มีนาคม 2556

 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
25
26
28
29
30
 
 
All Blog
ห้วงพันธนาการ บทที่ 20

Chapter 20

โทรศัพท์ถูกตัดสายทั้งที่ยังไม่ได้รับคำตอบ นิลนราเดินเข้าหาคนตัวสูงพร้อมส่งกระดาษโน้ตให้เขาถือไว้ด้วยสีหน้างุนงงก่อนเปิดมันอ่านคลายความข้องใจ

“คุณคงสงสัยในสิ่งนี้และหวังว่าคงมีคำตอบดีๆ ให้ภรรยาของคุณนะคะ”

หญิงสาวเดินจากไป ปล่อยเวลาให้เขาได้อ่านข้อความในกระดาษโน้ตที่ภรรยาตัวจริงตั้งใจเขียนมันขึ้นมาเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่เธอคงอยากให้เขารับรู้และอ่านมันทุกตัวอักษรที่ได้ระบายออกจากใจ

ถึง พี่ไตรที่แสนดีของนิล..

วันนี้นิลแอบหนีพี่ไตรออกไปเดินเที่ยวกับลูกไหมที่ห้างสรรพสินค้าคงไม่ว่าอะไรนิลนะมันเป็นวันที่นิลมีความสุขมากวันหนึ่งหากไม่ต้องมารับรู้ความจริงที่แสนเจ็บปวด.. นิลคิดถึงพี่ไตรมากนะ รู้หรือเปล่า..

วันนี้นิลบังเอิญเจอเพื่อนเก่าและได้พูดคุยกันอยู่พักใหญ่จนได้รู้เรื่องราวบางอย่างที่นิลไม่เคยรับรู้มาก่อน

ทำไมคะ..

ทำไมพี่ไตรไม่บอกความจริงกับนิลตั้งแต่ตอนที่เราเพิ่งรู้จักกัน..ทำไมนิลเพิ่งได้รู้ความจริงวันนี้.. วันที่ทุกอย่างเกือบจะสายเกินไป..

พี่ไตร.. เคยรักกับวิมาก่อนใช่ไหม..ก่อนที่จะคบกับนิลด้วยซ้ำไป นิลเสียใจนะ และผิดหวังมาก ทำไมพี่ไตรถึงทำร้ายจิตใจเพื่อนที่นิลรักมากที่สุดนิลรู้ว่าวิเสียสละให้นิลได้ทุกอย่างแม้กระทั่งคนที่ตัวเองรักมากมาย..

หากนิลตายไปตอนนี้ พี่กับวิจะกลับมารักกันเหมือนเดิมได้ไหม..

นิลอยากให้พี่ไตรกับวิรักกันนะ.. นิลยอมหลีกทาง..เพื่อคนที่นิลรักทั้งสองคน..

รักพี่ไตรเสมอ..

นิลนรา..

กระดาษในมือปลิวตกลงพื้นสมองมึนงงพาร่างกายทรุดฮวบหมดเรี่ยวแรงจะยืน มันเป็นความจริงที่เขาไม่เคยบอกภรรยามาก่อนเกี่ยวกับเรื่องนี้และไม่คิดว่าเธอจะล่วงรู้ ลายมือในกระดาษโน้ตแผ่นนั้นยืนยันความเป็นภรรยาของเขาอย่างแน่นอนถึงเวลายอมรับความจริงเกี่ยวกับข้อนี้ เขาได้ทำร้ายจิตใจหญิงสาวที่รักเขาถึงสองคนแต่ใครจะรู้ว่าเขาเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน

นักศึกษามหาวิทยาลัยหลายสิบชีวิตรวมตัวอยู่หน้าคณะเรียนชายหญิงคู่หนึ่งนั้งอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนกำลังง่วนกับรายงานเพื่อให้เสร็จทันส่งในชั่วโมงถัดไป

“ไอ้พี่ไตรบ้าทำให้วิเดือดร้อนดูสิเนี้ยภาพก็ยังวาดไม่เสร็จ ต้องมานั่งปั่นรายงานให้อีก”

“แล้วเมื่อคืนใครชวนพี่ไปดูหนังพอกลับถึงบ้านก็สลบเหมือดทั้งคู่ ไม่ช่วยเตือนเลยว่าต้องทำรายงาน”

“ก็หลับด้วยกันทั้งคู่ อย่ามาโทษกันแบบนี้สิ”

ชายหนุ่มหลุดขำพร้อมยกมือขึ้นยีผมหยักศกจนยุ่งเหยิงพาเจ้าตัวหน้าบูดก่อนนำมือจัดแต่งทรงผมให้เข้าที่ตามเดิม ระหว่างทั้งสองกลับมาสนใจรายงานหญิงสาวดวงตากลมโต แก้มป่อง ผมยาวสลวย เดินเข้าหาพร้อมสะกดจิตใจชายหนุ่มที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นพอดีเขาจ้องเธอไม่ละสายตาราวกับเจอนางฟ้าบนดิน

“วิ.. ยังทำงานอยู่อีกเหรอนิลจะกลับบ้านแล้วนะ พอดีเห็นวินั่งอยู่ตรงนี้เลยแวะมาทักทายก่อนกลับ”

“ฉันไม่มีเรียนแล้วล่ะแกแต่ต้องมาทำรายงานให้คนสติไม่ดีแถวนี้”

สาวแก้มป่องส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มเมื่อเห็นเขามองเธอไม่มีกะพริบคนด้านข้างเอี้ยวกายแอบยื่นมือหยิกเข้าที่เนื้ออ่อนบริเวณเอว

“โอ้ย!”เสียงโอดโอยพาคนมองสะดุ้งตาม ไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรขึ้นมาถึงร้องเสียงหลงอย่างนั้น

“มดกัดหรือคะ”

“คะ ครับ.. มดกัด มดคันไฟตัวใหญ่มาก” รอยยิ้มหวานแย้มส่งอีกครั้งก่อนหันเหหาเพื่อนสนิท

“วิ.. นิลกลับก่อนดีกว่าไว้โทรหานะ”

“ได้เลยแก แล้วเจอกัน”

ร่างอ้อนแอ้นเดินจากไปพร้อมชายหญิงสองคนหันมองหน้ากันต่างฝ่ายต่างเกิดคำถามในใจ

“เพื่อนวิเหรอ น่ารักดีนะ”

“ชอบหรือไง วิติดต่อให้เอาไหม”

“ก็แค่น่ารัก ไม่ได้ว่าชอบซะหน่อย ตอนนี้เราสองคนคบกันอยู่ไม่ใช่หรือไง”

“ใครว่าคบกัน เรื่องนี้ไม่ได้เปิดเผย ไม่มีใครรับรู้ซะหน่อยเอาเป็นว่าพี่จะชอบใครก็ชอบเถอะ วิคงห้ามอะไรไม่ได้”

“นี่กำลังงอนหรือเปล่า”

“เปล่า.. วิพูดจริงนะ หากพี่ไตรเจอคนที่รักจริงหวังแต่งวิจะไม่รั้งเลยถ้าผู้หญิงคนนั้นคือเพื่อนรักของวิ”

คำพูดดูหนักแน่นจริงจัง คล้ายเธอไม่เคยรักเขาเลยสักนิดถึงยอมสละเขาให้คบกับคนอื่นง่ายดายทำเหมือนไม่เคยมีเยื่อใยต่อกัน รักครั้งนี้จะยืนยาวสักแค่ไหนคงเกินคาดเดา ในเมื่อต่างฝ่ายต่างลังเลและไม่ชัดเจนแต่แล้วเพียงไม่นานความเจ็บปวดก็เดินทางมาถึง..

“พี่ไตร.. เราเลิกคบกันเถอะวิเบื่อที่ต้องคบกับพี่แบบนี้”

“เพราะอะไรวิ.. หรือพี่สนิทกับนิลมากเกินไปหรือเพราะวิไม่เคยรักพี่เลย วิถึงอยากเลิกคบกับพี่ทั้งที่เราเป็นอะไรกัน..”

“เลิกพูดเถอะพี่ไตร เรื่องนั้นวิไม่ใส่ใจเอาเป็นว่าเราหันกลับมาเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนกัน เหมือนเดิมดีกว่า”

“ในเมื่อวิพอใจแบบนั้น พี่ก็จะทำให้ตามที่วิต้องการ”

ภาพความทรงจำวิ่งพล่านในสมอง เพราะความรักที่มีแต่การประชดประชันทำให้สิ่งดีๆหายวับไปกับตา หลงเหลือเพียงความเจ็บปวดที่ติดค้างในใจ ใบหน้าคมคายหมอบหลบเข้ากับเข่าเสียใจต่อสิ่งที่ได้กระทำลงไป หากวันนั้นใจเย็นสักนิดคิดว่าสิ่งที่วิภานีเอ่ยออกมาเป็นเพียงอารมณ์น้อยใจชั่ววูบเรื่องคงไม่จบลงแบบนี้ หรือหากเขาแข็งใจอีกหน่อยบอกนิลนราไปตามตรงว่าเขาทั้งสองคบหากันไม่คิดจับปลาสองมือ เรื่องก็คงจบลงด้วยดี กับความอ้างว้างโดดเดี่ยวเวลานี้เขาเหมือนคนไร้ที่พึ่งพิงไม่มีแม้ใครสักคนเคียงข้างกาย

เสียงจอแจยามเช้าส่งดังรอบบริเวณร้านกาแฟริมถนนฟุตบาทลูกค้าหลายคนนั่งจิบเครื่องดื่มทานของว่าง บ้างอ่านหนังสือผ่อนคลายอารมณ์ก่อนเริ่มต้นทำงานตามหน้าที่ประจำวันแต่ทุกสิ่งที่ว่าไม่ได้อยู่ในความสนใจของหญิงสาวผู้เหม่อลอยใช้ความคิดเรื่อยเปื่อยตลอดทั้งคืนเธอไม่ได้หลับตาเต็มตื่น คิดถึงแต่ไตรภาคินวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา เธอไม่อาจรู้เลยว่าหลังจากเขาได้อ่านกระดาษแผ่นนั้นแล้วจะเป็นอย่างไรและตั้งแต่รุ่งเช้าจนถึงตอนนี้เธอก็ไม่เจอเขาอีกเลย

“ลี่..”

เสียงเรียกชื่อไม่ได้ผ่านเข้าโสตประสาทเธอยังคงเหม่อลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ฝ่ามืออบอุ่นตบบ่าเบาๆ ให้หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นจากความคิดทั้งหลายอิทธิพลเลื่อนเก้าอี้พร้อมนั่งลงประจำที่ด้านข้าง

“อ้าวอิฐ..มาถึงตอนไหน”

“เมื่อกี้เหม่ออะไรอยู่ เรียกตั้งดัง ไม่ได้ยินเสียงอิฐหรือไง”

“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยหน่ะว่าแต่วิล่ะ”

นิลนรายกมือข้อมือดูหน้าปัดนาฬิกาเหลือเวลาอีกไม่มากที่จะพูดคุยกับเพื่อนสนิทเกี่ยวกับเรื่องติดค้างในใจ และเธอต้องรีบเดินทางต่อเพื่อเข้าทำงานให้ทันตามเวลาที่กำหนด

“เห็นวิว่าให้อิฐมารอนี่ก่อนแล้ววิจะตามมาทีหลัง”

“อืม”

“ลี่กับวิมีอะไรเคืองใจกันหรือไงทำไมต้องนัดมาเคลียร์แต่เช้าแบบนี้”

“อิฐ..ลี่ตัดสินใจแล้ว ลี่จะบอกความจริงให้ภายุรู้ ว่านิลคือลี่”

ความรู้สึกวูบไหวในอกข้างซ้ายใจหายวาบเมื่อได้ยินที่เธอเอ่ยบอก ยังไม่ทันได้รับคำตอบเกี่ยวกับสิ่งที่ถามไปแต่กลับเจอประโยคบอกเล่าที่หนักอึ้งจนเริ่มชาไปทั้งร่างกาย ไม่เข้าใจความคิดของเธอเลยเหตุใดจึงเปลี่ยนใจกะทันหันเช่นนี้

“นึกไงถึงอยากบอกความจริงให้มันรู้ไหนลี่ว่าจะไม่บอกไอ้วรรตไง”

“รูปที่อิฐเอาไปให้วิวาดเป็นรูปที่ภายุจ้างวาดใช่ไหม รูปนั้นคือรูปของลี่ ภายุยังไม่ลืมลี่ภายุยังคิดถึงลี่อยู่ตลอดเวลา ใช่ไหมอิฐ ภายุยังรักลี่อยู่”

“ลี่แน่ใจเหรอว่าไอ้วรรตมันยังไม่ลืมลี่จริงๆ”

“อิฐ..ทำไมนายพูดแบบนี้ ลี่ขอร้องตอนนี้อย่าเพิ่งมาแหย่เลยนะ ลี่ไม่มีอารมณ์เล่นด้วยหรอกปวดหัวจะแย่แล้ว”

อิทธิพลชะงักเสียงพูดจาไว้แค่ในลำคอสายตาคมเข้มเลื่อนมองเธอคล้ายค้นหาอะไรบางอย่างที่บ่งบอกออกมาบนวงหน้าหวานชัดเจน

“ลี่..ยังรักไอ้วรรตมันอยู่ใช่ไหม”

นิลนราจ้องมองเพื่อนสนิทสีหน้าเขาดูจริงจัง ไม่มีรอยยิ้มทะเล้นปรากฏให้เห็นเหมือนเช่นที่ผ่านมา เธอพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบคำถาม ก่อนจะได้พูดอะไรออกไปสาวมาดเซอร์วิ่งกระหืดกระหอบมาด้วยท่าทางรีบร้อนคล้ายมีเรื่องทุกข์ใจสาหัสบนสีหน้าวิตกกังวล

“รอนานไหมโทษทีรถติด”

“เป็นไงล่ะอิฐจะไปรับก็ไม่ให้อิฐไป”

“วิไม่คิดว่ารถจะติดตั้งแต่เช้าแบบนี้”

สาวมาดเซอร์ลากเก้าอี้นั่งพลางหายใจถี่รัวไล่ความเหนื่อยหอบ ก่อนส่งสายตาประหลาดใจมองยังเพื่อนสนิทที่น่าจะเป็นตัวการของเรื่องทั้งหมด

“ไอ้นิล..เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่ไตรโทรมาหาฉันแล้วก็พูดอะไรไม่รู้เรื่องก่อนตัดสายทิ้ง”

“สรุป..วิยังไม่รู้เรื่องใช่ไหม”

“ก็ใช่นะสิแกรู้ไหมฉันตกใจมาก อยู่ดีๆ พี่ไตรก็โทรมาโวยวายพูดว่าฉันบอกอะไรกับแก”

“วิ..รู้ใช่ไหมว่าเราคือลี่ ไม่ใช่นิล เรามีเรื่องบางอย่างที่ต้องบอกให้วิรับรู้แต่วิต้องสัญญามาก่อนว่าจะพูดความจริงกับเราทุกเรื่อง ทำได้หรือเปล่า”

วิภานีหันสายตามองอิทธิพลชั่วครู่งุนงงต่อสิ่งที่เพื่อนสนิทกำลังพูดถึง แต่เธอก็ยอมพยักหน้าตอบรับแต่โดยดีใจเต้นตึกตักต้องการรับรู้เรื่องราวทั้งหมด

“ได้ฉันรับปาก แกรีบบอกมา ฉันจะรอฟัง”

“วิเคยคบกับคุณไตรมาก่อนใช่ไหมแล้วคบกันในฐานะอะไร”

วิภานีนิ่งอึ้งช็อคไปชั่วขณะเมื่อได้ยินประโยคคำถาม สมองชาราวกับถูกก้อนหินยักษ์ทุ่มใส่นับครั้งไม่ถ้วนไม่ต่างจากอิทธิพลที่นั่งฟังนิ่งๆยังรู้สึกประหลาดใจอย่างมากเมื่อได้ยินประโยคที่เอ่ยออกจากปากนิลนรา

“แกรู้เรื่องนี้ได้ไง..”

“เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังวิตอบคำถามเรามาก่อน เล่ามาให้หมดทุกอย่าง ห้ามปิดบัง เราเชื่อว่านิลนราก็คงอยากรับรู้เรื่องนี้เหมือนกัน”

“ใช่..ฉันเคยคบกับพี่ไตร.. ในฐานะคนรัก ไม่มีใครรู้ถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งของเราทั้งคู่เวลาอยู่ด้วยกันเราสองคนจะรับรู้ว่าเราคือคนรักแต่พออยู่ต่อหน้าคนอื่นเราก็ทำเหมือนเราเป็นแค่พี่น้อง เป็นแค่เพื่อนสนิทกันเท่านั้น”

“เพราะอะไรทำไมวิกับคุณไตรถึงต้องทำแบบนี้”

“เพราะฉันรู้สึกว่าพี่ไตรยังไม่พร้อมจะคบกับฉันจริงจังณ ตอนนั้น”

“แต่วิยอมมีอะไรกับเขารักเขา แต่ไม่ต้องการผูดมัดเขา อย่างนั้นเหรอวิ”

“มันฟังดูตลกมากใช่ไหมแกแต่ฉันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันยอมทุกอย่างเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้กับเขา แต่ก็ไม่อยากผูกมัดเขาเอาไว้”

“แล้วคุณไตรมาคบกับนิลได้ยังไง”นิลนราถามต่อในสิ่งที่ยังค้างคา

“หลังจากที่นิลเจอกับพี่ไตรฉันก็สังเกตทั้งสองคนมาโดยตลอด ฉันเห็นว่าพี่ไตรแอบมีใจให้นิลแต่ไม่กล้าบอกตรงๆเพราะนิลเป็นเพื่อนรักของฉัน จนวันหนึ่งนิลเดินมาบอกฉันว่า นิลชอบพี่ไตรมากฉันรู้สึกได้เลยว่านั่นคือความรักครั้งแรกของนิลจริงๆนิลไม่เคยคบผู้ชายคนไหนมาก่อน ฉันไม่อยากให้นิลรับรู้เรื่องที่ฉันกับพี่ไตรคบกันไม่อยากให้นิลต้องเสียใจ เลยปิดบังเรื่องนั้นมาตลอด จนฉันถอยห่างออกมา แล้วปล่อยให้เขาสองคนได้รักกัน”

“วิบ้าไปแล้วหรือไงทำไมต้องทำร้ายตัวเองแบบนั้น หรือวิจะบอกว่าที่ผ่านมาวิไม่เคยรักคุณไตรเลย”

“ใช่..ฉันมันคงบ้าไปแล้วจริงๆ ทั้งที่รักเขาแทบตายแต่ฉันก็ทนเห็นนิลเสียใจไม่ได้เหมือนกัน แล้วแบบนี้จะให้ฉันเห็นแก่ตัว ยืนมองตัวเองมีความสุขได้ครอบครองคนที่รักทั้งที่เพื่อนสนิทก็รักเขาอย่างนั้นเหรอ หนำซ้ำพี่ไตรก็มีนิลอยู่ในใจเหมือนกันเพียงแค่ฉันถอยออกมาสักคนเรื่องทุกอย่างก็ลงเอยโดยที่ไม่ต้องเจ็บทุกฝ่าย”

“เจ็บสิวิ..นิลนราได้รับรู้เรื่องที่วิกับคุณไตรคบกันก่อนที่เธอจะประสบอุบัติเหตุ”

วิภานีนิ่งอึ้งมองเพื่อนตรงข้ามด้วยท่าทางตกตะลึงอย่างหนักเธอไม่คิดฝันมาก่อนว่าความลับเรื่องนี้จะถูกเปิดเผยนิลนราเล่าทุกอย่างตามที่ได้รับรู้มาจากกระดาษแผ่นนั้นให้วิภานีฟังทั้งหมด ดวงตาเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆพร้อมน้ำใสๆ คลอรื่นขอบตา จิตใจเจ็บรวดร้าวแทบแตกสลายเมื่อได้ฟังเรื่องราวจนจบ

“แก..เข้าใจฉันใช่ไหม ฉันไม่ได้อยากทำร้ายไอ้นิลมันเลย ฉันหวังดีกับมันจริงๆ นะแกเข้าใจใช่ไหม”

“...”นิลนราพยักหน้ารับรู้ เธอเข้าใจดีว่าวิภานีรักเพื่อนมากแค่ไหนแม้แต่คนรักเธอยังยอมสละได้เพียงต้องการให้เพื่อนมีความสุข โดยไม่ทันนึกถึงผลที่ตามมา

“แกรู้ไหมหากนิลรักใคร ต่อให้เป็นผู้ชายทั้งโลกฉันก็ยกให้ได้ ฉันยอมได้ทุกอย่าง แต่ทำไม..นิลต้องจากฉันไปด้วย ฉันไม่เข้าใจ ทำไมไอ้นิลมันถึงทิ้งฉันไปล่ะแก”

น้ำตาที่พยายามกักเก็บตอนนี้เอ่อล้นดวงตาไหลออกมาเป็นทาง ร่างกายสั่นสะอื้น ก้มหน้าปิดบังความอ่อนแอ นิลนราลุกเดินเข้าหาเพื่อนสนิทโอบกอด ตบหลังปลอบใจ ความลับที่มีถูกเปิดเผยจนคลี่คลาย เธอหวังเพียงให้วิญญาณของนิลนราได้รับรู้ความจริงและยอมจากไปยังที่สงบสุขเสียทีปล่อยให้คนที่ยังมีลมหายใจดำเนินชีวิตต่อไปตามเส้นทางที่เลือกเดิน

“วิ.. จะทำยังไงหลังจากนี้”

“ฉันไม่รู้..”

“อิฐขอบใจนะวิที่เราสองคนไม่หักหลังหัวใจตัวเอง อิฐนับถือวิมากเลยที่วิกล้ายอมรับความจริง”

อิทธิพลเปิดปากขึ้นมาบ้างหลังจากที่เงียบนิ่งเสียนานเขารู้สึกนับถือในความมั่นคงของผู้หญิง วิภานีคนที่เขาอยากเปิดใจคบหาทำให้เขาตาสว่างและรับรู้ว่าหัวใจที่มั่นคงในรักคือการเสียสละมากกว่าไขว้คว้าให้ได้มาครอบครอง วิภานีระบายยิ้มให้ชายหนุ่มก่อนหันมองเพื่อนสนิทด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา

“เพราะเรื่องนี้หรือเปล่าที่แกลองใจฉัน บอกว่าอยากจะคบกับอิฐ”

อิทธิพลทำหน้างุนงงเมื่อได้ยินชื่อตนเองในบทสนทนาพาสองสาวหลุดขำนิลนราพยักหน้าเบา

“นินทาอิฐระยะเผาขนเลยนะมีอะไรกันบอกอิฐมาเลย”

“เปล่านะไม่มีอะไรซะหน่อย นี่ใกล้ได้เวลาทำงานแล้ว เราไปก่อนนะไว้ว่างเมื่อไหร่ค่อยเจอกัน”

นิลนราหาหนทางหลีกเลี่ยงการสานต่อเรื่องราวที่อิทธิพลยังคงไม่เข้าใจชายหนุ่มหันเหมองวิภานีหาตัวช่วยเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวหนีเขาไปทำงาน หลังจากทิ้งปัญหาคาใจเอาไว้

“วิบอกมานินทาอะไรอิฐ”

“เอาล่ะๆเดี๋ยวอิฐจะอกแตกตายซะก่อน วิเล่าให้ฟังก็ได้หากฟังจบแล้วก็พาวิไปส่งที่ห้องภาพด้วยนะถือเป็นค่าตอบแทนที่วิเล่าเรื่องนี้ให้อิฐฟัง”

“ได้เลย”

ภายในร้านกาแฟถัดไปยังโต๊ะด้านข้างใครบางคนพับหนังสือพิมพ์ในมือวางลงบนโต๊ะทรงกลมก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารกดเบอร์ต่อสาย

“คุณธนน..ผมอยากรู้ข้อมูลวันที่ลี่ประสบอุบัติเหตุ ขอรายละเอียดและเอกสารเกี่ยวกับประวัติคู่กรณีทั้งหมดด่วนนะครับ”

จิตใจที่เคยเย็นชาจนเป็นน้ำแข็งเวลานี้เริ่มหลอมละลายเมื่อได้ยินเรื่องราวจากวงสนทนาโดยบังเอิญ เขาไม่ได้จงใจแอบฟังหรืออยากเข้าไปวุ่นวายชีวิตส่วนตัวของใครหากไม่เพราะเรื่องเหล่านั้นกล่าวอ้างถึงชื่อคนรักที่จากไป และสำคัญคือเพื่อนสนิทของเขาก็อยู่รวมในวงสนทนานั้นด้วยเช่นกันทั้งลี่และนิลมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรอีกเพียงไม่กี่อึดใจเขาจะได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากบุคคลผู้ซึ่งถูกไหว้วานให้รับหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับอุบัติเหตุในวันนั้น

โต๊ะทำงานสะอาดสะอ้าดถูกยึดพื้นที่ตรงกลางด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาหน้าจอเปิดสว่างพร้อมใช้งาน แต่ดูเหมือนมันจะเปิดทิ้งไว้เสียมากกว่าได้ใช้ทำงาน เนื่องจากเจ้าของโต๊ะนั่งเหม่อลอยมีความคิดหลากหลายเรื่องราววนเวียนในสมอง ทั้งเรื่องของตนเองและบุคคลรอบข้าง นิลนราคิดย้อนถึงค่ำคืนที่ผ่านมารอยสัมผัสต่างๆ ที่ไตรภาคินฝากไว้ทำให้เธอหวาดกลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับเขาแต่เธอกลับคิดถึงเขา คิดถึงเรื่องราวชีวิตหลังจากนี้แม้เขาจะยังไม่ปักใจเชื่อว่าเธอไม่ใช่นิลนรา แต่กระดาษโน้ตแผ่นนั้นอาจพอจะช่วยยืนยันว่าทุกสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง

“นังนิล..”

“...”

“นังนิล!”

เจ้าของชื่อหันสายตามองยังหญิงสาวปากแดงที่ยืนกอดอกวางท่ามาดผู้ดีรออยู่เบื้องหน้าด้วยเสียงเรียกที่ดังพอสมควรทำให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นหันความสนใจมาหาและมองดูอยู่ห่างๆ

“คุณตรีมีอะไรกับฉันคะ”

“ฉันจะมาบอกแกว่าตั้งแต่วันนี้แกไม่ต้องเข้าไปนั่งทำงานในห้องบอสอีกแล้วนะ ส่วนงานที่แกยังทำไม่เสร็จฉันจะจัดการต่อเอง”

“คุณวรรตเป็นเจ้านายฉันนะคะฉันจะรอฟังคำสั่งจากคุณวรรตคนเดียว”

“นี่แก!”

“...”

เสียงแหลมเปล่งดังขึ้นทำให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นหันมองอย่างสนใจเพิ่มมากขึ้นตรีชาดาสัมผัสได้ถึงดวงตาหลายคู่จับจ้องมา ทำให้เธอต้องเปลี่ยนท่าทีลดอารมณ์ขัดใจลงเลขาสาวขยับเดินเข้าใกล้พร้อมนำมือสองข้างท้าวโต๊ะทำงานไว้ ค่อยๆโปรยยิ้มหวานทั้งที่ยังกัดฟันพูดต่อ

“ฉันหวังดีกับแกนะจะได้ไม่ต้องทำงานเหนื่อยไงล่ะ ไม่ชอบหรือไง ส่วนบอส ฉันจะบอกเขาให้เอง”

เสียงแหลมเมื่อครู่แผ่วเบาลงกว่าครึ่ง พานิลนราหลุดขำรู้สึกไม่อยากถือสาอารมณ์แปรปรวนของผู้หญิงตรงหน้าจากที่ได้สัมผัสและรู้จักนิสัยใจคอของตรีชาดา ดูเธอจะเป็นหญิงสาวที่มีปมด้อย ด้วยความเอาแต่ใจดื้อรัน ไม่ยอมใครคงทำให้เธอไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้หรือคบหาเป็นเพื่อนสนิทสักเท่าไหร่จากที่เคยโกรธเคืองเวลานี้หลงเหลือเพียงความเวทนาสงสาร ในสิ่งที่เธอพยายามแสดงออกให้เห็นถึงข้อด้อยของตนเอง

“ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะคะไว้ฉันถามคุณวรรตก่อนแล้วกัน หากฉันขนย้ายงานมาทำด้านนอกได้ฉันจะไม่เข้าไปวุ่นวายในห้องนั้นอีก”

“นี่แกพูดจริงเหรอ”

“ค่ะฉันว่าคุณกลับไปทำงานให้สบายใจดีกว่านะคะ”

ตรีชาดาดีอกดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อเห็นคู่อริยอมถอยหลังไม่กล้าสู้รบปรบมือกับเธอหนทางแห่งชัยชนะรออยู่เบื้องหน้าเธอนี่เองเลขาสาวก้าวเดินกลับยังโต๊ะทำงานด้วยความรู้สึกภูมิใจหนักหนา คงสงบศึกได้ชั่วคราว และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตรีชาดาจะหาเรื่องกัดจิกเธออีกนิลนราได้แต่ถอนใจเบาๆ

“นิลพี่ว่าแม่เลขาเริ่มระแวงนิลกับคุณวรรตแล้วแน่ๆ”

“ระแวงอะไรกันพี่ภัส”

“จากที่พี่สังเกตคุณวรรตไม่ค่อยพูดจาหรือสุงสิงกับพนักงานหญิงคนไหน แต่กับนิลดูจะพิเศษกว่าคนอื่นได้เข้าไปทำงานในห้องผู้บริหาร ตรีชาดาถึงได้เดินมาก่อกวนนิลถึงที่น่ะสิ”

“ไม่หรอกมั้งพี่จริงๆ คุณตรีเธอไม่ชอบนิลมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะนิลคงเกิดมาเป็นมารขวางทางเธอกับเพื่อนเธอมากกว่า”

“เอ..แต่พี่ก็ยังเห็นคุณวรรตแปลกไปอยู่ดี หรือพี่คิดไปเอง งั้นช่างมันเถอะ อย่าสนใจเลยทำงานต่อดีกว่า”

“ค่ะพี่”

ประภัสปล่อยประโยคชวนคิดให้คนฟังคิดตามกับคำว่าแปลก หากให้เทียบกับความรู้สึกของเธอถือว่าเป็นเรื่องปกติมากสำหรับการวางตัวที่ภายุวรรตแสดงออก เพราะถึงอย่างไรเขาและเธอยังคงห่างไกลเกินกว่าจะเข้าใกล้อยู่ดี

“นิล..พี่วานหยิบแฟ้มประจำเดือนในห้องเก็บเอกสารได้หรือเปล่า พอดีพี่ติดสาย” ประภัสนำมือปิดปากกระบอกโทรศัพท์ไม่ให้ปลายสายได้ยินเสียงสนทนา

“ได้สิพี่ภัส”

“อยู่ชั้นบนสุดตู้แรกนะ”

“ค่ะเดี๋ยวนิลไปเอามาให้นะ”

นิลนราลุกเดินตามคำไหว้วานของหัวหน้างานห้องเก็บเอกสารคือที่หมายปลายทาง สายตากวาดมองด้านบนไล่ดูแฟ้มเอกสารจนเจอเล่มที่ต้องการร่างบอบบางเขย่งกายเอื้อมสุดแขน แต่แฟ้มเอกสารมันอยู่สูงเสียเหลือเกิน เธอหันมองหาตัวช่วยรอบบริเวณไม่เห็นทั้งเก้าอี้หรือบันได ลมหายใจถูกสูดเข้าปอดรวบรวมพลังอีกครั้ง ร่างบางเขย่งยืดสุดกำลังพร้อมแขนชูเกี่ยวดึงแฟ้มให้ขยับออกมาเรื่อยๆ

“ทำไมไม่หาคนช่วย”

เสียงละมุนดังใกล้ใบหูพาจิตใจเต้นรัวเธอจำได้ในทันทีว่าเสียงที่ได้ยินเป็นของใคร แฟ้มเอกสารถูกฝ่ามือใหญ่ดึงถือเอาไว้ความอบอุ่นจากลมหายใจรดรินข้างแก้มนวลเนียน นิลนราค่อยๆ หันกลับพบว่าร่างกายของเธอเองอยู่ระหว่างแขนสองข้างของภายุวรรตใบหน้าร้อนวูบวาบได้แต่หลบตาลงต่ำไม่กล้าสู้หน้าเขา หญิงสาวพยายามควบคุมจิตใจที่เต้นโครมครามให้เป็นปกติก่อนที่มันจะทะลุออกมานอกอกสองมือยกรับแฟ้มที่เขาส่งให้ถือไว้อีกทอดหนึ่ง

“ขะขอบคุณค่ะ”

“เอื้อมไม่ถึงแล้วทำเป็นเก่ง”

เสียงกระซิบแผ่วเบาภายุวรรตหันหลังกลับเมื่อแฟ้มถูกส่งต่อเรียบร้อยแล้วในน้ำเสียงเนิบเรียบและท่าทางนิ่งเฉยกลับทำให้จิตใจของเธอสั่นไหวอยากดึงรั้งเขาเอาไว้ ต่อเวลาให้ได้อยู่ใกล้กันอีกสักหน่อยคงดี

“เอ่อ..คุณวรรต”

“ว่าไง”เจ้านายหนุ่มชะงักฝีเท้าหยุดยืนนิ่งก่อนจะหันกลับมามองพนักงานสาวอีกครั้ง

“ฉันขอเอางานในห้องออกมาทำที่โต๊ะด้านนอกได้หรือเปล่าคะ”

“อืมตรีบอกผมแล้วเหมือนกัน คุณคงไม่อยากเข้าไปนั่งในห้องนั้น ยังไงก็รอตอนเย็นแล้วกัน วันนี้ผมขอหาข้อมูลอีกหน่อย”

“คือฉันไม่อยากมีปัญหากับเลขาของคุณค่ะหากคุณได้ข้อมูลเรียบร้อยแล้วช่วยแจ้งฉันด้วยนะคะ แล้วฉันจะเข้าไปขนเอกสารออกมา”

ความเจ็บแปลบวิ่งพล่านในอกไม่ใช่ไม่อยากเข้าไปอยู่ร่วมห้องทำงาน ความใกล้ชิดกับเขาเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยต่อกำลังใจให้เธอมีเรี่ยวแรงสู้กับโชคชะตาที่กำลังกลั่นแกล้งจนเริ่มหมดหวังนิลนราได้แต่มองดูเบื้องหลังของภายุวรรตที่เดินจากและห่างออกไปทุกทีลมหายใจถูกทอดถอนก่อนก้มลงมาบอกแฟ้มเอกสารในมือ ความอบอุ่นของลมหายใจที่เขาทิ้งรอยสัมผัสเอาไว้กลับยิ่งทำให้เธอเจ็บปวดใกล้กันเพียงแค่นี้แต่ไม่อาจเปิดปากบอกได้ว่าเธอคือใคร สองเท้าค่อยๆเยื้องย่างกลับยังโต๊ะทำงานเมื่อนึกขึ้นได้ว่าประภัสกำลังรอสิ่งของที่เธอถือครองมันไว้

มีต่อด้านล่างค่ะ




Create Date : 21 มีนาคม 2556
Last Update : 21 มีนาคม 2556 19:31:21 น.
Counter : 530 Pageviews.

5 comments
  
ดวงตะวันคล้อยต่ำเกือบลาลับขอบฟ้าเต็มที รถยนต์จอดสนิทหน้าบ้านหลังคุ้นเคย คนตัวสูงก้าวลงจากรถและเดินต่อเข้ายังเขตที่พักอาศัย หญิงวัยกลางคนส่งยิ้มพร้อมเปิดประตูรอต้อนรับลูกเขยเข้าภายใน ระยะหลังมานี้ไตรภาคินแวะเวียนมานอนกับหม่อนไหมบ่อยครั้ง แต่ที่น่าแปลกคือเขามาคนเดียวไม่มีนิลนราติดตามมาด้วย สิ่งเดียวที่ทำให้นึกได้คงเพราะปัญหาระหว่างลิ้นกับฟันมีกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดาของคู่สามีภรรยาเมื่ออยู่ใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายปี คงไม่ราบรื่นเสียทีเดียว

“ไม่ได้ไปรับนิลหรือไตร”

“วันนี้ไม่ได้ไปรับครับ แต่นัดกันไว้ทุ่มครึ่งที่โรงพยาบาลครับแม่”

“ใช่สิ วันนี้หมอนัดเอาเฝือกหม่อนไหมออกนี่”

“ครับ ผมโทรบอกนิลเมื่อครู่ เดี๋ยวคงไปเจอกันที่โน้น”

“พ่อไตรคะ..”

“ว่าไงครับน้องไหม”

คนตัวสูงเดินเข้าหาลูกสาวพร้อมอุ้มหม่อนไหมลอยขึ้นจากพื้นเข้าสู่อ้อมแขนแข็งแรง จมูกฝังลงยังแก้มนุ่มนิ่มของเด็กหญิงตัวน้อย หอมฟอดใหญ่ด้วยแรงคิดถึง ไตรภาคินพาหม่อนไหมออกมาเดินเล่นยังลานสนามหญ้า ให้เด็กน้อยได้เปิดหูเปิดตาไม่อุดอู้อยู่แต่ในบ้าน

“ทำไมแม่นิลไม่มาด้วยล่ะคะพ่อไตร”

“แม่นิลทำงานครับ เดี๋ยววันนี้น้องไหมไปถอดเฝือก น้องไหมก็จะได้เจอแม่นิลที่โรงพยาบาลแล้วนะครับ”

“ค่ะ”

ไตรภาคินพยายามฝืนยิ้มให้ลูกสาวในอ้อมแขน พร้อมประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากน้อยๆ หากเรื่องที่หวั่นใจเป็นจริงขึ้นมา เขาและลูกจะอยู่อย่างไร หากต้องขาดคนรักไปอย่างไม่มีวันได้พบเจอกันอีกแล้ว

“น้องไหมครับ หากวันหนึ่งไม่มีแม่นิลอยู่กับเราแล้ว น้องไหมจะเสียใจหรือเปล่า”

“แม่นิลจะไปไหนคะ ถึงไม่ได้อยู่กับเรา”

“แม่นิลอาจไปอยู่ในที่ไกลมากจนกลับมาหาพวกเราไม่ได้”

“ไม่เอาค่ะ หม่อนไหมไม่ให้แม่นิลไปไหน แม่นิลต้องอยู่กับหม่อนไหมแล้วก็พ่อไตรนะคะ”

“แล้วที่น้องไหมเคยบอกว่าแม่นิลผมยาวมาหา เดี๋ยวนี้น้องไหมยังเห็นแม่นิลผมยาวมาอีกไหมครับ”

“มาค่ะ แม่นิลมาหาหม่อนไหมทุกวันเลยเวลาดึกๆ แม่นิลมาอยู่ตรงหน้าประตูแล้วแม่นิลก็ร้องไห้ แม่นิลเป็นอะไรคะพ่อไตร ทำไมแม่นิลต้องร้องไห้ด้วย”

ดวงตาคมเข้มแดงก่ำ พยายามสะกดความหวั่นไหวไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เขากระชับอ้อมแขนโอบกอดร่างเล็กไว้แนบแน่น

“แม่นิลคิดถึงน้องไหมไงครับ แม่นิลเลยร้องไห้”

หลังจากนี้เขาคงต้องทำใจยอมรับว่าผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันทุกวันนี้เป็นแค่คนอื่น และแม่นิลที่หม่อนไหมเห็นทุกคืนคือภรรยาของเขา เธอยังคงห่วงใยและคอยวนเวียนเพื่อดูแลครอบครัวที่ยังรักและคิดถึง แม้จะเป็นเพียงดวงวิญญาณก็ตาม ‘หากที่น้องไหมเห็นเป็นคุณจริงๆ ผมอยากเจอคุณนะนิล ผมคิดถึงคุณ’


นาฬิกาบนผนังกำแพงขาวสว่าง มองเห็นเข็มที่หน้าปัดหมุนวนเกือบครบรอบ เหลืออีกไม่กี่นาทีจะถึงเวลาหนึ่งทุ่มตรง หากมองไปรอบกายเพื่อนร่วมงานเริ่มเหลือน้อยเต็มที

“นิลยังไม่กลับหรือจ๊ะ พี่ภัสกลับไปนานแล้วนะ”

“ใกล้แล้วล่ะ กลับบ้านดีๆ นะดา”

“กลับไวๆ นะ มืดค่ำแล้วอันตราย”

“อืม ขอบใจนะ เดี๋ยวเราก็กลับแล้วเหมือนกัน”

“ไว้พรุ่งนี้เจอกันนะนิล”

วงหน้าหวานพยักรับพร้อมส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมงานที่เดินจากไป นิลนราบิดกายลุกขึ้นยืนยืดแข้งยืดขา มือคว้าหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะทำงานเตรียมเดินไปทำภารกิจส่วนตัว ระหว่างก้าวเดิน เพื่อนร่วมงานคนเดิมกลับมาหาเธออีกครั้งดูสีหน้าร้อนรนชอบกล

“กลับมาอีกทำไมดา ลืมของเหรอ”

“เปล่า.. เมื่อกี้ดาสวนกับบอส เขาให้มาเรียกนิลไปหาที่ห้อง”

“อืม ขอบใจนะที่อุตส่าห์มาบอก”

“รีบไปนะ บอสทำท่านิ่งๆ ไม่รู้อารมณ์ไหน ไปช้าเดี๋ยวนิลจะโดนดุ”

ทันทีที่หมดธุระเพื่อนร่วมงานสาวรีบจ้ำพรวดตรงดิ่งยังหน้าลิฟต์ทันที ปล่อยให้นิลนรายืนนิ่งคิดชั่วครู่ก่อนจะก้าวเดินทำภารกิจตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก


โต๊ะประจำตำแหน่งเลขาสาวว่างเปล่า ไม่มีหญิงงามทรวดทรงดีนั่งเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัย ทำให้คนเดินผ่านรู้สึกโล่งใจ เมื่อรู้ว่าไม่ต้องเผชิญกับหางตาที่ชอบเหยียดมองจนตาแทบพลิกกลับด้าน หรือจ้องแต่จะปะทะฝีปากใส่กันคล้ายเป็นศัตรูมากกว่าเพื่อนร่วมงาน

ประตูถูกเคาะเพื่อบอกให้คนภายในห้องรับรู้ถึงการมาเยือน เสียงแว่วเล็ดรอดออกมาเพื่ออนุญาตเชิญให้เข้าด้านใน นิลนราก้าวเข้าห้องทำงานเงียบสงบไร้เสียงใดรบกวน แสงไฟสว่างไสวสาดส่องมองเห็นภายในห้องชัดเจน เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาเยือนห้องนี้ในเวลาค่ำคืน

“ฉันขนเอกสารออกไปที่โต๊ะได้แล้วใช่ไหมคะ”

“อืม.. เรียบร้อยแล้ว ฝากคุณทำต่อด้วยนะ”

นิลนราหันมองเจ้านายที่มองมายังเธอเช่นกัน ทุกครั้งเขามองแล้วจะเลยผ่านไป แต่วันนี้กลับแปลกไปเนื่องจากเขาจ้องมองโดยไม่ละสายตา นิลนราเกิดความประหม่าเริ่มออกอาการสั่นไหว สายตาที่มองมาราวกับคาดคั้นหาความจริงอะไรสักอย่าง ไม่มีการพูดจา ไม่มีรอยยิ้ม มีเพียงความเฉยชาที่บาดลึกจนเจ็บในใจ

“ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ ทำไมคุณถึงมองฉันแบบนั้น”

“คุณมีอะไรอยากบอกผมหรือเปล่า”

“อะไรคะ..”

“ผมรู้สึกว่าคุณมีบางอย่างอยากบอกผม”

ประโยคเปิดทาง เธอไม่คิดว่าเขาจะสัมผัสได้ว่าเธอมีบางอย่างอยากบอกกับเขาจริงๆ นิลนราเกิดความตื่นเต้น มือเย็นเฉียบ รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย เธอพยายามกลั้นใจตั้งสติ รวบรวมความกล้าบอกในสิ่งที่ไม่อยากปิดบังอีกต่อไป ถึงแม้หลังจากนี้เขาจะมีท่าทีอย่างไร เธอก็จะยอมรับความจริงทุกประการ ไม่ว่าจะ สุข เศร้า เสียใจแค่ไหนก็ตาม

“ค่ะ ฉันมีเรื่องบอกคุณจริงๆ”

ภายุวรรตนิ่งเงียบ เขาลุกยืนเต็มความสูงก้าวเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้าพนักงานสาว รอคอยเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่เธอพยายามจะบอกให้เขาได้รับรู้

“ฉันพยายามจะบอกกับคุณหลายครั้งแต่ไม่มีโอกาส คุณคงไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันจะบอกต่อไปนี้ และไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ฉันก็อยากบอกให้คุณได้รับรู้เอาไว้”

“คุณมีอะไรก็ว่ามา นี่ดึกมากแล้ว ผมไม่อยากเสียเวลา หากสิ่งที่คุณกำลังจะบอกเป็นเรื่องไร้สาระ”

“เรื่องนี้มันอาจไร้สาระกับคุณก็ได้ค่ะ”

“...”

“ฉันไม่อยากให้คุณมองเห็นฉันในร่างกายนี้ ฉันอยากให้คุณรับรู้และสัมผัสถึงตัวตนที่แท้จริงของฉัน คุณช่วยหลับตาได้ไหมคะ”

“...” ภายุวรรตตกตะลึงเล็กน้อยในสิ่งที่เธอให้กระทำ แต่ทว่าเขาก็อยากรับรู้ในสิ่งที่เธอต้องการบอกเช่นกัน และเขายอมหลับตาแต่โดยดี ลองดูสักตั้งเธอต้องการอะไรจากเขากันแน่ ร่างอ้อนแอ้นก้าวเดินเข้าใกล้เจ้านายหนุ่มที่ปิดเปลือกตาสนิทตามที่เธอต้องการ มือบอบบางยื่นแตะอกแกร่งทาบสัมผัสเบาๆ ไร้การพูดจาใดๆ บรรยากาศยังคงสงบนิ่ง มีเพียงไออุ่นจากมือบองบางวิ่งผ่านทะลุผิวหนังเข้าสู่หัวใจ ความอบอุ่นวิ่งวนจนจิตใจเริ่มเต้นรัว

“ภายุ.. ลี่คิดถึงคุณค่ะ”

น้ำเสียงเปล่งผ่านลำคอแผ่วเบาราวกระซิบ แต่มันกลับดังสะท้านกึกก้องในโสตประสาท ร่างทั้งร่างชาวาบราวกับถูกแช่แข็ง เย็นเยือกถึงขั้วหัวใจ เนิ่นนานเพียงใดที่ไม่เคยมีใครเรียกชื่อนี้ ใจแกร่งเต้นโครมคราม มือไม้สั่นไหว ค่อยๆ ยกขึ้นกุมจับมือบางไว้ชั่วครู่ เกิดความรู้สึกหลากหลาย ทั้งคิดถึง ทั้งห่วงใย ภาพความทรงจำเก่าๆ กลับมายืนในจิตใจอีกครั้งหลังจากสิ่งเหล่านั้นถูกสะกดอยู่ลึกจมก้นบึ้งในใจ

ภายุวรรตถอนใจตัดอารมณ์หวั่นไหวทิ้งก่อนจะหลงเคลิ้มเพ้อฝันไปใหญ่ มือบางของหญิงสาวถูกกำบีบไว้แน่นก่อนเขาจะดึงออกจนพ้นจากร่างกาย เปลือกตาเปิดมองคนตรงหน้าด้วยสายตาดุดัน

“คุณกำลังจะทำอะไร และคุณรู้จักชื่อนี้ได้ยังไง ไม่เคยมีใครเรียกผมแบบนี้”

“ลี่ค่ะ ลี่เคยเรียกคุณแบบนี้”

“นิลนรา คุณมีสิทธิ์อะไรถึงพูดชื่อนี้”

ต่อให้เธอคนนี้เคยทำให้เขาไหวหวั่นแค่ไหน ถึงเธอจะดูคล้ายกับคนรักของเขาเพียงใด แต่เธอก็ไม่ควรเอาคนรักของเขามาล้อเล่นแบบนี้ ประโยคบันดาลโทสะสร้างความโกรธเคืองหนักหนา นี่เธอกล้าดีอย่างไรถึงปั่นหัวเขาให้เกิดความสับสนวุ่นวายใจ

“ลี่อยากให้คุณรู้ ว่าลี่อยู่ตรงนี้”

“ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร และใครเล่าเรื่องราวของผมให้คุณฟัง แต่ผมขอเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้าย หยุดพูดเรื่องนี้ หยุดบอกว่าคุณคือลี่ ต่อให้คุณพยายามแค่ไหน คุณก็ไม่มีทางแทนคนรักของผมได้ ผมไม่ต้องการอยากได้ตัวแทน แล้วอีกอย่าง คุณยังคงสำคัญกับสามีและลูก พวกเขายังต้องการคุณอยู่นะนิลนรา”

“ต่อให้ใครกี่คนจะเห็นว่าลี่สำคัญ แต่สำหรับลี่คุณคนเดียวที่สำคัญ หรือต่อให้คนทั้งโลกต้องการลี่ แต่ลี่ต้องการแค่คุณคนเดียว ได้ยินไหมภายุ ลี่ต้องการแค่คุณคนเดียว”

“ขอโทษนะครับ ที่ผมสนองความต้องการของคุณไม่ได้ ผู้หญิงที่ผมจะรักไปจนตาย มีแค่ลี่ เธอเป็นคนเดียวที่ผมจะรักเท่านั้น”

ร่างสูงหันหลังเดินจากไป เขาไม่เหลียวแลหญิงสาวที่ยืนหลั่งน้ำตาเป็นสายน้ำ ปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรงพยายามสะกดอารมณ์เจ็บปวดไว้ภายใน นิลนราฝืนกลืนก้อนจุกอกลงคอ แต่ในที่สุดเธอก็แพ้ความรวดร้าวที่เข้ายึดพื้นที่ในหัวใจกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

“ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจว่าลี่อยู่ตรงนี้ ลี่คิดถึงคุณ ลี่ต้องการมีคุณอยู่เคียงข้าง คอยเป็นกำลังใจเวลาที่ลี่รู้สึกท้อแท้ ลี่ไม่อยากต่อสู้กับโชคชะตาบ้าๆ นี่อีกแล้ว”

น้ำตาไหลเอ่อรดมือที่ยกกุมปิดใบหน้า เสียงร่ำไห้สะอื้นภายใต้มือบอบบางคู่นั้น เจ็บปวดและรวดร้าว จบสิ้นแล้วกับความหวัง ที่เธอเป็นคนทำให้มันพังทลายด้วยการบอกความจริง

โปรดติดตามตอนต่อไป
โดย: มาโซคิส วันที่: 21 มีนาคม 2556 เวลา:19:33:32 น.
  
แวะมาเยี่ยมยามค่ำคืน...สวัสดีครับ

มาติดตาม ห้วงพันธนาการ บทที่ 20 ด้วยครับ
โดย: **mp5** วันที่: 21 มีนาคม 2556 เวลา:22:26:20 น.
  
ขอบคุณนะคะ คุณเอ็ม
โดย: มาโซคิส IP: 124.121.67.149 วันที่: 22 มีนาคม 2556 เวลา:19:42:56 น.
  
ไม่ได้เข้ามาวันนึง อัพตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย ^^

รอตอนใหม่วันอาทิตย์นะคะ

เดาใจพี่มาโซย๊ากยาก นุ่นว่าให้ต่างคนต่างไปเลย ถ้าไตรคู่วิ นุ่นไม่ยอมจริงๆ 555+



โดย: lovereason วันที่: 23 มีนาคม 2556 เวลา:2:00:23 น.
  
อ๊ายยย เดาไม่ยากเลยนะ นู๋นุ่นก็เดาถูก อิอิ รออ่านนะคะ
โดย: มาโซคิส IP: 115.67.2.246 วันที่: 23 มีนาคม 2556 เวลา:8:24:29 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments