Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
24 กันยายน 2552
 
All Blogs
 

เฉพาะแฟน ชิงชัง ((ร่วมไว้อาลัยให้พ่อตาทิดอิน ทิดยอด และปิง))



“พี่แก้วพี่ไปดีแล้วนะ ไม่ต้องเจ็บ ต้องปวด ไม่ต้องทุกข์ ต้องร้อน ไม่ต้องทนฟังเสียงคนนินทา พวกมันทั้งสี่คน อิ่ม อุ่น บังอร อารีย์ ฉันยังไม่รู้เลยว่า พวกมันจะแก้ไขปัญหาชีวิตของพวกมันกันอย่างไร ถ้าดวงวิญญาณอยู่ที่ไหน ช่วยปกป้องคุ้มครอง ชี้ทางที่ถูกให้พวกมันด้วยนะ นะพี่แก้ว..”








ภาพของสี่พี่น้องตอนเดินเข้ามาหาผู้เป็นพ่อในห้อง บอกให้รู้ว่า ต่างคนต่างมีแผล รอการเยียวยารักษา แต่จะรักษาด้วยวิธีใดขึ้นอยู่กับสภาวะจิตใจของคนผู้นั้น

แม่อิ่มกับแผลที่เจ็บปวด เมื่อผัวที่ตนรักตายจากโดยไม่ได้แม้จะเห็นศพ อดีตระหว่างไอ้ยอดกับแม่อิ่มก่อให้เกิดเรื่องราวมากมายตามมา เหมือนเป็นห่วงโซ่ที่คล้องเกี่ยวกันไว้ หากมันขยับเพียงนิด มันสะเทือนตั้งแต่หัว ไล่ลงไปตรงกลาง แล้วก็วนกลับมาที่ห่วงโซ่อันแรก แต่สุดท้าย แม่อิ่มดูจะเป็นคนเดียวที่รู้วิธีรักษาใจของตนได้อย่างเข้มแข็ง

นังอุ่นกับคำถามในสายตาของทุกคนในยามมองมา แม้แต่คนเป็นพ่อ ยังเอ่ยปากถามว่า ทำไม ? ทำไมไม่กลับบ้านของเรา ?
คำพูดที่ว่า

“พ่อไปตามหาเอ็งทั่วสารทิศ แต่พ่อไม่เจอเอ็งเพราะไม่คิดว่าเอ็งจะไปอยู่ที่นั่น"

มันบาดใจคนเป็นลูกและคนดูอย่างเรายิ่งนัก
หากเราเป็นผู้ใหญ่แก้ว หรือนางทองคำ
คงช็อคไปเช่นกันเพราะไม่คิดว่าลูกของเราจะโชคร้ายถึงเพียงนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าลูกจะมีชีวิตที่เลวร้ายปานใด คนเป็นพ่อแม่ก็ยังรักลูกเสมอ

คนที่สามบังอร ผู้สุขุมลุ่มลึกกับการวางแผนทำเรื่องร้าย ๆ
ต้องบอกว่าบังอรเองก็มีส่วนอย่างมากกับเหตุเลวร้ายของพี่สาวอย่างนังอุ่น
เพราะความรักในตัวทิดอินมันบังตาบังอรจนมืดบอด
บังอรจึงไม่ลังเลที่จะทำร้าย แม้คนผู้นั้นจะเป็นพี่สาวของตน

แต่ความลับไม่มีในโลก และคนคิดร้ายต่อคนอื่น ย่อมแพ้ภัยตนเองวันยังค่ำ
ปัญหาของบังอรยังไม่จบ เมื่อเธอยังไม่สามารถพาปลัดสมชายมายืนยันกับทุกคนได้ว่า เขาเป็นพ่อของเด็กในท้อง อยากจะสะใจสมน้ำหน้า แต่ก็ทำไม่ลง เพราะมันมีที่มาที่ไปทั้งนั้น ก็แค่สาเหตุเดียวคือความรักที่มีต่อทิดอิน
เมื่อไม่สมปรารถนา บังอรจึงตกอยู่ในวังวนของการประชดประชัน
โดยมีแรงยุจากปลัดจอมเจ้าเล่ห์ที่เลวได้อย่างไม่มีที่ติอีกคน

สุดท้าย อารีย์ผู้ทะเยอทะยาน เธอเป็นคนเดียวที่ไม่เกี่ยวกับวังวนห่วงโซ่ของพวกพี่ ๆ แต่แผลของอารีย์ไม่ได้น้อยไปกว่าพี่สาว การจะทิ้งเลือดในอกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้ชายคนใหม่ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่แม่อย่างนางทองคำแก้ปัญหาไม่ตก เพราะดูแล้วว่าลูกของอารีย์จะกำพร้าทั้งพ่อและแม่แน่นอน

อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่เมื่อวาน คนเราเกิดมาไม่เคยมีใครไม่ทำผิด
แต่เมื่อทำผิดแล้วต้องแก้ไข ไม่ปล่อยให้พลาดซ้ำสอง
ผู้ใหญ่แก้วในยามจะสิ้นลม จึงสำนึกผิดว่าเวลาที่ผ่านมานั้นเอาแต่ใจของตนเป็นใหญ่ ไม่เคยฟังคำใคร แม้แต่ลูกเมีย

สุดท้ายความดื้อรั้น ทิฐิ ถืออำนาจบาตรใหญ่ ตามประสาหัวหน้าครอบครัว
ก็พาผู้ใหญ่แก้วมาถึงทางสุดท้ายของชีวิตที่ไม่เคยมีใครหนีพ้น
คำขอโทษจึงออกจากปากของคนเป็นพ่อได้อย่างไม่ลังเล แต่มันก็สายเกินแก้ เมื่อชีวิตของลูกสาวแต่ละคนล้วนมีแผลกลัดหนองราวมะเร็งร้ายลุกลาม

สงสารแม่ทองคำ ใจไม่เป็นสุขแม้เมื่อนั่งฟังพระสวดศพ
เพราะแผลของลูกมันเป็นแผลใหญ่ แผลสด
จึงทำให้ชาวบ้านผู้ใช้ปากเป็นอาวุธ คุ้ยแคะแกะเกาจนเลือดไหลซิบ

และเมื่องานศพเสร็จสิ้น ความสามัคคีในหมู่พี่น้องก็เริ่มหดหาย
บังอรยังคงเป็นคนที่ใช้อารมณ์เป็นใหญ่
และไม่เคยหยุดระรานหากใครคนนั้นทำให้เธอต้องเจ็บปวด
สีหน้าของนังอุ่นวันนี้ บอกเราว่ามันเจ็บปวดแสนสาหัส
นังอุ่นไม่ทันคิดว่าน้องสาวที่คลานตามกันมา จะกล้าทำเรื่องร้ายแรง
จนทำให้ตัวเธอเองต้องพบกับความวิบัติของชีวิตที่ไม่อาจกู้กลับคืนได้


วันนี้ขอปรบมือให้กับคุณสรพงษ์ในบทผู้ใหญ่แก้ว
แม้จะเป็นวันสุดท้ายที่จะจบบทบาทการแสดงในวันนี้
แต่คุณสรพงษ์ก็ไม่เคยทำให้คนดูผิดหวัง
พลังการแสดงยังคงทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมจนหาข้อตำหนิไม่เจอ

ปรบมือให้กับคุณเดือนเต็ม ผู้สวมบทบาทนางทองคำ แม่ผู้มีแต่ความทุกข์
เกิดเป็นผู้หญิงสมัยก่อน ช่างอึดอัดเหลือเกิน
คือเป็นช้างเท้าหลังยังไม่พอ ต้องเป็นใบ้ด้วยถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นเมียที่ดี

ไม่ลืมปรบมือให้สี่สาววันเดอร์เกิร์ลของเราด้วย ทุกคนทำหน้าที่ได้อย่างดีค่ะ
สรุปแล้วตัวละครทุกตัว ต่างมีชีวิตที่โลดแล่นไปตามโชคชะตากำหนด
ขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะประคองตัว ประคองใจ
ให้ฝ่าฟันอุปสรรคไปได้อย่างปลอดภัยและใสสะอาดค่ะ


คำเตือน : นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวหลังดูละครจบ
โปรดใช้วิจารณญาณ

โดย: โมริสา IP: 125.24.11.1 23 กันยายน 2552 23:14:25 น.








วันนี้มาอัพช้าหน่อย มัวติดธุระ กับส่วนหนึ่งอึ้ง บอกไม่ถูก เพราะเมื่อคืนนี้ บอกตรง ๆ ว่าดูไปก็คิดถึงพ่อไปด้วย ชีวิตนังอุ่นกับผมก็ไม่ต่างกันนัก เพียงแต่วิธีที่พ่อปฏิบัติต่อผมหรือผมปฏิบัติต่อพ่อนั้นมันคือชีวิตจริง ๆ มันคือคนจริง ๆ มันมีกาลเวลาและความซับซ้อนทางอารมณ์มากกว่านั้น

ผู้ใหญ่แก้ว ลงประกาศิตไว้ว่าไม่ให้ลูกกลับมาเหยียบบ้าน ดังนั้นอุ่นต้องไป

เมื่อคืนมีคนถามผมว่า เอาอารมณ์ตรงไหนมาเขียนนิยายเรื่องนี้ ทำไมมันเต็มไปด้วยความโหดร้าย ความคับแค้นใจ..น้อยเนื้อต่ำใจ..

พอถึงวันนี้ วันที่เราโตแล้ว วันที่เราได้บวชเรียนแล้ว ผมถึงได้รู้ว่า ในทางธรรมนั้น พ่อแม่ลูกนั้นมีสายใยถึงกัน วันที่เราปฏิบัติธรรม เบื้องต้นหากเราได้ปีติ ได้สุข คนแรกเลยที่เราคิดถึง คือพ่อกับแม่ครับ..ผิดก็เห็นจิตตกเลย ถูกเราก็ปลื้มขึ้นมาด้วย

ตอนที่ผมเขียนชิงชัง ผมเขียนในขณะที่ผมเป็นพระ เพิ่งบวชได้ไม่สองปี คำว่าอภัยกับพ่อนั้นยังไม่มี จนเมื่อเขียนจบแล้ว ชีวิตของเราผ่านอะไรมากขึ้น..เราจึงได้รู้ว่า พ่อนั้นรักเรามาก มองย้อนกลับไป พ่อนั้นรักเรา และก็ บางครั้ง พ่ออยากจะเอ่ยปากบอกเราว่า พ่อก็รักเรา แต่พ่อก็ไม่ได้เอ่ย เพียงแต่สายตาของพ่อตอนที่พ่อป่วยนั้น ผมดูออกว่าพ่อนึกถึงวันที่ผ่านมาเช่นกัน..

ตอนผมเรียนจบชั้นป.6 พ่อไม่ให้ผมเรียนต่อ ให้ผมทำนา แล้วให้ไปเรียน กศน. ตอนนั้นฝันของผมดับทันที ต่อมาเมื่อผมเรียนจบ ชั้น ม.ต้น (สองปี) ผมก็ขอพ่อจะไปเที่ยวหาอาที่เชียงใหม่ กับ ลูกอาอีกคน พ่อไม่ให้ไป.. แต่ตอนนั้นผมไม่เชื่อ พอพ่อไม่อยู่บ้าน ผมก็หอบเอกสารสำหรับขอทำเรื่องจบ
ม.ต้นที่ กศน. นครสวรรค์ มาด้วย(ตั้งใจจะเอาวุฒิมาสมัครม.ปลายตอนเปิดเทอม) แต่ตอนนั้นคิดว่า เมษายนนี้ จะไปหาเชียงใหม่ให้ได้ อยากไปมาก เพราะช่วงนั้นเป็นหน้าแล้ง ไม่ได้ทำอะไรแล้ว ...

พอพ่อรู้ว่าผมไม่เชื่อ พ่อก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ใหญ่แก้ว ไฟในใจพ่อลุกขึ้นมา ..ด่าผมสาดเสียทีเสีย ไม่ให้ผมกลับไปเหยียบบ้าน คือเป็นอะไรที่เข้าใจไม่ตรงกัน.. ย่าที่แรงกว่าพ่อก็เลย บอกให้เรียนต่อที่ปากน้ำโพ โดยแม่ขอเงินของตามาส่งเสียให้.. แล้วตอนหลังผลการเรียนผมดี ไม่เกเรอย่างที่พ่อกลัว (ก่อนหน้านั้นลูกป้าติดยา พ่อก็เลยคิดว่าส่งเรียนไปก็เปล่าประโยชน์) ปู่พาผมกลับบ้าน ตอนนั้นอายุ 15 กลัวมาก กลัวถูกพ่อตี แต่พ่อก็เฉย ๆ ทำเป็นไม่สนใจ ประมาณว่าคว่ำบาตรผม แต่พ่อก็ดีใจว่าผมยอมกลับบ้าน ..ตอนหลังพ่อก็ยังบังคับให้กลับไปช่วยงานในไร่ทุกอาทิตย์.. ถึงจะให้เงินมาโรงเรียน แต่อย่างไรก็ไม่วายสบประมาทตามหลัง..

จนผมเรียนจบปวช. ผมได้ทุนปวส. แต่ผมไม่เรียนต่อที่นครสวรรค์ อยากเรียนราม ทะเลาะกันอีกยก

ตอนนั้นผมก็โตแล้ว ผมก็หาเงินเรียนเอง เรียนในเรื่องที่เราอยากรู้ อยากเป็นและก็อยากเรียน..อยากทำอะไรก็ทำ..ทุกอย่างที่พ่อเคยห้าม ผมกระโจนใส่หมดเลย..พ่อไม่ให้เล่นไพ่ แต่ว่า ที่บ้านเปิดบ่อนบ่อย ๆ ผมเล่นเป็น ตอนหลังพ่อรู้ ด่าผมใหญ่ ไม่ให้กินเหล้า ผมกิน เที่ยวทุกที่ที่อยากไป..อยากทำอะไรทำหมด..แต่ว่าก็เรียนจบ(ส่งตัวเองเรียน)

จนตอนหลังทะเลาะกันยกสุดท้าย จะบังคับให้ผมไปเป็นครูที่โรงเรียนในหมู่บ้าน ผมประชดบวชไม่ยอมสึก...พ่อให้สึกผมก็บวชต่อมาเรื่อย ๆ..

พอเรียนจบเขามีรับปริญญา ผมก็ไม่ไป ไม่สน ไม่ต้องถ่ายรูปยินดงยินดีอะไรกันทั้งนั้น พ่ออยากบวชให้แบบจัดงาน ผมก็ไม่เอา พอบวชแล้วให้ไปอยู่วัดนี้ วัดนั้น ผมก็ไม่เอา.. จริง ๆ ตอนนั้นผมประท้วงเพราะว่าพ่อกินเหล้าหนักมากกกกกกก

จนตอนหลังพอผมไปนั่งสมาธิแล้ว ถึงได้รู้ว่า วิธีที่ผมต่อต้านพ่อมันผิด.. หลังจากนั้นก็หันหน้าเข้าหาพ่อ เอาธรรมะเข้าไปช่วย ตอนนั้นพ่อก็คงรู้ว่าผมรักพ่อมาก ผมไม่อยากให้พ่อตกนรก..แต่ว่าคนติดเหล้ามันแก้ไม่ได้ง่าย ๆ...เราเป็นขาว เขาเป็นดำ เขาเข้าใจว่าขาวมันดี แต่ว่า พ่อทำไม่ได้..

ผมก็ปล่อยให้พ่อกินเหล้าตามสบาย ...ป่วยก็พาไปหาหมอ หายก็ปล่อยให้กิน อยากทำอะไรให้ทำ
ไม่บ่นไม่พูด..(เพราะพี่สาวกับน้องจะช่วยกันบ่นไปแล้ว)

แต่ผมก็เป็นคนดูแลพยาบาลพ่อตลอดครับ..

คนอื่น ๆ เขาไม่ค่อยว่างกัน แต่ผมว่าง ผมจะคล่องเรื่องโรงพยาบาล ติดต่อประสานงานรวดเร็ว ทุกครั้งที่ไม่สบายพ่อจะเรียกหา และมั่นใจว่า ผมต้องช่วยเขาได้...

มีอยู่วันหนึ่ง ผมตอนเฝ้าพ่ออยู่ แล้วนอนอ่านหนังสือนิยายไปด้วย(มือผมจะมีหนังสือติดตลอด) ผมเงยหน้าดูพ่อ(ผมเคยถูกห้ามอ่านหนังสือด้วย) ผมเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี กับความสำเร็จของผม แต่พ่อก็ไม่ได้พูดออกมาอย่างผู้ใหญ่แก้ว..

บางครั้งพ่อรู้ว่าเราตัดสินใจทำงานแบบนี้ พ่อก็ห่วงกลัวเราเอาชีวิตไปไม่รอด..แต่พ่อก็รู้ว่า พูดไปมันก็เปล่าประโยชน์เพราะเรื่องเชื่อมันในตัวเองสูงก็ไม่ต่างกับพ่อสักนิด กับอีกส่วนหนึ่ง ผมพิสูจน์ให้พ่อเห็นแล้วว่า ผมทำได้...

บางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าพ่อเราใจดี เราอาจจะไม่ได้ดีก็ได้ ถ้าพ่อไม่สบประมาท เราอาจจะไม่ฮึดสู้กับแพ้อุปสรรคทั้งหมดมาได้...

ดังนั้น หากอารมณ์ส่วนหนึ่งของผมจะแฝงอยู่ในตัวละคร ก็คงเป็นนังอุ่น กับฉากเมื่อคืน..การขอขมากันก็ดี เป็นสิ่งที่ลูกควรทำอย่างยิ่งก่อนที่พ่อแม่จะลาลับโลก ในชีวิตจริง พอเราพนมมือก้มกราบบอกว่า ‘พ่อผมผิดอะไรก็อโหสิกรรมให้ผมนะ’ มันเจ็บปวดมากนะ..เรารู้อยู่แก่ใจตัว..ว่าบางทีเราตั้งใจทำผิด และบางทีเราไม่ได้ตั้งใจ..และสุดท้าย มันก็เกือบจะสายไปนั่นเอง สำหรับผมเอง ผมแอบขอขมาพ่อตอนวันสงกรานต์ ซื้อพวงมาลัยมะลิไป ขอรดน้ำขอขมา...พ่อร้องไห้ ผมก็ร้อง..

แต่ว่ามันเป็นน้ำตาเย็น..

พอและ..

ครับสำหรับชิงชังเมื่อคืน เรียกหยาดน้ำตาได้มากคนทีเดียว ใครไม่ร้องนี่คงจะเป็นคนใจแข็งมาก ๆ วันนี้ผมไปกินกาแฟกับเพื่อน เด็กในร้านบอก พี่หนูเลิกดูนานแล้ว เพราะบีบหัวใจจัด รอดูรุ่นลูกค่ะ

เข้าใจ เพราะมันเป็นละครที่เหมือนชีวิตจริง ๆ มากนั่นเอง ดูแล้วต้องคิดตามไปด้วย..


วันนี้เหมือนเดิมว่าเขาเล่าเรื่องด้วยภาพแล้วกันครับ..ไม่เรียงตามลำดับเรื่องนะครับ ....








“ถ้ามึงทำตัวระยำ หนีตามผู้ชายมึงอย่ามาเรียกกูว่าพ่อ แม้แต่หน้าก็อย่ามาให้กูเห็น ส่วนอีนังนั่น ถ้ากูตาย ก็ไม่ต้องให้มันมาเผาผีกู นับตั้งแต่วันนี้ไป มันกับกู ขาดกัน”
((ตอนที่รู้ว่าอิ่มหนีไปกับยอด))

“พี่ยอดให้ฉันมาบอกอาผู้ใหญ่จะพาพี่อิ่มกลับบ้าน แล้วจะมากราบเท้าขอขมาอาผู้ใหญ่กับอาทองคำฯ”
“เอ็งกลับไปบอกอีคนไม่รักมันด้วยว่า ถ้ามันเก่ง มีผัวเองได้ก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครผูกข้อไม้ข้อมือ”
((ตอนที่ยิ่งมาบอกผู้ใหญ่แก้วเรื่องส่งตัว))

“ว่าไงละอุ่นเอ็งรักใครชอบใครเอ็งบอกพ่อกับแม่ พ่อแม่ไม่คับเอ็งหรอก” (นางทองคำ)
“ไม่จริง ทั้งท่าน้ำอ้อย ไม่มีใครดีเกินพ่ออิน บอกข้ามาซิ ว่าถ้าเอ็งไม่แต่งงานกับพ่ออินแล้วเอ็งจะแต่งกับใคร บอกข้ามาซิว่าเอ็งรักใครชอบใคร บอกมาซิ.. บอกมา..บอกมา”
(พอบอกแล้วแกก็ปรี๊ดดดดดดดดดดดแบบนี้)

"เกิดมากูไม่เคยพบไม่เคยเห็นพี่น้องริจะมีผัวคนเดียวกัน.. นึกไม่ถึงเลย อีอุ่น ว่าลูกสาวของกูจะเป็นได้ถึงเพียงนี้.."

"ฉันรักพี่ยอดก่อนพี่อิ่ม ก่อนใครทั้งนั้นนะพ่อ.."

"อย่าเอ่ยชื่อนี้ให้กูได้ยินอีก .."

"พ่อห้ามปากฉันได้ แต่พ่อห้ามใจฉันไม่ได้ ต่อให้พ่อตีฉันให้ตาย ฉันก็จะไม่หยุดรักพี่ยอด."
((((ตอนอีอุ่นไม่ยอมแต่งงานกับอิน))))
.



ครับ เริ่มต้นภาพ ด้วยพิธีวิวาห์ระหว่าง บังอรกับอิน ภาพนี้คงเป็นภาพที่พ่อแม่น่าจะชื่นชมยินดีกับลูกเป็นอย่างยิ่ง แต่เบื้องหลังนั้น ที่เจ้าสาวเป็นบังอร ก็เพราะ ยอดนั้นทำพิษ พรากเจ้าสาวของอินไป ผู้ใหญ่แก้ว กับเจ็กฮวด เลยคิดจะดองกันอีกรอบ เลยบังคับให้อุ่นแต่งงานกับอิน แต่ว่าอุ่นนั้นหนี ทำให้เจ้าสาวต้องเป็นบังอร..

เรื่องร้าย ๆ จึงตามเข้ามาในชีวิตของแก..

งานนี้ถามว่าใครผิด..ใครผิด ใครผิด..
แต่เพลงเขาก็บอกอยู่แล้วนี่ ถ้าจะมีคนผิด ก็ผิดเพราะรัก..

ผิดเพราะรักลูก ผิดเพราะรักแบบหนุ่มสาว...









“พวกเอ็งถือดีอย่างไรถึงมาเหยียบบ้านข้า”
“พ่อจ๊ะฉันกับอุ่นต้องการที่จะ”

“ไปพูดกันในบ้าน เฉพาะนางอิ่มคนเดียวคนอื่น ๆ ไสหัวไป”

“ทำไมละพ่อ ทำไมฉันจะขึ้นบ้านไม่ได้ ฉันไม่ใช่ลูกพ่อหรือไง”

“ผู้หญิงไม่มียางอาย หนีตามผู้ชายไปอย่างเอ็ง ข้าไม่นับเป็นลูก”

“พอไปเอามาจากไหน ว่าฉันหนีตามไอ้ยิ่ง ใครมาใส่ร้ายป้ายสีฉัน ทำไมพ่อไม่ตบปากมันไปสักทีสองที”

“ตบปากเหรอ ได้สิ...มึงเอ็ง ที่เขียนจดหมายบอกกูว่าอยากมีผัวเป็นไอ้ยิ่ง กูไม่เชื่อมึงแล้วจะให้กูเชื่อใคร ไปเลย มึงไสหัวออกไปเลย กูไม่อยากเห็นหน้ามึง”...


“จะมาดูใจข้าอย่างนั้นรึ ทำไมเอ็งไม่รอให้ข้าใกล้ตายซะก่อนถึงจะกลับมาบ้านได้ ก็พ่ออินเขาถอนเสน่ห์ให้เอ็งตั้งนานแล้ว ..ทำไมเอ็งไม่คิดกลับบ้าน หรือว่าเอ็งผู้ชายดีกว่าพ่อกว่าแม่...”

“ไม่ใช่อย่างนั้นละจ๊ะ”

“แน่นะ”

“ดี..ถ้าอย่างนั้น เอ็งก็ทิ้งไอ้ยอดซะ”

“ข้าอยากให้นังอิ่มมันเลิกกับไอ้ยอดแล้วกลับมาอยู่บ้านเรา...ว่าอย่างไร นั่งเป็นบื้อเป็นใบ้"

“ใจเย็น ๆ ค่อย ๆพูดค่อย ๆ จากันอย่างไรอิ่มกับยอดก็ผัวเมียกันนะ”

“ฉันไม่เคยยกลูกสาวให้มัน”

“พูดมานังอิ่ม อย่ามานั่งเป็นภะคะวัน พูดมาระหว่างพ่อกับผู้ชายเอ็งจะเลือกใคร”

“พูดมาจะพูดหรือไม่พูด ไม่อย่างนั้นข้าจะเฆี่ยนให้ตายคาหวายนี่แหละ..พูดมาระหว่างข้ากับไอ้ยอดเอ็งจะเลืกใคร”

“พ่อ พ่อจ๋า ระหว่างพ่อกับพี่ยอด ถ้าจะให้ฉันตายแทน ฉันตายแทนพ่อได้โดยไม่ต้องคิด พ่อกับแม่ มีบุญคุณให้ฉันเกิดมา ไม่มีใครมาทดแทนพ่อกับแม่ได้หรอกจ๊ะ แต่พี่ยอดเป็นผัวฉัน ถึงแม้จะไม่ได้ตกแต่งกันตามประพณี แต่ฉีนก็เป็นเมียพี่ยอดนะจ๊ะ”

“อีลูกไม่รักดี”

“จำคำกูไว้ อีอิ่ม วันใดที่มึงน้ำตาตกเพราะมัน มึงอย่าได้คลานกลับมาหากู..”




“นังอุ่นมันทำผิด ..คนเขาก็นินทาว่าร้ายมัน ตามธรรมดาของชาวโลก ห้ามปากคนได้อย่างไร หามใจตัวเองไม่ดีกว่ารึ”

“หลวงพี่ไม่เคยเป็นพ่อคน หลวงพี่ไม่รู้หรอกว่าฉันรู้สึกอย่างไร ฉันเลี้ยงลูกมา ฉันก็อยากให้มันได้ดี ไม่คิดว่ามันจะทำให้เจ็บและอายได้ถึงเพียงนี้”

“ฉันละพี่แก้ว ฉันก็เจ็บทั้งอาย จะให้ฉันทำอย่างไร อย่างมันก็เป็นลูกของเรา”
“สำหรับอีอุ่นอีลูกชั่วข้าไม่มีลูกอย่างมัน..”

(((ตอนผู้ใหญ่แก้วไปไล่ตีลูกบ้านในวัด เรื่องที่นินทาอิ่มกับอุ่น แล้วหลวงลุงมาห้าม)))))

“ความซื่อสัตย์ต่อการครองเรือนอีอิ่มมันก็ทำถูกแล้ว..”
“ฉันเป็นพ่อไม่ได้เป็นพระอย่างหลวงพี่..หลวงพี่เคยดูชะตานังอิ่มไว้ไม่ใช่รึกว่ามันจะได้ยากเพราะผู้ชายน่ะ”

“ถ้าเชื่ออาตมาตั้งแต่แรกไม่จับมันแต่งงานกับไอ้อินเรื่องมันก็ไม่เป็นอย่างนี้หรอก”

“หลวงพี่ แล้วดวงชะตานังอารีย์ล่ะ มันเป็นอย่างไรบ้าง..”

“ในบรรดาพี่น้องสี่คนเนี่ย วาสนามันดีกว่าใครทั้งหมด...จะมีลาภยศเงินทองและได้คู่ครองที่ดี.."

"มันจะเป็นไปได้หรือหลวงพี่ ..วันนี้มันอยู่ที่ไหน แล้ววันข้างหน้ามันจะเป็นไปได้อย่างไร”
(ผมชอบตอนนี้มาก เพราะ ผู้ใหญ่แก้วจะเหมือนพ่อมาก คือ กับพระพ่อก็จะไม่ถนอมคำหรอกพูดอะไรตรง ๆ แบบนี้แหละ..ใช่เลย..สีหน้าทาทางแกนั้นห่วงลูกมากกกก)))

“พี่เมื่อตอนสายฉันไปที่ตลาด ฉันได้ข่าวว่านังอิ่มมันเดือดร้อนจนเอาทองหยองมาขายเจ้เกียวแล้วนะ..”

“เราเห็นมันเป็นลูก แล้วมันเห็นเราเป็นอะไร พอมันตกยากลำบาก มันตากหน้าไปหาคนอื่นได้ แต่มันไม่ยอมกลับมาหาพ่อหาแม่ ข้าเป็นพ่อมัน ถึงจะดุด่าเฆี่ยนตีมันอย่าง ข้าก็ตัดลูกไม่ขาด ข้าก็ตัดลูกไม่ขาด แต่พวกมันสิ พอได้ดี ได้ผัว แล้วไม่เห็นหัวพ่อหัวแม่”

“พี่แก้ว ฉันรู้ นะ ปากพี่จะดุด่าว่าลูก ใจจริง พี่ก็เป็นห่วงลูกเหมือนฉันใช่ไหม พี่เองก็อยากเจอลูกเหมือนฉันใช่ไหม”

(พอรู้ว่าอิ่มเอาแหวนทับทิมมาขายนางทองคำก็มาปรับทุกข์ ว่าจะไปหนองโพไปดูลูก ...แต่ว่ายังไม่ทันไป อารีย์ก็กลับมาพร้อมกับเรวัตร แล้วมาโกหกพ่อว่า หนีน้าเภาไปอยู่ที่ไหนมา...พอผู้ใหญ่แก้วรู้ความจริง โกรธ น้าเภามาก ตามไปปากน้ำโพ จะฆ่าให้ได้ เพราะทำร้ายลูกกู นี่คือพ่อที่รักลูกมาก ลูกกูใครแตะไม่ได้ด้ แต่ผู้ใหญ่แก้วก็มาเสียใจอย่างมากเมื่อรู้ว่าอารีย์โกหก..ไม่พูดความจริง)))




“เอ็งฟังไม่ผิดหรอกนังอารีย์ เอ็งกำลังจะมีลูก เอ็งโกหกข้าใช่ไหม จริง ๆ แล้วที่เอ็งหายไป
เอ็งไปอยู่กินกับไอ้หนุ่มนั่นใช่ไหม ….บอกพ่อมาซิ เอ็งท้องกับไอ้เรวัตรใช่ไหม...เอ็งไม่ตอบข้าก็ได้ ข้าจะไปถามมันเอง…ไอ้ผู้ชายที่ชื่อเรวัตรว่ามันเป็นใคร..พูดมาเดี๋ยวนี้ ข้าถามว่ามันเป็นใคร แล้วเอ็งท้องกับใคร ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน ฮะ”

“เอ็งบอกพ่อมาวันนี้ ถ้าไม่บอกพ่อจะตีให้ตายยยยยยยยยยเอ็งท้องกับใคร..”

“นังอารีย์ เอ็งจะโกหกอะไรพ่ออีก..เอ็งไปกับไอ้ปิง อยุ่กินกับมันจนมีท้องมีไส้ แล้วเอ็งก็มาหลอกข้าว่าไม่มีอะไรกัน ถ้าลูกในท้องมันไม่ประจานแม่มันออกมา .. ข้าก็ไมรู้วาลูกของข้าทำตัวเลวยิ่งกว่าเลวยิ่งกว่านางโมรากากี..”

“ก็พอเป็นอย่างนี้ฉันจะบอกพ่อได้ไง ที่ฉันหนีปิงมาเพราะฉันไม่อยากเป็นเมียมัน..ฉันอยากไปบางกอก ไปกับคุณเรวัตร ฉันมีชีวิตที่มีความสุขสุขสบาย แต่ถ้าฉันบอกพ่อมีหรือพ่อจะให้ไป..”

“เอ็งโทษข้าหรือนังอารีย์”

“หรือไม่จริง ถ้าพ่อดีจริง พี่อิ่มคงไม่หนีตามพี่ยอดไป พี่อุ่นคงไม่หนีออกจากบ้าน..บ้านเราคงไม่บ้านแตกสาแหรกขาดแบบนี้”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะนังอารีย์..” ผู้เป็นแม่ร้องห้าม

“ถ้าเอ็งคิดว่าพ่อที่ดี ต้องยอมให้พวกเอ็ง ใช้ชีวิตระยำตำบอนได้ตามใจ ข้าก็จนปัญญา ข้า คงเป็นพ่อที่ดีให้เอ็งไม่ได้ ต่อแต่นี้ เอ็งไม่ต้องนับว่าข้าเป็นพ่อ ข้าก็จะไม่นับว่าเอ็งเป็นลูกของข้า...ชีวิตใคร ชีวิตของมัน..ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเอ็งอีกต่อไป..”

“พ่อจ๋า ฉันขอโทษ ฉันพูดผิดไป...ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะพ่อ ฉันขอโทษ..ฉันผิดไปแล้ว ..”

“มึงจำไว้ มึงจำไว้ กูไม่มีลูกอย่างมึง...”

(((( ที่คัดคำสนทนามาก็เพราะอยากให้เห็น ถึงอารมณ์ของลูกและพ่อ ถามว่าใครผิด..ใครผิด ใครผิด...มันพูดยากมากนะ..แล้วแต่ภูมิหลังของแต่ละคน.. สำหรับฉากนี้ ทำให้ผู้ใหญ่แก้วล้มครั้งแรก หัวใจสลายทีเดียว เพราะไม่คิดว่าอารีย์จะย้อนได้ทิ่มแทงใจดำของแก...ได้ข่าวว่า ฉากตกบันได คุณสรพงษ์ เล่นจริงเจ็บจริง ไม่ใช้แสตนอินครับ....และฉากนี้ เรียกน้ำตาได้ เพราะไม่รู้จะให้คะแนนใครเลย ทั้งผู้ใหญ่แก้ว อารีย์ และปิง...มันบีบคั้นหัวใจเหลือเกิน............)))




“ไหน ๆ ก็พูดความจริงกันแล้ว ฉันขอพูดให้หมดเปลือกแล้วกัน ทุกคนก็รู้ว่าฉันแต่งกับบังอรก็เพราะความจำใจ ที่ผ่าน พี่อดทนกับเอ็งมาตลอด เพราะเห็นแก่เตี่ย แต่วันนี้ เตี่ยก็ไม่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพี่จะไม่ขอทนอีกต่อไป ชีวิตพี่ พี่รักแต่แม่อิ่ม บังอร พี่ไม่เคยนอกใจเอ็ง เพราะพี่ไม่เคยรักเอ็ง และพี่ จะไม่มีวันรักด้วย..”

“อาผู้ใหญ่แม่ทองคำยกโทษให้ฉันเถอะนะ ฉันไม่เคยอยากให้เรื่องเป็นแบบนี้เลย”

((( ฉากนี้เป็นอีกฉากที่ชอบ ประมาณว่า ผู้ใหญ่แก้วก็มีส่วนที่ทำให้อินต้องพูดแบบนี้ออกมา..วันนั้นบังอรเล่นดีมากกกกกกก อยากถวายมือให้จริง ๆ ผับผ่าสิ...///หลังจากผู้ใหญ่แก้วเจ็บออด ๆ แอด ๆ อิ่มที่ถูกยอดทิ้งจริง ๆ หวังจะกลับมาอยู่บ้าน แต่ว่า บังอรก็แว๊ด ๆ จนผู้ใหญ่แก้วล้มเป็นครั้งที่สอง..ตรอมใจนั่นเองงงงงงงงงงงงง)))






“ฉันคิดถึงนังอุ่น ฉันเป็นห่วงมัน ไอ้ยิ่งก็ตายไปแล้ว ไอ้ยอดก็ไม่รู้หายตัวไปไหน ที่หนองโพ เหลือแต่มันคนเดียว มันจะอยู่ได้อย่างไร”

“ มันก็คงอยู่ของมันได้หรอกน่า อย่างน้อยมันคงอยู่สบายกว่าบ้านพ่อบ้านแม่ มันถึงไม่คิดจะกลับบ้าน”

“ก็ลูกมันทำผิดก็พี่ไม่ยอมให้อภัยมัน มันจะกล้ากลับมาได้อย่างไร พี่ก็รู้ว่ามันกลัวพี่ขนาดไหน”

“ขนาดมันกลัวฉัน มันยังเอาดีไม่ได้สักคน”

“พี่แก้ว ตอนนี้มันคงสำนึกผิดแล้วแหละ ว่ามันทำอะไรลงไป มีสักคนได้ดีที่ไหน พวกมันต้องตกระกำลำบาก ถูกผู้อื่นเหยียดหยาม เราเป็นพ่อเป็นแม่ถ้าไม่ให้อภัยมันแล้วใครที่ไหนจะให้อภัยมันละพี่ ฉันขอละพี่แก้ว ฉันทนเห็นลูกตกระกำลำบากต่อไปไม่ไหวแล้ว”

“ฉันเองก็ไม่อยากเห็นพวกมันเป็นแบบนี้หรอก ฉันก็ห่วงพวกมันเหมือนแม่ทองคำนั่นแหละ แม่ทองคำนิ่งเถอะนะ ฉันรับปาก ฉันสัญญา ว่าจะเอาลูกสาวกลับมาคืนแม่ทองคำให้ได้”




“แม่ทองคำ จำกำไลคู่นี้ได้ไหม ฉันซื้อมาใส่ให้นังอิ่ม ตกทอดมาถึงนังอุ่น นังบังอร และก็นังอารีย์”

“จำได้สิจ๊ะพี่ซื้อมาตั้งหลายบาท ลำบากยากจนกันแทบตายพี่ก็ยังไม่ยอมขาย”

“ฉันตั้งใจจะเก็บไว้ให้ถึงรุ่นหลาน ไม่นึกเลยว่านังอารีย์จะเป็นคนได้ไป..ฉันจะเอากำไลคู่นี้ไปรับขวัญหลาน อย่ารอให้นังอารีย์มันมาหาเราเลย ไม่ทันใจ เราไปหามันดีกว่า”

(ตรงนี้ก็เรียกหยาดน้ำตาได้เช่นกันครับ....เรียกได้จริง ๆ คงมีเนอะ ที่พ่อแม่ยังเก็บ ของใช้ของเราไว้ มีไหม เคยได้ยิน พ่อแม่เอ่ยถึงเราตอนแบเบาะไหม ตอนนั้น ตอนนี้ พอเราได้ยินแล้ว เราจะรู้สึก ซึ้งอย่างบอกไม่ถูก..ทุกคนคงมีนะครับ...)
..

พอจบฉากนี้พายุก็โหมกระหน่ำเข้ามา ความสุขเพียงชั่วครู่ ก็พลันหายไป..





“ลูกของเอ็ง เอ็งจะให้เรียกนังอิ่มว่าแม่ได้อย่างไร”

“นังอารีย์เรื่องที่เอ็งจะไปบางกอกมันอีกเรื่องหนึ่ง..แต่ขั้นจะไปบางกอกมันอย่างไงกัน”

“คราวนี้ฉันจะไม่โกหกพ่อแล้วนะ แล้วพ่ออย่าห้ามฉันนะ ฉันจะไปแต่งงานใหม่”

“เขาเป็นทหารยศร้อยเอก ลูกผู้ดี ร่ำรวย ฉันจะได้เป็นคุณนาย สบายไปทั้งชาติ”

“หมูหมามันยังรักลูก เอ็งยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า หัวใจเอ็งทำด้วยอะไร”

“ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเอ็งจะเลวได้ถึงเพียงนี้ นังลูกชั่ว”

ตามด้วยบังอร
"นังบังอรซิชั่วกว่า"


“เอ็งทำอะไรอีก”
“มึงบอกกูมาว่ามึงไปทำชู้กับใครอีลูกชั่ว”

แล้วฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดลง..



อีอุ่นเป็นกระหรี่ที่ปากน้ำโพ..



สองผัวเมียตกตะลึง..




ส่วนผู้ใหญ่แก้วก็อย่างที่เห็นและที่รู้ ๆ กัน....

*************************************




“อุ่นลูกพ่อ พ่อไปตามหาเอ็งแต่พ่อไม่เจอเอ็ง พ่อนึกไม่ถึงเลย ทำไมละลูก ลูกโกรธพ่อหรือลูก ทำไมลูกไม่กลับมาบ้านมาหาพ่อ แล้วทำไมทำเอ็งถึงได้...”

“พ่อจ๋า ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่มันโชคร้าย โดนไอ้พวกนั้นมันจับตัวไป แต่ถึงฉันจะอยู่ในซ่อง ฉันก็ไม่ได้ขายตัวนะพ่อ พวกมันบังคับฉัน มันบังคับให้ฉันรับใช้อยู่ในนั้น”

“พ่อผิดเอง พ่อผิดเอง ที่ทำให้เอ็งต้องหนีไป”

“ฉันเองก็ผิดจ้ะพ่อ ฉันผิดที่ลุแก่อารมณ์เป็นใหญ่”

อิ่ม “พ่อจ๋า พวกฉันทุกคนผิด ทั้ง ๆ ที่พ่อรัก พ่อห่วง แต่พวกเราทุกคน ก็ทำให้พ่อผิดหวังและเสียใจ พ่อให้อภัยพวกเราทุกคนนะจ้ะ”

“พ่อต้องขอโทษพวกเอ็งทุกคน ที่พ่อไม่เคยเห็นใจพวกเอ็งทุกคน แม่ทองคำ ฉันต้องขอโทษแม่ทองคำด้วย ที่ฉัน ฉันทำให้ลูกสาวของแม่ทองคำ ต้องได้ทุกข์ ได้ยาก เพราะความเอาแต่ใจของฉัน”

“พี่แก้ว ฉันไม่เคยโกรธ ไม่เคยถือโทษพี่ เพราะฉันรู้ว่าทุกสิ่งที่พี่ทำไป เป็นเพราะว่าพี่รักพวกมันทุกคน”

“ได้เห็นลูก ๆ ทั้งสี่คนของพ่อตรงนี้พ่อดีใจ..อิ่ม อุ่น บังอร อารีย์ พวกเอ็ง เป็นพี่ เป็นน้องกัน พ่ออยากให้พวกเอ็ง รักกันไว้นะลูกนะ รักให้ถูกลูก รักให้เป็น รักแล้ว ต้องคิดถึงใจเขา ใจเรา เข้าอก เข้าใจ ให้อภัยซึ่งกันและกันนะลูก....อย่าให้เป็นเหมือนพ่อ ที่พ่อเคยทำผิดพลาดมา แม่ทองคำ เราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ฉันขอกอดลูกทุกคนของฉัน..ลูกพ่อ พ่อรักลูกห่วงลูกของพ่อทุกคน นะลูกนะ”





เพื่อนขอมาว่าต้องซีนนี้ครับ.. "พี่แก้ว ลูก ๆ มากันแล้วนะ".. เค้าบอกว่า พูดเหมือนแม่เขาเลย... "อาเฮีย ตี๋ใหญ่มาแล้วนะ" ส่วนแม่ผม "จ๊อดอย่าเอาแต่นอนสิ ตื่นมาด่าเค้าก่อน"... ต้องยกนิ้วให้ซีนนี้เช่นกัน เข้าถึงความเป็นคนได้สุด ๆ ทีเดียว..

ส่วนผมชอบซีนนี้ครับ..


แม่ทองคำงามทั้งกายและใจ...

อาจจะเป็นเพราะเพื่อนผมเพิ่งเสียพ่อ ผมก็เพิ่งเสียพ่อ เลยเข้าใจ อารมณ์ตรงนี้เป็นอย่างมาก ตอนนั้น ตอนที่พ่อขาดใจ แม่ พี่สาว อา ร้องไห้กันตรงนั้น ผมก็ยืนทำใจแข็ง คิดว่า เราใจแข็ง คิดว่า ไม่ร้องหรอก ต้องไม่ร้อง...อายเขา..แน่นตื้อ..แต่พอเดินออกมาจากเตียงคนไข้ ลับตาคนอื่น..ก็ หึ้ย ไม่มีพ่อแล้วสิเรา ไม่มีพ่อแล้ว น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง ยืนหันหน้าเข้าหากำแพงร้องไห้...แต่ว่าร้องให้ขาดใจพ่อก็ไม่ฟื้นหรอก แต่ว่าร้อง ๆ ไป ก็คิดได้ว่า เราไม่มีอะไรติดค้างกับพ่อแล้วนะ ก็ตั้งสติจัดงานศพต่อไป... แล้วเหตุการณ์นั้นก็ผ่านเรามาแล้ว เพราะชีวิตหนึ่งของลูกคนหนึ่ง กับพ่อแม่..หน้าที่สุดท้ายของลูกนั่นก็คือ ดูแลยามพ่อแม่ป่วย และจัดงานศพให้..

วันนั้นทำบุญครบรอบร้อยวันให้พ่อ..ชิงชังก็มา พี่สาวผมก็บอกว่า ถ้าพ่อยังอยู่..พ่อคงจะคุยไปทั่วเลยว่า ผลงานของลูกผมมมมมม....ผมถึงต้องบอกว่า ดูผู้ใหญ่แก้วทีไรคิดถึงพ่อทุกที...



ฉากงานศพ เป็นอะไรที่รวบรัดกระชับและแรงมาก ...ถือว่าเยี่ยมทีเดียว..บางคนคงไม่รู้ว่า หลวงลุงนั้นเป็นพี่ชายแม่ทองคำ สายตาที่หลวงลุงมีให้น้องสาวนั้น มันมีทั้งความเป็นพี่ความเป็นพระปนอยู่ด้วย บทเขาละเอียดดีจริง ๆ..



((((ชีวิตของอุ่นน่าจะเป็นบทเรียนให้ใครไม่ใครไม่น้อยนะครับ))))



พี่ใจพระ



หัวใจของแม่อิ่มนั้นตายไปพร้อมกับไอ้ยอด..ถ้าไอ้ยอดมันรู้ว่า แม่อิ่มรักและคิดถึงมันมากถึงเพียงนี้มันคงดีใจมากกกกกกกกกกกก



ครับ ร่วมไว้อาลัยกับผู้ใหญ่แก้ว เรื่องของแก กับลูกสาวหากทำให้ใครได้ข้อคิดในการมีชีวิตอยู่บ้าง ผมก็ขอเอาความดีต้องนั้น อุทิศให้กับผู้ใหญ่แก้ว แม่ทองคำตัวจริง(แต่ว่าไม่ใช่คนในนิยาย) นะครับ..




 

Create Date : 24 กันยายน 2552
18 comments
Last Update : 24 กันยายน 2552 18:39:49 น.
Counter : 3490 Pageviews.

 



...หวัดดีค่ะ ปกติไม่ค่อยดูละครซํกเท่ารัย แต่พอเห็นวิเคราะห์อย่างนี้แล้ว ทำให้ได้แง่คิดมากมายค่ะ ...สงสัยต้องหาเวลาดูละครหลังข่าวมั่งแล้ว...

 

โดย: คนดีคนเก่ง 24 กันยายน 2552 10:24:24 น.  

 

ได้อ่านคอมเม้นท์ของคุณเฟื่องเมื่อวานที่บอกว่า .. "เพราะพอไม่มีพ่อแล้ว สายตาของใครที่ให้อภัยเราก็ไม่จริงใจเท่าสายตาของพ่อ.." ปล่อยโฮเลยค่ะ กลั้นไม่อยู่จริงๆ อารมณ์ต่อเนื่องจากเมื่อคืน ฉากผู้ใหญ่แก้วกับลูกๆ ร้องไห้น้ำตานองหน้า ปกติดูเรื่องนี้ไม่ร้องไห้ซักนิด แต่ฉากนั้นเมื่อคืน ที่สุดจริงๆค่ะ พอมาเจอคำคุณเฟื่องเข้าไปอีก สุดยอด สมแล้วที่เป็นนักเขียน

 

โดย: ซินดี้จัง IP: 124.121.150.179 24 กันยายน 2552 10:49:38 น.  

 

มาร่วมไว้อาลัย ทิดแก้ว ด้วยคนค่ะ ได้ใจจริง ๆ

 

โดย: แฟนชิงชัง IP: 115.67.81.187 24 กันยายน 2552 14:43:20 น.  

 

อ่านแล้วนำตาไหลค่ะ

 

โดย: The Best of Me 24 กันยายน 2552 15:35:52 น.  

 

ดูเหมือนกันค่ะ ถ้ามีเวลานะ อิอิ มีเพือนอยู่ในเรือ่งด้วย เลยนั่งดู 555

 

โดย: no filling 24 กันยายน 2552 16:16:24 น.  

 

ดูนิดเดียวเมื่อ เพราะใกล้สอบ

พ่อแก้ว ก็ผิดเพราะรักอีกคน

ร่วมไว้อาลัยค่ะ

ส่วนลูกๆ นังบังอร ทำ อีอุ่นได้

หน้าอีอุ่นเจ็บปวดมาก ดูแล้วน้ำตาไหล

พี่พิมพ์ สู้ๆ ดูแล้วร้องไห้ตามเลย

 

โดย: TY IP: 161.200.255.162 24 กันยายน 2552 16:24:30 น.  

 

ตอนที่ 31

สะเทือนใจมาก ร้องไห้อำลาผู้ใหญ่แก้ว ไม่มีความรักใดจะยิ่งใหญ่เท่ากับความรักของพ่อแม่ เสียใจมากที่ผู้ใหญ่แก้วต้องหน้าไหม้อกตรมเพราะลูกเป็นเหตุ แสนสงสารที่ผู้ใหญ่ขอโทษลูกๆที่ตนเองเอาแต่ใจเป็นใหญ่ อันเป็ผลพวงผลักดันให้ลูกเดินทางผิด กว่าผู้ใหญ่แก้วจะได้คิด ก็สายเกินไป เวรกรรมแต่ชาติปางก่อนและความไร้สติของลูกทั้งสี่ จึงทำให้เครอบครัวของผู้ใหญ่แก้วตกอยู่ในห้วงแห่งความทูกข์แสนสาหัส

แม่ทองคำที่น่าสงสาร เสียใจด้วยที่แม่ทองคำต้องระคายใจกับปากชาวบ้าน แต่แม่ทองคำตั้งมั่นอยู่ในศีลและเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่ใส่ใจคำคน อย่างน้อยตอนนี้แม่ทองคำก็ยังมีหลานให้รักและดูแล ความโศกเศร้าจากการสูญเสียสามีที่รักคงผ่อนคลายลง

อุ่นแสดงดีมาก สมจริงสมจังจนต้องร้องไห้ตาม พ่อที่รักลูกและลูกที่เคารพพ่อต้องมาหมางเคืองใจกัน พลัดพรากจากกันเพียงเพราะโมหะ โทสะ และความเอาแต่ใจตัวของผู้ใหญ่แก้วและความรักที่ขาดการไตร่ตรองของอุ่นที่มีต่อยอด

น้าตาไหลที่อุ่นกราบขออภัยต่ออิ่มพี่สาว บาปกรรมของอุ่นก็ถูกชดใช้แล้วโดยที่อุ่นต้องตกต่ำไปอยู่ในซ่อง แต่การขออภัยจากปากของอุ่นต่อพี่สาวที่อุ่นทำร้ายด้วยเจตนา
จึงเป็นการถูกและควรอย่างยิ่ง และอิ่มก็ยังเป็นพี่สาวที่รักและหวังดีต่อน้องทุกคนเสมอ การที่อิ่มให้อภัยอุ่นนับเป็นคุณอันประเสริฐ บุญอันใดก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับการรู้จักให้อภัย

บังอรกล่าวโทษอุ่นว่าเป็นต้นเหตุว่าทำให้พ่อตาย แต่พอโดนอารีย์ย้อนว่าบังอรนั่นแหละให้ร้ายอุ่นจนเกิดเหตุการณ์เศร้าสะเทือนใจเชื่อมโยงกันต่อมา บังอรตอบได้ตรงใจที่สุด "ชั่นรู้ว่าพี่เสียใจ แต่ชั้นก็ทำ ชั้นไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ชั้นเพียงแต่อยากได้พี่อิน" จะว่าไปบังอรก็คงไม่คาดว่าเรื่องราวจะบานปลายจนกลายเป็นโศกนาถกรรม ที่ทำไปก็เพราะรักอินเท่านั้น เพียงแต่เป็นความรักที่ตั้งอยู่บนรากฐานของความเห็นแก่ตัว รักด้วยอารมณ์ และขาดสติโดยสิ้นเชิง

อารีย์เลือเดินทางของตัวเองบนพื้นฐานของความเห็นแก่ตัว ต้องการสบายโดยไม่คำนึงถึงว่าลูกจะเติบโตด้วยความชอกช้ำที่แม่เจตนาทิ้ง ไม่ใช่เพราะหวังจะเห็นลูกสบาย แต่เพราะต้องการตัดขาดลูกเพื่อตัวเอง น่าเสียใจที่อารีย์ไม่รู้จักคำว่าสายโลหิต ไม่รู้จักคำว่า "แม่รักลูก" อารีย์รักตัวเองคนเดียว พี่น้องคนอื่นทำผิดเพราะอารมณ์ ต่างคนต่างมีที่มาที่ไปในการทำผิด แต่อารีย์เจตนาทำผิดเพราะความเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง

แม่ละเอียดกับเจ๊อ๋านิสัยไม่ดี ไม่มีคุณธรรมที่ไม่ไปงานศพผู้ใหญ่แก้ว โกรธเคืองบังอรก็ส่วนหนึ่ง แต่ผู้ใหญ่แก้วไม่ได้ทำอะไรให้สองแม่ลูกต้องระคายใจ การไม่ไปงานศพเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ตายเป็นครั้งสุดท้ายแสดงถึงความแล้งน้ำใจอย่างที่สุด

ทำไมถึงให้อินไปตามอุ่น ทำไมไม่เอาตำรวจไป อุ่นถูกจับตัวไป ผิดกฎหมายอยู่แล้ว เมื่อมีคนมารับจะบังคับให้อยู่ต่อได้ยังไง ชดและเฮียศักดาปล่อยให้อุ่นไปดูใจพ่อเพียงเพราะจับพริ้มเป็นตัวประกัน เป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลด้วยประการทั้งปวง พริ้มไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับอุ่นจนต้องยอมกลับเข้าซ่อง ยิ่งอุ่นไม่เคยขายตัวมาก่อน จะยอมกลับซ่องเพื่อคนอื่นให่โง่ทำไม การอ้างว่าจะไปจับพี่น้องอุ่นเข้าซ่องถ้าอุ่นไม่กลับมาก ขู่ได้ง่ายจริงหนอ อิ่ม บังอร และอารีย์ลูกผู้ใหญ่บ้านนะ บ้านมืองมีขื่อมีแป จะขู่กันง่ายไปหน่อยกระมัง



 

โดย: ป้านิด IP: 91.48.104.8 24 กันยายน 2552 19:58:13 น.  

 

ตั้งแต่ดูชิงชังมาสามสิบสองตอน
ตัวละครทุกตัวต่างผลัดกันเสียน้ำตาทุกตอน
และเราคนดูก็ต้องร้องไห้ตามไปด้วย

วันนี้สี่ฉากใหญ่เรียกน้ำตาจากเราตลอดได้ทุกฉาก
ถามว่ากับฉากผู้ใหญ่แก้วตาย ร้องไห้เท่านี้ไหม ?
ไม่เลย อาจเป็นเพราะเรารู้ชะตากรรมของผู้ใหญ่แก้วแล้วว่าจะจบยังไง
แต่หลังจากนั้น เรื่องราวของสี่สาวยังไม่จบ
รายละเอียดระหว่างทาง ชะตาชีวิตของแต่ละคน ทำให้เราสะเทือนใจ

ขอพูดถึงบังอรก่อน การจดทะเบียนสมรสน่าจะเป็นการลงตัวสำหรับชีวิตของบังอร
แต่ชีวิตคู่ที่เริ่มต้นด้วยการลักลอบได้เสียเป็นชู้กัน
มันไม่ได้สวยหรูเหมือนตอนลักกินขโมยกิน
เมื่อปลัดสมชายไม่ได้ทำตัวสมชายเหมือนชื่อ
กลับทำตัวเลวบริสุทธิ์ได้อย่างไม่มีที่ติ
เมื่อต้องถูกบังคับให้รับบังอรเป็นเมียถูกต้องตามกฏหมาย
เพราะฉะนั้นไอ้ที่บังอรคิดว่าราบรื่นลงตัว มันก็แค่คิดไปเอง

ภาพบังอรยกมือไหว้ขอบใจทิดอิน เหมือนเป็นการกล่าวลาไปในตัว
มันสะเทือนใจเราเป็นฉากแรกเลย ถามว่าทำไม
ก็เพราะเห็นใจกับความรักที่บังอรมีให้ทิดอินไง
มันสูญเปล่า ไร้ค่า เพราะคำคำเดียวคือ "ไม่รัก"
เพราะทิดอินไม่เคยคิดจะรักใคร นอกจากแม่อิ่ม
ความรักของบังอรจึงว่างเปล่าราวกับอากาศธาตุที่ทิดอินไม่เคยมองเห็น
อยากบอกว่าการมอบความรักให้ใครสักคน
ควรมอบให้คนที่เขาเห็นค่าความรักของเราจะดีกว่า
เพราะมันจะไม่ทำให้เราต้องเสียน้ำตา เพราะทำผิดพลาดจากคำว่ารักเพียงคำเดียว

ฉากที่สองแบ่งสมบัติ
บังอรก็ยังเป็นบังอร กิเลสหนาเตอะไม่เคยลดละที่จะทำร้ายคนด้วยคำพูด
นี่เพิ่งเห็นใจในเรื่องความรักไปหยก ๆ นะ แต่คนเรามักไม่รู้ตัวหรอกว่าทำผิด
กลับไปมองคนอื่นว่าผิดมากกว่าตัวเอง ก็คนนี่นะ คนจนขุ่นว่างั้นเถอะ

คำพูดของแม่อิ่มที่บอกอารีย์ว่า "ลูกไม่ต้องการพระ แต่ลูกต้องการแม่มากกว่า"
หากคนมีวิญญาณของความเป็นแม่แล้วละก็
อารีย์คงฉุกคิด และไม่ทิ้งลูกไปหาสามีใหม่เพื่อชีวิตที่เธอคิดว่ามันต้องดีกว่า
แต่เมื่อความทะเยอทะยานมันเกาะติดอยู่กับความคิดของอารีย์แน่นอย่างนั้น
อะไรก็เปลี่ยนใจเธอไม่ได้ อารีย์จึงไปจากบ้านด้วยท่าทางโล่งอก
จะเห็นได้ว่าอารีย์ไม่แม้จะเหลียวหลังกลับมามองลูกตาดำ ๆ เลยสักนิด
ในขณะที่นังอุ่นไปจากบ้านอย่างคนหมดหวัง ทดท้อกับชะตาชีวิตของตน
การขอปืนแลกกับพระของพ่อ ย่อมบอกได้ว่านังอุ่นได้เลือกทางชีวิตด้วยตัวเอง
อาจจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของนังอุ่นก็เป็นได้
และนั่นเป็นการเลือกโดยเอาชีวิตของตนเองเป็นเดิมพัน

นังพริ้มกะหรี่รุ่นใหญ่ผู้มีน้ำใจ และเปี่ยมไปด้วยความเมตตาที่มีให้นังอุ่น
คำพูดที่ว่าข้าไม่คิดว่าเอ็งจะกลับมา กับแววตายินดียามได้เห็นหน้านังอุ่น
บอกให้รู้ว่านังอุ่นเจอมิตรแท้ เจอเพื่อนยาก เพื่อนตายที่พร้อมจะลุยไปทุกที่
ไม่ว่านรกหรือสวรรค์ เพราะนังอุ่นซื้อใจของนังพริ้มด้วยอนาคตของตัวเอง

การร่วมมือกันคิดร้าย
เพื่อกำจัดคนชั่วอย่างไอ้ชดให้หมดไปจากชีวิต ของผู้หญิงสองคน
คนหนึ่งสูงวัย คนหนึ่งสาว
แต่สองคนใจตรงกันคือจะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของแมงดาปีกทองอีกต่อไป

คนเราถ้าไม่ถึงที่สุดคงไม่คิดฆ่าคน ในกรณีของนังอุ่นและนังพริ้มก็เช่นกัน
เราไม่ได้สนับสนุนให้มนุษย์ทุกคนตัดสินกันด้วยความรุนแรง
แต่บางครั้งหนทางที่จะสู้อย่างใสสะอาดมันก็ไม่เปิดโอกาสให้เรา
ด้วยมองไปทางไหนก็มีแต่กำแพงหนาที่ไร้ทางออกทั้งสี่ด้าน
นังพริ้มจึงไม่คิดจะยับยั้งนังอุ่น เพราะคิดว่านี่คือแสงสว่างตรงปลายอุโมงค์
แต่ลืมคิดไปว่าปลายอุโมงค์นั้นมันเป็นแสงของเทียนเล่มเล็ก
แค่โดนลมจากปลายนิ้ว แสงแห่งความหวังมันก็ดับ และมันดับไปชั่วชีวิต

ภาพสองสาวช่วยกันโยนศพลงน้ำ บอกให้รู้ว่าชีวิตของพวกเธอถูกจองจำ
รอวันและเวลาว่าเมื่อไรฟ้าจะปรานี คืนชีวิตให้เธอกลับมายิ้มได้อย่างสดใสอีกครั้ง
ฉากนี้ซ้อนด้วยภาพของแม่อิ่มอ่านจดหมายของนังอุ่นให้แม่ฟัง
หากน้ำตาของนางทองคำมันไหลออกมาเป็นทองคำเหมือนชื่อของนางได้
แม่อย่างนางทองคำคงยินดี เพราะคงไม่ต้องเจ็บปวดกับชะตาชีวิตของลูกทั้งสี่

สุดท้ายของวันนี้คือแม่อิ่มกับลูกนอกกระดองสองคน
อาทิตย์กับยงชัยที่รอการเติบโตมาพบกับความยุ่งยากของชะตาชีวิต
อดีตจะถูกขุดคุ้ย อนาคตจะถูกตั้งคำถาม ทั้งอดีตกับอนาคตจะเดินคู่ขนานกันไป
เมื่อปัจจุบันผู้ใหญ่ไม่ยอมหยุดความเคียดแค้นชิงชังต่อกัน
โศกนาฏกรรมครั้งใหม่จึงเกิดขึ้นอีกครั้ง!!


คำเตือน : นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวหลังดูละครจบ
โปรดใช้วิจารณญาณ



 

โดย: โมริสา IP: 125.24.3.228 24 กันยายน 2552 22:58:30 น.  

 

 

โดย: F_nakhon 24 กันยายน 2552 23:28:08 น.  

 



“กราบเท้าแม่และพี่อิ่ม ฉันคงจะกลับไปอยู่ที่บ้านไม่ได้ ด้วยความจำเป็นหลายอย่าง ฉันมันคนบาปถึงอยากไปสวรรค์ แต่นรกมันก็ไม่ยอมปล่อยฉันไป ฉันทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ก้มหน้ารับกรรม แต่ลูกของฉัน จะอยู่ในที่สกปรกโสมมไม่ได้ ถ้าฉันคลอดลูกเมื่อไหร่ฉันคงต้องฝากให้พี่อิ่มเลี้ยง ฉันรักพ่อของมันเท่าไหร่ ฉันก็รักลูกเท่านั้น ฉันฝากสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของฉันไว้ในมือพี่อิ่มด้วย ..อุ่น”

 

โดย: F_nakhon 24 กันยายน 2552 23:57:05 น.  

 



“ลูกของนางอารีย์ ข้าให้ชื่อว่า ‘อาทิตย์’ ดวงชะตามันเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิต แต่ว่าคนเล็กนี่สิ มีดวงชะตาเหมือนไอ้ยอด ถึงเวลาดี ดีใจหาย ถึงเวลาร้ายก็ร้ายเหลือรับ เรียกว่าถ้าได้บวชเรียน ก็จะได้เป็นอรหันต์ แต่ถ้าได้จับปืนเมื่อไหร่ก็เป็นโจร ไอ้เด็กคนนี้ อาตมาตั้งชื่อมันว่า ‘ยงชัย’ ตามชื่อพ่อของมัน... ไอ้เด็กคนนี้เลือดพ่อเลือดแม่มันแรงนัก เอ็งเลี้ยงให้ดีนะนังอิ่น ไม่เช่นนั้นทั้งพ่อทั้งแม่จะต้องเสียใจ...”

 

โดย: F_nakhon 25 กันยายน 2552 0:09:13 น.  

 





วันนี้ขอโม้หน่อยนะครับ (ขอโม้อีกหน่อย) แบบว่า ละครจบเดินเปิดคอมฯ แบบ อึ้งเลย ยอดคนออนไลน์ 93 คน ณ เวลานั้น กับยอด คนเข้าบล็อก ตอนนั้นรวมของวันที่ 24 9 52 เท่ากับ 1337 ผมก็เลย โอ้ว อู้ว... อ้า เป็นไปได้อย่างไร เพราะตอนอัพบล็อกเสร็จนั้นก็เย็นแล้ว ตอนนั้นมียอดเข้ามาแค่ 600 กว่า เหตุไฉนอะไรทำไม อู้ว โอ้ว อ้า..และวันนี้ ยอดปิดก่อนเที่ยงคืน อยู่ที่ 1695 (มีหน่อยเป็นอะไรไม่รู้) แต่ว่า ผมปลื้มใจมากเลย ที่บล็อกนี้ มีคนสนใจ (ถึงแม้จะไม่ยอมเม้นกันเลย) คือ อยากบอกว่า เม้นท์ได้ครับ คุยได้ครับ ถามอะไรก็ได้ครับ พร้อมตอบ
(แต่ห้ามด่า) อิอิ...

ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุก ๆ คนนะครับ
(สำหรับคนที่อยากได้หนังสือ ชิงชัง โอนเงิน 320.- เมล์ที่อยู่มาให้ ผมจัดส่งไป ก็จะได้อรรถรสชิงชังอีกแบบครับ)

 

โดย: จุฬามณี (เฟื่องนคร-ชอนตะวัน) (F_nakhon ) 25 กันยายน 2552 0:20:53 น.  

 

หลังจากลอกข้อสอบของคุณลี ... อิอิ..

แบบว่า.. วันนี้ เหนื่อยเพราะ เมื่อวาน ปลุกปล้ำหาภาพผู้ใหญ่แก้วแม่ทองคำและลูก จนดึกดื่น วันนี้ตื่นมาอัพได้หน่อย ก็ต้องออกไปนั่นนี่หลายรอบ

รอบแรก ไปส่งหนังสือ ไปกินกาแฟกับเพื่อน(บังเอิญแวะมานครสวรรค์) เจอคนรู้จักคุยเรื่องชิงชัง ไปหาข้อมูลคนถูกหมาบ้ากัดตาย กลับมาอัพบล็อกต่อ ออกไปส่งหนังสือ "องค์การบริหารส่วนหัวใจ" ไปให้พี่ศิริลักษณ์ดู..(ภาวนาให้ผ่านนะครับ เอาใจช่วยผมหน่อยละกัน 5555+) ไปเอาต้นฉบับสุดแค้นแสนรักคืนจากทีมเม้นท์(ได้สิบตอนแล้วนะ) นั่งโม้อีกชั่วโมง อิอิ..กลับมาอัพบล็อกต่อ จนจบพร้อมกับน้ำตาเอ่อล้น..ไปดูชิงชัง แล้วก็ทำบล้อกต่อ..

เอ้าสรุปว่า คืนนี้นะครับ สำหรับผม..

ซึ้งกับทิดอินและบังอร อภัย และยังเป็นพี่เป็นน้องกันได้..ตอนนั้นขนลุกซู่เลยยยยยยยยยยยย...

แล้วก็ลุ้นให้อุ่นฆ่าชดให้ได้ (ถ้ามันฆ่าได้เราก็พลอยบาปไปด้วย) ผมไม่ขอบรรยายอะไรมากนะครับ วันนี้เนียนมาก ใจเต้นตึกตักตึกตัก นึกถึงเรื่อง ตลก 69 ไปด้วยตอนเอาไปทิ้งน้ำ..มันหดหู่จริง ๆ

วันนี้ตอนตัดมาที่จดหมายสลับภาพกัน เป็นอะไรที่สวยมาก แล้วตอนที่พริ้มจุดประทัด..มือสั่น ๆ..

ครับ อย่างไร ในนิยายนะครับ ไอ้ชดตาย ไม่ใช่คุณชาติชาย ในนิยายนั้น อุ่นมีวิธีฆ่าชดอย่าง(ฉลาด + โง่) ถูกไอ้ชดซ้อนแผน ขายให้ชาติชายตอนหลัง อุ่นตกลงกับชาติชาย ฆ่าชดสำเร็จ ..แล้วอุ่นก็ตบตีกับคนในซ่อง โอ้ววววววววววว ทำไมในนิยายของผมมันโหดร้ายขนาดนั้น..

(เหตุผลที่ให้คุณชาติชายตายก็คือ ...พี่เขาบอกว่า ไอ้ชดหล่อกว่าน่าดูชมกว่าค่ะ เนอะ จริง ๆ ด้วย เนอะ)


อีกฉากก็ฉากตอนแบ่งสมบัติ ไม่ได้แบ่งแค่พระ แต่แบ่งที่ไร่ที่นา ตอนนั้นมันแซ่บมากกกกกกกกกกกกกกกกก พระไม่ได้มีแค่สี่องค์ แต่พี่ลักษณ์บอกว่า เป็นความผิดของบทเองค่ะที่อธิบายไปไม่หมด เลยมีพระแค่สี่ จริงๆในนิยาย ผู้ใหญ่แก้วมีพระเป็นไห เวียนกันจับไปเรื่อย ๆ แบ่งที่ไร่ที่นา แบ่งปืน ..ตอนหลังอุ่นเอาพระแลกกับปืนไป..(ตบตีด่าทอกันยิ่งกว่านี้)

แต่ตอนนี้มันถูกเล่าสรุป ด้วยเวลาจำกัด..ก็ อย่างไรก็อะนะ นิยาย 320.- ครับลดแร้ววววววววววววววววววววววววนะ..

วันนี้ ได้เห็นหน้าอาทิตย์กับยงชัย หน้าทำงบน้ำอ้อย (ยังไม่ได้อธิบายให้คุณกิ้งเข้าใจเลย) แล้วอยากมีลูกบ้างจัง อิอิ ครับ สำหรับชื่ออาทิตย์ ก็พอทน เข้ากับอารีย์ ผู้แม่ แต่ยงชัย ตอนนั้นผมก็ ตัวละครมาเป็นกองทัพขนาดนี้ ผมเหนื่อยกับการตั้งชื่อมาก ๆ..แต่ว่าตอนเด็ก ๆไปตลาดลาดยาวแล้วต้องผ่านร้านยงไทยการเกษตร ผมชอบชื่อนี้จังเลย ดังนั้น ยงชัย ก็เลยต้องกลายมาเป็นลูกไอ้ยิ่ง+อีอุ่น (ซึ่งจริง ๆ คือลูกไอ้ยอดกับอีอุ่น) ด้วยประการละฉะนี้

อะอะ ความหมาย.. คือ ยั่งยืนด้วยชัยชนะ+อยู่ยงคงกะพัน จ้า..จะเอาไปตั้งเป็นชื่อลูกก็ไม่ว่าหรอกนะ..รับรองไม่ซ้ำใคร..

ขอบคุณคุณ เพิ่งมาค่ะ นะคะ ที่ให้นำรูปมาใช้ได้..


 

โดย: จุฬามณี (เฟื่องนคร-ชอนตะวัน) (F_nakhon ) 25 กันยายน 2552 0:40:51 น.  

 

 

โดย: F_nakhon 25 กันยายน 2552 0:43:08 น.  

 



ยงชัย

 

โดย: F_nakhon 25 กันยายน 2552 7:27:10 น.  

 



มุมกล้องสวยดี..

 

โดย: F_nakhon 25 กันยายน 2552 7:40:41 น.  

 

เฮ้อ มะเฟื่องทำไดไง้ มีคนฝากถามเยอะเลย
พี่คะๆ หนูฝากถามว่าตอนที่เค้าเขียนน่ะ คนเขียนเค้า
คิดอะไรอยุ่ คิดได้ไงเนี่ย ค่อดรันทดเลย

พี่แน่ใจว่าพี่ไม่ได้เขียนเองนะ พี่เล่าอย่างกับพี่เขียนเองเลย

ว่างๆ ถ้าผ่านมาแถวสุวรรณภูมิ มาโชว์ตัวที่ออฟฟิศหน่อยนะ
มีคนอยากรู้จัก

โห ได้พักตั้ง 3 วัน ไม่ต้องรีบกลับบ้านให้ทันดูชิงชัง เฮ้อ
เหนื่อยยยยยย



 

โดย: Jum IP: 199.40.204.245 25 กันยายน 2552 7:54:59 น.  

 



พี่จุ๋ม มีคนถามเยอะเหมือนกันครับ ว่าคิดได้อย่างไร ทำไมมันสุดแสนรันทดได้ขนาดนั้น ..ต้องบอกว่า ใจไม่แข็งพอดีไม่ได้เลย...หรือนวนิยายถ้าชอบแบบสุข ๆ ก็อ่านไม่ได้เช่นกัน ..

ต้องขอยืมเพลงของคุณกมลา มาใช้ เนอะ..
เพราะชีวิตคือชีวิต มีเข้ามาก็มีเลิกไป..มีทุกข์มีผิดหวัง..หัวเราะหรือหวั่นไหว เกิดขึ้นได้ทุกวัน...อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน...ตามความคิดสติเราให้ทัน..อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน..และทำวันนั้นให้ดีที่สุดดดดดดดดดดดดดด.....
(ไปได้นะตรู)

 

โดย: F_nakhon 25 กันยายน 2552 8:03:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


F_nakhon
Location :
นครสวรรค์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




email ถึงผู้เขียน

เฟื่องนคร : f_nakhon@hotmail.com
ลิขสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อก เป็นของผู้เขียนตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน

-------------------


Friends' blogs
[Add F_nakhon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.