เมื่อ ฟอร์บส์ จัดอันดับเศรษฐีไทย
โดย สิงหา ลาวา
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 นิตยสาร "ฟอร์บส์" ของสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่การจัดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย 40 อันดับ โดยอาศัยข้อมูลจากตลาดหลักทัพย์และกระทรวงพาณิชย์ และการประเมินมูลค่าของทรัพย์สินว่า จะมีมูลค่าเท่าใด หากนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในกรณีบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทเอกชนที่ยังไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ใช้ราคาหลักทรัพย์และอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2551 เป็นข้อมูลประเมินทรัพย์สินครั้งนี้ โดย ฟอร์บส์ ระบุว่า อันดับ 1 ของไทยคือ นายเฉลียว อยู่วิทยา อายุ 76 ปี กลับมาเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของไทยอีกครั้งหนึ่งหลังจากยอดจำหน่ายกระทิงแดง เครื่องดื่มบำรุงกำลังที่นายเฉลียว ร่วมกับนายดีทริช มาเตสชิทซ์ นักธุรกิจออสเตรียเริ่มผลิตขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น ยอดขายเพิ่มจากปี 2547-2550 ถึงเกือบเท่าตัวเป็น 4,200 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 136,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 500 ล้านดอลลาร์ ฟอร์บส์ ระบุภาพรวมว่า มูลค่าของทรัพย์สินของบุคคลที่ร่ำรวยมากที่สุดของไทย 40 อันดับเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 6,000 ล้านดอลลาร์เป็นรวมทั้งสิ้น 25,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 825,000 ล้านบาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 33 บาทต่อดอลลาร์) และตั้งข้อสังเกตุด้วยว่า กลุ่มมหาเศรษฐีทั้ง 40 คน ยังคงเป็นกลุ่มเดิมไม่เปลี่ยนแปลง สาเหตุอาจเป็นเพราะความมั่งคั่งที่ดำเนินมายาวนานหลายทศวรรษ นอกจากนั้น ใน 10 อันดับแรกสุด ประกอบไปด้วยนักธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และธุรกิจด้านสื่อมากถึง 6 คน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังอยู่ในอันดับ 16 ทรัพย์สินรวม 400 ล้านดอลลาร์ [1]
นอกจากนี้เมื่อนวันที่ 17 กันยายน 2550 นิตยสารดังกล่าวยังได้รายงานการจัดอันดับพระราชาทั่วโลกพบว่า สมเด็จพระรามาธิบดีแห่งบรูไนเป็นพระราชาที่รวยที่สุดถึง 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 770,000, ล้านบาท พระองค์มีพระชนมายุ 61 พรรษาและขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 29 เมื่อ 40 ปีก่อน ราชวงศ์ของพระองค์มีอายุยาวนานถึง 600 ปี บรูไนได้ชื่อว่าเป็นประเทศเศรษฐีน้ำมัน
สำหรับในหลวงของเราเป็นพระราชาที่ร่ำรวยเป็นอันดับที่ 5 จากการจัดอันดับในครั้งนี้ โดยมีพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ประมาณ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 175,000 ล้านบาท พระองค์มีพระราชทรัพย์มากกว่าสมเด็จพระราชินีแห่งเครือจักรภพอังกฤษถึง 8.3 เท่า โดยสมเด็จพระราชินีได้รับการจัดอยู่ในอันดับที่ 11 โดยมีพระราชทรัพย์ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 21,000 ล้านบาท [2] ขณะที่ GDP ของอังกฤษปี 2549 อยู่ที่ 1.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หากคิดเป็นต่อประชากร จะอยู่ที่ $35,300 ต่อคน ขณะที่ GDP ของไทยในปี 2548 เป็น 559.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หากคิดต่อประชากรจะเท่ากับ 8,542 เหรียญสหรัฐ[3]ซึ่งห่างกันถึง 3.217 เท่า
เอกสารอ้างอิง
[1]มติชนออนไลน์.2551.'ฟอร์บส์' จัดอันดับ40เศรษฐีไทย 'เฉลียว'รวยสุด1.3แสนล้าน 'แม้ว'อันดับ16 รวยเพิ่ม 3 พันล้าน (ออนไลน์)สืบค้นจาก //www.matichon.co.th/news_title.php?id=2462 สืบค้นเมื่อ 11 กรกฎาคม 2551
[2]Devon Pendleton. 2007. OutFront:Richest Royals.(Online) //members.forbes.com/forbes/2007/0917/054.html อ้างอิงใน นักช่าวพเนจร.2550. ในหลวงของเราเป็นพระมหากษัตริย์รวยอันดับ 5 ของโลก(ออนไลน์)สืบค้นจาก //www.prachatai.com/ireport/view.php?id=69 สืบค้นเมื่อ 28 ก.ค. 2551
[3]วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี //th.wikipedia.org
From //www.pcpthai.org/autopagev3/show_page.php?group_id=1&auto_id=1&topic_id=737&topic_no=327
Create Date : 25 กันยายน 2551 |
Last Update : 25 กันยายน 2551 13:33:05 น. |
|
2 comments
|
Counter : 969 Pageviews. |
|
|
|
โดย: nosta IP: 124.120.138.88 วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:43:26 น. |
|
|
|
โดย: บริสุทธิ์ IP: 58.8.238.54 วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:20:58:42 น. |
|
|
|
|
|