|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
ปรัชญา แนวคิด และทฤษฎีชี้นำ (1)
สันติ ตั้งรพีพากร
เช้าวันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้เขียนได้รับเชิญไปบรรยายเรื่อง "ปรัชญา แนวคิด และทฤษฎีชี้นำ" ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน แก่ผู้เข้ารับการอบรมในโครงการ "เมืองจีนยุคใหม่ที่ควรรู้จัก" ของสถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจัดมาเป็นรุ่นที่ 5 แล้ว
แม้ว่าจุดประสงค์ของทางสถาบันจัดอบรมครั้งนี้ หนักไปในเรื่องการทำความเข้าใจในปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการไปลงทุนและค้าขายกับจีน (ระยะเวลาอบรมควบเลยไปถึงเดือนธันวาคมเลยทีเดียว) มีการเชิญวิทยากรผู้รู้เรื่องจีนจำนวนมากมาบรรยาย แต่การรู้เขารู้เรา ถ้ารู้ถึงจิตใจ ความคิดทฤษฎีที่ชี้นำการปฏิบัติแล้วละก็ ถือว่าเป็นรู้ซึ้งถึง "กึ๋น" เลยทีเดียว ผู้เขียนชอบค้นคว้าในเรื่องนี้เป็นพิเศษ จึงอาสาบรรยายในหัวข้อนี้ ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับจากผู้เข้ารับการอบรมเป็นอย่างดี
เพื่อไม่ให้สิ่งที่ผู้เขียนบรรยายนี้เป็นเพียงความรู้เฉพาะกลุ่มผู้เข้ารับการอบรม จึงขอนำคำบรรยายทั้งหมดที่ตระเตรียมไว้มาเสนอต่อท่านผู้อ่านคอลัมน์ "หลังม่านไม้ไผ่" ได้เกิดความเข้าใจร่วมไปด้วย โดยมีการปรับปรุงสาระในบางจุดเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหา
การบรรยายแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อใหญ่ดังนี้ 1.การใช้ทฤษฎีชี้นำการปฏิบัติ เป็นเอกลักษณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน (อะไรคือทฤษฎี ? ทฤษฎีเกิดขึ้นอย่างไร ? ความถูกต้อง (ความขลัง) ของทฤษฎี ใช้อะไรเป็นตัววัด ?) 2.ท่วงทำนองของชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีน (1.ยึดมั่นในจุดยืน ทัศนะ วิธีการมาร์กซิสม์ 2.ใช้ทฤษฎีประสานกับการปฏิบัติ ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริง หรือ "หาสัจจะจากความ เป็นจริง" 3.เดินแนวทางมวลชน อาศัยมวลชน)
3.ทฤษฎีชี้นำสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (1.ความคิดเหมาเจ๋อตง 2.ทฤษฎีเติ้งเสี่ยวผิง 3.ความคิดสำคัญเรื่อง "สามตัวแทน" 4.ทัศนะที่เป็นวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการพัฒนา 5.การสร้างสังคมกลมกลืน)
4.วิวัฒนาการลัทธิมาร์กซ์จีน (1.รุ่งอรุณแห่งลัทธิมาร์กซ์จีน 2.การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน 3.การก่อรูปของความคิดเหมาเจ๋อตง 4.บทบาทของความคิดเหมาเจ๋อตง 5.การก่อรูปของทฤษฎี เติ้ง เสี่ยว ผิง 6.บทบาทของทฤษฎี เติ้ง เสี่ยว ผิง 7.การเกิดขึ้นของ ความคิดสำคัญเรื่อง "สามตัวแทน" และ "ทัศนะที่เป็นวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการพัฒนา" เป็นต้น และ 9.อนาคตลัทธิมาร์กซ์จีน)
ทั้งหมดนั้น สะท้อนถึงกระบวนการนวัตกรรมทางความคิดทฤษฎีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในระดับที่ท่านสามารถเข้าใจได้ไม่ยาก
1.การใช้ทฤษฎีชี้นำการปฏิบัติ เป็นเอกลัษณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน
(ให้คำตอบว่า อะไรคือทฤษฎี ? ทฤษฎีเกิดขึ้นได้อย่างไร ? ความถูกต้องของทฤษฎี ใช้อะไรเป็นตัววัด ?)
พรรคคอมมิวนิสต์จีนยึดมั่นในปรัชญามาร์กซิสม์ว่าด้วยการรับรู้ ว่าการรับรู้มาจากการปฏิบัติ การรับรู้กฎเกณฑ์พัฒนาการทางสังคมมาจากการเคลื่อนไหวปฏิบัติทางสังคมของมวลประชามหาชน แล้วจึงดำเนินการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงโลกและสังคม ตามความรับรู้ ซึ่งมีการพัฒนาขึ้นมาเป็นแนวคิดทฤษฎีชี้นำอย่างเป็นระบบ เมื่อยิ่งปฏิบัติ การรับรู้ก็ยิ่งลึกซึ้ง นำไปสู่การปรับปรุงแนวคิดทฤษฎีให้ถูกต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ และสามารถชี้นำการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิผลต่อไป และต่อไป
อีกนัยหนึ่ง การรับรู้พัฒนาไปตามการเปลี่ยนแปลงของความเป็นจริง ความรับรู้ หรือแนวคิดทฤษฎีที่ถูกต้อง จะต้องพัฒนาไปในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง หรือที่เรียกว่า "ก้าวไปพร้อมกับกาลเวลา"
ทั้งนี้ อิงตามหลักการวัตถุนิยมวิภาษ ที่ว่า สภาวะเป็นจริงนอกตัว หรือสิ่งภววิสัยกำหนดความคิดจิตใจ ความสำนึกหรืออัตวิสัย สภาพแวดล้อมกำหนดความคิดความอ่าน ทัศนะ หรือโลกวัตถุเป็นตัวกำหนดโลกทางจิตใจ ขณะที่ความรับรู้ สำนึก ความคิดต่างๆ เมื่อได้รับการประมวลขึ้นเป็นแนวคิดทฤษฎีแล้ว ก็สามารถชี้นำการปฏิบัติ ดัดแปลงโลกภายนอก โดยในระหว่างนั้น จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือดัดแปลงตนเองไปในท่ามกลางการเคลื่อนไหวเปลี่ยนโลกด้วย
อีกนัยหนึ่ง เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในตนเองในท่ามกลางกระบวนการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงโลกภายนอก
ดังนั้น ความรับรู้ แนวคิด ทฤษฎี ซึ่งเป็นเรื่องของสำนึก จิตใจ ภายในตนเอง จะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงของสภาวะเป็นจริงของโลกภายนอกเสมอ
ทั้งนี้ การดำรงอยู่ของสิ่ง จะปรากฏออกมาในรูปของกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงตนเองอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุปัจจัยรอบด้าน โดยเฉพาะจากเหตุปัจจัยหลักภายใน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าความขัดแย้งหลัก
พรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงปฏิบัติสืบทอดกันมาจนเป็นประเพณี ว่าไม่ว่าจะคิดทำอะไร จะต้องลงมือปฏิบัติ ทำการสำรวจ ศึกษาค้นคว้า จับกฎเกณฑ์หรือแก่นแท้ของความเป็นจริง (หาความขัดแย้งหลัก ที่กำหนดธาตุแท้ กฎเกณฑ์หรือสัจธรรม จากความเป็นจริงต่างๆ ที่แสดงตนในรูปของปรากฏการณ์อันสลับซับซ้อน) แล้วพัฒนาขึ้นมาเป็นแนวคิดทฤษฎี สำหรับชี้นำการกำหนดแนวทาง นโยบาย ยุทธศาสตร์ยุทธวิธี ปลุกระดมและจัดตั้งมวลชน ดำเนินการปฏิบัติ ขับเคลื่อนกงล้อประวัติศาสตร์ และหล่อหลอมตนเอง
โดยตั้งมาตรฐานว่า ความถูกต้องของแนวคิดทฤษฎี จะต้องอยู่ที่การปฏิบัติ การปฏิบัติเท่านั้นที่สามารถใช้เป็นมาตรวัดความถูกต้องของทฤษฎี ดังคำกล่าวที่ว่า "การปฏิบัติเท่านั้นที่เป็นมาตรฐานวัดสัจธรรมเพียงหนึ่งเดียว"
สรุปคือ ทฤษฎีเป็นหนึ่งเดียวกับการปฏิบัติ มาจากการปฏิบัติ และเพื่อการปฏิบัติ
ความมีพลังของแนวคิดทฤษฎีอยู่ที่การปฏิบัติ ยิ่งปฏิบัติก็ยิ่งมีพลัง
2.ท่วงทำนองของชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีน
(1.ยึดมั่นในจุดยืน ทัศนะ วิธีการมาร์กซิสม์ 2.ใช้ทฤษฎีประสานกับการปฏิบัติ ทุกอย่างเริ่มต้นจากความเป็นจริง หรือ "หาสัจจะจากความเป็นจริง" 3. เดินแนวทางมวลชน)
2.1 และ 2.2 ชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีน ยึดมั่นในจุดยืน ทัศนะ วิธีการมาร์กซิสม์ ใช้จุดยืนทัศนะวิธีการมาร์กซิสม์มองโลก รับรู้โลก ทุกอย่างเริ่มจากผลประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ ดำเนินการทุกเพื่อการปลดปล่อยมวลมนุษย์ออกจากกรอบจำกัดทั้งทางธรรมชาติ ทางสังคม และทางปัญญา
ลัทธิมาร์กซ์เห็นว่า พลังการผลิตทางสังคมของมนุษย์ เป็นเหตุปัจจัยเบื้องต้นของการพัฒนา และปลดปล่อยมนุษย์ออกจากกรอบจำกัดทั้งปวง การเคลื่อนไหวทางการผลิตของปวงประชามหาชนคือพลังขับเคลื่อนพื้นฐานของการพัฒนาพลังการผลิต เป็นที่มาของการพัฒนาก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ซึ่งจะหันกลับไปผลักดันกระบวนการพัฒนาของพลังการผลิตอีกที
การพัฒนาก้าวหน้าของพลังการผลิตจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบความสัมพันธ์ทางการผลิต ตลอดจนระบบสังคม การเมืองการปกครอง ศิลปวัฒนธรรม ฯลฯ
ในแต่ละขั้นของการพัฒนา ลักษณะของสิ่ง สังคม หรือมนุษย์ จะถูกกำหนดโดยคู่ขัดแย้งหลัก ผ่านทางด้านหลักของคู่ขัดแย้ง การเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ของคู่ขัดแย้งหลักจะเป็นเหตุปัจจัยนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงลักษณะของสิ่ง สังคม หรือมนุษย์ ก้าวไปสู่สภาวะใหม่ ที่มีคู่ขัดแย้งหลักใหม่เป็นตัวกำหนดลักษณะ
สรรพสิ่งจึงพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง จากพลังขับเคลื่อนที่มาจากการขับเคี่ยวกันของคู่ขัดแย้งหลักภายใน
มนุษย์สามารถเร่งกระบวนการพัฒนาของสังคมได้ แต่ไม่สามารถตัดตอนหรือกระโดดข้ามขั้นตอนการพัฒนาของสังคมได้
ด้วยเหตุนี้ ชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงต้องเคารพความเป็นจริง ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริง ทฤษฎีประสานกับการปฏิบัติ "หาสัจจะจากความเป็นจริง" ไม่หาจากตำรา และไม่ไปหาจากคำพูดลอยๆ ของเจ้านายคนหนึ่งคนใด
ที่มา หลังม่านไม้ไผ่ มติชน สุดสัปดาห์ วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1317
Create Date : 14 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 15 มิถุนายน 2550 13:06:07 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1207 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|