เคล๊ดลับทานอย่างไรแล้วไม่อ้วนเหมือนดิฉัน
ใครอยากทานได้จุอย่างดิฉัน เชิญมาฟังเคล็ดลับทานแล้วไม่อ้วนของดิฉันค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าตัวเองเคยอ้วนมาก่อน น้ำหนักเคยหนักประมาณ เกิอบ 58 กก มาก่อนค่ะ สำหรับตอนนี้ก็ประมาณ 47-48 กก ค่ะ ทำอย่างไรที่ดิฉันถึงน้ำหนักลดลง และไม่กลับมาอ้วนอย่างเก่า ทั้ง ๆ ที่ดิฉันทานแพนเค็กได้ถึงสิบชิ้น ไก่ทั้งตัวได้สบาย ไปงานปารตี้หรือบุฟเฟ่ตักแล้ว ตักอีก แล้วทำไมไม่อ้วน ดิฉันมีเคล็ดลับค่ะ
ตอนสมัยที่ดิฉันอ้วนจัด สมัยนั้นยันฮีคลีนิคดังมากค่ะ ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังดังในเรื่องรักษาความอ้วนหรือไม่ สมัยนั้นใครที่อ้วนไปหาคุณหมอที่นั้นกลับมาผอมหมด แต่ก็กลับไปโย้โย้ใหม่ค่ะ เพราะดื้อยาบ้าง ยาเอาไม่อยู่
ครั้งแรกที่ดิฉันไปหาหมอที่ฮันฮี แค่สองอาทิตย์ค่ะ น้ำหนักลดลงไปเกือบห้ากิโล ก็จะไม่ให้ลดได้อย่างไรค่ะ พอทานยาไปมันไม่หิวเลย เห็นอาหารก็เหม็นค่ะ พอถึงสองสัปดาห์ก็ไปหาคุณหมออีก หมอก็จะให้ยามาอีก น้ำหนักลดอีกค่ะ ภายในหนึ่งเดือนน้ำหนักดิฉันลดไปเกือบสิบกิโลค่ะ จำได้หนักแค่สีสิบสามหรือสี่สิบสี่กิโลค่ะ เสื้อผ้าต้องเปลี่ยนหมดเลย แล้วจากนั้นก็ไปคุณหมออีก เพื่อหยุดยาค่ะ
หลังจากหยุดยา เชื่อไหมค่ะดิฉันเห็นอะไรอยากทานไปหมด เพราะความที่เราอดมานาน แล้วเรียกว่าทานอย่างหนักเลยค่ะ เห็นอะไรขวางหน้าไม่ได้ เลยต้องกลับไปหาคุณหมออีกค่ะ คุณหมอก็ให้ยาตัวเก่ามาอีก น้ำหนักก็ไม่ลดลงเท่าไร คุณหมอจึงเปลี่ยนมาเป็นยาแรงขึ้น ก็ลดไปได้บ้างค่ะ แล้วก็ต้องหยุดยา
พอหยุดยา เอาอีกแล้วหิวค่ะ อยากทานอีกแล้ว น้ำหนักขึ้น ไปหาคุณหมออีก คุณหมอก็ให้ยาตัวเก่ามาอีก ซึ่งแรงกว่าครั้งแรก แต่ก็เอาไม่ค่อยอยู่ค่ะ ขนาดทานยาลดความอ้วนยังหิวอีกเลย คุณหมอก็ให้ยาแรงเพิ่มมากขึ้น ได้ผลค่ะ น้ำหนักลดลง แต่ลงไม่มากค่ะ ประมาณโล สองโล ก็ต้องหยุดยา เพราะทานเกินหนึ่งเดือนไม่ได้
หลังจากหยุดยา เอาอีกแล้ว น้ำหนักขึ้นอีกแล้ว ไปหาคุณหมออีกค่ะ บอกคุณหมอขอยาที่แรงที่สุด คุณหมอบอกที่ให้ดิฉันครั้งสุดท้ายก็แรงสุดแล้ว ดิฉันจึงจำใจรับยาตัวนั้นมา น้ำหนักก็ลดไม่ได้ดังใจค่ะ เพราะที่บอกขนาดทานยา แล้วยังรู้สึกหิว ดิฉันเลยใช้วิธีทานยาทุกวันค่ะ ที่ยันฮี สมัยที่ดิฉันไปลดความอ้วน เค้าไม่เข็มงวดมาก ถ้ามีตัวยาก็เอาไปให้พนักงานที่จ่ายยาดูแล้วกช็ซื้อกลับมาก ไม่ต้องไปหาหมอแล้ว เพราะมีตัวอย่างยา
พอดิฉันทานยาประจำ มันกลายเป็นดื้อยาค่ะ ทานยาก็ยังหิว แล้วมิหนำซ้ำ ดิฉันไม่เคยหน้ามือบ่อย ๆ ก็หน้ามืดค่ะ แต่ทำอย่างไรได้ล่ะค่ะดิฉันอยากหุ่นดี ถึงแม้จะทราบว่ายาลดความอ้วนมีอันตรายกับสุขภาพ ไม่สนใจค่ะ ขอให้ตัวเองผอมไว้ก่อน เมื่อยาเอาไม่อยู่ ดิฉันก็จำใจต้องหยุดยาไปเอง ปล่อยตามใจปาก พกหุ่นอันอวบอั่นต่อไป
แล้วดิฉันก็ได้ข่าวจากเพื่อนที่เรียนทำขนมด้วยกัน เธอบอกว่าน้ำหนักเธอลดลงถึงสี่กิโล เพราะเธอไปสนามบินน้ำ และเพื่อนที่ทำงานดิฉันก็ไปที่นี่มาได้ผลค่ะ ผอมลงผิดตา ดิฉันจึงตัดสินใจไปคลีนิคสนามบินน้ำค่ะ ผลปรากฏว่าไปครั้งแรก คุณหมอให้ยามาเอาไม่อยู่ค่ะ น้ำหนักไม่ลด เมื่อยาหมดดิฉันจึงไปหาคุณหมอใหม่ คุณหมอก็บอกว่าตัวยาที่ให้ก็แรงแล้ว แปลกใจว่าทำไม น้ำหนักดิฉันไม่ลด คุณหมอจึงให้ตัวยาใหม่และบอกว่าตัวยาที่ให้ครั้งนี้แรงสุดแล้ว ถ้าเอาไม่อยู่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตัวยาที่ว่าแรงสุดของคุณหมอก็เอาไม่อยู่ค่ะ ดิฉันก็ยังหิวและน้ำหนักไม่ลด ดิฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร พอดิฉันเห็นใครแนะนำที่ไหนดีก็ไปค่ะ แต่ก็ไม่ได้ผล ดิฉันก็เลยทำใจค่ะ เพราะที่ไหนดีก็ไปมาหมด ก็ไม่ได้ผล เพราะดิฉันดื้อยาแล้ว และประกอบกับอายุมาก ไม่เหมือนพวกวัยรุ่นที่เผาผลาญพลังงานง่าย
หลังจากนั้นดิฉันก็คิดหาวิธีการต่าง ๆ ว่าจะลดความอ้วนอย่างไร โดยไม่ต้องใช้ยา เห็นเคล็ดลับที่ไหน ก็ไปอ่าน ปฏิบัติบ้าง ไม่ปฏิบัติบ้าง อาหารเสริมตัวไหนที่มีคนบอกว่าทำให้เราผอม ดิฉันลองมาหมดค่ะ แต่น้ำหนักก็ไม่ลดเลย และยังอยากทานอาหาร ขนาดชาที่ดืมแล้วถ่ายท้อง ดิฉันก็ลองค่ะ ก็ไม่ได้ผล
แล้วในที่สุดดิฉันก็มาค้นพบวิธีลดความอ้วนของดิฉันเองค่ะ ตอนนี้น้ำหนักลดลง และน้ำหนักคงที่แล้วคือ 47-48 กก และไม่เพิ่มขึ้นถึงแม้วันหยุด หรือเวลาไปไหน จะทานจุแค่ไหนก็ไม่อ้วน
เชื่อไหมค่ะดิฉันสามารถทานแพนเค็กได้ถึงสิบชิ้น ไก่ทั้งตัวได้อย่าง สบาย ๆ เวลาไปงานปารตี้หรือทานบุพเฟ่ ดิฉันตักแล้วตักอีก จนฝรั่งมอง แล้วเหน็บแหนมว่าทานจุอย่างนี้ เอาอาหารไปไว้ไหนหมด ยิ่งกว่านั้นบางที่ดิฉันเดินไปไหน ฝรั่งก็จะถามดิฉันว่าทำอย่างไรถึงหุ่นดี
เพื่อน ๆ ลองเอาวิธีการของดิฉันไปใช้น่ะค่ะ ดิฉันว่าได้ผลค่ะ แต่ต้องใช้เวลาหน่อยน่ะค่ะ มาปฏิบัติเลยค่ะ
สำหรับวันจันทร์ถึงศุกร์ หรือวันจันทร์ถึงวันพฤหัส
1. ตื่นมาตอนเช้า ชั่งน้ำหนักทุกวันหรือสม่าเสมอ สำหรับดิฉันสัปดาห์ล่ะครั้งค่ะ เพราะดิฉันทานจุ บางครั้งกลัวเครื่องชั่งหมุนเกินไปค่ะ แล้วต้องบันทึกไว้ทุกครั้งน่ะค่ะ เพราะน้ำหนักขึ้น เราจะได้หาหนทางแก้ไขค่ะ นี่ค่ะคือเครื่องชั่งและไดอารีจดบันทึกของดิฉันทุกครั้งที่ชั่งน้ำหนัก
2. หลังจากตื่นนอนแล้วดื่มน้ำสองแก้วใหญ่ ๆ เลยค่ะ จะทำให้อิ่มท้องค่ะ 3. เตรียมชุดออกกำลังกายค่ะ เพราะจะต้องไปออกกำลังกายแล้ว สำหรับดิฉันใช้วิ่งในเครื่องวิ่งค่ะ วิ่งประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ วิ่งไปดูทีวีไป ฟังเพลงไปมีความสุข เผาแคลลอรี่ได้ประมาณ 400 แคลอรี่ค่ะหรือวิ่งเท่ากับ 3 ไมล์ บางครั้งขยันหน่อยก็วิ่งมากหน่อย ดิฉันติดเป็นนิสัยแล้วค่ะ วันไหนไม่ได้วิ่งแล้วรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป อายจังเลยค่ะบ้านรกมาก เพราะดิฉันไม่ค่อยทำความสะอาดหรือจัดให้เรียบร้อยค่ะ เพราะขี้เกียรติและต้องทำการบ้านหลังจากเรียนค่ะ นี่คือเครื่องวิ่งของดิฉันค่ะ ตอนวิ่งดิฉันก็ดูทีวีไปค่ะ หนึ่งชั่วโมงผ่านไปเร็วมาก
4. เมื่อเสร็จจากออกกำลัง ได้เหงื่อนิดหน่อยค่ะ ดิฉันไม่แปรงฟันหรืออาบน้ำอะไรทั้งสิ้นค่ะ หิวค่ะ เตรียมต้มกาแฟ เมื่อกาแฟเสร็จก็ใส่ครีม น้ำตาลเทียม พร้อมด้วยคุ๊กกี้แสนอร่อยสองชิ้นใหญ่ ๆ ที่ดิฉันทำเองค่ะ เป็นคุ๊กกี้ข้าวโอ๊ดและชิพช๊อกโกแล๊ค อร่อยมากค่ะ เอาภาพมาอวดเลย เพิ่งทำเสร็จเมื่อวานค่ะ นี่คือคู๊กกี้ที่ทำเมื่อวานค่ะ เห็นไหมค่ะชิ้นใหญ่สะใจ หวานมันมากค่ะ ตามด้วยกาแฟแก้วใหญ่มากค่ะ ดิฉันชอบดื่มกาแฟมาก ๆ ค่ะ พร้อมด้วยน้ำตาลเทียม ใส่ครีมไปด้วย อร่อย ชื่นใจดีค่ะ
5. หลังจากนั้นก็ไปอาบน้ำ ทำนั่น ทำนี่ ถ้ารู้สึกหิวก่อนเวลาอาหารกลางวัน ดิฉันจะดื่มน้ำค่ะ
6. พอตอนเที่ยงดิฉันก็จะทำแซนวิสทานค่เ น้ำหนึ่งแก้วใหญ่ๆ พร้อมของคบเคี้ยวค่ะ ดิฉันชอบทานคุ๊กกี้อีกล่ะค่ะ นี่ค่ะคือของคบเคี้ยวของดิฉัน พอทานเสร็จก็ทำนั่น ทำนี่ไปเรื่อย สำหรับดิฉันต้องทำการบ้านค่ะ ถ้าหิวก็ดื่มน้ำเปล่าค่ะ ดิฉันดื่มน้ำได้วันล่ะหลายแกลลอนค่ะ เพราะทำให้อิ่มท้อง
7. ตอนเย็นหรือค่ะ ก็ทาน Yoplait Light Fat Free ซึ่งมีแคลอรี่เพียง 100 แคลอรี่ค่ะ บางยี่ห้อหรือบางชนิดมีแคลอรี่ถึง 200 หรือ 300 แคลอรี่ค่ะ ตามด้วย Cinamon Bread มีแคลอรี่ 190 แคลอรี่ ตามด้วยน้ำอีกหนึ่งแก้วใหญ่ค่ะ
สำหรับวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ หรือเวลาออกไปไหน ก็ทานตามใจปากเลยค่ะ สำหรับดิฉันวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ หรือเวลาออกไปไหน ดิฉันจะทานให้ได้มากที่สุด ไม่กลัวเรื่องน้ำหนักขึ้นเลยค่ะ เช่น วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ดิฉันจะทานแพ็นเค็กที่ล่ะสิบชิ้น เบคอน ไส้กรอก ไอศรีม เค็ก ไก่เอเอฟซี หรืออะไรที่อยากจะทานค่ะ ไม่จำกัด เรียกว่าหิวเป็นต้องหยิบเข้ามาก เรียกว่าฝรั่งเห็นตกใจค่ะ ดิฉันก็แปลกใจน่ะค่ะว่าฝรั่งทานน้อยกว่าดิฉันมาก ทำไมพวกเค้าถึงอ้วนกัน
นี่คือกางเกงยีนส์ที่ดิฉันเคยใส่ตอนน้ำหนักเริ่มลด ตอนนั้นใส่ไซด์ 5-6 เสียดายเหมือนกันเพราะตอนที่อ้วนก็มีกางเกงยีนส์มาก กางเกงยีนส์เวลาใส่แล้วหลวม ๆ แล้วดูไม่สวย เสียดายมากค่ะ นี่คือกางเกงยีนส์ที่ใส่ไม่ได้แล้วค่ะ
ตอนนี้ต้องใส่กางเกงยีนส์ไซด์ O หรือใส่เด็กค่ะ เสียดายภาพเล็กไปหน่อย
ตัวที่เป็นขาเดฟ ซื้อที่ Old Navy ห้างที่ดิฉันทำงานค่ะ ได้ส่วนลดสี่สิบเปอร์เซนต์ และอีกตัวดิฉันชอบมากค่ะ เพราะดูน่ารักดี ชอบลายค่ะหวาน ตัวนี้ ใซส์เด็กอายุ 12-16 ปีค่ะ อายจังค่ะ
นี่คือรูปดิฉันค่ะ เห็นดิฉันตัวแค่น่ะค่ะ บอกก่อนอย่าชวนไปงานปารตี้เด็ดขาดค่ะ เพราะดิฉันทานได้ไม่หยุด หุ หุ
สำหรับวีธีการเคล็ดลับของดิฉัน ดิฉันปฏิบัติอย่างนี้มากหลายปีแล้วค่ะ น้ำหนักไม่ขึ้นเลย สำหรับผู้อ่านลองอ่านดูแล้วนำไปดัดแปลงใช้ดูน่ะค่ะ เพราะแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน สำหรับดิฉันวิธีนี้ใช้ได้ผลค่ะ แต่ดิฉันอยากจะเน้นว่าต้องควบคู่กับการออกกำลังกายด้วยน่ะค่ะ
ดิฉันไม่กล้าเอารูปตอนอวบขั้นสุดท้ายมาให้เพื่อน ๆ ดูหรอกค่ะ อายค่ะ
ขอให้เพื่อน ๆ และน้อง ๆ โชคดีในการลดความอ้วนค่ะ อย่าลืมน่ะค่ะ การลดความอ้วนต้องอดทนและจริงใจ คิดสุภาษิตไว้น่ะค่ะ ถ้าอยากผอมต้องตั้งใจลดความอ้วนอย่างจริงจัง ต้องใช้เวลา ดูอย่างกำแพงเมืองจีนซิ กว่าจะเสร็จ ต้องใช้เวลานาน จำไว้อีกอย่างค่ะ ต้องควบคู่กับการออกกำลังกาย
อย่าไปทานยาเด็ดขาดค่ะเพราะจะทำให้เราสุขภาพไม่ดี ถ้าดิฉันย้อนเวลาได้ จะไม่ทานยาเด็ดขาด
Create Date : 09 พฤษภาคม 2551 |
|
41 comments |
Last Update : 9 พฤษภาคม 2551 22:48:54 น. |
Counter : 7744 Pageviews. |
|
|
|