าไม่เคยจางหายไปพร้อมกับเวลาที่เดินผ่าน ความผูกพันกับคนที่รักแต่ต่างฐานะกันยังอยู่เป็นสายใยเชื่อมโยงถึงกัน อิทธิพลสองจิตสองใจจะเล่าเรื่องหญิงสาวคนนั้นที่ไปประสบพบเจอมาดีหรือไม่ เพราะเขาเองยังไม่ปักใจเชื่อสักเท่าไหร่หากนำเรื่องไม่เป็นความจริงมาบอกกล่าวเล่าต่อเกรงว่าเพื่อนด้านข้างจะหาคำจำกัดความโยนความบ้า ไร้สาระให้เขากลายเป็นคนเพ้อเจ้อเต็มตัว แต่ถ้าลองเกริ่นดูคงจะไม่เสียหายอะไร

“ไอ้วรรต..”

“ว่า”

“ที่ข้าเคยถาม.. หากมีคนเหมือนลี่ราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน เอ็งจะเชื่อหรือเปล่าว่านั้นคือลี่”

“เพ้อเจ้ออะไรอีก มันจะเป็นไปได้ไง คนอะไรจะมาเหมือนกันอย่างกับเป็นคนเดียวกัน ขนาดฝาแฝดที่ว่าน่าตาเหมือนกันนิสัยยังไม่เหมือนกันเลย ยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ข้าว่ากลับบ้านเหอะ เอ็งเมาแล้วล่ะไอ้อิฐ”

“ข้าถามจริงไอ้วรรต สมมุติเอ็งเจอ เอ็งจะทำไง”

“ก็ไม่ทำไง เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง กินแก้วนี้หมดกลับบ้านนอนแล้วนะ ไม่อยากตื่นสายเดี๋ยวจะเสียงาน”

“เออ..”

ปัญหาคาใจไม่ถูกคลี่คลายลงสักนิด ความลับที่ซ่อนเร้นยังคงเป็นเงื่อนงำอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มทั้งสองยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มกลืนลงลำคออย่างละเมียด นั่งจมอยู่กับความคิดของตนเองโดยไม่มีใครพูดอะไรอีก หากแต่เข้าใจกันดีว่าสิ่งที่คิดเป็นเรื่องของคนๆ เดียวกัน


มีต่อนะคะ
โดย: มาโซคิส วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:13:18:50 น.
  
ร่างบอบบางเดินวนเวียนภายในห้องนอนกว้างใหญ่ ตั้งแต่รู้ตัวว่าต้องกลับมาเผชิญอยู่กับไตรภาคินยังที่แห่งนี้ตามลำพัง ทำให้เธอเกิดความเครียดจนกดดัน เวรกรรมอะไรหนักหนา ต้องมาตกระกำลำบากรับสภาพการณ์ที่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้ อยากหนีหายไปให้รู้แล้วรู้รอด เป็นชั่วโมงเห็นจะได้หลังจากทำภารกิจส่วนตัวเสร็จสิ้น นิลนรารอคอยเวลาและโอกาสประจวบเหมาะอย่างวันนี้ ตัดสินใจบอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เธอไม่ใช่ภรรยาของเขาอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่าไตรภาคินจะยอมเชื่อหรือไม่ แต่คงต้องเอ่ยบอกออกไปเพื่อที่ตนเองจะได้หลุดพ้นจากความหวาดระแวงเก็บกดเสียที

ระหว่างเดินวนเวียนรอคอย มือไม้สั่น พยายามจับบีบคลายความตึงเครียด ประตูห้องน้ำเปิดออกทำให้จิตใจหวั่นไหวรุนแรน กล้าๆ กลัวๆ ที่จะมองชายหนุ่มเบื้องหน้าในชุดนอนขายาวผ้าแพรบางประจำตัว เธอและเขาได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากในระหว่างที่นิลนรายังคงจำอะไรไม่ได้ เขาจะไม่เดินนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวในบ้านหลังนี้ ให้ภรรยาเกิดความกะอักกะอ่วนในใจ และเขาไม่เคยผิดสัญญาเลยสักครั้ง

“คุณเป็นอะไรนิล ทำไมไม่นอน”

“ฉัน.. ฉันคอยคุณ.. มีเรื่องอยากคุยด้วยค่ะ”

“เรื่องอะไร..”

คนตัวสูงเดินเข้าใกล้ ส่งสายตาประหลาดใจยังภรรยาที่หลบตาไม่กล้าสู้มองตรงๆ ราวกับคนทำอะไรผิดอย่างนั้น คำถามส่งไปได้สักครู่ใหญ่แต่ยังไม่มีเสียงใดตอบกลับมา ไตรภาคินเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นภรรยามองมาที่ตนพร้อมถอนใจสร้างความเชื่อมั่น

“หากฉันบอกว่า..”

“ว่า..”

“ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ แต่ฉันเป็นคนอื่นที่อยู่ในร่างภรรยาคุณ คุณจะเชื่อฉันไหม”

ไตรภาคินหลุดขำกับคำพูดและสีหน้าตื่นเต้นของภรรยา ที่ดูจริงจังในเรื่องไร้สาระที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ฟังมา ไม่เคยนึกคิดว่าภรรยาของตนเองจะมีอารมณ์ขำขันแหย่ให้เขายิ้มได้หลังจากที่ปั้นหน้านิ่งอยู่นานหลายชั่วโมง

“ไหนคุณลองบอกสิ หากคุณไม่ใช่ภรรยาผม แล้วคุณเป็นใคร”

มือยื่นจับไหล่สองข้าง พยายามประสานสายตามองลึกเข้าไปในแววใสเพื่อบอกเป็นทางอ้อมว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย แรงขืนที่ไหล่บอบบางปรากฎเมื่อมือคู่นั้นดึงร่างกายเธอเข้าใกล้ก่อนโอบกอดแนบแน่นจนดิ้นไม่หลุด

“คุณปล่อยฉันก่อนค่ะ ฉันยังพูดไม่จบ”

“คุณก็พูดสิ ผมจะกอดคุณไว้แบบนี้”

“ที่จริงความจำฉันกลับมาแล้ว แต่ฉันเป็นคนอื่น ไม่ใช่นิลภรรยาคุณ เข้าใจหรือเปล่าคะ”

“โอเค.. ผมเชื่อคุณ หากคุณไม่ใช่นิล งั้นผมจะทำให้คุณกลับมาเป็นนิลของผม”

ร่างกายผละออกจากกัน ไตรภาคินส่งมือเชยคางให้ภรรยาหันมอง หากแต่เธอหลบสายตาอย่างรวดเร็วเสมองทางส่วนอื่นของห้อง ไม่กล้าสู้ดวงตาหวานหยาดเยิ้ม ใบหน้าคมสันเลื่อนเข้าใกล้ ปลายจมูกเกือบได้สัมผัสความนวลเนียนบนวงหน้าหวานถ้าเธอไม่เบี่ยงหนีเสียก่อน

“ฉันไม่ใช่ภรรยาคุณจริงๆ ค่ะ”

น้ำเสียงตั้งเคล้าหนักแน่นขึ้นมา แววตาที่เคยวูบไหวเมื่อครู่แลดูจริงจังในท่าที ทำใจแกร่งกระตุกเกิดอารมณ์ขัดแย้งในใจ ทำไมข้ออ้างเยอะจริง ไม่เข้าใจเสียเลยเหตุใดเธอจึงพยายามตั้งป้อมก่อกำแพงตีตัวออกห่างจากเขา ทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มที่พบเจอระหว่างวันผุดขึ้นมาในหัวสมองอีกครั้งพร้อมกับอารมณ์เริ่มเดือดพล่าน

“คุณเป็นอะไรไปนิล คุณจะอ้างว่าคุณไม่ใช่คุณไปถึงเมื่อไหร่กัน ผมเริ่มจะสงสัยแล้วว่าที่คุณเป็นแบบนี้เพราะคุณมีคนอื่นใช่ไหม”

“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้มีใคร และคงมีไม่ได้หากฉันยังติดอยู่ในร่างกายนี้”

ไตรภาคินคว้าร่างบอบบางที่กำลังตีจากด้วยการบีบไหล่กักขังไว้ไม่ให้เธอได้เดินหนีไปไหน แรงกดบนร่างกายทำให้สายตาสองคู่หันประสานจ้องมอง เริ่มต้นความดุเดือด

“คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ต้องคุยกับผมให้รู้เรื่อง”

“ฉันไม่มีอะไรจะคุย ในเมื่อฉันบอกไปหมดทุกอย่างแล้ว”

นิลนราดึงร่างกายจนหลุดพ้นการเกาะกุม แต่ยังไม่พ้นเสียทีเดียวเมื่อฝ่ามือใหญ่คว้าหมับเข้าที่ข้อแขน ไม่ปล่อยให้เธอได้ตั้งตัว ความรุนแรงปะทุตามอารมณ์โกรธเคืองที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย

“ผมไม่ให้คุณไปไหน”

“คุณกำลังทำให้ฉันเจ็บนะคะ คุณไตร”

น้ำเสียงเย็นเยียบเตือนสติให้เขาคลายมือลดแรงบีบลง เธอเบื้องหน้าเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ภรรยาคนเดิมของเขาไม่เคยเลยที่จะขัดขืนหรือทำเย็นชาใส่แบบที่เธอกำลังกระทำอยู่เวลานี้ เขาไม่ได้เชื่อในคำพูดของภรรยาเกี่ยวกับข้ออ้างว่าเธอเป็นคนอื่นที่เข้ามาอยู่ในร่างนี้เท่านั้น ทว่าประเด็นหลักในความเปลี่ยนแปลง เขากลับมุ่งไปหาชายหนุ่มอีกคนคือตัวการสำคัญ

“ผมขอโทษ..”

ไตรภาคินปล่อยแขนภรรยาให้เป็นอิสระด้วยสุ่มเสียงสำนึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตนเองไว้ไม่อยู่ เผลอออกแรงบีบแขนทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด และเป็นเขาเสียเองที่ต้องหลบสายตาจากการจองสู้กันเมื่อครู่ นิลนราถอยห่างพลางหันหลังหนีคนตัวสูงที่เดินผ่านร่างกายออกจากห้องนอนไป เสียงถอนใจถูกพ่นออกมาจนโล่งท้องหลังจากเก็บอาการตื่นเต้นไว้นานสองนาน ดีแล้วที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมตีจากก่อนเกิดปัญหาใหญ่โตตามมา คงทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้เรื่องราวบ้าบอผ่านพ้นไปอีกวัน

==========

ประตูรถเปิดออกหน้าตึกสูงตระหง่านระฟ้า หลุดพ้นเสียทีกับบรรยากาศวังเวงชวนอึดอัดในความเงียบกริบระหว่างนั่งมาบนยวดยานพาหนะตลอดทาง คืนทั้งคืนไม่ได้หลับเต็มตา พะวงอยู่แต่เรื่องที่บาดหมาง ตั้งแต่ไตรภาคินหลบออกจากห้อง เขาก็หายไปจนได้เจอหน้ากันอีกทีช่วงเช้าเมื่อเขาเดินเข้ามาอาบน้ำแต่งตัว ในใจลึกๆ ของนิลนรารู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้เขาไม่ได้นอนหลับสบายบนเตียงนอนนุ่มๆ ต้องระเห็ดไปอยู่มุมใดมุมหนึ่งของบ้านเมื่อสถานการณ์บังคับให้เป็นอย่างนั้น

“เสร็จแล้วโทรบอกผมด้วย จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

“ค่ะ”

นิลนรายืนรอคอยส่งจนรถยนต์ที่นั่งมาวิ่งหายไป ลมหายใจถูกทอดถอนละทิ้งความฟุ้งซ่านก่อนก้าวเดินเข้าด้านในของตึก เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์คือสิ่งแรกที่เธอมองหาเมื่อผ่านประตูกระจกใสแจ๋วเข้ามา รอยยิ้มแย้มรับอวดริมฝีปากสวยสีแดงกลีบกุหลาบของพนักงานต้อนรับสร้างความเป็นกันเองตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ

“ติดต่อเรื่องอะไรคะ”

“ฉันมีนัดสัมภาษณ์งานค่ะ”

“รอสักครู่นะคะ”

หญิงสาวส่งยิ้มให้แก่กัน นิลนราพยักหน้าตอบรับและรอคอยการดำเนินการตามระเบียบแบบแผนของบริษัทใหญ่โต ระหว่างรอสายตาส่งมองไปโดยรอบบริเวณ เกิดฉุกคิดได้ว่าคุ้นตาคล้ายกับเคยมาเหยียบยังสถานที่แห่งนี้แล้วเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา ความคิดพยายามประมวลผลแล้วภาพในห้วงความทรงจำก็เผยให้เห็นชัดเจน

‘ไว้เรียนจบแล้วมาทำงานช่วยพ่อสิ จะได้ลากตาวรรตเข้ามาทำด้วย’

‘ไม่ไหวมั้งคะ ลี่คงไม่ถนัดกับงานในออฟฟิศ ลี่ชอบทำงานลุยๆ ได้ออกเดินทางมากกว่า’

‘ลองดูก็ไม่เสียหาย หาประสบการณ์ก็ได้ คิดเสียว่าเป็นกำไรชีวิต’

‘อีกหน่อยคุณพ่อ คงได้วรรตมาช่วยบริหารนะคะ’

‘พ่อยังไม่รู้เลย ว่ามันจะรับช่วงต่อไหม มีลูกชายกับเขาสองคน ไม่เอาอ่าวเลยสักคน’ เสียงหัวเราะขบขันสร้างบรรยากาศไม่ให้ดูหดหู่จนเกินไป ทั้งที่จริงในใจกลับพะวงกลัวจะไม่มีใครยอมรับกิจการต่อ หากแก่ตัวลงหรือสังขารไม่เที่ยง

“คุณคะ..”

“เอ่อ.. ค่ะ ว่าไงนะคะ”

“รบกวนขึ้นลิฟต์ทางขวามือไปชั้นสิบนะคะ คุณประภัสรอพบอยู่ค่ะ”

“ขอบคุณมากค่ะ”

นิลนราย้ายตนเองจากเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ตรงยังหน้าลิฟต์เพื่อขึ้นชั้นบนตามคำแนะนำของพนักงานต้อนรับสาวสวย ใจระทึกตื่นเต้นกับการสัมภาษณ์งานที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เธอไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลยกับตำแหน่งงานที่เคยสมัครไว้ เนื่องจากสาขาวิชาของนิลนราตัวจริงผิดกับที่เธอเรียนมาอย่างสิ้นเชิง แต่เพราะเหตุจำเป็นและจำใจคงต้องลองดูสักตั้งไม่น่าจะเหนือบ่ากว่าแรง ไฟสีขาวนวลวิ่งไล่ตามลำดับชั้นบอกให้เห็นว่าใกล้จะถึงชั้นที่หมายเต็มที ประตูตู้ลิฟต์เปิดออกพร้อมสองเท้าเริ่มออกเดินตามเส้นทางเพื่อไปยังจุดนัดพบ

“เอ๊ะ.. เมื่อกี้มันนังนิลนิ”

สายตาว่องไวราวกับแววตาเหยี่ยว มองเห็นร่างอ้อนแอ้นที่เดินผ่านในระยะไกล หากแต่คุ้นเคยจนจำได้ขึ้นใจว่าเธอคือภรรยาของพี่ชายตนเอง ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตรีชาดาลุกจากเก้าอี้ต้องการไปดูเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ได้ตาฝาดไปจริงๆ

-ติ๊ด ติ๊ด-

เสียงโทรศัพท์ขัดจังหวะการก้าวเดินทำให้ตรีชาดาหยุดฝีเท้าอยู่แค่หน้าโต๊ะทำงานของตนเอง พร้อมเอี้ยวกายกลับอย่างด่วนจี๋เพื่อยกหูโทรศัพท์สนทนากับสายที่ติดต่อเข้ามา

‘เข้ามาหาผมหน่อย’

“ค่ะ บอส”

ความสนใจด้านนอกยังคงดึงดูดให้เธอชะเง้อคอมองอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะรีบนำร่างกายวิ่งตัวปลิวเข้าห้องเจ้านายรับใช้ตามคำสั่ง เก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้หาคำตอบหลังจากเสร็จสิ้นหน้าที่การงาน


โปรดติดตามตอนต่อไป
โดย: มาโซคิส วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:13:21:40 น.
  
อ่านแล้ว นุ่นจะเอาผู้ชายอบอุ่นจริงๆน๊าพี่มาโซ พลีส
ผู้ชายเย็นชาอ่ะ คิดดูก่อน อิอิ (ยังไม่จบจากกระทู้อีก อิอิ) ชอบไตรรรรรรรรรรรรรรรรรรร

แปะหัวใจแล้วแต่ขึ้นเออเร่อ พี่มาโซกระซิบหน่อยนะค๊าถ้าไม่ขึ้นจะมากดใหม่ ^^

โดย: lovereason วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:14:23:34 น.
  
ขึ้นแล้วมั้งคะ พี่มาโซดูไม่เป็น ว่าใครให้บ้าง เห็นมีหัวใจยาวเป็นพรืดเลยค่ะ

อิอิ ชอบไตร สงสารด้วยหรือเปล่านิ ผู้ชายอบอุ่น อิอิ
โดย: มาโซคิส วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:14:28:57 น.
  
ชื่นชอบนิยายเรื่องนี้มาก
อย่างอ่านต่อแล้วอ่ะค่ะ ตอนที่ 13 เมื่อไหร่จะได้อ่านค่ะ
โดย: ฝันหวาน IP: 180.222.157.91 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:17:59:41 น.
  
ง่า ตอนที่ 12 ในบล็อคยังไม่ได้ลงเลยค่ะ ไปอ่านในกระทู้มาหรือเปล่าคะ ตอนที่ 13 วันอาทิตย์นะคะ

ขอบคุณนะคะ ที่ชื่นชอบ แวะไปอ่านในกระทู้ ก็ทักทายกันได้นะคะ พูดคุยกับเพื่อนๆ สนุกสนานเลยค่ะ

โดย: มาโซคิส วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:21:44:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments