เมษายน 2556

 
1
2
3
4
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ห้วงพันธนาการ บทที่ 25

Chapter 25

ห้วงเวลาแห่งความเจ็บปวดมักมาเยือนในชีวิตของใครหลายคนถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่มันกลับฝังอยู่ในความทรงจำยาวนาน ทว่า.. หลังพายุฝนกระหน่ำผ่านพ้นท้องฟ้ามักสวยงามเสมอ ความเจ็บปวดผ่านไปแล้วสามเดือนเต็ม ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางตั้งแต่นิลนราจดทะเบียนหย่ากับไตรภาคิน เธอออกจากบ้านซึ่งไม่เคยเป็นที่ของเธออย่างแท้จริงมาอาศัยอยู่ยังคอนโดสถานที่ในอดีตตั้งแต่ครั้งที่ยังมีชีวิตเป็นลี่ ภายุวรรตเป็นผู้จัดการดูแลสมบัติของคนรักตั้งแต่เธอจากไปครานั้นจ้างคนทำความสะอาดเป็นประจำไม่เคยขาดตกบกพร่อง จนเวลานี้เจ้าของคนเดิมกลับมาจึงถือโอกาสมอบมันให้เธอครอบครองต่อไป

ภายุวรรตเทียวไปเทียวกลับระหว่างคอนโดแห่งนี้กับบ้านของตนเองทุกวันถึงแม้กับคนรักจะมีความผูกพันแน่นแฟ้น ต่อให้อาศัยอยู่ภายในห้องเดียวกันคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกแต่เพราะความคิดที่ออกจะหัวโบราณสักหน่อย ภายุวรรตเลยให้เกียรติคนรักไม่คิดแตะต้องหรือล่วงเกินหากยังไม่เข้าพิธีแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวถึงแม้ร่างกายภายนอกของนิลนราจะเป็นหญิงสาวที่เคยมีทั้งสามีและลูกมาแล้วก็ตามแต่ภายในจิตใจยังคงเป็นคนรักของเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง หากจะเปรียบเทียบคงไม่ต่างกับหญิงสาวบริสุทธิ์ผุดผ่องเขามั่นใจและเชื่อว่าเธอไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ชายคนใดตั้งแต่ได้ครอบครองร่างกายนี้แม้แต่ไตรภาคินที่เคยอยู่ร่วมกันในฐานะสามีภรรยา

“วันนี้จะไปหาหม่อนไหมหรือเปล่าลี่”

“ไปสิ..แต่ต้องทำกับข้าวเสร็จก่อน”

สองคนคู่รักร่วมแรงแข็งขันช่วยกันตระเตรียมอาหารเย็นนิลนราง่วงอยู่หน้ากระทะกำลังทำผัดผักเรียบง่ายของโปรดของภายุวรรตที่กำลังวุ่นวายกับการหั่นพริกสด

“โอ้ย!..”

เสียงร้องโวยวายทำให้หญิงสาวตกใจรีบปิดไฟที่เตาแก๊สก่อนหันกลับมาดูชายหนุ่มซึ่งดึงคอเสื้อขึ้นมาปิดลูกตาพร้อมแสดงท่าทางราวกับปวดแสบปวดร้อน

“เป็นอะไรไปภายุ”น้ำเสียงร้อนรนถามไถ่

“พริกเข้าตา..ผมจะตาบอดไหมลี่ ช่วยผมหน่อยสิ”

ท่าทางเก้กังของเขาทำให้เธอหลุดขำทั้งสงสาร ทั้งอยากต่อว่าในเวลาเดียวกัน ทำอะไรไม่รู้จักระวัง เจอฤทธิ์ความเจ็บแสบของเล็กพริกขี้หนูจนต้องร้องโอดโอย

“ไหนอยู่นิ่งๆสิ ลี่จะเช็ดออกให้ เอามือออก ห้ามขยี้นะเดี๋ยวจะอักเสบไปใหญ่” สองมือเปลี่ยนจากดึงเสื้อคว้าโอบร่างบางมากอดไว้แนบอก

“โอ้ย..ตาผมจะบอดไหมลี่ ผมลืมตาไม่ขึ้นเลย”ภายุวรรตคลี่ยิ้มทะเล้นกระชับวงแขนแน่นจนหญิงสาวรู้ตัวว่าถูกกลั่นแกล้ง

“ร้ายกาจนักนะเดี๋ยวนี้ ปล่อยได้แล้ว ของลี่ดูตาหน่อยเป็นอะไรมากไหม”

กระดาษทิชชู่ถูกดึงขึ้นซับดวงตาแดงก่ำก่อนจะลากพาคนถูกพริกเข้าตาเดินยังอ่างล้างจานภายุวรรตโน้มใบหน้าลงอ่าง สายน้ำไหลตามก๊อกราดรดบนดวงตาจนอาการระคายเคืองเริ่มดีขึ้นผ้าขนหนูผืนพอเหมาะถูกส่งให้ซับน้ำบนใบหน้าและตรวจดูดวงตาอีกครั้ง

“ตาผมเป็นไงบ้าง”

“บอดแน่ๆอีกหน่อยก็จะมองไม่เห็นโลกใบนี้อีกแล้ว ทำไงดีล่ะคะ”

หญิงสาวหลุดขำเมื่อรู้สึกได้หยอกเหย้าเอาคืนบ้างแต่ยังไม่เลิกใส่ใจเสียทีเดียว นิลนรายังคงเพ่งมองจับเปลือกตาสำรวจอาการหากมีความผิดปกติมากเกินไปคงต้องเดินทางพบแพทย์เพื่อความสบายใจและหมดห่วง ภายุวรรตมองคนรักอย่างอ่อนโยนก่อนคว้ามือเธอมากุมไว้

“หากผมเกิดตาบอดขึ้นมาจริงๆลี่จะทิ้งผมไหม”

“เอ..ทิ้งดีหรือเปล่านะ หากต้องเจอคนพิการใครจะอยากอยู่ด้วยล่ะ ว่าไหม”

“คุณไม่ต้องลังเลเลยนะลี่ผมขอสั่งไม่ให้คุณทิ้งผมไปไหน ไม่ว่าผมจะตาบอดหรือพิการส่วนไหนก็ตาม”

“ขี้โกงนี่ใครอยากจะดูแลคุณทั้งที่พิการล่ะภายุ แล้วสมมุติว่าลี่พิการบ้างล่ะ คุณจะทิ้งลี่ไปไหม”

“ผมจะไม่ทิ้งคุณไม่ว่าจะเกิดอะไร หรือต่อให้คุณตายอีกครั้ง ผมจะตามไปอยู่กับคุณ จะไม่ทิ้งให้คุณต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและผมเองก็คงอยู่ในโลกนี้ไม่ได้อีกแล้วถ้าไม่มีคุณ”

“ให้มันจริงเถอะที่พูดแบบนี้”

“ผมพูดจริงผมจะอยู่ข้างคุณตลอดไปไงจำไม่ได้แล้วว่างั้น”

“โอเคโอเค จะอยู่ด้วยกันตลอดไป ว่าแต่ตอนนี้ไปหาหมอกันดีกว่า กับข้าวไม่ต้องทำแล้วล่ะ เราสองคนออกไปหาอะไรทานข้างนอกแล้วแวะหาหม่อนไหมเลยแล้วกัน”

ทั้งสองพากันเดินออกจากที่พักเตรียมนำส่งคนป่วยถูกพริกกระเด็นเข้าตาไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา ก่อนจะเดินทางหาหม่อนไหมต่อไปถึงแม้นิลนราจะไม่ได้อยู่ในฐานะภรรยาของไตรภาคินแล้วแต่เธอยังคงทำหน้าที่มารดาคอยดูแลหม่อนไหม่ไม่เคยห่าง เพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่เด็กหญิงตัวน้อยที่ค่อยๆเติบโตขึ้นทุกวัน ทั้งไตรภาคินและวิภานีต่างช่วยกันหาหนทางทำให้หม่อนไหมยอมรับกับการคบหากันครั้งนี้ถึงแม้หม่อนไหมจะยังไม่เข้าใจในเรื่องราวทั้งหมด แต่เด็กหญิงก็ยอมเปิดใจรับวิภานีเป็นแม่วิเพิ่มขึ้นอีกคนคงอีกไม่นานทั้งไตรภาคินและวิภานีคงมีความสัมพันธ์คืบหน้าและคงได้สมรักในสักวัน เมื่อทุกคนในครอบครัวพร้อมยอมรับกับความรักของพวกเขา

เสียงโทรศัพท์ดังเตือนให้รับสายระหว่างยืนรอภายุวรรตเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาดวงตามือบางล้วงลงกระเป๋าสะพายหยิบเครื่องมือสื่อสารรับสายเพื่อนสนิทที่หายหน้าไปหลายวัน

“นายอิฐ..หายศีรษะไปอยู่ที่ไหนไม่ทราบ ไม่โผล่มาให้เพื่อนฝูงเจอบ้างเลยนะ”

‘อิฐอยู่ต่างจังหวัดมาพักร้อนน่ะนี่.. ได้ข่าวว่าจะไปต่างประเทศกับไอ้วรรตมันเหรอ’

“ทำไมนายรู้เรื่องนี้ล่ะ.. อาทิตย์หน้าลี่จะไปดูงานที่เรียกตัว ภายุเลยถือโอกาสไปเที่ยวในตัว”

‘น่าอิจฉาซะจริงคนอื่นเขามีคู่กันหมดแล้ว เหลือแค่อิฐคนเดียวที่ยังโสดสนิท เออ..เมื่อกี้เพิ่งแวะไปหาวิมา เห็นว่าหม่อนไหมยอมรับเป็นแม่แล้วไม่ใช่เหรอ แถมคุณไตรยังขอแต่งงานด้วยดิ’

“จะรู้มากไปแล้วนายอิฐ นี่ลี่ยังไม่รู้เรื่องคุณไตรของวิแต่งงานเลยนะต้องต่อว่าซะหน่อย ทำไมวิคิดถึงลี่เป็นคนสุดท้ายแบบนี้”

‘เห้..อย่าบอกว่ารู้จากอิฐนะ เดี๋ยววิฆ่าอิฐตายพอดี ว่าแต่ลี่ล่ะเมื่อไหร่จะมีข่าวดีกับไอ้วรรตมันบ้าง อิฐรออยู่นะ อยากเป็นเพื่อนเจ้าสาวแล้วล่ะ’

“อยากให้ลี่แต่งงานกับภายุ แล้วต้องทำเสียงเศร้าด้วยเหรออิฐ”

‘...’

“ลี่ว่าภายุคงไม่คิดจะแต่งกับลี่แล้วมั้ง อิฐคงต้องรอเป็นเพื่อนเจ้าสาวจนแก่แล้วล่ะ”

‘บ้าน่า..ไอ้วรรตมันรักลี่จะตาย เดี๋ยวมันก็ต้องขอแต่ง เผลอๆ มันอาจอยากเซอร์ไพรส์ยกขันหมากมาแบบไม่บอกไม่กล่าวเลยก็ได้ใครจะรู้’

“ให้มันจริงอย่างอิฐว่าเถอะ นี่.. ภายุตรวจตาเสร็จแล้วไว้ว่างค่อยคุยกันนะ”

‘ลี่..อิฐคิดถึงลี่นะ.. ฝากบอกไอ้วรรตด้วย วันเดินทางไปต่างประเทศอิฐคงไม่ได้ไปส่งเที่ยวให้สนุก เดินทางปลอดภัย ดูแลตัวเองดีๆ นะลี่แล้วอีกอย่างขอให้สมหวังเรื่องแต่งงานไวๆ’

“ขอบใจนะอิฐ ไม่ต้องอวยพรล่วงหน้าก็ได้ ทำเหมือนจะไม่เจอกันอีกแล้วงั้นล่ะไว้คุยกันนะ บาย”

โทรศัพท์ถูกกดตัดสาย ปรากฏยิ้มน้อยๆ มุมปาก ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนยังแน่นแฟ้นไม่ว่าจะกี่ปีก็ตามเธอโชคดีที่มีเพื่อนแสนดีในชีวิตนี้ถึงสองคนด้วยกัน ทั้งอิทธิพลและวิภานี

“แม่นิลค่ะ”เด็กหญิงตัวน้อยวิ่งเข้าหามารดาที่คิดถึงจับใจนิลนราย่อกายรับคนตัวเล็กขึ้นโอบอุ้มพร้อมหอมแก้มเต็มแรง

“ว่าไงคะน้องไหมมาส่งแม่นิลด้วยเหรอคะ”

“สวัสดีค่ะน้าวรรต”

“ครับคนเก่ง”ภายุวรรตยกมือขึ้นลูบไล้ผมยาวของเด็กน้อยอย่างเอ็นดูนิลนราหันสายตามองยังเพื่อนสนิทที่เดินมายืนอยู่ตรงหน้า

“ใกล้ออกเดินทางแล้วสิแก”

“อืมแล้วคุณไตรไม่มาด้วยเหรอ”

วิภานีเหลือบมองภายุวรรตก่อนขยับกายเข้ากระซิบข้างใบหูเพื่อนสนิทคล้ายกับมีลับลมคมนัย

“พี่ไตรรอในรถเขาบอกไม่กล้ามาเจอแก กลัวทำใจไม่ได้”

“เรื่องแค่นี้”

สองสาวหัวเราะคิกคักขำขันพาชายหนุ่มที่ยืนมองรู้สึกขัดใจพิกลเกิดอยากรู้อยากเห็นความลับที่ทำให้ทั้งสองหัวเราะชอบใจหากแต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ให้มิด

“แม่นิลกลับมาหาหม่อนไหมเร็วๆนะคะ หม่อนไหมคิดถึงแม่นิล”

“ค่ะแม่นิลจะกลับมาไวๆ”

“เดินทางดีๆนะแก ไว้ฉันจะโทรทางไกลไปหา”

“นี่วิ..กำหนดแต่งงานเมื่อไหร่ต้องบอกเราเป็นคนแรกนะ”

“เห้ย..ใครบอกแก..” วิภานีทำท่าตกใจมองเพื่อนสนิทที่หลุดขำ “นายอิฐ.. อย่าให้ฉันเจอนะ..ว่าแต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดแกนะ ก็แค่อยากเซอร์ไพรส์ตอนแกกลับมาถึงเมืองไทย”

“เอาน่าเราไม่ได้ต่อว่าอะไรซะหน่อย แต่ถ้ารู้กำหนดเมื่อไหร่ ต้องบอกเราเป็นคนแรก ตกลงไหม”วิภานีพยักหน้าพร้อมเสียงหัวเราะส่งประสานก่อนจากกันไกล สร้างความสุขที่มียิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ

เครื่องบินทะยานขึ้นฟ้าห่างไกลจนสุดสายตา เธอจะรู้ไหมว่าใครบางคนแอบยืนส่งใจและมองดูเธอจากไปอยู่ไกลกันคนละซีกโลกอิทธิพลนั่งนิ่งบนมอเตอร์ไซค์ตัวโปรด เหม่อมองท้องฟ้าเมื่อได้รู้ว่าลี่และวรรตเพื่อนสนิทของเขาได้ออกเดินทางจากไปแล้วภายในจิตใจอาลัยอาวรณ์ราวกับจะไม่มีวันได้เจอะเจอพวกเขาอีกเลยทั้งที่กำหนดเดินทางเพียงแค่สองอาทิตย์เท่านั้น

มหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาลแหล่งพักผ่อนหย่อนใจภายุวรรตตระเตรียมการไว้ล่วงหน้าเพื่อมอบความสุขกับการเดินทางครั้งนี้ให้เป็นของขวัญแด่เธอผู้ประสบความสำเร็จกับหน้าที่การงาน ได้เป็นนักแปลภาษาเดินทางยังหลากหลายประเทศตามที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้ และวันนี้ภายุวรรตยังมีสิ่งสำคัญมามอบให้กับเธอ ประวัติศาสตร์คงไม่ซ้ำรอยเดิมหากย้อนกลับไปปีแล้ว ก่อนที่ลี่จะเสียชีวิต วันนั้นเขาเกือบได้ขอเธอแต่งงานซึ่งมันตรงกันกับวันนี้พอดี ภายุวรรตได้แต่ย้ำเตือนตนเองในใจ เขาจะไม่ปล่อยให้เรื่องเดิมๆต้องเกิดขึ้นอีกครั้ง

หญิงสาวก้าวเดินออกจากห้องพักใต้ท้องเรือยอร์ชขึ้นมายืนรับลมทะเลตรงระเบียงเรือ สายตาก้มมองดูน้ำทะเลสีฟ้าครามเกลียวคลื่นม้วนเป็นระลอกเมื่อเรือเคลื่อนตัวผ่านผืนน้ำ ภายุวรรตก้าวเดินเข้าโอบกอดร่างบางไว้สัมผัสความอบอุ่นที่สองใจส่งถึงกัน

“ลี่..ชอบไหมได้มาเที่ยวพักผ่อนบนเรือแบบนี้”

“ชอบมากเลยล่ะลี่ฝันอยากมาแบบนี้ตั้งนานแล้ว ขอบคุณนะคะ ที่คุณพาลี่มา”

“อีกหน่อยคงได้มาบ่อยๆเพราะลี่ต้องเดินทางข้ามประเทศ”

“ภายุต้องมากับลี่นะห้ามปล่อยให้ลี่มาคนเดียวล่ะ”

“จะทำอย่างงั้นได้ไงหน้าที่การงานผมก็มี จะไม่ให้ผมทำงานเลยว่างั้น ให้คอยตามเฝ้าคุณเดินทางตลอดทั้งปี”

“ก็หาผู้ช่วยสิไม่สนล่ะ ถ้าไม่มากับลี่ โกรธจริงๆ”

ภายุวรรตส่งยิ้มพร้อมล้วงมือหยิบสิ่งของบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตกล่องกำมะหยี่สีแดงสดลักษณะคล้ายกับที่นิลนราเคยเห็นผ่านสายตามาแล้วตั้งแต่ที่เขาเคยฝากให้เธอเก็บไว้หญิงสาวมองตามของสิ่งนั้น รู้สึกแปลกใจก่อนจะเห็นว่าอะไรอยู่ภายในกล่องใบนั้น

“คราวที่แล้วผมไม่มีโอกาสได้บอกสิ่งนี้กับคุณครั้งนี้ผมจะไม่พลาดโอกาสนั้นอีกแล้ว”

“...”

“แต่งงานกับผมนะลี่ผมจะรักและคอยดูแลคุณตลอดไป”

หญิงสาวแย้มยิ้มทั้งน้ำใสเอ่อคลอขอบตาปลาบปลื้มและยินดีที่ความฝันของผู้หญิงคนหนึ่งเป็นจริงขึ้นมาความรักกับการใช้ชีวิตร่วมกัน เป็นสิ่งที่เธอรอคอยและโหยหามาเกือบครึ่งชีวิตแหวนเพชรถูกนำสวมใส่นิ้วเรียว ก่อนที่ทั้งสองจะโอบกอดซึ่งกันและกัน หลังจากนี้เป็นต้นไปจะมีแต่ความรักเคียงข้างกันตลอดกาล

“ลี่รักคุณค่ะภายุ..”

“แต่ผมกลับรักคุณมากกว่า..และจะรักตลอดไป”

หากแต่ความสุขมักจบลงรวดเร็วเสมอ..คล้ายมาเยือนให้อิ่มเอมหัวใจและตีตัวจากไปอย่างไม่มีวันกลับคืนมา ปล่อยให้คนที่อยู่ข้างหลังเจ็บปวดรวดร้าวดั่งตายทั้งเป็น..

เสียงความวุ่นวายของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ต่างวิ่งกันให้ขวักไขว่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาเกิดพายุโหมกระหน่ำราวกับพัดพาความบ้าคลั่งทำล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้อับปางลงในพริบตาชายหนุ่มและหญิงสาวที่ล่องเรืออยู่บริเวณนั้นโดนลูกหลงเข้าอย่างจัง

‘ลี่! คุณอยู่ไหน’ นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ได้รับรู้เสียงเซ็งแซ่อืออึงจับใจความไม่ได้ว่าเป็นเสียงใด ยังคงดังกังวานในโสตประสาทซ้ำแล้วซ้ำเล่าคลื่นลมทะเลกรรโชก สายฝนโหมกระหน่ำวนเวียนเป็นภาพในความทรงจำขณะยังหลับฝันไม่ยอมตื่น

“ความดันต่ำ!หัวใจเต้นช้าลงเรื่อยๆ!”เสียงโหวกเหวกของใครหลายคนดังต่อเนื่องเป็นระยะ และค่อยๆ เบาลงราวกระซิบกระซาบ

‘ภายุค่ะ หมดเวลาของลี่แล้ว ร่างกายนั้นไม่ใช่ของลี่ตั้งแต่แรก ถึงเวลาที่ลี่ต้องจากคุณไปแล้วลี่จะรอวันที่เราได้กลับมาเจอกันอีกนะคะ ลาก่อน’และทุกอย่างกลับมืดมิดอีกครั้ง

แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องกระทบเปลือกตาเกิดกระตุกเคลื่อนไหวม่านมูลี่ถูกดึงปิดป้องกันแสงที่ส่องผ่านทะลุกระจกถึงบุคคลที่นอนแน่นิ่งบนเตียงคนไข้สัมผัสรับรู้เมื่อสติสัมปชัญญะคืนกลับมา คือเสียงเต้นของหัวใจและลมหายใจที่บ่งบอกว่ายังมีชีวิตอยู่ร่างกายหนักราวถูกกดทับจนชาไปทั่วเรือนร่างดวงตากลอกกลิ้งอยู่ภายใต้เปลือกตาก่อนจะปรับแสงและค่อยๆ ปรือเปิดมองไปรอบบริเวณ

“ไอ้วรรตเป็นไงบ้าง!”

เสียงจากคนด้านข้างทำให้ดวงตาเปลี่ยนทิศทางมองเพื่อนสนิทที่ชื่ออิทธิพลเขายังจำได้ขึ้นใจ ดวงตากลอกมองรอบห้องอีกครั้ง เพดานห้องสีขาวสะอาดเตียงนอนปูด้วยผ้าขาวเช่นกัน หากแต่ภายในห้องมีเพียงเขาสองคนเท่านั้นสายตาเลื่อนกลับยังเพื่อนสนิทอีกครั้ง ดวงตาเศร้าโศกของอิทธิพลแสดงความเจ็บปวดชัดเจนและมันทำให้หัวใจเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ภายุวรรตพยายามจะถามไถ่อิทธิพลหากแต่เสียงจะเปล่งให้ได้ยินยังไม่สามารถบังคับมันออกมาได้ตามตั้งใจสีหน้าหม่นหมองพาใจคอไม่ดี เกิดอะไรขึ้นกันแน่ และสมองเกิดคิดถึงบุคคลสำคัญขึ้นมากะทันหันภาพการขอแต่งงานบนเรือยอร์ชยังคงหลงเหลืออยู่ในความทรงจำแต่เหตุการณ์หลังจากนั้นกลับจำได้ขาดๆ เกินๆ

“ไอ้วรรตฟังข้าให้ดีนะลี่.. ลี่เสียแล้วเมื่อคืนนี้”

ราวกับถูกไม้หน้าสามฟาดกลางศีรษะเจ็บจุกที่อกแทบรับไม่ไหว ความเย็นชาวิ่งผ่านตามร่างกายจนทั่วทั้งตัว นี่เขายังหลับไม่ตื่นใช่ไหมทุกสิ่งที่ได้รับรู้ไม่เป็นความจริง มันเป็นเพียงภาพฝันเท่านั้น

“ข้าเสียใจจริงๆลี่จากพวกเราไปเร็วจนไม่ทันตั้งตัว”

น้ำตาลูกผู้ชายหยดจากดวงตาพร่ามัวทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้เข้าใจว่านี่คือความเจ็บปวดที่วนกลับมาหาเขาอีกเป็นครั้งที่สองแต่ครั้งนี้มันจะไม่มีทางเหมือนเดิม เขาจะไม่ยอมให้เธอจากไปเพียงผู้เดียวเขาพร้อมสละทุกอย่างเพื่อตามไปหาเธอ หัวใจแหลกรานปฏิเสธการมีชีวิตอยู่ต่อเพียงไม่กี่นาทีที่อิทธิพลบอกข่าวร้ายให้ภายุวรรตรับรู้ ดวงตาคมเข้มก็ปิดสนิทอีกครั้งพร้อมการทำงานของหัวใจหยุดเต้นชั่วคราวเสียงเตือนหน้าจอมอนิเตอร์หวีดร้องยาวทำให้คนได้ยินถึงกับตะลึง

“ไอ้วรรต!”

อิทธิพลวิ่งตามหน่วยแพทย์พยาบาลอย่างเร่งด่วนเพื่อให้การช่วยเหลือเพื่อนสนิทที่มีอาการหยุดหายใจคล้ายกับคนเสียชีวิตอย่างกะทันหันไฟห้องฉุกเฉินถูกเปิดสว่างเมื่อมีการใช้งาน

‘ภายุคะ’

ดวงตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียงคนคุ้นเคยแว่วดังข้างหูหญิงสาวคนรักตัวตนจริง ยืนรอเขาอยู่เบื้องหน้า ผมซอยสั้น ดวงตาโศกส่งยิ้มเย็นให้พร้อมยกมือรอรับให้เขาเดินเข้าไปหาภายุวรรตลุกลงจากเตียงนอนและหันหลังกลับไปมองร่างไร้วิญญาณที่หลับตาพริ้ม ไม่มีการเคลื่อนไหวอีกต่อไปชายหนุ่มหันกลับหาหญิงสาวพร้อมคลี่ยิ้มละมุนให้เธอ มือยื่นแตะและจับกันไว้ พร้อมอ้อมกอดที่โหยหาเนิ่นนาน

‘ลี่..ผมคิดถึงคุณ ต่อไปนี้เราคงไม่ต้องพรากจากกันอีกแล้ว’

‘ค่ะ เราจะไม่จากกันอีกแล้ว’

‘เราจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป’

‘รักเธอตลอดกาล..’


The End




Create Date : 05 เมษายน 2556
Last Update : 5 เมษายน 2556 19:13:52 น.
Counter : 545 Pageviews.

2 comments
  
พี่มาโซ วันนี้นุ่นมาเห็นก็ดึกมากแล้ว อิอิ
มัวแต่แต่งหลอนอยู่ไม่ยอมเข้าเว็บกลัวเตลิด
แล้วก็เตลิดจนได้ อิอิ

ตกลงเอาจบแบบสองใช่มั๊ยคะ
ดีแล้ว คนรักเค้าได้อยู่ด้วยกัน
ปล่อยคุณไตรของนุ่นอยู่เลี้ยงลูกต่อไป อิอิ

โดย: lovereason วันที่: 5 เมษายน 2556 เวลา:23:38:11 น.
  




ทานอาหารเช้ากันนะคะ ^^
โดย: lovereason วันที่: 6 เมษายน 2556 เวลา:2:05:31 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments