มีนาคม 2556

 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
25
26
28
29
30
 
 
All Blog
ห้วงพันธนาการ บทที่ 22

Chapter 22

นิลนรากลับมานั่งประจำโต๊ะทำงานด้วยความรู้สึกหดหู่จิตใจชาไปทั้งดวง ภาพแหวนบนนิ้วมือของตรีชาดาลอยวนเวียนอยู่ในความจำตลอดเวลา อาจเป็นอย่างตรีชาดาว่าไว้ภายุวรรตคงมอบแหวนวงนั้นเมื่อตกลงปลงใจหมั้นหมายกับเลขาสาวแล้วจริงๆ ดวงตาเหม่อลอยไม่ใส่ใจคอมพิวเตอร์ตรงหน้าทำให้หัวหน้างานเกิดผิดสังเกตกับท่าทางของเธอขึ้นมา

“นิล..”

ประภัสเดินเข้าใกล้พร้อมนำมือตบบ่าหญิงสาวผู้เหม่อลอยให้รู้สึกตัวตื่นจากภวังค์นิลนราหันมองหัวหน้างานด้วยสายตาเฉยชา เธอไม่ได้ตกใจกับเสียงเรียกชื่อหรือมือที่เตือนสติหากแต่เวลานี้เธอไร้ความรู้สึกที่จะรับรู้เสียมากกว่า เจ็บปวดรวดร้าวหนักเกินจะรับไหว

“พี่ภัสมีอะไรคะ”

“เป็นอะไรไปตั้งแต่กลับจากห้องคุณวรรตก็มีอาการแปลกๆ”

“เปล่า..นิลไม่ได้เข้าไปในห้อง”

“อ้าว..คุณวรรตไม่อยู่เหรอ”

“...”นิลนราส่ายศีรษะเบาๆ ไม่เอ่ยตอบสิ่งใดต่อ ทำให้คู่สนทนาเริ่มจับประเด็นบางอย่างได้คงมีปัญหาอะไรสักอย่างที่ทำให้เธอเป็นเช่นนี้

“ฉะกับแม่เลขาหน้าห้องอีกแล้วหรือไง”

“เปล่าหรอกพี่ภัสทำงานกันดีกว่า”

“เออนิล..อาทิตย์หน้าบริษัทมีจัดไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างจังหวัดนิลจะพาคนในครอบครัวไปด้วยก็ได้นะถ้าสนใจก็ลงชื่อไว้แล้วบอกผู้ร่วมเดินทางว่าไปกี่คน”

“พี่ภัส..ถ้าไม่ร่วมกิจกรรมจะได้หรือเปล่า นิลรู้สึกไม่พร้อมจะเดินทางไปเที่ยวตอนนี้”

“จะสละสิทธิ์หรือไงนานทีปีหนเลยนะกว่าจะได้เที่ยวแบบนี้”

“อืมนิลไม่อยากเที่ยว อยากอยู่แบบสงบมากกว่า”

“ถ้าไม่อยากไปก็ลงชื่อไว้แล้วกันว่าสละสิทธิ์”

นิลนราพยักหน้ารับรู้ไม่ใช่ไม่อยากร่วมเดินทางไปสังสรรค์กับพวกพ้อง แต่เพราะสิ่งต่างๆที่รุมเร้าอยู่เต็มอกทำให้เธอไม่อยากเข้าสังคม ใจจริงแล้วอยากหาที่ผ่อนคลายลดความตึงเครียดและทิ้งสิ่งกดดันต่างๆเพื่อเริ่มต่อสู้กับวันใหม่เพื่อดำเนินชีวิตต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น

-ติ๊ด ติ๊ด-

โทรศัพท์มือถือดังทำลายความคิดดึงคนเหม่อลอยให้กลับมามีสติกับปัจจุบันอีกครั้งตลอดช่วงเช้านิลนราไม่มีกระจิตกระใจทำสิ่งใดนอกจากนั่งถอนใจซ้ำไปซ้ำมาดวงตาเศร้าหมองมองหน้าจอกระจกที่มีแสงไฟสว่างกะพริบเป็นระยะ

แสดงชื่อเพื่อนสนิทเป็นสายที่โทรถึงเธอ

“ว่าไงอิฐ”

‘ลี่ว่างไหมอิฐแวะมาหา วิก็อยู่ด้วย’

“อยู่ไหนกันล่ะ”

‘ร้านกาแฟที่เจอกันเมื่อวาน’

“ได้สิ ใกล้เที่ยงพอดี อีกสิบนาทีเจอกันนะ”

‘อืมมาเร็วๆ นะ สั่งอาหารไว้ให้แล้ว’

โทรศัพท์ถูกกดตัดสายพร้อมหยิบสัมภาระและจัดเก็บสิ่งของบนโต๊ะให้เข้าที่เรียบร้อยนิลนรากล่าวขออนุญาตหัวหน้างานออกก่อนเวลาพักเล็กน้อย เพื่อไปยังสถานที่นัดหมายไม่ปล่อยให้เพื่อนต้องคอยนาน

ภายในร้านกาแฟเย็นฉ่ำไปด้วยอากาศจากเครื่องปรับอุณหภูมิที่เปิดบริการแก่ลูกค้าอาหารหลัก อาหารว่าง และเครื่องดื่มต่างๆ ถูกยกเสิร์ฟลงตามโต๊ะที่สั่งเมนูช่วงทานกลางวันเอาไว้ตามลำดับ

“อิฐรู้ได้ไงว่าไอ้นิลมันชอบกินผัดมักกะโรนีวิว่ามันชอบกินข้าวผัดอเมริกันมากกว่านะ”

“อย่าเถียงอิฐ..ลี่คือเพื่อนอิฐ ไม่ใช่นิลเพื่อนวินะ”

“เออได้..เดี๋ยวคอยดูว่าไอ้นิลจะชอบอะไร ถ้ามันชอบข้าวผัด อิฐเลี้ยงนะอาหารมื้อนี้”

“แล้วถ้าลี่ชอบมักกะโรนีล่ะวิจะเป็นคนเลี้ยงงั้นเหรอ”

“ได้..วิเลี้ยงเองก็ได้”

“โอเคตามนั้น”

อิทธิพลส่งยิ้มทะเล้นแฝงความเจ้าเล่ห์ไว้ภายในนั้นเขารู้ดีว่าอาหารโปรดของเพื่อนสนิทอย่างลี่คือสิ่งใดแค่เพียงเปลี่ยนร่างกายไปเป็นคนอื่น นิสัยใจคอคงไม่น่าเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยเขาคงชนะกับการพนันครั้งนี้อย่างแน่นอนไม่ต้องลุ้นให้เสียเวลา

“นิลทางนี้”

วิภานีโบกมือส่งสัญญาณให้เพื่อนมองเห็นดึงความสนใจให้อิทธิพลหันหลังมองยังหญิงสาวสีหน้าอมทุกข์ชัดเจนที่เดินตรงมาหาพวกเขา

“เป็นไรไปลี่ทำไมทำหน้าบอกบุญไม่รับอย่างงั้นล่ะ”

“นั่นสิแกใครทำอะไรให้ไม่สบายใจหรือไง”

“เปล่า..”

“เปล่าอะไรหน้าตาเป็นแบบนี้ มีอะไรบอกอิฐมาเดี๋ยวนี้”

นิลนราถอนใจเบาๆ ก่อนจะนิ่งคิดว่าควรอธิบายอย่างไรให้เพื่อนทั้งสองเข้าใจ

“ลี่ว่าภายุกำลังจะหมั่นหมายกับเลขาสาวหน้าห้อง”

“ภายุไหนอะแก”

วิภานีงุนงงไม่เข้าใจในสิ่งที่ทั้งสองกำลังสนทนาทำให้นิลนราต้องเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับภายุวรรตให้วิภานีฟังอีกครั้งโดยมีอิทธิพลรับฟังอย่างเงียบเชียบเรื่องราวในอดีตถูกเล่าอย่างละเอียดราวกับภาพแห่งความจำเหล่านั้นไม่เคยลบเลือนออกจากจิตใจแม้สักนาทีทั้งความรัก ความผูกพัน ระหว่างคนรักที่มีให้กันตลอดมา ตั้งแต่มีชีวิตจนถึงเวลาสิ้นสุดของการจากลาจนกลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่ทุกอย่างอาจไม่เหมือนเดิม

“เป็นเรื่องบังเอิญมากเลยนะแกที่ได้มาเจอกันอีกครั้ง แต่ฉันเอาหัวเป็นประกันว่ายัยไม้ตรีพริกไม่มีทางทำให้คุณผู้บริหารของแกตกหลุมพรางอย่างแน่นอนแต่ฉันรู้สึกตงิดๆ ว่ายัยตรียังต้องมีแผนการอะไรแอบแฝง”

“หรือเพราะเราเป็นนิลนราไหนจะสามีและลูกผูกติดอยู่กับชีวิตขนาดนี้ เขาเลยอาจเปลี่ยนใจลืมเราไปแล้วก็ได้”

“เอาน่า..อย่าเพิ่งด่วนสรุปเลย ตอนนี้อิฐหิวมากแล้วตกลงลี่จะกินอะไรระหว่างข้าวผัดกับมักกะโรนี เลือกเร็ว”

อิทธิพลมองหน้าวิภานีรอลุ้นกับสิ่งที่พนันกันเอาไว้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะกับการเดิมพันค่าอาหารมื้อนี้ทั้งสองต่างจ้องมองนิลนราอย่างใจจดใจจ่อ รอคอยผลการตัดสินว่าเธอจะเลือกเมนูใด เพียงไม่นานมือบอบบางเลือกที่จะหยิบข้าวผัดอเมริกันแทนผัดมักกะโรนี

“วิชนะ!”เสียงหัวเราะเปล่งดังทำให้อิทธิพลรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยที่คาดเดาผิดไปถนัด

“เฮ้!ทำไมลี่ไม่เลือกมักกะโรนี”

“ก็ลี่เบื่อแล้วเมื่อวานก็เพิ่งกินไป วันนี้จะให้กินอีกก็แย่สิ”

“สรุปแกชอบกินมักกะโรนีจริงเหรอนิล”

“อืม”

อิทธิพลยักคิ้วหลิ่วตาให้วิภานีแสดงตนว่าเขารู้ใจเพื่อนสนิทที่สุดถึงแม้จะเป็นสิ่งที่เธอไม่เลือกก็ตามอย่างไรเขาก็ยังภาคภูมิใจรู้สึกเป็นผู้ชนะอยู่ดี และสิ่งสำคัญสุภาพบุรุษที่ดีควรเป็นคนออกค่าอาหารในการพาเพื่อนสาวมาเลี้ยงรับประทานอยู่แล้วเขาจึงไม่รู้สึกว่าพ่ายแพ้กับการพนันครั้งนี้

“นี่วิ..อาทิตย์หน้าที่บริษัทมีจัดไปเที่ยวต่างจังหวัดหลายวัน เราอยากไปพักผ่อนสมองหาแม่ที่เชียงใหม่วิช่วยปิดเรื่องนี้กับคุณไตรและครอบครัวนิลได้ไหม”

“แกต้องชัวร์นะว่ายัยไม้ตรีพริกจะไม่ปริปากพูดเรื่องนี้ ไม่งั้นมีหวังความลับแตก”

“เราว่าช่วงนี้คุณไตรไม่ค่อยได้ติดต่อกับที่บ้านเขาสักเท่าไหร่คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง”

“แล้วลี่จะไปกับใครให้อิฐไปเป็นเพื่อนนะ”

นิลนราลังเลกับการตัดสินใจเมื่อเพื่อนร้องขอจริงๆ แล้วเธอชอบเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวมากกว่าที่จะมีผู้ติดตามแต่ในเมื่ออิทธิพลไม่มีนิสัยเซ้าซี้วุ่นวาย คงไม่น่ามีปัญหาอะไรกวนใจหากให้เขาไปด้วยกัน

“จะไปแน่เหรออิฐลี่ไปหลายวันนะ”

“แน่สิหลายวันก็ไม่มีปัญหา อิฐเคลียร์งานได้”

“ให้อิฐไปด้วยดีแล้วแกจะได้มีเพื่อน ไปคนเดียวฉันก็อดห่วงไม่ได้”

นิลนราพยักหน้าตกลงคงจะดีไม่น้อยหากได้เพื่อนร่วมทาง ไม่ต้องคิดมากจนฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวอิทธิพลยิ้มรับมุมปาก ทุกคนหันกลับไปสนใจอาหารในจานต่อเมื่อเห็นว่าเวลาพักกลางวันใกล้หมดเต็มที

“นี่ยัยสา..เธอต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าฉันอัจฉริยะแค่ไหน”

‘มีอะไรก็ว่ามาสาไม่มีเวลาว่างคุยกับตรีมากนักหรอกนะ’

“เดี๋ยวนี้ไม่ว่างสำหรับฉันแล้วเหรอยัยสา จะเลิกคบกันหรือไงไม่ช่วยเรื่องพี่ไตรแค่นี้ทำเป็นน้อยอกน้อยใจไปได้”

‘สาเข็ดกับการถูกหลอกใช้เบื่อที่ต้องทนทำอะไรให้คนอื่นเขาสมเพช’

“แต่ถ้าเธอรู้เรื่องนี้รับรองถูกใจแน่ยัยสา นังนิลกำลังจะกระเด็นออกจากพวกเรา”

‘เรื่องอะไรเหรอตรี’

ตรีชาดาไม่รอช้าที่จะสาธยายแผนการอันแยบยลให้เพื่อนสนิทฟังอย่างละเอียดตามที่ได้วางเอาไว้และอีกเพียงไม่กี่อึดใจทุกอย่างจะลงตัว ชัยชนะรออยู่เบื้องหน้าเพียงแค่เธอค่อยๆเยื้องย่างเข้าหาอย่างเชื่องช้า ไม่ต้องออกแรงมากมายก็จะเป็นคนกำความสำเร็จ ครองตำแหน่งผู้ชนะอย่างเต็มตัวเสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานดังขัดจังหวะการสนทนากับสาวิตรีสร้างความหงุดหงิดใจเล็กๆแต่จำเป็นต้องเก็บอาการไว้ก่อนจะหันกลับมารับสายที่โทรเข้ามา

“ยัยสารอแปบนะมีสายเข้า” มือถือถูกลดระดับลงต่ำก่อนเอื้อมอีกมือคว้าหูโทรศัพท์ตั้งโต๊ะขึ้นรับสาย

“สวัสดีค่ะตรีชาดารับสายค่ะ”

‘เชิญคุณตรีเข้ามาในห้องสักครู่’ โทรศัพท์ประจำโต๊ะถูกวางสายพร้อมยกมือถือแนบข้างหูอีกครั้ง

“ยัยสาไว้คุยกันใหม่นะแผนการกำลังดำเนินไปได้สวยเลยล่ะ ไว้สำเร็จเมื่อไหร่ฉันจะโทรหา”โทรศัพท์ถูกตัดสายพร้อมหย่อนมันเก็บในลิ้นชักโต๊ะ ร่างอ้อนแอ้นลุกขึ้นยืนจัดแต่งทรงผมเสื้อผ้า ให้เข้าที่ดูดีก่อนย่างกรายเข้าห้องผู้บริหารตามที่ถูกรับเชิญ

“ตรีมาแล้วค่ะมีอะไรให้ตรีรับใช้หรือคะบอสขา”

“ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้คุณเห็นใครเดินเข้ามาในห้องนี้บ้าง”

ภายุวรรตวางน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่ภายในใจร้อนรนเมื่อสิ่งของสำคัญหายไปจากที่เดิมที่มันเคยอยู่จะว่าไปคงกล่าวโทษใครไม่ได้หากมันจะหายสาบสูญเนื่องจากเขาวางของมีค่าไว้ในที่โจ่งแจ้งเกินไป

“มีอะไรหรือคะบอสหรือว่ามีของหาย” ตรีชาดาทำท่าตกใจสาวเท้ารวดเร็วเข้ามายืนข้างกายเจ้านายหนุ่ม ช่วยสำรวจสิ่งของบนโต๊ะทำงานว่ามีสิ่งใดผิดสังเกตไปบ้างรอยยิ้มแสยะมุมปากก่อนจะตีสีหน้าตื่นเต้นอีกครั้ง

“อืม”

“ว้าย!ตายแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ มีเพียงสามคนที่เข้ามาในห้องนี้ คนแรกคือตรีคนที่สองคือนัง.. คุณนิลนรา แล้วก็คนสุดท้ายคือคุณแม่บ้านค่ะบอสว่าแต่อะไรหายหรือคะบอสขา”

“ผมสะเพร่าเองที่วางแหวนเพชรล่อตาล่อใจคนเดินผ่านไปมา”

“ตายจริง!แหวนเพชรหายหรือคะ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะคะต้องตรวจสอบจากพนักงานที่เข้ามาในห้องนี้ก่อนอันดับแรกเลยค่ะต้องสอบสวนให้รู้เรื่อง มาค่ะ ตรีจะพาบอสไปจัดการหาหัวขโมยเองนะคะ”

ตรีชาดาถือโอกาสดึงแขนภายุวรรตให้ลุกตามเธอเดินออกจากห้องเพื่อหาต้นตอคนขโมยสิ่งของสำคัญไปครอบครองไว้ ภายุวรรตดึงมือออกจากการจับกุมและเดินตามตรีชาดามายังพื้นที่ส่วนของพนักงานหลายสิบชีวิตที่เพิ่งเริ่มเข้างานช่วงบ่ายของวันทุกสายตาหันมองยังเจ้านายเป็นทางเดียว

“ทุกคนฟังทางนี้..”

เสียงแหลมของตรีชาดาเปล่งดังจนฟังชัดถ้อยชัดคำทั้งประโยคสร้างความสงสัยใคร่รู้แก่เพื่อนร่วมงานทั้งหมด รวมทั้งนิลนราที่กำลังก้าวเดินเข้ายืนยังโต๊ะทำงานของตนหลังจากร่ำลาเพื่อนสนิทเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ภายุวรรตยืนนิ่งสองมือล้วงกระเป๋ารอคอยสิ่งที่ตรีชาดาจะจัดการต่อไป

“บริษัทของเราเคยอยู่มาอย่างสงบสุขไม่มีเรื่องน่าอับอายแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่มีหัวขโมยเกิดขึ้นหากใครรู้ตัวว่าเป็นคนหยิบสิ่งของมีค่าในห้องบอสไปรบกวนช่วยนำมาคืนตอนนี้ก่อนที่เลขาหน้าสวยอย่างตรีชาดาคนนี้จะเดินค้นโต๊ะทีละคน”

“ตรีชาดานี่ทำยังกับตัวเองจะหาเสียงเลยนะเธอประกาศซะโอเว่อร์”

“นั่นสิ หรือแม่เลขาหน้าห้องจะเป็นหน่วยสืบราชการลับจับหัวขโมย”

“ใครเอาของในห้องบอสไปนะ”

“ของสำคัญอะไรที่หาย เงินหรือเปล่าใครกันกล้าทำขนาดนั้น”

เสียงซุบซิบเซ็งแซ่หลังจากตรีชาดาประกาศหาตัวคนทำความผิดเสร็จสิ้นแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครยอมรับสักคนว่าเป็นคนหยิบสิ่งของสำคัญไปจากโต๊ะของเจ้านายหนุ่ม

“ในเมื่อไม่มีใครกล้ายอมรับผิดงั้นตรีชาดาคนนี้จะเริ่มค้นโต๊ะทุกคนเดี๋ยวนี้ ขอเริ่มจากคนที่เข้าหาบอสบ่อยๆแล้วกัน”

ตรีชาดามุ่งหน้าเดินหานิลนราอย่างจงใจคล้ายเตรียมการไว้ล่วงหน้าทุกสายตาเปลี่ยนทิศทางหันมองเพื่อนร่วมงานสาว รวมทั้งเจ้าของแหวนเพชรวงนั้น ทุกฝ่ายต่างลุ้นตัวโก่งว่าการค้นโต๊ะทำงานครั้งนี้จะเจอสิ่งของสำคัญที่ว่าหรือไม่ลิ้นชักถูกเปิดค้นอย่างประณีต ตรีชาดาใช้เวลาอยู่พักใหญ่ก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากกล่องกำมะหยี่สีแดงถูกหยิบขึ้นมาพร้อมชูไว้สูงจนทุกคนเห็นของสิ่งนั้นชัดเจน เพื่อนร่วมงานยืนตะลึงอ้าปากค้างไม่คิดฝันว่านิลนราหญิงสาวหน้าตาดีจะกลายเป็นหัวขโมยไปได้ไม่มีใครอยากปักใจเชื่อสักนิดหากหลักฐานไม่มัดตัวจนดิ้นไม่หลุดเช่นนี้

ผู้ถูกกล่าวหาถอนใจเบาๆรู้สึกได้ถึงเวรกรรมตามมาทำร้ายเธออีกครั้งโดยไม่ทันตั้งตัวรับมือไม่คิดว่าตรีชาดาจะงัดไม้นี้มาเล่นกับเธอหลังจากที่หลงคิดเสียนานว่าแหวนวงนั้นภายุวรรตจะมอบให้นางมารร้ายด้วยความพิศสวาทเสียเต็มประดาในจิตใจเกิดความคิดโล่งอกไปส่วนหนึ่ง แต่ยังมีที่หนักอึ้งคือหนทางแก้ตัวเพื่อให้ตนเองพ้นผิดกับการโดนใส่ร้ายครั้งนี้

“บอสขากล่องนี้หรือเปล่าคะที่หายไป”

“อืม”

ภายุวรรตวางน้ำเสียงเรียบนิ่งมองหน้านิลนราด้วยสายตาเฉยชา ดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ภายในใจทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างเสียวสันหลังตามกัน ไม่อยากคาดเดาถึงบทลงโทษที่นิลนราจะได้รับอย่างสาสม

“คุณนิลนราจะแก้ตัวอย่างไรดีคะเกี่ยวกับของสิ่งนี้ที่มาอยู่ในโต๊ะคุณ ช่วยอธิบายให้เสียงดังฟังชัดด้วยนะคะ”

“ฉัน..”

“บอกไปเลยนิลว่าไม่ได้เป็นคนทำ”

ประภัสรู้สึกขัดใจเริ่มมีปากมีเสียงแทนลูกน้องที่ตนดูแลถึงแม้จะเพิ่งรู้จักกับนิลนราได้เพียงไม่นาน แต่ประภัสไม่เคยดูคนผิดนิลนราเป็นคนดีไม่มีทางจะกลายเป็นหัวขโมยอย่างที่โดนกล่าวหาไปได้

“พี่ภัส..นิลคงต้องรับผิดชอบเพราะนิลเข้าไปในห้องนั้นจริง”

“เอาล่ะ..คนผิดคือผมเอง เพราะของชิ้นนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก ผมเลยขอให้คุณนิลดูแลมันแทนในช่วงที่ผมไม่อยู่โต๊ะจนลืมไปสนิทเมื่อเช้าผมเห็นมันหายไปเลยเข้าใจผิดคิดว่ามีคนหยิบไปขอโทษทุกคนด้วยครับที่ทำให้เสียเวลา เชิญทำงานกันต่อได้แล้วครับ”

ทุกสายตาหันมองเจ้านายหนุ่มอีกครั้งเมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายมีเพียงตรีชาดาที่หุบยิ้มกะทันหันแสดงสีหน้าไม่พอใจราวกับถูกขัดใจอย่างรุนแรง ไม่ต่างกับนิลนราที่มองภายุวรรตด้วยความรู้สึกประหลาดใจไม่เข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาจงใจช่วยเหลือเธอเพื่ออะไร

“อะไรคะบอสหลักฐานเห็นอยู่คาตาแบบนี้ จะบอกว่านัง.. นิลนรามันเก็บไว้แทนงั้นเหรอคะ”

“ครับ..ผมฝากเธอไว้ คุณตรีช่วยส่งแหวนคืนคุณนิลด้วย ผมคงถือโอกาสฝากให้เธอดูแลต่อไปจนกว่าผมจะอยากได้มันคืน”

ภายุวรรตหันหลังเดินกลับเข้าห้องทำงานปล่อยให้พนักงานทั้งหลายยืนงงกับเหตุการณ์ทั้งหมด บ้างไม่เข้าใจบ้างนึกขำขันในใจเมื่อเห็นสีหน้าของเลขาสาวโกรธแค้นจ้องมองนิลนราราวกับจะฉีกร่างเธอเป็นชิ้นๆบ้างก็กลับไปสนใจงานตามหน้าที่ต่อไปประภัสเดินเข้ามาตบบ่าให้กำลังใจลูกน้องในปกครอง ไม่อยากให้เธอท้อแท้ต่อนางมารร้ายที่คิดทำลายและเหยียบย่ำเธอให้จมดิน

ตรีชาดานำกล่องกำมะหยี่กระแทกวางลงบนโต๊ะด้วยอารมณ์โกรธเคืองไม่คิดว่าแผนการครั้งนี้จะถูกทำลายเสียป่นปี้ด้วยน้ำมือเจ้านายของเธอเองความเคียดแค้นชิงชังคู่อริเก่ากลับมายืนในจิตใจอีกครั้ง เมื่อคืนสิ่งของมีค่าให้นิลนราตามคำสั่งเป็นที่เรียบร้อยตรีชาดาก้าวเดินอย่างรวดเร็วรู้สึกอับอายและเสียหน้าต่อเพื่อนร่วมงานที่แอบมองและหัวเราะเยาะใส่เธอ

ความสงสัยเกาะกุมจิตใจถึงเวลาที่ต้องไขข้อข้องใจอย่างเร่งด่วนนิลนราคว้ากล่องกำมะหยี่เดินตามภายุวรรตเข้าห้องทำงานทันที

“คุณมีเหตุผลอะไรที่ต้องช่วยเหลือฉัน”

คำถามถูกส่งตรงเมื่อนิลนราเปิดประตูก้าวเข้ามายืนภายในห้องทำงานโดยไม่ใส่ใจว่าใครจะมองเธออย่างไรน้ำเสียงเข้มงวดทำให้คนฟังถึงกับหลุดยิ้มขำขัน

“ผมไม่ได้ช่วยเหลือคุณ”

“แล้วที่แก้ตัวให้ฉันหมายความว่ายังไงคะ”

“ผมไม่ได้แก้ตัวให้ใครหรือคุณจะบอกว่าคุณเป็นคนหยิบกล่องแหวนไปจากห้องผมจริงๆ”

คำพูดปั่นป่วนโทสะแต่ฟังแล้วช่างมีเหตุผลเสียเหลือเกินทำให้เธอเถียงไม่ออกสักคำ มันจริงอยู่ว่าเธอไม่ได้เป็นคนหยิบแหวนวงนั้นไปจากห้องนี้และรู้ดีว่าใครเป็นคนนำมันไปใส่ไว้ในโต๊ะทำงานของเธอแต่ในเมื่อเขาตรงหน้าจงใจแก้ตัวให้เธอทำไมเธอต้องโมโหที่เขาปฏิเสธว่ากำลังช่วยเหลือเธออย่างเต็มใจ

“แล้วคุณบอกทุกคนทำไมคะว่าคุณฝากฉันเอาไว้ ทั้งที่มันไม่เป็นความจริง คุณทำไปเพื่ออะไร”

“ผมแค่อยากหักหน้าหัวขโมยตัวจริงก็เท่านั้น”

“คุณรู้ว่าใครเป็นคนหยิบมันไป”

“กล้องวงจรปิดในห้องนี้คงไม่มีประโยชน์ถ้าผมติดตั้งมันแล้วไม่ใส่ใจดูความผิดปกติหรือปล่อยให้คนผิดลอยนวล”

นิลนราก้มสายตาลงต่ำรู้สึกผิดลึกๆที่ระงับอารมณ์ขุ่นเคืองไม่มิด เตรียมเข้ามาหาเรื่องภายุวรรตเต็มที่ทั้งที่จริงเขาพยายามช่วยเหลือเธอตามความรู้สึกที่เธอรับรู้ได้สองเท้าก้าวยืนหน้าโต๊ะทำงานพร้อมนำมือที่กำกุมกล่องกำมะหยี่ยื่นวางมันบนโต๊ะ

“ฉันนำแหวนวงนี้คืนให้คุณค่ะ”

“ผมฝากมันไว้ก่อนป้องกันไม่ให้มันหายไปอีกครั้ง”

“ฉันคงเก็บรักษามันไว้ไม่ได้หรอกค่ะอยู่ที่ฉันเกิดหายขึ้นมาจริงๆ ฉันไม่มีปัญญารับผิดชอบ”

“มันสมควรเป็นของคุณตั้งแต่แรกหากคุณคือลี่”

“...”

นิลนราเลื่อนสายตามองภายุวรรตด้วยหัวใจพองโตเขามองเธอเป็นลี่แล้วจริงหรือ เธอคงไม่ได้กำลังฝันหรือหูฝาดไปเองมือสั่นเทาเอื้อมหยิบของสำคัญขึ้นถือไว้อีกครั้ง ใบหน้าร้อนผ่าวจนถึงขอบตาเปลือกตากะพริบถี่กลัวเก็บความอ่อนไหวไว้ไม่อยู่

“ได้เวลาคุณต้องไปทำงานแล้วขอให้มีความสุขกับงานนะนิลนรา”

ร่างบอบบางค่อยๆหันหลังและเดินจากไปอย่างเงียบๆ ความรู้สึกหลากหลายอย่างถาโถมราวกับมรสุมลูกใหญ่ที่กำลังทำลายล้างจิตใจให้ปั่นป่วนทั้งดีใจและเสียใจ อยากหัวเราะและร้องไห้ หัวใจพองโตและเจ็บแปลบในเวลาเดียวกันจนเธอเองไม่อาจรับรู้ว่าความรู้สึกที่ว่ามันคืออะไร 

(มีต่อด้านล่างค่ะ)




Create Date : 27 มีนาคม 2556
Last Update : 27 มีนาคม 2556 4:23:45 น.
Counter : 572 Pageviews.

3 comments
  
ประตูห้องผู้บริหารถูกเปิดออกและปิดตัวลงพร้อมนิลนราก้าวเดินออกมา สายตาโกรธเคืองแผ่รังสีอำมหิตเข้ายึดพื้นที่บริเวณนั้นจนตีวงกว้าง คนถูกจองเวรรู้ตัวดีคงหนีไม่พ้นคำพูดจิกกัดจากเลขาสาวที่จ้องมองไม่วางตา

“แกทำบุญด้วยอะไรนะนังนิลถึงรอดพ้นความผิดได้ตลอดแบบนี้ ขนาดหลักฐานคาหนังคาเขา บอสยังช่วยเหลือแกให้พ้นผิดไปได้ ฉันไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ”

“ขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณตรีเสียแผน”

“อย่ามาทำเป็นสู่รู้ แผนอะไร ฉันไม่ได้จงใจวางแผนใส่ร้ายแกซักหน่อยนะนังนิล”

“งั้นหรือคะ.. แล้วที่คุณอวดแหวนเพชรในนิ้วให้ฉันดูเมื่อเช้าของใครกันนะ สงสัยฉันคงมองผิดไปคิดว่าแหวนเพชรเป็นวงเดียวกันซะอีก”

“นี่แก.. ต่อให้แกไปป่าวประกาศก็ไม่มีใครเชื่อแกหรอกย่ะ”

“ฉันก็ไม่คิดจะบอกใครอยู่แล้วล่ะค่ะ ว่าคุณสร้างเรื่องชั่วร้ายวางแผนทำลายเพื่อนร่วมงานได้เลวทรามขนาดนี้”

“นังนิล! แกกล้าด่าฉันเลวงั้นเหรอ อย่าอยู่เลยแก ขอตบล้างน้ำหน่อยเถอะ”

นิลนรายกหมัดขึ้นกำไว้เตรียมป้องกันตัวหากตรีชาดาคิดจะเข้ามาทำร้ายเธอจริง แต่เมื่อเลขาสาวเห็นสัญญาณไม่ดีเธอจึงชะงักฝีเท้าหยุดยืนอยู่กับที่ ยกมือขึ้นปิดจมูก เกิดกลัวกำปั้นของคู่อริขึ้นมา สองเท้าค่อยๆ ถอยหลังกลับไปตั้งหลัก

‘ประกาศ! นี่คือเสียงตามสายพิเศษ อยากให้ทุกคนในบริษัทร่วมตอบคำถาม โปรดตั้งใจฟังเสียงปริศนาที่จะได้ยินต่อไปนี้ให้ดี หากใครรู้คำตอบว่าเสียงหวานบาดใจตามสายนี้คือใครโปรดส่งคำตอบได้ที่ฝ่ายบุคคลนะคะ โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง’

เสียงผ่านลำโพงดังทั่วตึกทำให้พนักงานทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก วันนี้คงเป็นวันโลกาวินาศทุกอย่างถึงได้ดูแปลกประหลาดเช่นนี้ พนักงานทุกคนให้ความสนใจกับเสียงประกาศที่ดังกึกก้อง เสียงที่ใครต่อใครต่างรู้จักเป็นอย่างดีนั่นคือประภัสหัวหน้าฝ่ายบุคคล ทุกคนพร้อมรอติดตามฟังอย่างจดจ่อเพื่อตอบคำถามหวังรางวัลกันยกใหญ่

‘แกรู้ไหมฉันเป็นคนหยิบแหวนเพชรของบอสมาเพื่อจะยัดใส่โต๊ะนังนิลให้มันเป็นแพะรับบาป แล้วทีนี้ทุกคนก็จะเข้าใจว่านังนิลเป็นหัวขโมย โอ้ย.. สะใจฉันจริงๆ อยากเห็นสีหน้ามันตอนถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวขโมยใจจะขาด’

คำสารภาพถูกเปิดเผยจนหมดเปลือก ตรีชาดาหน้าถอดสี เริ่มตัวสั่นลนลานพยายามหาทางหนีทีไล่ก่อนที่ทุกคนในบริษัทจะรู้ความจริงว่าเธอเป็นตัวการของเรื่องทั้งหมด แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายเกินไป เสียงโทรศัพท์โต๊ะทำงานดังเตือนให้รับสายพาตรีชาดาสะดุ้งโหย่งไม่กล้าที่จะเอื้อมมือยกมันขึ้นมา เธอเริ่มหลอกหลอนตัวเองเกี่ยวกับความผิดที่จะถูกลงโทษในไม่ช้า โทรศัพท์มือถือส่งเสียงร้องรอให้รับสาย ตรีชาดาหันมองเครื่องมือสื่อสารบนโต๊ะที่ดังพร้อมกัน เธอลังเลใจอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมา

‘ว่าไงจ๊ะตรี เรื่องแผนการที่จะใส่ร้ายนังนิลเป็นไงบ้าง’

“ยัยสาช่วยฉันด้วยสิ ตอนนี้ทุกคนรู้ความจริงแล้วว่าฉันเป็นคนวางแผน”

‘อุ๊ยตาย! ทำไมคลิปเสียงที่ฉันส่งให้คุณบอสของเธอถึงรวดเร็วอย่างนี้ล่ะตรี’

“นี่แก! นังสา แกกล้าหักหลังฉันอย่างนี้เหรอ อย่าให้ฉันเจอแกนะ ฉันจะแร่เนื้อออกแล้วเอาเกลือทาให้สาสมกับที่ทำกับฉัน”

‘สารอจนอดใจไม่ไหว อยากให้ถึงวันนั้นจะแย่ รีบมาเอาคืนไวๆ นะจ๊ะตรี อ่อ.. แล้วอีกอย่างเลิกซะทีเถอะที่จะทำตัวเป็นคนเลว กลับตัวตอนนี้ยังทัน สาขอบใจตรีมากๆ ที่ทำให้สาตาสว่างกลับเนื้อกลับตัว ไม่โง่งมคบเพื่อนแย่ๆ อีกต่อไป ขอให้ตรีโชคดีนะจ๊ะ’

ตรีชาดากรีดร้องพร้อมเหวี่ยงโทรศัพท์ในมือทิ้งจนแตกกระจาย นิลนรามองดูเลขาสาวที่ทำท่าราวกับสติแตกเก็บข้าวของส่วนตัวกวาดลงกระเป๋าสะพายก่อนจะวิ่งพรวดจากไปโดยไม่คิดเหลียวมองข้างหลัง ภายุวรรตเปิดประตูออกมามองดูก่อนเปิดปากถามด้วยความสงสัย

“เลขาผมหายไปไหน”

“เธอวิ่งออกไปแล้วค่ะ”

ภายุวรรตหลุดยิ้มก่อนเดินกลับเข้าห้องพานิลนรางุนงงไม่เข้าใจใครสักคน เธอพาร่างกายเดินกลับโต๊ะทำงานอย่างไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง และต้องแปลกใจอย่างสาหัสเมื่อเพื่อนร่วมงานหลายคนยืนล้อมวงยังโต๊ะของประภัสจนมองไม่เห็นหัวหน้างานของเธอ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

ทุกคนต่างหันมองยังนิลนราที่หยุดยืนนิ่งพยายามตั้งสติทำความเข้าใจกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น เสียงปรบมือพร้อมเสียงโห่ร้องส่งมอบให้แก่เธอ

“ดีใจด้วยนะนิล ที่พ้นความผิดทุกข้อกล่าวหา”

“สุดยอดไปเลย ทำให้เลขาตรีหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ”

ทุกเสียงของเพื่อนร่วมงานพร้อมทั้งรอยยิ้มที่แย้มส่งต่างแสดงความยินดี หากแต่ลึกๆ นิลนรากลับเวทนาตรีชาดาจับใจ รู้สึกว่าผลกรรมครั้งนี้รุนแรงและรวดเร็วราวกับติดจรวด ทำให้เธอเสียหน้าและอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี นิลนราหวังไว้สักวันว่าตรีชาดาคงกลับเนื้อกลับตัวและพร้อมจะเข้ามาอยู่ในสังคมได้อีกครั้ง โดยทิ้งบทนางร้ายและเป็นคนดีได้อย่างสนิทใจ



แท็กซี่จอดรอให้บริการอยู่ด้านหน้าของบ้านหลังใหญ่ กระเป๋าเดินทางถูกขนขึ้นท้ายรถ นิลนราอุ้มหม่อนไหมไว้ในอ้อมแขน ทั้งกอดทั้งหอมเก็บสะสมกำลังใจไว้หากเกิดคิดถึงขึ้นมาเมื่อต้องอยู่ห่างไกลกันนานถึงสี่วันเต็ม หม่อนไหมถูกส่งต่อยังไตรภาคินพร้อมรอยยิ้มเจือจางบนวงหน้าหวาน

“ไม่ให้ผมไปส่งแน่นะนิล”

“ค่ะ ฉันไปเองได้ ไม่รบกวนคุณดีกว่า”

“ดูแลตัวเอง เดินทางปลอดภัย หากถึงที่หมายแล้วก็โทรหาผมด้วย”

“ค่ะ ฉันจะพยายาม”

ไตรภาคินรู้ดีต่อให้เขาขอร้องเธอแค่ไหนเกี่ยวกับการติดต่อกลับคงไม่มีผลอะไร และเขาต้องรอคอยต่อไปโดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะเป็นฝ่ายติดต่อมาหา เขาปลงตกเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากแต่หวังว่าสักวันเธอคงเห็นใจและมองเห็นว่ามีใครที่รอคอย นิลนราก้าวขึ้นรถแท็กซี่เมื่อร่ำลาครอบครัวเป็นที่เรียบร้อย มือโบกลาลูกน้อยที่ส่งยิ้มสดใสให้เธอเช่นกัน ในใจส่วนลึกรู้สึกแย่ที่ต้องปิดบังความจริงเกี่ยวกับสถานที่ที่เธอไป

-ติ๊ด ติ๊ด-

โทรศัพท์ดังจากในกระเป๋าสะพาย สั่นเตือนเรียกร้องความสนใจให้หยิบมันขึ้นเพื่อรับสายจากบุคคลที่ติดต่อเข้ามา

“ว่าไงวิ”

‘วันนี้แกเดินทางแล้วสิ ฉันใจคอไม่ดีเลยนิล กลัวความลับเรื่องแกหนีเที่ยวแตกจะแย่’

“เรายังไม่กลัวเลยนะ ทำไมวิกลัวแทนเราล่ะ”

‘จริงๆ นะแก ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจบอกไม่ถูก คิดว่ายัยไม้ตรีพริกไม่เลิกรังควาญแกแน่ๆ ยิ่งเจอเรื่องที่สาวิตรีหักหลัง ฉันว่ายัยตรีคงโกรธแค้นเป็นฝืนเป็นไฟ ฉันได้ข่าวว่าพอหล่อนลาออกจากงานก็วิ่งร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับไปฟ้องแม่ยกใหญ่เลยไม่ใช่เหรอ ว่าแต่พี่ไตรต่อว่าอะไรแกหรือเปล่า’

“เปล่านี่ คุณไตรไม่พูดเรื่องนี้ซักคำ”

‘งั้นก็รอดตัวไป ว่าแต่นัดอิฐที่ไหน ฉันขอโทษนะนิลที่ไม่ได้ไปส่งแกขึ้นรถ’

“ไม่เป็นไรหรอกวิ เรารู้ว่าวิงานยุ่ง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า เรานัดอิฐไว้ที่ท่ารถทัวร์นั่นล่ะ”

‘เดินทางดีๆ นะแก ดูแลตัวเองด้วย ฉันเป็นห่วง เออ.. ว่าจะถาม แล้วเจ้านายแกรู้เรื่องหรือเปล่าว่าแกไม่ได้ไปเที่ยวกับที่บริษัท’

“ไม่รู้สิ เดี๋ยววันนี้เขาก็คงรู้หากไม่เห็นเราที่นั่น”

‘งั้นเหรอ โอเค ไว้คุยกันนะแก อย่าลืมโทรมาบอกข่าวคราวบ้างล่ะ ฝากสวัสดีแม่ชีด้วย โชคดีนะนิล’

โทรศัพท์ถูกกดตัดสายเมื่อการสนทนาเสร็จสิ้น นิลนราหลุดยิ้มน้อยเมื่อนึกถึงเพื่อนสนิทที่คอยเป็นห่วงเป็นใยไม่เคยห่างหายสักวินาที จริงๆ แล้ววิภานีอยากเดินทางไปกับเธอด้วยเช่นกันแต่เพราะภาระหน้าที่ยังมีให้รับผิดชอบมากมายเธอจึงไม่สะดวกที่จะติดตามไปได้

รถแท็กซี่จอดส่งผู้โดยสารเมื่อถึงที่หมาย โดยใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากวันเสาร์คงเป็นวันที่หลายคนได้หยุดงานพักผ่อนนอนอยู่บ้าน ทำให้บนท้องถนนดูโล่งไม่อยู่ในสภาวะการจราจรติดขัดเหมือนเช่นวันทำงานปกติ นิลนราก้าวลงจากรถเมื่อจ่ายค่าโดยสารเป็นที่เรียบร้อย กระเป๋าเดินทางถูกดึงด้ามจับให้ยาวขึ้นพร้อมลากเดินรอยังจุดนัดพบที่ได้ตกลงกันไว้กับอิทธิพล ตั๋วเดินทางถูกนำออกจากกระเป๋ามองดูเวลารถออก จิตใจดวงน้อยเริ่มร้อนรนเมื่อยังไม่เห็นอิทธิพลแม้แต่เงากับเวลาที่หลงเหลือเพียงยี่สิบนาที โทรศัพท์ถูกยกขึ้นต่อสายทันที

“นายอิฐ อยู่ไหนทำไมยังไม่ถึงอีก ใกล้ได้เวลารถออกแล้วนะ”

‘โทษทีนะลี่ อิฐคงไปไม่ทัน ยังไงลี่ขึ้นรถเดินทางไปก่อนเลย เดี๋ยวอิฐซื้อตั๋วใหม่ตามไปทีหลัง’

“มาไม่ทันกะทันหันขนาดนั้นเลยเหรออิฐ ยกเลิกรถเที่ยวนี้แล้วรอไปพร้อมกันดีไหม”

‘เฮ้.. อย่าเลยลี่ อิฐไม่รู้จะไปทันหรือเปล่า เอาเป็นว่าลี่เดินทางไปก่อน ตกลงไหม’

“เอางั้นก็ได้ อยากจะโกรธนายจริงๆ นะอิฐ นัดไม่เป็นนัดเหลวไหลจริงๆ”

‘อย่าโกรธเลยน่า โทษทีๆ คราวหน้าจะไม่ทำตัวเหลวไหลแบบนี้อีกแล้ว’

สิ้นสุดการสนทนา นิลนราก้าวเดินยังท่ารถ มองหาหมายเลขของรถบัสคันที่จะนำพาเธอเดินทางยังจังหวัดเชียงใหม่เพื่อเยี่ยมเยือนบุคคลอันเป็นที่รักที่อยากพบเจอสุดหัวใจ ร่างบางข้างหน้าต่างอยู่ในสายตาของใครบางคนที่ยืนหลบมุมไม่ต้องการให้เธอรับรู้ว่าเขายืนส่งเธออยู่ตรงนั้น

“ลี่.. อิฐอยากเห็นลี่มีความสุขกับคนที่ลี่รัก อิฐขอให้ลี่โชคดี และขอโทษที่จำเป็นต้องทิ้งลี่ให้ไปคนเดียวแบบนี้”

อิทธิพลบ่นพึมพำกับตนเองราวกับอยากให้เธอที่นั่งอยู่บนรถบัสได้ยินในสิ่งที่เขาระบายออกมา สีหน้าเศร้าหมองเจือความเศร้าโศกบนดวงตาคมเข้ม ถึงเวลาที่เขาต้องยอมสละให้คนที่รักได้มีความสุขอยู่กับคนที่เธอรักเช่นกัน คงต้องยอมเสียสละทั้งที่เขาไม่เคยได้ครอบครอง..



สถานที่คุ้นตาฝังอยู่ในความทรงจำ เป็นอีกครั้งที่เธอได้กลับมายืนอยู่ในที่แห่งนี้ สถานปฏิบัติธรรมยังคงสงบเงียบ ร่มรื่นไม่ต่างจากครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาเมื่อสมัยยังเป็นเด็กน้อย ภาพความทรงจำทั้งหลายวิ่งกลับมาทำให้เธอเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ กระเป๋าเดินทางถูกวางลงบนพื้นดิน สายตาส่งตรงยังหญิงวัยกลางคนที่นุ่งขาวห่มขาวนั่งมองเบื้องหน้าราวกับคนเหม่อลอย

“มาหาใครคะคุณ”

เสียงใหญ่ห้าวทักทายเมื่อเดินมายืนอยู่ด้านหลัง ทำให้นิลนราหันกลับไปมอง จำได้ในทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เคยพาเธอมาหาแม่ชีตอนที่เธอพยายามค้นหาตัวเองว่าเป็นคือใคร

“มาหาแม่ชีนวลค่ะ”

“เอ.. หนูใช่คนที่เคยมาเมื่อหลายเดือนก่อนหรือเปล่า”

“ใช่ค่ะ”

“ใครมาหรือนงค์”

“น้องสาวคนที่เคยมาหาแม่ชีครั้งก่อน”

นิลนราแย้มยิ้มแทนการขอบคุณให้หญิงเสียงใหญ่ก่อนก้าวเข้าหาผู้เป็นมารดาของเธอ ความพยายามในการกลั้นน้ำตาเริ่มหมดลงเมื่อได้เข้ามายืนใกล้ชิดบุคคลสำคัญ ขอบตาร้อนผ่าว เปลือกตากะพริบไล่น้ำอุ่นๆ ที่กำลังเอ่อล้นออกมา มือสองคู่จับประสานสัมผัสให้รู้ถึงการทักทาย

“แม่ชี สบายดีหรือเปล่าคะ หนูเพื่อนสนิทของลี่จำได้ไหมคะ”

“หนูเพื่อนลี่ คนที่เหมือนลี่ลูกสาวแม่ชีใช่ไหม”

รอยยิ้มดีใจและน้ำเสียงตื่นเต้นทำให้นิลนราหัวใจพองโตจนเก็บน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มไว้ไม่อยู่ ร่างสองร่างโผเข้ากอดกันแนบแน่น คนหนึ่งคิดถึงและโหยหาสัมผัสแบบนี้ อีกคนต้องการความรู้สึกดีๆ มาทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิต

“หนูคิดถึงแม่ชีจังเลยค่ะ ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้กลับมาหาแม่ชีอีก”

“หากใจเราผูกพัน ยังไงก็ต้องได้เจอกันนะหนู”

อ้อมแขนกระชับแน่นขึ้น กอดให้สาสมแก่ใจกับความคิดถึงที่ห่างหายจากไปเนิ่นนาน แม้จะเพียงแค่ไม่กี่เดือน แต่สำหรับเธอเหมือนยาวนานหลายปี ช่วงเวลาที่เหลือสามวันนี้เธอจะเก็บเกี่ยวความสุขที่ได้อยู่กับมารดาให้เต็มหัวใจ เก็บไว้เป็นกำลังใจยามที่เธอท้อแท้สิ้นหวัง

นิลนราคอยอยู่ปรนนิบัติมารดาสารพัดอย่างตั้งแต่เดินทางมาถึง แม้แม่ชีเอ่ยปากบอกให้เธอกลับไปพักผ่อนยังบ้านเรือนไทยหลังเก่าแก่ที่แม่ชีเคยอยู่กับครอบครัว จะว่าไปมันก็เป็นบ้านของเธอเองเมื่อครั้งที่เธอมีชีวิตเป็นลี่ นิลนราปฏิเสธที่จะพักผ่อนเพียงต้องการอยู่ใกล้ชิดมารดาไม่ยอมห่างไปไหน ห้องครัวขนาดเล็กถูกยึดพื้นที่เมื่อนิลนราเข้าทำอาหารให้มารดาได้ชิมฝีมือของเธอ

“แม่ชีคะ กับข้าวเสร็จแล้วค่ะจะทานเลยไหม”

ร่างบอบบางก้าวเดินออกจากด้านในศาลาที่พักมองหามารดายังลานกว้าง หากทว่าใครบางคนทำให้เธอยืนนิ่งอึ้งถึงกับช็อคไปชั่วคราว ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่หันมามองเห็นเธอเช่นกัน

“ภายุ..”

“นิลนรา..”

“วรรต.. นี่ไงเพื่อนของลี่ที่แม่ชีบอกว่าเหมือนลี่อย่างกับเป็นคนเดียวกัน”

มันเป็นเพราะโลกกลมหรือพรหมลิขิตกันแน่ที่ทำให้เขาและเธอต้องมาเจอะเจอกันที่นี่โดยบังเอิญ ไม่ได้มีการนัดหมายกันไว้ล่วงหน้า ราวกับทุกสิ่งหยุดเคลื่อนไหวมีเพียงเสียงของหัวใจสองดวงเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ถึงเวลาต้องยอมรับเสียทีว่าเธอคนนี้คือคนรักของเขาที่เคยจากไปแล้วครั้งหนึ่ง

โปรดติดตามตอนต่อไป..
โดย: มาโซคิส วันที่: 27 มีนาคม 2556 เวลา:4:26:36 น.
  
พี่มาโซ เพิ่งเห็นอัพบล็อคค่า ^^
สงสัยตอนนุ่นออกไปแล้วแน่เลย แหะแหะ
ไลค์ให้หนึ่งดอกเลยค่ะ
อืม ไม่รู้จะเมนท์อะไรที่กระทู้บ่นไปแล้ว
แต่บทนี้ภายุได้ใจหลายคนนะคะ
แต่นุ่นก็ยังยกให้คุณไตรเป็นเบอร์หนึ่งอยู่ดี หุหุ
สงสัยคะแนนสงสารล้นปรี่

โดย: lovereason วันที่: 27 มีนาคม 2556 เวลา:22:57:16 น.
  
นั่นสิดูท่าคุณไตรจะครองใจจนจบ อิอิ
โดย: มาโซคิส IP: 115.67.165.65 วันที่: 28 มีนาคม 2556 เวลา:9:39:16 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments