เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วย
เพื่อความต่อเนื่องไปอ่านตอนก่อน ๆ ได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้จ้ะเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พักเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียวเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรกเช้าวันแรกที่โตเกียวกับการนอนบ้านคนไม่รู้จัก ที่ใจดีให้เรานอนบ้านเค้าฟรี ๆ บอกเลยว่าง่วงนอนมากเพราะเมื่อคืนกว่าจะคุยเม้ากันเสร็จ กว่าจะได้อาบน้ำนอนก็ล่อไปเที่ยงคืนกว่าแถมนอนก็นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ด้วย เพราะกลัวผี เพราะต้องนอนคนเดียว โฮสไม่ยอมนอนด้วย ไปนอนกับน้องสาว แง้วง้องอนตั้งนานให้ช่วยมานอนด้วยกันหน่อย เพราะชั้นกลัวผีก็ไม่สำเร็จจริง ๆ เราไม่ได้กลัวการนอนคนเดียวนะถ้าเป็นโรงแรมดี ๆ เช่น โรงแรมที่ออฟฟิศออกตังให้เงี้ยแต่ถ้าเป็นบ้านคน หรือโรงแรมถูก ๆ ที่เราจองเอง เรากลัวง่ะ ไม่กล้านอนคนเดียวแต่สุดท้ายก็ต้องนอนคนเดียว แบบหลับ ๆ ตื่น ๆ ตอนตื่นมากลางดึกก็ต้องข่มตา ข่มใจนอนต่อ ไม่กล้าลืมตาขึ้นมาดู กลัวเจออะไร ฮา ๆนอนคนเดียวในบ้านนี้ 3 คืนไม่ได้นอนหลับสนิทเลยซักคืน ภาวนาทุกคืนว่าเมื่อไหร่จะเช้าซักทีอ้อเพิ่งรู้ว่าคนญี่ปุ่นเค้านั่งอาบน้ำ!!!อยู่บ้านเรา ๆ ก็ยืนอาบน้ำฝักบัวตามปกติของเราแต่มาอยู่บ้านเค้า เราต้องนั่งอาบ!!เพราะในห้องน้ำเค้า ทุกอย่างอยู่ในระดับนั่งอาบหมดเลยตั้งแต่ที่วางฝักบัว ที่วางสบู่ แชมพู ฯลฯเค้าต้องมาสอนเราวิธีอาบน้ำเลยทีเดียวคือเค้าจะมีเก้าอี้เล็ก ๆ เหมือนเก้าอี้นั่งซักผ้าบ้านเราแต่ดูดีกว่าเค้าบอกว่าให้นั่งเก้าอี้นี้แล้วอาบน้ำตามปกติอาบไป ไม่ค่อยชินไปยังไงไม่รู้ เช้านี้โฮสเราไม่ว่าง เพราะมีประชุมแต่เช้า เลยจะให้น้องสาวพาไปส่งที่สถานีรถไฟ แล้วให้เราพยายามจำทางให้ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนมากมายเค้าบอกว่าจะให้เราออกจากบ้านประมาณ 8 โมงครึ่งพอดีกับที่เรานัดสาวจีนที่มาอยู่ญี่ปุ่นได้ไม่นานเที่ยวโตเกียวด้วยกันตอน 9 โมงเราก็รีบตื่นเช้ามาอาบน้ำ เพราะกลัวห้องอาบน้ำจะไม่ว่างอ้อ บ้านเค้ามีห้องน้ำกับห้องอาบน้ำแยกกันคนละห้องแต่ เพิ่งรู้ว่า คนญี่ปุ่นอาบน้ำรอบเดียวคือตอนเย็นเท่านั้นดังนั้น ห้องอาบน้ำจะว่างสำหรับเรา แฮ่ โชคดีจังคือคนไทยก็อาบน้ำ 2 รอบอ่ะเนอะ เช้า เย็น เพราะบ้านเรามันเมืองร้อนแต่ตอนนี้เป็นหน้าร้อนบ้านเค้า ซึ่งอากาศร้อนพอ ๆ กับบ้านเราเลยเค้าอยู่ได้ยังไงโดยไม่อาบน้ำตอนเช้า เพราะแค่ตื่นแล้วออกมาจากห้อง เหงื่อเราก็แตกพลั่ก ๆ แหล่วมิน่า 2 สาวเค้าเลยมีเวลานอนอีกอย่างน้อย 15-20 นาทีโดยไม่ต้องต่อคิวอาบน้ำกันแต่เราก็บอกเค้านะว่าเราขออาบน้ำตอนเช้าด้วยนะ ไม่ไหวน่ะ หน้าร้อนแล้วอาบน้ำรอบเดียว มันหงุดหงิด 2 สาวตื่นมาก็เอาเครื่องสำอางมาแต่งกันตรงโต๊ะกินข้าวเลยแต่งไปดูทีวีไป แต่ แต่ เค้าไม่เปิดพัดลมง่าหน้าร้อนมันร้อนเหมือนบ้านเราจริง ๆ นะ แต่เค้าก็นั่งแต่งหน้ากันเฉยแต่เราเนี่ยสิ โคดร้อนเลย ขนาดอาบน้ำเสร็จ สดชื่นได้แป๊บเดียว เหงื่อแตกอีกแล้ว เพราะมันร้อน มันไม่มีลมเลยอ่าตอนนั่งทากันแดด ก็ขอเค้าว่า ขอฉันเปิดพัดลมหน่อยนะ เพราะทากันแดดเสร็จจะตบแป้งแต่หน้ามันยังแฉะอยู่เลย เดี๋ยวแป้งเป็นคราบง่าได้พัดลมเป่าหน้าค่อยชื่นใจหน่อย แต่ยังคง งง อยู่แล้วเค้าทำได้ไง ตื่นมาแปรงฟันแล้วแต่งหน้าเลย แต่หน้าใสกิ๊กทั้ง 2 สาวพี่น้องเลย ฮา ๆระหว่างเรา 3 สาวแต่งหน้า แม่เค้าก็ทำอาหารอยู่ในครัวส่วนพ่อเค้าก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์แล้วก็ดูทีวีอยู่อีกห้องนึงที่เป็นห้องอาหารแบบสากล มีโต๊ะ มีเก้าอี้น่ะแต่พวกเราดูทีวีอยู่ห้องอาหารแบบญี่ปุ่น แบบโต๊ะมีรูตรงกลางไว้ห้อยขาลงไปแล้วนั่งบนฟูกอย่างที่บอกไว้ในบล็อคที่แล้ว แอบถ่ายขาตรงโต๊ะมาให้ดูว่าห้อยขาแบบนี้นะแต่งหน้าเสร็จ แม่เค้าก็มาเสิร์ฟอาหาร โอ้ว อลังการมาก นี่พวกเธอกินแบบนี้ทุกวันเลยเหรอเนี่ย อิจฉาโคด ๆ มาครบทุกหมู่เลยแล้วก็มีมาเพิ่มอีกตอนแรกนึกว่ามีเท่านี้นะกินไปกินมาครึ่ง ๆ กลาง ๆ มีปลาแซลมอนมาเสิร์ฟให้ด้วยจ้าจริง ๆ เราเป็นคนไม่ค่อยชอบถ่ายรูปอาหารเลยนะ ยิ่งถ้าอยู่เมืองไทย ไม่เคยถ่ายรูปอาหารก่อนกินเหมือนสาวออฟฟิศคนอื่น ๆ เลยแล้วก็ไม่เข้าไปดูด้วยพวกที่ชอบถ่ายรูปอาหารเนี่ย มันดูไร้สาระยังไงไม่รู้ (ในความรู้สึกส่วนตัวของเรา)แล้วใครถ่ายรูปอาหารมาก็ไม่รู้สึกอะไร ไม่รู้สึกว่าอยากกินหรืออะไร รู้สึกแค่ว่าจะถ่ายทำไมแต่ครั้งนี้มาญี่ปุ่นครั้งแรก แล้วรู้ตัวว่าจะเอามาเขียนบล็อคเลยขอถ่ายรูปเก็บไว้ซักหน่อยด้วยความที่ทุกอย่างมาเต็ม สาวไทยกินเก่งแต่เลือกกินอย่างเราก็ต้องกินให้หมด ผักสดทุกทีไม่กินก็กินให้หมด เพื่อให้เจ้าบ้านรู้สึกดี แต่จริง ๆ ผักสดบ้านเค้ามันอร่อยกว่าบ้านเรานะเราว่า แล้วอีกอย่างที่กินหมดก็คือ แต่ละวันเราต้องใช้พลังงานอย่างล้นเหลือ แล้วอย่างที่รู้กันว่าข้าว 1 มื้อที่ญี่ปุ่นแพงมาก 1 ร้อยบาทยังไม่ได้ราเมงหรือข้าว 1 จานเลยดังนั้น เราต้องฟาดให้เรียบ เอาให้หนักท้องที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะเดินตั้งแต่ 9 เก้าโมงยัน 1-2 ทุ่มทุกวันจ้า เราเตรียมใจมาแล้ว เพราะด้วยแผนการเที่ยวของเราที่เที่ยวไม่ต่ำกว่า 3-4 ที่ต่อวันแล้วเดินดูอย่างเดียว มันค่อนข้างโหดมากเหมือนกันจริง ๆ เราไม่ใช่มาอยู่บ้านเค้าแล้วไม่ช่วยอะไรเค้านะเราพยายามจะช่วยหยิบจับหรือทำอะไร แม่เค้าก็รีบมาห้ามไปซะหมดจะช่วยล้างจานชาม ข้าวของ แม่เค้าก็ห้าม ส่ายหัว โบกไม้โบกมือแล้วแย่งจากเราไปตลอดเราก็เลยไม่ได้ช่วยอะไรเค้าเลยด้วยประการละฉะนี้แล้วเราก็มารู้ทีหลังอีกเหมือนกันว่าวัฒนธรรมคนญี่ปุ่น เค้าจะดูแลแขกอย่างดี ไม่ให้แขกทำอะไรเลยและแล้วก็ได้เวลาออกเริงร่า ท้าแดดโตเกียววันแรกซะทีระยะทางจากบ้านโฮสไปรถไฟฟ้าใต้ดิน ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาทีซึ่งเราชอบ 2 ข้างทางระหว่างไปสถานีรถไฟมากเพราะมันเงียบสงบ ไม่มีเสียงมอร์ไซค์ให้ได้ยินเหมือนบ้านเราเลยเสียงรถก็แทบจะไม่มี เดินผ่านซอยแคบ ๆ ดูบ้านสองข้างทางก็น่ารักไปหมดผู้คนก็เดินกันขวักไขว่นะ แต่ไม่มีเสียงดังจอแจเลย ไม่มีเสียงใครพูดกัน หรือเดินคุยโทรศัพท์อะไรใด ๆ เลยมีทั้งขี่จักรยาน แล้วก็เดิน ผู้คนต่างเคารพสิทธิของกันและกันผู้คนที่เดินกันคนละทิศก็เดินกันคนละฝั่งถนนเล็ก ๆ ไม่มีมาเดินเบียดกันชนกันในฝั่งเดียวคือทุกคนมีวินัยอยู่ในสายเลือด ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ๆ อันนี้ถ่ายจุดสำคัญระหว่างทางจากบ้านไปรถไฟฟ้าใต้ดิน และผู้คนที่สัญจรระหว่างทางเราชอบฟิลลิ่งนี้จัง เช้า ๆ เงียบ ๆ สะอาด ปลอดภัย และเขียว ๆเครื่องแบบนักเรียนญี่ปุ่น เหมือนในหนังหรือจินตนาการกันรึเปล่าจ๊ะสาว ๆ ที่นี่เวลาหน้าร้อนก็กางร่มกันแดดเหมือนสาวไทยนะจ๊ะสถานีบ้านเราก็มีสวนสาธารณะอยู่ด้วย ติดสถานีเลย เราว่า เราสามารถหาสวนสาธารณะได้ทุกสถานีเลยมั้ง ญี่ปุ่นเค้าใส่ใจกับความเขียวจริง ๆ สงสัยสปีดการเดินของคนในโตเกียวก็อยู่ในยีนเหมือนกัน เพราะเดินกันเร็วจริงสปีดกรุงเทพอย่างเรา โดนทิ้งห่างไปเลย แล้วยิ่งเป็นสปีดนักท่องเที่ยวที่มาญี่ปุ่นครั้งแรกอย่างเราด้วยแล้ว สปีดแบบเราเรียกว่าคลานเลยดีกว่าเมื่อเทียบกับคนโตเกียวก็ทำไงได้ล่ะ อยากละเลียดความเป็นโตเกียว แล้วก็อยากมองหนุ่มซาลาริมังในโตเกียวนี่นาแล้วก็แอบถ่ายมาให้สาวไทยชมก็ต้องเดินช้า ๆ หน่อยนั่นแหละเดี๋ยวกล้องมือถือโฟกัสไม่ทัน จริง ๆ เราถ่ายรูปหนุ่มซาลาริมังโตเกียวเป็นพันรูปเลยนะ จากสามพันกว่ารูปในโตเกียวแต่เบลอไปครึ่งนึง เพราะสปีดการเดินของหนุ่ม ๆ ทำให้กล้องมันโฟกัสไม่ทัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีนะจ๊ะ มายลกันเลยหนุ่มโตเกียววัยรุ่นไม่เกิน 35 แต่งตัวสมาทกันทุกคนเลย คือเนี้ยบตั้งแต่เสื้อผ้า หน้า ผมเลยล่ะเสื้อกับกางเกงเข้ารูป ผมเซ็ทมาอย่างดี ถือกระเป๋าเอกสารแต่สีของเสื้อเชิ้ตไม่ค่อยหลากหลายนะ ส่วนใหญ่เสื้อขาว กางเกงดำซะส่วนใหญ่แต่ชอบที่หุ่นดีอ่ะ ไม่ใช่ล่ำนะ แต่ไม่ค่อยมีใครอ้วน สเปคเลย ฮา ๆ ระยะทางแค่จากบ้านโฮสถึงสถานีรถไฟทำเอาเราน้ำตาไหลแบบเงียบ ๆ อยู่ดี ๆ ก็ sensitive ขึ้นมาซะงั้นคือที่ร้องเพราะมีความรู้สึกว่าอยากอยู่โตเกียวจังเลย (ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเห็นแค่วันแรก)มันสงบจังเลย ผู้คนมีระเบียบ เงียบ เคารพต่อส่วนรวม บ้านเมืองสะอาด ปลอดภัย ผู้ชายหน้าตาดี โอ๊ย อยากอยู่โตเกียว ไม่อยากกลับมันละกรุงเทพ ที่ออกจากบ้านก็ได้ยินแต่เสียงมอร์ไซค์ในซอย สารพัดเสียง สารพัดขยะ และสารพัดของขายข้างถนน ทำให้ถนนสกปรก ผู้คนไร้ระเบียบ ไม่เคารพส่วนรวม ทำอะไรตามใจตัวเอง ฯลฯคือเราไม่มีปัญหากับการไม่มีของข้างถนนขายนะ ที่โตเกียว เค้าไม่มีอาหารข้างถนนขาย เค้าก็อยู่ได้ ก็ไปซื้อเอาตาม 7-11 หรือตามร้านอาหาร หรือทำกินเองบ้านเมืองเค้าก็เลยสะอาด แล้วบ้านเค้ามีจิตสำนึกที่ดี สอนกันตั้งแต่เล็ก ๆเดี๋ยวตอนหน้ามีเรื่องประทับใจเกี่ยวกับจิตสำนึกของเด็ก ๆ มาเล่าให้ฟังนะ ซึ่งกลับมาเล่าให้โฮสฟังแล้วเค้ารู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เค้าถูกสอนมาตั้งแต่เด็ก แต่ประทับใจหญิงไทยอย่างเราเหลือเกิน เพราะบ้านเราไม่มีสอนแบบนี้ตอนนี้เหมือนจะยังไม่ได้เที่ยวเลยเนอะ เดี๋ยวตอนหน้าพาเที่ยวละ ใครอยากดูหนุ่มออฟฟิศญี่ปุ่น มีให้ดูทุกตอนนะจ๊ะ ถ่ายมาหลายร้อยรูป ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง (แต่ส่วนใหญ่จะไม่ชัด เดินกันไวเกิ๊น ซับน้ำลายกันด้วย อิอิติดตามอ่านแต่ละตอนได้ตามลิงค์ด้านล่างนะคะเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พักเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียวเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรกเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วยเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 6 ขึ้นรถไฟใต้ดินชั่วโมงเร่งด่วนเป็นครั้งแรกเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 7 ประทับใจกับจิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่เราไม่เคยถูกสอนเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 8 เทศกาลน่ารักที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 9 เจอหนุ่มในฝันบนรถใต้ดินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 10 พาไปเดินเล่นในสวนพร้อมพาช้อปย่าน KICHIJOJIเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 11 ให้คนญี่ปุ่นพาเที่ยวเข้าไปในยิมที่เด็กม.ปลายกำลังแข่งเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 12 ไต้ฝุ่นเข้า เลยต้องเข้าดองกี้แทนตลาดนัดแบกะดินเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 13 วันสุดท้ายในโตเกียว วัดเซ็นโซจิและสวนอุเอโนะ