มีนาคม 2556

 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
25
26
28
29
30
 
 
All Blog
ห้วงพันธนาการ บทที่ 15

Chapter 15

ลานจอดรถกว้างขวางเริ่มมีพื้นที่ว่างมากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากพนักงานของบริษัทใหญ่โตต่างฝ่ายต่างทยอยพากันกลับหลังจากหมดเวลาไปกับหน้าที่การงานประจำวันไตรภาคินดับเครื่องยนต์ เปิดกระจกรถเพื่อรับอากาศถ่ายเท และรอคอยภรรยาเลิกงานพร้อมรับกลับบ้านแขนสองข้างวางพาดบนพวงมาลัยพลางขยับกายนำคางเกยทับด้านบนอีกทอดหนึ่ง สายตามองยังหน้าตึกสำนักงานเห็นผู้คนเรียงรายออกมาเป็นระยะผ่านไปเพียงไม่นานบุคคลที่รอคอยค่อยๆ ย่างกรายออกมาพร้อมหญิงสาวอีกสองสามคน ทั้งหมดพูดจาส่งยิ้มให้กันอย่างสนิทสนมก่อนแยกย้ายโบกมือร่ำลานิลนราก้มดูนาฬิกาข้อมือก่อนเงยหน้ามองหารถยนต์คันคุ้นตารอบบริเวณลานจอดตามที่ได้นัดหมายเอาไว้เสียงแตรเตือนดังส่งสัญญาณให้เธอรับรู้และก้าวเดินเข้าหา

“มารอนานหรือยังคะ”

“ผมเพิ่งมาถึงยังไม่สิบนาทีเลยมั้ง”

นิลนราก้าวขึ้นประจำที่นั่งด้านข้างคนขับพร้อมรถยนต์ถูกสตาร์ทเครื่องออกตัวมุ่งหน้าสู่ถนนหลักเพื่อเดินทางกลับยังที่พักอาศัยระหว่างทางสองสามีภรรยามีเรื่องให้พูดคุยถามไถ่เกี่ยวกับการทำงานวันแรกของเธอนิลนราออกอาการตื่นเต้นไปกับการเล่าเรื่องราวและประสบการณ์แปลกใหม่เกี่ยวกับการทำงานโดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มอ่อนหวานสะกดจิตใจและสายตาของไตรภาคินให้คอยหันมองเป็นระยะตลอดเวลาระหว่างขับรถเขารู้สึกหลงใหลไปกับวงหน้าหวานที่รับกับผมทรงใหม่ของภรรยาเป็นอย่างยิ่ง

“เดี๋ยวไปหาน้องไหมนะคะไม่รู้วันนี้งอแงบ้างหรือเปล่า”

“คุณเข้ากับน้องไหมได้แบบนี้ทำให้ผมหมดห่วงเลยรู้ไหมนิล ผมยังจำวันแรกที่คุณฟื้นขึ้นมาแล้วจำใครไม่ได้เลย อย่างกับเรื่องมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เองตอนนั้นผมรู้สึกแย่และท้อแท้มาก”

นิลนรานั่งฟังทุกเรื่องราวอย่างนิ่งสงบและพยายามคิดตามเหตุการณ์วันนั้นวันที่เกิดโศกนาฏกรรมทำให้เธอกลายเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวของตัวเอง ดวงตากลมโตปรายหางตามองคนด้านข้างที่เล่าไปยิ้มไปตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็นานหลายเดือน เขาคงเริ่มคุ้นชินกับสถานการณ์รอบตัวไม่มากก็น้อยพอๆ กับความรู้สึกของเธอ

รถยนต์ถึงที่หมายปลายทางพร้อมสองสามีภรรยาเดินเข้าที่พักอาศัยเพื่อทักทายลูกสาวที่รอคอยพบเจอทั้งสองกลับจากทำงานอย่างใจจดใจจ่ออาหารเย็นจัดวางเต็มโต๊ะพร้อมรับประทาน ในครอบครัวที่ไม่ถึงกับใหญ่โตมากมายแต่กลับอบอุ่นมากมายจากที่ได้สัมผัสนิลนราช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีและมีความสุขอย่างมหาศาลตามความคิดของลี่ความรู้สึกดีๆ เหล่านี้ที่ได้รับ ทำให้เธอคิดย้อนกลับไปถึงมารดาของตนเอง ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างคิดถึงและอยากพบเจอเหลือเกิน

“น้องไหมหลับแล้วเรากลับกันดีกว่านะนิล นี่ก็เกือบสองทุ่มแล้ว”

ไตรภาคินเอ่ยชวนภรรยาเมื่อจับร่างเล็กของเด็กหญิงตัวน้อยวางลงบนเตียงนุ่มพร้อมดึงผ้าขึ้นห่มกายให้อย่างเรียบร้อยนิลนราเงียบนิ่งพร้อมใช้ความคิดพยายามหาทางหลีกเลี่ยงหากต้องกลับไปอยู่กับเขาที่บ้านตามลำพังสองต่อสอง

“เอ่อ..เราไม่นอนกันที่นี่เหรอคะ เดี๋ยวน้องไหมตื่นมาไม่เจอใคร แกคงจะงอแง”

“เดี๋ยวคุณแม่ก็ขึ้นมานอนเฝ้าส่วนเสื้อผ้าสำรองที่เอามาก็หมดตู้แล้วนะยังไงวันนี้คงต้องกลับไปนอนบ้านโน้นซักคืน ผมสัญญาว่าพรุ่งนี้ผมกับคุณจะได้นอนกับน้องไหม”

คงหมดหนทางปฏิเสธได้อีกแล้วจริงอย่างเขาว่าไว้เสื้อผ้าที่เตรียมไว้สำหรับใส่วันพรุ่งนี้ไม่หลงเหลือให้ใช้สอยทั้งเขาและเธอนิลนราพยายามปลอบใจตนเอง คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่เธอกำลังวิตกกังวลหรือหากจำเป็นต้องเจอะเจอเธอคงทำใจให้แข็งพอ ไม่ยอมหวั่นไหวไปกับชายหนุ่มที่ดีแสนดีกับเธอไปเสียทุกอย่างเพราะต้องรับบทเป็นนิลนรามากเกินไป ในบางครั้งเธอยังรู้สึกว่าตนเองเกือบจะกลายเป็นนิลนราไปแล้วจริงๆ

ข้าวของสัมภาระพะรุงพะรังเต็มสองมือถูกชายหญิงสองคนขนลงจากท้ายรถยนต์และช่วยกันย้ายสิ่งของเหล่านั้นเข้าจัดเก็บประจำที่ทางอย่างร่วมแรงแข็งขันเครื่องใช้จำเป็นในครัวเรือนที่ซื้อมาใหม่ถูกวางแทนที่ของเก่าจนครบหมดทุกชิ้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเสื้อผ้าถูกหอบวางพาดบนราวแขวนผ้า เตรียมรีดไว้ใช้งานสำหรับวันรุ่งขึ้นนิลนราจับที่รีดผ้ากางวางก่อนลงมือนำเตารีดเสียบปลั๊กรอจนเกิดความร้อนเพื่อถูลงบนเสื้อผ้าถัดไปไม่ไกลกันเท่าไหร่ไตรภาคินล้วงมือลงรื้อค้นสิ่งของส่วนตัวของภรรยาในถุงกระดาษของห้างสรรพสินค้าสำรวจตรวจตรา

“ดีนะที่ตัดสินใจแวะซื้อของเข้าบ้านรู้สึกจะหมดทุกอย่าง เกือบไม่มีใช้แล้วสิ”

“ใช่ค่ะยังดีที่คุณคิดได้ทัน ฉันเลยพลอยได้ของใช้ส่วนตัวมาเยอะเลย”

“ว่าแต่ของที่ซื้อมาชอบจริงๆงั้นเหรอนิล ผมว่าคุณไม่ชอบแต่งหน้านะ วันนี้เกิดนึกอะไรขึ้นมาซื้อเครื่องสำอางมาใช้แบบนี้”

“คุณไม่รู้อะไรฉันชอบแต่งหน้ามากเลยนะ ฉันว่ามันเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง สนุกดีออกกับการบรรเลงสีสันบนใบหน้า”

“สงสัยคุณคงจะอยู่กับวิมากเกินไปแล้วนะนิล”

มือบางหมุนหรี่ความร้อนและจับเตารีดตั้งตรงที่พักเพื่อหยิบไม้แขวนสอดใส่เข้าในเสื้อเชิ้ตผ้าเนื้อดีพร้อมนำมันแขวนไว้บนราวเมื่อผ่านการรีดจนเรียบกริบไตรภาคินละความสนใจจากถุงเครื่องสำอางก้าวเดินหาภรรยาพลางยกมือโอบรอบเอวบอบบางไว้ในอ้อมแขนนิลนราสะดุ้งกายดิ้นหนีให้พ้นการกอดรัด แต่หมดสิ้นหนทางเมื่อมือแข็งแรงยิ่งออกแรงแน่นขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

“คุณไตร..อย่าทำแบบนี้ค่ะ”

“วันนี้คุณคงห้ามผมไม่ได้แล้วนะนิล ลูกก็นอนกับคุณยาย หลับปุ๋ยไปแล้วด้วย”

หญิงสาวพยายามเบี่ยงกายหนีให้พ้นใบหน้าที่ซุกหาซอกคองามระหงริมฝีปากหยักได้รูปฝังคลอเคลียไม่ลดลาการกระทำอ่อนโยนตามอารมณ์รักและคิดถึงมือไม้ปัดป่ายทั่วเรือนร่างดึงรั้งให้ภรรยาหันหน้าเข้าหาตนเองนิลนราออกแรงไสส่งทั้งผลักทั้งดันให้ไตรภาคินออกห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่คงไม่เป็นผลสำเร็จเรี่ยวแรงมากมายของวงแขนกลับมากอดรัดไว้แน่นตามเดิม

“คุณไตร!ปล่อยฉันค่ะ!”

“อย่าห้ามผมเลยนิล”

“ฉันไม่ใช่นิล!ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ!”

“อย่าทรมานผมแบบนี้ได้ไหม”

“ฉันไม่ได้อยากทรมานใคร..แต่ฉันไม่ใช่นิลจริงๆ ค่ะ”

การกระทำหยุดชะงักกลางทางอารมณ์หวามที่พุ่งพล่านถูกตัดขาดกลางอากาศ วงแขนแข็งแรงค่อยๆ อ่อนแรง นิลนราอาศัยจังหวะตอนอ้อมกอดเริ่มคลายน้ำหนักผละร่างกายถอยหนี ยืนห่างชายหนุ่มระยะหนึ่ง พร้อมระงับจิตใจหวั่นไหวให้คงที่และเป็นปกติที่สุดแม้มันจะยากเย็นก็ตาม

“ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาคุณก็พยายามหลีกเลี่ยงผมโดยที่บอกว่าคุณไม่ใช่คุณ มันเพราะอะไรนิล”

“ฉันจะบอกยังไงให้คุณเชื่อว่าฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ แต่ฉันเป็น..”

“โอเคๆในเมื่อคุณไม่พร้อม ผมก็จะไม่วุ่นวายกับคุณอีก”

น้ำเสียงสะบัดกระแทกอารมณ์คุกรุ่น สายตาดุดันจ้องหน้าภรรยาก่อนหันเหมองทางอื่นอย่างขัดใจหรือเขาน่ารังเกียจมากไป ภรรยาของเขาจึงไม่อยากให้เข้าใกล้และผลักไสอยู่ตลอดเวลา ไตรภาคินนึกน้อยเนื้อต่ำใจพาตนเองก้าวเดินยังหน้าประตูโดยไม่ลืมคว้ากุญแจรถติดมือไปด้วย

“คุณจะไปไหนคะ”

“ผมคงไปหาอะไรทำแก้เซ็งคุณนอนไปเลย ผมอาจไม่กลับบ้าน”

ไตรภาคินตอบคำถามทั้งที่ไม่ได้หันกลับมามองภรรยาแต่อย่างใดทว่านิลนราไม่แปลกใจเลยสักนิดเนื่องจากจับน้ำเสียงได้ว่าเขากำลังโกรธเคืองและพยายามอย่างหนักกับการควบคุมอารมณ์ให้เย็นลงเวลานี้เธอคงไม่มีสิทธิ์ห้ามหรือออกความคิดเห็นใดๆนอกเสียจากปล่อยให้เขาเดินพ้นจากไปจนลับสายตา




Create Date : 03 มีนาคม 2556
Last Update : 3 มีนาคม 2556 20:11:43 น.
Counter : 476 Pageviews.

4 comments
  
เวลาดึกดื่นค่อนคืนบรรยากาศช่างเป็นใจเผื่อแผ่ความเหงาให้มาอยู่เป็นเพื่อนดังเงาตามติด เกาะกุมความรู้สึกให้อ้างว้างและเดียวดาย ไม่มียกเว้นแม้แต่ชายหนุ่มที่งานล้นมือในระดับผู้บริหารของธุรกิจใหญ่โตอย่างภายุวรรต วันนี้เขาคิดถึงคนรักที่จากไปอย่างหนักโดยไม่ทราบสาเหตุว่าเพราะเหตุใด ภาพความทรงจำเก่าๆ วนเวียนล่องลอยอยู่ในสมองตลอดเวลาตั้งแต่ได้เจอใครบางคน

“ไอ้วรรต.. รอนานไหม”

เสียงแหบห้าวเปล่งดังสู้กับเสียงดนตรีที่กำลังบรรเลงเมื่อมุ่งเดินหาเพื่อนที่นัดหมายกันไว้ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ อิทธิพลยกมือตบบ่ากว้างเบาๆ บอกให้รู้ถึงการทักทายและการมีตัวตนเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเพื่อนที่ไม่ได้ใส่ใจกับการปรากฏตัวของเขาแต่อย่างใด ดูท่าจะเห็นแก้วเหล้าในมือที่ยกจิบดื่มสำคัญเสียมากกว่า อิทธินั่งลงยังเก้าอี้ประจำตำแหน่งที่เพื่อนของเขาจับจองไว้ให้

“...”

“ข้าถามว่ามานานหรือยัง แล้ววันนี้นึกครึ้มอะไรขึ้นมาชวนข้ากินเหล้า”

“...”

“ว่าไง..”

“คิดถึงลี่..”

คำตอบถูกส่งกลับด้วยท่าทางนิ่งเฉย แต่จากสัมผัสรับรู้ทำให้คนฟังถึงกับแปลกใจอย่างมากมาย นานเท่าไหร่แล้วที่เพื่อนของเขาไม่เคยเอ่ยถึงคนรักให้ได้ยิน และทุกครั้งที่อิทธิพลพยายามเล่าเรื่องลี่ให้ฟัง ภายุวรรตจะบ่ายเบี่ยงทำเป็นไม่สนใจอยู่ตลอดเวลาคล้ายกับสร้างกำแพงกักกั้นตนเองไว้ให้พ้นจากความเจ็บปวดที่พร้อมพุ่งเข้าหาหากเปิดรับมันเข้ามา

“นึกยังไงพูดถึงลี่ เห็นทุกครั้งห้ามไม่ให้ข้าพูดถึง ทำอย่างกับจะเป็นจะตายซะให้ได้”

“ไม่รู้.. แต่คิดถึงมาก”

“...”

“ว่าแต่ทำไมมาช้านักล่ะอิฐ ปล่อยให้ข้าคอยเป็นชั่วโมง”

“ไปเดทมา เพิ่งส่งแฟนกลับบ้าน”

“แฟน..”

ภายุวรรตหันมองคู่สนทนาที่แสดงสีหน้าจริงจังพยักส่งเพื่อยืนยันความมั่นใจอีกครั้ง ตั้งแต่คบกันมาหลายปีไม่เคยสักทีจะได้ยินว่าอิทธิพลยอมปักหลักอยู่กับหญิงสาวคนใดมาก่อน เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับเขา

“ใช่ดิ ทำไมว่ะ ข้าจะมีแฟนกับเขาสักคนมันแปลกมากหรือไง”

“เออ.. แปลก สำหรับเสือผู้หญิงอย่างเอ็ง”

“เห้ย.. ข้าไม่ได้ร้ายกาจขนาดนั้นหรอกน่า”

“ถึงว่าช่วงนี้ดูมีความสุขเป็นพิเศษ ว่าแต่หญิงคนไหนที่มัดใจผู้ชายอย่างเอ็งได้ไอ้อิฐ ใช่คนที่เอ็งเคยบอกหรือเปล่าว่าเหมือน...”

“ไม่ใช่ๆ ข้าก็พูดเล่นขำๆ ไปเรื่อย จะมีใครบ้าเหมือนลี่ของเอ็ง ไร้สาระน่า”

“แล้วสาวที่ไหน..”

“จิตรกรวาดภาพ ที่ข้าติดต่อให้วาดภาพของเอ็งไง”

“อืม”

“ส่วนคนที่เคยบอกเหมือนลี่ ลืมๆ มันไปซะ ใครจะไปเหมือนกันได้แบบนั้น จริงไหม”

“นั่นสิ..”

จะมีใครเหมือนใครได้อย่างไร มันก็แค่เรื่องบังเอิญที่อาจจะคล้ายคลึงกันเท่านั้น เขาคงคิดมากและบ้าไปเองที่คิดว่าพนักงานใหม่คนนั้นมีส่วนที่คล้ายกับคนรักของเขา ทำให้จิตใจส่วนลึกสั่นไหวและสับสนเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับเธอ แก้วเหล้าสีอำพันถูกยกจิบเป็นระยะ ทั้งสองเพื่อนซี้พูดคุยเรื่อยเปื่อยตามประสาคนสนิทจนเวลาล่วงผ่านตามเข็มนาฬิกาเดินวนรอบแล้วรอบเล่า

“เอ็งจะไปไหนต่อหรือเปล่าอิฐ”

“ไม่ล่ะ นั่งฟังเพลงอีกพักคงกลับเหมือนกัน ขับรถดีๆ นะเพื่อน”

ภายุวรรตลุกยืนเต็มความสูง ยกมือร่ำลาก่อนก้าวเดินจากไป ได้เวลาเดินทางกลับไปพักผ่อนเพื่อเก็บแรงไว้ทำงานต่อในวันรุ่งขึ้น คงต้องปล่อยให้อิทธิพลนั่งผ่อนคลายไปกับความรู้สึกล่องลอยเข้ากับท่วงทำนองเพลงซึ้งตรึงใจ เครื่องดื่มมึนเมาหยดสุดท้ายถูกกลืนลงลำคอพร้อมวางแก้วใสบนเคาน์เตอร์บาร์ อิทธิพลเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านตามเพื่อนซี้ไปติดๆ ระหว่างเดินออกจากสถานสร้างความบันเทิงเขาเหลือบเห็นใครบางคนอย่างไม่ตั้งใจ ชายหนุ่มที่ดูคุ้นตาจนทำให้อิทธิพลหยุดยืนกับที่พร้อมลำดับความจำว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อน มือล้วงหยิบโทรศัพท์พกพากดเบอร์ต่อสายทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าผู้ชายคนนั้นคือสามีของนิลนรา

“วิ.. ตอนนี้ว่างหรือเปล่า มาหาอิฐหน่อยได้ไหม อิฐคิดว่าวิคงต้องช่วยเหลือใครบางคนแถวนี้”

อิทธิพลบอกสถานที่นัดหมายกับวิภานีทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ร่างสูงยกมือกอดอกพิงเก้าอี้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืนมองชายหนุ่มเบื้องหน้ากำลังเพลิดเพลินไปกับหญิงสาวข้างกายโดยไม่ให้คลาดสายตา ความคิดเริ่มทำงานคงมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นในครอบครัวจอมปลอมที่ลี่เพื่อนสนิทของเขากลายเป็นนิลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เพียงไม่นานกับการรอคอย วิภานีเดินเบียดเสียดผู้คนเข้าด้านในจนเจอกับคนที่นัดหมายเอาไว้ สาวมาดเซอร์แย้มยิ้มเมื่อเห็นอิทธิพลโบกมือส่งสัญญาณให้เธอเดินเข้าใกล้

“มีไรอิฐ โทรเรียกวิให้ออกมาดึกดื่นป่านนี้”

“มานี่สิ อิฐมีไรให้วิดู”

“ไหน..”

วิภานีหันซ้ายแลขวามองตามสายตาอิทธิพล มือยาวยื่นคว้าไหล่บอบบางก่อนนำฝ่ามือจับศีรษะหญิงสาวให้หันเหทิศทางมองยังสิ่งที่เขาต้องการบอกกล่าวให้เธอรับรู้ด้วยสายตาตนเอง ภาพเบื้องหน้าที่เห็นคือชายหนุ่มหนึ่งคนตกอยู่ในสภาพมึนเมาจนดูเหมือนไม่ได้สติหลังอิงโซฟาศีรษะพาดวางพนักเบาะ โดยข้างกายมีหญิงสาวทรวดทรงดีกระโปรงสั้นกุด เสื้อคว้านคอลึกกว้างแค่ก้มนิดหน่อยก็เผยให้เห็นเนิ่นอกอวบอิ่มได้ชัดเจนโดยไม่ต้องเพ่งมองให้มากมาย กำลังกอดก่ายแนบเนื้อซบอกกว้าง เธอพยายามส่งยื่นแก้วเหล้าในมือให้ชายหนุ่มดื่มอย่างต่อเนื่อง เพียงเท่านั้นทำให้วิภานีรู้สึกเลือดขึ้นหน้าโกรธเคืองไตรภาคินแทนเพื่อนสนิทของเธอ สองเท้าก้าวยาวเตรียมเดินทางหาบุคคลดังกล่าวอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยววิ.. จะไปไหน”

อิทธิพลคว้าแขนวิภานีไว้ก่อนเธอได้ก้าวเดินต่อ หญิงสาวสะบัดสายตาดุดันใส่บ่งบอกว่าอย่าห้ามหรือขัดใจเธอเวลานี้ อิทธิพลเห็นท่าทางไม่สู้ดีและไม่น่าไว้ใจเวลาหญิงสาวโกรธเคือง เขาปล่อยให้แขนบางเป็นอิสระพร้อมยกมือขึ้นสองข้างขอยอมแพ้สงบศึกก่อนสายตาคู่นั้นจะลุกเป็นไฟ

เมื่อแขนเป็นอิสระวิภานีไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอก้าวยาวพาร่างกายเดินถึงที่หมายตามแต่ใจร้อนรนต้องการทันที วิภานียืนอยู่เบื้องหน้าชายหญิงสองคน ไตรภาคินไม่ได้รับรู้หรือเห็นสิ่งใด เขายังคงนั่งมึนอยู่ในสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง มีเพียงหญิงสาวที่ละสายตาจากชายหนุ่มด้านข้างหันมองวิภานีด้วยสายตาตกตะลึงไม่น้อย

“ยัยวิ..”

“ใช่.. ฉันเอง เป็นไงสบายดีเหรอสาวิตรี”

“อะ.. จ๊ะ สบายดี แล้ววิล่ะ”

“ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ต้องคอยมาเป็นไม้กั้นหมาให้เพื่อนรักหน่ะสิ”

“ไม้กั้นหมาอะไรกันจ๊ะวิ”

รอยยิ้มเจื่อนส่งให้คู่สนทนาพร้อมนำแก้วที่ถือไว้วางลงบนโต๊ะก่อนนำมือเสยผมยาวสลวยคลายความรู้สึกตื่นเต้น สาวิตรีพยายามวางตัวนิ่งๆ จัดแต่งเสื้อผ้าที่เปิดโปงให้เข้าที่เข้าทางดูเรียบร้อย วิภานีก้าวขาเข้ายืนระหว่างหญิงชายคู่นั้นและดึงมือไตรภาคินกระชากอย่างแรงให้เขารู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง

“ไอ้พี่ไตร! กลับบ้านได้แล้ว!”

“อะไร.. อย่ามายุ่ง!”

ไตรภาคินสะบัดแขนจากการจับกุมจนหลุดพ้น แต่ยังไม่ทันไรวิภานีก็จับมันไว้อีกครั้ง อิทธิพลเดินตามมายืนอยู่ใกล้ๆ รอดูเหตุการณ์เผื่อหญิงสาวต้องการความช่วยเหลือจากเขาบ้างหลังจากที่ประเมินสถานการณ์ไว้แล้ว อิทธิพลหันมองสาวิตรีทำท่าทางเลิกลั่กคว้ากระเป๋าด้านข้างลุกขึ้นและเดินหนีไปอย่างรวดเร็วราวกับหนีความผิดบางอย่าง เขาไม่รู้ว่าระหว่างบุคคลทั้งหมดมีเรื่องอะไรกันมาก่อนหรือไม่ แต่เท่าที่เห็นทุกคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีไม่มากก็น้อย สังเกตได้จากวิภานีที่ดูอารมณ์คุกรุ่นจ้องมองหญิงสาวเซ็กซี่เมื่อครู่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้ อิทธิพลคว้าแขนวิภานีอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวกำลังใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาในเวลานี้

“วิ.. ใจเย็นก่อน อิฐว่าดึงนายคนนั้นตอนนี้ไม่มีประโยชน์หรอกน่า คนเมาไม่ได้สติอย่างงั้น คงต้องแบกกลับบ้านแล้วล่ะ”

“วิอยากจะบ้าตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมพี่ไตรเป็นแบบนี้ ไม่รู้มีปัญหาอะไรกับไอ้นิล”

“มันเรื่องในครอบครัวหรือเปล่า..”

“ใช่.. มันคงเป็นเรื่องในครอบครัวหากนิลเป็นนิล ไม่ใช่ลี่”

อิทธิพลผงะกายเล็กน้อยพลางคลายมือจากแขนบางให้เป็นอิสระ ปัญหาเหล่านี้คงเกิดจากลี่เป็นตัวการสำคัญจากที่คาดเดาเรื่องราวทั้งหมด อิทธิพลถอนใจทิ้งพร้อมก้าวเท้าอ้อมด้านหลังหญิงสาวเพื่อช่วยประคองคนเมาที่สะบัดมือปัดทุกสิ่งทุกอย่างทิ้งเมื่อแตะถูกเนื้อตัวอย่างรำคาญและหงุดหงิดที่โดนขัดจังหวะกับการเมาเหล้าเคล้านารี

“ปล่อย!.. อย่ามายุ่งกับผม!”

“ไอ้พี่ไตรบ้า! หยุดดิ้นซะทีได้ไหม! วิเหนื่อยแล้วนะเว้ย!”

“นายคนนี้ตัวหนักเป็นบ้า..”

คนเมาไม่ได้สติถูกหอบหิ้ว ทั้งลากทั้งดึงออกจากสถานความบันเทิงอย่างทุลักทุเลเมื่อจ่ายค่าเครื่องดื่มและอาหารแทนเจ้าตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อิทธิพลล้วงหากุญแจรถยนต์จากกระเป๋ากางเกงชายหนุ่มที่กำลังพยุงออกมาและยื่นส่งให้วิภานีทำหน้าที่เป็นคนขับเมื่อทุกคนยืนพร้อมตรงลานจอดเตรียมพร้อมกลับบ้านเพื่อถามไถ่สาเหตุที่ทำให้ไตรภาคินต้องเมามายเช่นนี้ และจากที่คาดเดาคงไม่พ้นหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาอย่างแน่นอน



“ไอ้นิล.. สามีแกอยู่กับฉันที่ห้องภาพ รีบตื่นมารับกลับไปเดี๋ยวนี้ แล้วช่วยมาอธิบายให้ฉันฟังทีว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างแกกับพี่ไตร”

โทรศัพท์ถูกกดตัดสายด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองในใจ อยากรับรู้ถึงสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด วิภานีเดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าโซฟารับแขกตั้งแต่วางสายจากนิลนราพาคนมองปวดเศียรเวียนเกล้าตามไปด้วย อิทธิพลไม่เข้าใจจิตใจผู้หญิงสักเท่าไหร่ ทำไมต้องโกรธเป็นฝืนเป็นไฟแทน กับแค่สามีเพื่อนสนิทเมาจนไม่ได้สติและมีหญิงสาวหุ่นบาดตา ผิวนวลเนียนบาดใจนั่งประกบออเซาะคลอเคลีย

“วิ.. ไม่เวียนหัวบ้างหรือไง อิฐเห็นวิเดินวนเวียนมาเป็นชั่วโมงแล้วนะ มานั่งข้างอิฐนี่มา”

“วิเกลียดจริงๆ ผู้ชายเจ้าชู้มั่วไม่เลือก ไม่ว่าจะกับใคร แค่คลำดูไม่มีหางเป็นใช้ได้หรือไงกัน”

“เฮ้! อย่าพาลมั่วสิ อิฐก็ผู้ชายนะ รับรองอิฐไม่เจ้าชู้แล้วก็ไม่มั่วด้วย”

“ทำไมต้องร้อนตัว วิไม่ได้ว่าอิฐซะหน่อย วิว่าคนที่นอนอยู่ข้างบนโน้น”

วิภานีกระแทกกายนั่งลงด้านข้างชายหนุ่มที่ส่งยิ้มทะเล้นขำขันในอารมณ์เหวี่ยงของหญิงสาว ขนาดวิภานีเป็นแค่เพื่อนสนิทยังโมโหโกรธเคืองมากมายเพียงนี้ หากนิลนรายังมีชีวิตอยู่จะเป็นอย่างไรบ้างกับอารมณ์หึงหวงรุนแรง

“อิฐถามหน่อย.. วิรู้จักแม่สาวยั่วสวาทคนนั้นด้วยเหรอ ดูเหมือนเธอจะเกรงกลัววิแปลกๆ”

“รู้สิ รู้ดีเลยด้วย ยัยสาวิตรีเป็นเพื่อนสนิทของตรีชาดาน้องสาวตัวแสบของพี่ไตรไงล่ะ”

“อืม.. อิฐจำได้คนที่ไม่ถูกกับนิลใช่ไหม”

“ใช่.. ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยยัยสาคนนี้ชอบพี่ไตรมากถึงขนาดตามตื้อเขาไม่เลิก พาครอบครัวร้าวฉานมาหลายต่อหลายครั้ง โดยมียัยไม้ตรีพริกอยู่เบื้องหลังยุยงสารพัด พอพี่ไตรกับไอ้นิลแต่งงานกันก็เห็นนางเงียบหายไปนานพอสมควร โผล่มาสร้างความเดือดร้อนเป็นพักๆ แต่อย่างว่าเพราะไอ้นิลเป็นคนใจเย็นปัญหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งจนบ้านแตกก็หมดไป เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจสามี ทำให้พี่ไตรเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตโดยเด็ดขาด ทำให้ครอบครัวอยู่มาได้อย่างสงบสุขจนคืนนี้นี่เอง ยัยสาตัวดีกลับมาป้วนเปี้ยนอีกแล้ว”

“แปลกดีนะกับผู้หญิงบางคน รู้ทั้งรู้ว่าเขามีภรรยาแล้ว ยังจะตามตื้อไม่เลิก”

“นี่อิฐ.. ไม่ลองมองพวกผู้ชายด้วยกันบ้างล่ะ หากไม่เพราะตัวเองวิ่งเข้าหาหรือไปวุ่นวายกับผู้หญิงพวกนั้น มีเหรอที่จะถูกตามตื้อไม่เลิกขนาดนี้ ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะ”

“หากวันนึง อิฐกับวิแต่งงานกัน แล้วมีผู้หญิงเข้ามาข้องแวะ วิจะทำไง”

“วิจะจับหัวอิฐกับผู้หญิงพวกนั้นโขกกันให้หัวแตกเลือดออกกันไปข้างเลยคอยดู”

เสียงหัวเราะประสานพาความตึงเครียดเมื่อครู่หายสิ้น บรรยากาศรอบด้านเงียบสงบไร้สิ่งใดรบกวน สายตาสองคู่จ้องมองกัน อิทธิพลวางมือท้าวเบาะโซฟาส่งผ่านอารมณ์หวานซึ้งออกจากดวงตาสวยคู่นั้น เสียงหัวใจสองดวงเต้นแรงตามจังหวะหวั่นไหว วงหน้าคมสันค่อยๆ เลื่อนเข้าใกล้ตามอารมณ์หวามที่ปลุกปั่นจิตใจ วิภานีนั่งนิ่งพยายามปรับสภาพจิตใจเต้นระรัวให้คงที่ อิทธิพลเลื่อนฝ่ามือขึ้นลูบไล้ใบหน้านวลอย่างอ่อนโยน พาหญิงสาวเคลิ้มตามพร้อมหลับตาพริ้ม ความอบอุ่นจากลมหายใจรดรินระหว่างกันริมฝีปากสัมผัสผิวเผินก่อนวิภานีก้มหน้าลงพร้อมถอนหายใจตัดอารมณ์หวั่นไหวเมื่อครู่กลางทาง

“มีอะไรหรือเปล่าวิ..”

“เอ่อ.. ไม่มีอะไร วิตื่นเต้นหน่ะ”

“อย่าบอกอิฐนะว่ายังเวอร์จิ้น”

วิภานีฟาดฝ่ามือลงบนแขนแข็งแรงของอิทธิพลที่หลุดขำ พลางขยับกายพิงพนักโซฟาควบคุมอารมณ์หวิวให้สงบลงเมื่อเห็นว่าวิภานียังไม่พร้อมสำหรับตอบรับการจุมพิตจากเขา อิทธิพลมองสาวมาดเซอร์ที่แก้มขึ้นสีแดงระเรื่อหลบเลี่ยงสายตาซึ่งหน้า นั่งเงียบกริบไม่พูดไม่จาคล้ายพยายามปิดบังความรู้สึกบางอย่างเอาไว้

“...”

“วิ.. ชอบอิฐไหม”

“ถามอะไร.. บ้าหรือเปล่า”

“อิฐจริงจังนะ”

“...”

“ที่ไม่ตอบ.. เพราะวิมีใครอยู่ในใจหรือไง”

“จะบ้าเหรอ.. ทำไมคิดงั้น..”

“สายตาวิมันฟ้องอิฐ.. มันบอกว่าวิมีคนอื่นอยู่ในใจ”

“จะบ้าไปใหญ่แล้ว วิไปอาบน้ำดีกว่า อิฐรอนิลก่อนนะ เดี๋ยวนิลมาแล้วอิฐค่อยกลับแล้วกัน”

“อืม”

วิภานีลุกยืนพร้อมเดินหายเข้าไปทางด้านหลังของห้องภาพเพื่อทำภารกิจส่วนตัว ปล่อยให้ชายหนุ่มนั่งสงบนิ่งคิดอะไรบางอย่าง อิทธิพลเหยียดขายืดยาวพลางยกมือประสานท้ายทอยเอนหลังในท่าสบาย

“วิคงมีคนอื่นในใจ.. งั้นเราคงไม่ต่างกันสินะ..”

เสียงบ่นพึมพำในลำคอ ไม่เข้าใจตนเองว่าเขาและเธอกำลังทำอะไรกันอยู่ คบกันหลอกๆ เพื่อแสดงละครให้ใครดู หรือแท้จริงแล้วพยายามปกปิดความรู้สึกแท้จริงกันแน่ อิทธิพลพยายามทบทวนความคิดและไตร่ตรองจิตใจว่าจะสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างเขาและวิภานีต่อดีหรือไม่ เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังเตือนทำให้อิทธิพลปัดความคิดทั้งหลายทิ้งพร้อมหันหาผู้มาเยือน

“อิฐ.. คุณไตรอยู่ไหน แล้ววิล่ะ”

“มาถึงก็ถามหาสามีเลยนะลี่”

“อย่าเพิ่งล้อเล่นสิ คุณไตรเป็นไงบ้าง แล้วทำไมอิฐกับวิถึงไปเจอเขาที่นั่น แล้วเขาเป็นอะไรไปงั้นเหรอ ทำไมวิต้องโกรธขนาดนั้นด้วย”

“เฮ้ลี่.. ช้าๆ ก็ได้ ถามทีละเรื่องสิ”

นิลนราก้าวเดินถึงตัวเพื่อนชายอย่างรวดเร็ว ร่างบางทรุดกายลงกับโซฟาด้านข้าง จ้องมองใบหน้าคมสันเพื่อรอฟังคำตอบที่ถามไถ่ทุกประโยค

“ว่าไง..”

“อิฐมากกว่าที่ต้องถามลี่.. ทำไมคุณสามีคนนั้นถึงต้องไปกินเหล้าเมามายคลอเคล้านารีแบบนั้น”

“คือ..”

“ให้อิฐเดาไหม.. เรื่องของสามีภรรยาที่มักมีปัญหาบ่อยๆ คงไม่พ้นเรื่องเงินทอง แต่อย่างลี่กับเขาคงตัดประเด็นนี้ทิ้งไปได้ งั้นก็เหลือแค่เรื่องเดียวคือเรื่อง.. อย่างว่า.. ใช่ไหม..”

นิลนราหลบสายตาลงต่ำ พยักหน้าเบาๆ ด้วยใบหน้ารู้สึกผิดชัดเจน อิทธิพลถอนใจรู้สึกสงสารและเห็นใจเธอหนักหนา แต่เขายังไม่รู้จะหาหนทางใดช่วยเหลือได้เลยเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณอยู่ผิดที่ผิดทางเช่นนี้ อิทธิพลขยับเข้าใกล้นิลนราพร้อมส่งมือจับบีบมือของเธอกุมไว้ ส่งผ่านกำลังใจแทนคำพูดทั้งหมดที่อยู่ภายในอกแกร่ง

“นิล.. แกมาถึงนานหรือยัง”

นิลนราหันสายตามองเพื่อนที่ทักทายพร้อมอิทธิพลที่ชักมือกลับอย่างรวดเร็วก่อนขยับกายนั่งประจำตำแหน่งเดิม สาวมาดเซอร์นำผ้าขนหนูที่คล้องคอขึ้นเช็ดผมที่เปียกชุ่ม เอียงศีรษะสะบัดมือไปมาซ้ายทีขวาที

“เพิ่งถึงได้พัก ว่าแต่คุณไตรอยู่ไหน”

“นอนอยู่ข้างบน คิดดู.. กว่าฉันกับอิฐจะแบกพี่แกขึ้นไปได้แทบตาย ภาระอยู่ที่แกแล้วนะไอ้นิล พาสามีแกกลับไปด้วย แต่ตอนนี้ ฉันอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น พี่ไตรถึงได้เมาหัวทิ่มขนาดนั้น แถมยังมียัยงูพิษขนาบข้างอีกด้วย”

“ยัยงูพิษไหน”

“เออ.. ฉันลืมไปว่าแกไม่ใช่นิลคนเดิม เอางี้.. ฉันจะเล่าให้ฟัง.. แกจำเรื่องที่ฉันเคยเล่าให้ฟังได้ไหม ช่วงที่นิลกับพี่ไตรรักกัน ยัยตรีแนะนำเพื่อนให้พี่ชายรู้จัก จะเรียกว่าแนะนำไม่ได้สิ ต้องบอกว่ายัดเยียดความเป็นภรรเมียให้ดีกว่า”

“อืม จำได้ แล้วไงต่อ”

วิภานีปล่อยผ้าขนหนูพลางยกเก้าอี้ทรงกลมวางระหว่างวงสนทนาเพื่อเล่าเรื่องราวต่อ โดยมีเพื่อนทั้งสองจ้องมองรอฟังอย่างอยากรู้ความเป็นมา

“เธอคนนั้นชื่อสาวิตรี แล้ววันนี้เธอก็ไปโผล่อยู่ที่นั่น”

“แล้วสาวิตรีอะไรนั่น ไปอยู่กับคุณไตรได้ไงถ้าไม่ได้นัดกันไว้”

“นี่ล่ะ ที่ฉันโมโหสามีแกมากๆ”

“วิ.. อิฐสงสัย ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงดูกลัววิจัง”

“ก็วิเคยฉะกับนางมาแล้วน่ะสิ ตบตีกันจนจมูกปลอมเธอทะลักเลยทีเดียว”

“เห้ย!!”

เสียงเพื่อนสนิทประสานดังพร้อมกันพาวิภานีถึงกับสะดุ้งโหยงไม่คิดว่าเรื่องตบตีสำหรับผู้หญิงด้วยกันจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดไปโดยปริยาย

“ไปตบเขาทำไมล่ะวิ”

“ก็ฉันหมั่นไส้ ทำฉอเลาะกับสามีชาวบ้าน และที่น่าโมโหอีกอย่างคือไอ้นิลตอนนั้นนิ่งมากไม่สวนกลับไปบ้างเลยทั้งที่โดนรังแกโดยนางมารร้ายทั้งสองตลอดเวลา”

“นิลอาจไม่อยากมีปัญหากับครอบครัวคุณไตรก็ได้นะวิ เรารู้สึกแบบนั้น”

“ใช่ไง.. ฉันถึงจัดการให้แทนซะเลย”

“วิรู้ไหม.. ตอนนี้อิฐชักกลัววิขึ้นมาแล้วสิ”
“น้อยๆ หน่อยอิฐ เมื่อกี้ยังนอกใจวิ จับไม้จับมือไอ้นิลมันอยู่เลย อย่าคิดว่าวิไม่เห็นนะ”

“เฮ้.. นอกใจอะไร ในเมื่อลี่เป็นเพื่อนอิฐ แถมอิฐไม่เคยมองลี่เป็นผู้หญิงเลยด้วยซ้ำ อย่าคิดมากน่า”

“นายอิฐ! ไม่มองลี่เป็นผู้หญิงแล้วมองเป็นอะไร บอกมานะ!”

นิลนราลุกยืนพร้อมส่งมือดึงใบหูอิทธิพลจนร้องโอดโอยยอมแพ้แต่โดยดีพาวิภานีที่มองตามหลุดขำ แต่ความกังวลใจยังไม่หมดไปจากใจเสียทีเดียว เธอมองหน้าเพื่อนสนิทพร้อมเกิดคำถามขึ้นในใจ ระหว่างนิลนรากับไตรภาคินมีปัญหาอะไรจึงทำให้สาวิตรีแทรกตรงกลางเข้ามาอย่างง่ายดาย

“ไอ้นิล..”

“ว่าไงวิ”

นิลนราเลิกสนใจชายหนุ่มพลางขยับกายนั่งลงตามเดิม มองสีหน้าวิภานีที่ดูเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน เธอแอบคาดเดาเรื่องราวในใจว่าวิภานีพยายามจะถามไถ่เกี่ยวกับปัญหาของคู่สามีภรรยาจอมปลอม

“แกมีเรื่องอะไรกับพี่ไตร เขาถึงได้ออกจากบ้านไปปรับทุกข์กับขวดเหล้าอย่างนั้น บอกฉันได้ไหม”

นิลนราหันสายตามองอิทธิพลชั่วครู่ก่อนหันกลับมามองวิภานีอีกครั้ง เธอหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเริ่มต้นอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้วิภานีฟังจนหมดเปลือก ปัญหาโลกแตกที่เกิดขึ้นให้พบเจอบ่อยครั้งเกี่ยวกับชีวิตคู่ ด้วยอาศัยอยู่ด้วยกันนานจนเกินไปพอเริ่มเกิดความเบื่อหน่ายส่งผลให้เกิดการหย่าร้างเตียงหักมากมายในหลากหลายคู่ แต่ชีวิตระหว่างนิลนรากับไตรภาคินคงจะดูยกเว้นเป็นกรณีพิเศษเนื่องจากทั้งสองคนไม่ได้เกิดอาการเบื่อหน่ายกันแต่อย่างใด หากแต่นิลนราคือลี่ต่างหาก ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาจึงขาดสะบั่นลงทั้งที่ฝ่ายหนึ่งยังรักเต็มหัวใจ แต่อีกฝ่ายไม่เคยมีเยื่อใยและความผูกพันใดๆ เกิดขึ้นเลย

“เราก็ไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้วนะวิ เราเข้าใจคุณไตร แต่เราก็ยอมปล่อยเลยตามเลย ยอมเป็นนิลไม่ได้เหมือนกัน”

“ฉันเข้าใจแกนะ แต่แกต้องรักษาน้ำใจพี่ไตรเขาบ้าง แกอย่าทำให้เขาเสียใจกับสิ่งที่แกบอกเขาตลอดเวลาว่าแกไม่ใช่นิล ฉันขอร้องละนิล หากฉันเป็นพี่ไตรคงรับไม่ได้เหมือนกันถ้าอยู่ๆ ภรรยาตัวเองจะลุกมาประกาศปาวๆ ว่าตัวเองเป็นคนอื่น”

“อิฐว่าที่วิพูดก็ไม่ถูกนะ หากพวกเราไม่รีบบอกความจริงเรื่องที่ลี่ไม่ใช่นิลให้คุณไตรอะไรนั่นรับรู้โดยเร็ว คนจะเก็บกดที่สุดก็คือลี่ แล้วผู้ชายคนนั้นก็จะทรมานที่แตะต้องภรรยาตัวเองไม่ได้ วิกับลี่คงไม่เข้าใจอารมณ์อย่างว่าของผู้ชายเวลาที่มันเกิดขึ้นหรอกนะ ทางที่ดีอิฐว่าให้พี่ไตรของวิรับรู้เรื่องทั้งหมดโดยเร็วเพื่อยุติเรื่องนี้ และส่งผลดีต่อทุกฝ่ายน่าจะดีกว่า”

“วิสงสารพี่ไตรแล้วก็หม่อนไหม หากพวกเขารับรู้ความจริงจะเป็นไงบ้าง”

“เราเข้าใจนะวิ ว่าวิรู้สึกยังไง เราจะพยายามทำให้เกิดเรื่องบาดหมางน้อยที่สุดแล้วกัน เพื่อความสบายใจของวิและครอบครัวคุณไตร”

“แล้วจะเอายังไงกับพี่ไตรที่นอนไม่ได้สติในห้องนอนฉันล่ะแก”

“คืนนี้ปล่อยให้เขานอนที่นี่ได้ไหม เราก็จะอยู่ที่นี่กับวิ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะกลับบ้านแต่เช้ามืด คงไม่ว่าอะไรใช่ไหม”

“ได้สิแก นี่ก็ดึกมากแล้ว นอนมันที่นี่ล่ะ”

“งั้นขออิฐนอนด้วย เราหาผ้ามาปูนอนกันบนพื้นห้องนี่ล่ะทั้งสามคน อบอุ่นดีนะ”

“ได้ทีเลยนะอิฐ วิยังไม่ได้อนุญาตให้นอนด้วยซะหน่อย”

“ไม่รู้ล่ะ.. ในเมื่อลี่นอนได้ อิฐก็นอนได้เหมือนกัน”

พูดจบอิทธิพลแกล้งทิ้งตัวลงบนโซฟาพร้อมเหยียดแข้งขาครองเต็มพื้นที่พาวิภานีและนิลนราส่งยิ้ม ส่ายศีรษะเอือมระอาพร้อมเพรียงราวกับนัดหมายกันไว้



โดย: มาโซคิส วันที่: 3 มีนาคม 2556 เวลา:20:17:04 น.
  
‘ลี่.. ตื่นสิลี่.. นิลอยากให้ลี่ได้รู้ความจริงบางอย่าง’

แสงสว่างปรากฏพร้อมร่างบอบบางเดินพายังสถานที่ซึ่งคุ้นเคยเป็นอย่างดี ภาพทุกอย่างดูเลือนรางในความมืดสลัวนั้น บานประตูสีขาวค่อยๆ เลื่อนเปิดจนเห็นบรรยากาศโดยรอบห้อง ทั้งเวิ้งว้างว่างเปล่าดูวังเวงน่ากลัว นิลนราในความฝันก้าวเดินยังตู้เก็บของภายในห้องพร้อมดึงมันเปิดออกและหยิบเอกสารบางอย่างส่งให้เจ้าของความฝันถือไว้ ลักษณะที่เห็นคือกระดาษโน้ตสีขาวมีตัวหนังสือเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร

‘นี่คือสิ่งที่ลี่ควรรับรู้เอาไว้’

‘บอกเราหน่อยสินิล ว่าสิ่งนี้มันคือความจริงเกี่ยวกับอะไร’

‘เปิดมันออกแล้วลี่จะได้รู้เอง’

รอยยิ้มอมทุกข์เผยออกมาก่อนทุกอย่างจะสลายสิ้นไปพร้อมเสียงนาฬิกาจากโทรศัพท์มือถือดังเตือนเวลาปลุกประมาณตีสี่ตรงพอดี นิลนราสะดุ้งตื่นพร้อมดึงร่างกายลุกขึ้นนั่ง เม็ดเหงื่อผุดซิบบนหน้าผาก ฝันประหลาดอีกแล้วคือสิ่งที่เธอจงใจปลอบตนเองให้หลุดพ้นจากความสับสนกังวลทั้งหลายทั้งมวลที่ฉุดดึงเธอดิ่งลงเหวลึกตามความรู้สึกที่กำลังเผชิญอยู่ นิลนราหันมองวิภานีที่หลับสนิทก่อนเอื้อมมือสะกิดให้เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ยังดีที่มีแสงจากโคมไฟเปิดไว้สลัวๆ พอมองเห็นว่าใครอยู่ตรงไหนบ้าง

“เรากลับบ้านก่อนนะวิ ฝากคุณไตรไว้ด้วย เดี๋ยวเขาฟื้นคงกลับบ้านได้เอง”

“อื้อ.. แล้วแกจะกลับตอนนี้เลยเหรอ ยังไม่สว่างเลยนะ”

“เรากลับได้ ไม่ต้องเป็นห่วงวินอนต่อเถอะ”

“เดี๋ยวอิฐไปส่งเอง..”

อิทธิพลแทรกคำพูดขึ้นระหว่างหญิงสาวทั้งสองสนทนากัน มือยกปิดปากหาวตามความเคยชินเมื่อตื่นจากหลับไหลเป็นนิสัยปกติของเขา

“งั้นวิฝากนิลด้วยนะอิฐ แล้ววิจะโทรหา”

“โอเค.. นอนต่อเถอะ เรื่องลี่ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวเราไปส่งเอง ลี่.. ไปกันเลยไหม”

อิทธิพลหันมองยังคนที่เขาส่งคำถามให้และเธอพยักหน้าเป็นการตอบรับ ทั้งสองพากันลุกออกจากห้องภาพอย่างเงียบเชียบไม่อยากรบกวนวิภานีที่นอนหลับต่อ



แสงแดดยามเช้าตรู่ค่อยๆ ส่งประกายสว่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามเข็มเวลาเดินผ่าน นิลนราก้าวลงจากรถแท็กซี่ที่มีอิทธิพลนั่งมาเป็นเพื่อนเพื่อส่งเธอให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

“ขอบใจนะอิฐ”

“อืม ไม่เป็นไร ไว้เจอกันนะ”

ประตูรถแท็กซี่ถูกปิดพร้อมล้อค่อยๆ เคลื่อนที่ผ่านร่างกายเธอไป นิลนราล้วงหยิบกุญแจบ้านไขปลดล็อคพลางคิดถึงคำถามที่อิทธิพลเกิดข้อสงสัยระหว่างอยู่บนรถแท็กซี่ขึ้นมา

‘ลี่.. อิฐอยากรู้..’

‘อยากรู้ว่า..’

‘ตั้งแต่ลี่เป็นนิลและอาศัยอยู่กับสามีของนิล เคยมีอะไรๆ เกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า’

‘อะไรที่ว่าหมายถึงอะไร’

‘หมายถึงความสัมพันธ์หญิงชาย โอบกอด หรืออะไรๆ ที่มันลึกซึ้งกว่านั้น’

‘นี่อิฐ.. หากลี่ตกลงปลงใจยอมเป็นนิลเต็มตัว คุณไตรคงไม่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงและออกไปกินเหล้าเมามายอย่างนั้นหรอกนะ’

‘ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอกนะ อิฐจะได้เบาใจว่าลี่สามารถเอาตัวรอดได้ระหว่างที่ลี่ยังต้องทำตัวเป็นนิลต่อไป’

‘อืม..’

‘แล้วกับไอ้วรรตล่ะ ลี่ยังจำมันได้หรือเปล่า อยากเจอกับมันบ้างไหม เดี๋ยวอิฐนัดเจอมันให้ดีไหม’

‘...’

และนั่นเป็นประโยคเดียวที่เธอไม่ได้ตอบคำถามหรือบอกความต้องการแต่อย่างใด ไม่ใช่เธอไม่อยากเจอะเจอ ไม่ใช่ว่าจดจำเขาไม่ได้ แต่เพราะเธอไม่เคยลืมเขาได้เลยต่างหาก และถึงแม้จะได้เห็นหน้าเห็นตากันอยู่ทุกวันระหว่างอยู่ในที่ทำงาน แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากแอบมองเขาได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ

นิลนราหยุดยืนอยู่หน้าห้องๆ หนึ่งเมื่อขึ้นมายังชั้นสองของบ้าน เธอวางความคิดทั้งหลายเมื่อครู่ทิ้งไว้ก่อน และหยิบยกภาพความฝันเมื่อคืนขึ้นมาทบทวนอีกครั้ง ในห้องๆ นี้มีความจริงบางอย่างที่นิลนราในความฝันต้องการสื่อสารกับเธอ มือจับลูกบิดประตูและเปิดออกกว้าง สองเท้าค่อยๆ ย่างเดินตามภาพฝันที่ยังคงชัดเจนในมโนภาพ ลิ้นชักตู้เก็บของถูกดึงเปิดโดยถือวิสาสะค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่คิดว่าเป็นจริงตามความฝัน กระดาษโน้ตสีขาวที่พอจำได้คลับคล้ายคลับคลาถูกพับทบเป็นชิ้นเล็กวางซ่อนอยู่ นิลนราดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมาพร้อมเปิดอ่านข้อความด้านใน สายตาไล่ทุกตัวอักษรที่เขียนไว้ด้วยลายมือทีละบรรทัดคล้ายจดหมายที่อยากส่งถึงใครบางคน จิตใจสั่นไหว มือยกขึ้นปิดปากไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้รับรู้ พร้อมน้ำตาค่อยๆ เอ่อซึมกับทุกประโยคในกระดาษแผ่นนั้น

“เธอต้องการให้ฉันรับรู้เรื่องพวกนี้ และแก้ไขปัญหาให้เธออย่างนั้นเหรอนิลนรา”

เสียงพึมพำกับตนเอง รู้สึกสับสนในชีวิต ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปหลังจากนี้ กระดาษถูกพับไว้ตามเดิม แต่มันคงไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมเนื่องจากนิลนราถือมันเดินออกมาพร้อมความมึนงงสับสนในชีวิตที่ต้องแบกรับมันไว้เพียงลำพัง

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
โดย: มาโซคิส วันที่: 3 มีนาคม 2556 เวลา:20:17:16 น.
  
ไรเตอร์หายไปไหน รอตอนต่อไปนะคะ
โดย: alanta IP: 110.49.207.84 วันที่: 21 มีนาคม 2556 เวลา:7:50:42 น.
  
ง่า ขอโทษนะคะ ลืมเอามาลง ตอนนี้ในถนนนักเขียน ลงไปถึงบทที่ 20 แล้วล่ะ เดี๋ยวลงทีเดียวเลยค่ะ
โดย: มาโซคิส วันที่: 21 มีนาคม 2556 เวลา:19:11:48 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments