Enter your search terms Submit search form Web www.inthedark.bloggang.com ชุมทางเพลงเพื่อชีวิต
ชุมทางเพลงเพื่อชีวิต
เรื่องจากปก ไทยโพสต์ แทบลอยด์ ฉบับ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๔๗
นี่คงเป็นงานศพงานเดียว ที่มีคนใส่เสื้อเขียว สัญลักษณ์ของ กลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอกกุยบุรี มาร่วมงานจำนวนมาก ไม่เว้นแม้ กรณ์อุมา พงษ์น้อย ภรรยาของเจริญ วัดอักษร นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ ที่ใครบางคนให้คำนิยาม พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ เล่นดนตรีอยู่บนเวทีหน้าศพ ท่ามกลางผู้มาร่วมงานนับพัน จำนวนหนึ่ง เป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน กฟผ. นำโดย ศิริชัย ไม้งาม และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แห่งชาติ ที่เป็นเจ้าภาพ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวบ้าน คนธรรมดาสามัญ คนเฒ่าคนแก่ คนหนุ่มสาว เด็กเล็ก ที่มาร่วมรำลึก และอาลัยผู้นำการต่อสู้ ผู้เสียสละชีวิตปกป้องท้องถิ่น แผ่นดิน ทะเล และธรรมชาติ ที่เป็นสมบัติล้ำค่าของพวกเขา
นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่ปฏิเสธ แต่ถ้าจะนิยามให้เห็นภาพ ก็ต้องบอกว่าเจริญ วัดอักษร คือนักสู้สามัญชน ผู้มาจากคนธรรมดาสามัญคนหนึ่ง ที่ไม่ได้เรียนรู้อุดมการณ์อันล้ำเลิศ หรือถ้อยคำสวยหรูใด ๆ เพียงแต่มีหัวใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ สู้แล้วต้องสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองและชุมชน แบบคนที่เกิดมากับดิน และตายไปกับดิน
ผู้นำจากการต่อสู้
ที่จริงเจริญไม่ใช่คนบ่อนอก บ้านเกิดของเขาอยู่ที่ ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เป็นลูกคนที่ ๘ คนสุดท้องของพ่อชั้น แม่วิเชียร วัดอักษร ซึ่งมีอาชีพขายของในตลาด แต่พอดีพระครูวิทิตพัฒนวิธาน พี่ชายคนที่ ๒ มาเป็นเจ้าอาวาสวัดสี่แยกบ่อนอกตั้งแต่ปี ๒๕๒๖ เจริญก็ตามมาอยู่ด้วย จากที่ไป ๆ มา ๆ ตอนโรงเรียนปิดเทอมก็มาอยู่ประจำจนกลายเป็นคนบ่อนอก โดยเฉพาะเมื่อเขาอยู่กินกับ กระรอก กรณ์อุมา ลูกสาวอดีตกำนันซึ่งรักกันมาตั้งแต่วัยรุ่น
พระครูกล่าวถึงน้องชายว่าเป็นคนดี ไม่เที่ยว เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ การพนันไม่เล่น เมื่อถามว่าทำไมเขาถึงเป็นผู้นำชาวบ้าน เพราะเป็นคนใจเย็นมั้ง สุขุม ชอบพูดขำ ๆ แหย่คนโน้นบ้างคนนี้บ้าง คนแก่รัก บอกด้วยว่าเขาไม่ใช่คนก้าวร้าว นอกจากตอนขึ้นเวทีเท่านั้น ดุเดือดหน่อย แต่อยู่ข้างล่างนี่ไม่มี พวกแม่ครัวรักทุกคนแหละ
กระรอกเล่าว่าเจริญไม่ได้เป็นผู้นำตั้งแต่แรก ตอนแรกก็เพียงแต่เข้ามามีส่วนร่วมเป็นทีมงานคัดค้านโรงไฟฟ้า
พอตอนหลังพวกเรามีการผลักดันเรื่องการเมืองท้องถิ่น เพราะจะได้เอาอำนาจตรงนี้ไปคานด้วย ที่ผ่านมาเป็นฝ่ายตรงกันข้ามเขายึดครองการเมืองท้องถิ่นตรงนี้ ที่สู้เรื่องโรงไฟฟ้ากันมาเรารู้ว่าการเมืองท้องถิ่นมีบทบาทในการกำหนดเหมือนกันว่าจะสร้างหรือไม่สร้าง เราก็เลยต้องช่วงชิงกลับมา แล้วเราก็ทำได้สำเร็จ พี่ชิน (สุชิน ช่อระหงส์) ก็เข้าไปเป็นประธาน (หมายถึงประธาน อบต. ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นนายก อบต.) แล้วพวกเราก็ไปเป็นทีมงานหลายคน เลยต้องมาคิดกันว่าใครจะขึ้นมาเป็นผู้นำ
ตอนแรกเจริญเขาก็พูดไม่เป็น แต่สมัยเริ่มการต่อสู้เวลาประสานสื่อมวลชน สมัยก่อนเจริญคนเดียวที่มีโทรศัพท์มือถือ ตอนนั้นเครื่องหนึ่งก็ ๓๔ หมื่น แต่เราค้าขายเราต้องมี เราก็เลยเป็นผู้ประสานมาโดยตลอด แต่เวลาขึ้นเวทีเจริญยังพูดไม่ได้ จนถึงวันที่พี่ชินกับหลาย ๆ คนไปอยู่ อบต. เราก็ต้องมาคิดว่าเราจะชูใคร ทุกคนก็โหวตเอาเจริญนั่นแหละ เหมาะสมที่สุด หนูยังพูดเล่นว่าจะมีความสามารถได้ยังไงพูดยังไม่เป็น แล้วเขาจะขี้เล่นยังแกล้งบอกเขาว่าบุคลิกเหมือนลิงที่โดนหมามุ่ย ยุกยิก ๆ ไม่นิ่ง จะเป็นได้ยังไง เขาเป็นคนขี้เล่น ชอบอำ ดูแล้วไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพายเท่าไหร่ ก็ค่อย ๆ เรียนรู้ตอนหลัง
เจริญกลายเป็นผู้นำที่ชาวบ้านรักและศรัทธา ท่ามกลางการต่อสู้นั่นเอง พระกบ เพื่อนร่วมอุดมการณ์บอกว่า เจริญกับครูตุ้ยจะเป็นคนที่ชาวบ้านให้ความนับถือมาก เขาจะเคารพความคิดเห็นเวลาประชุม จะไม่เอาความเห็นเขาเป็นใหญ่ ถ้าคนไหนคิดว่ามาทำแล้วได้ดี เขาก็จะถอยไปโดยปริยาย เพราะเขาไม่ได้ทำงานเพื่อหวังผลการเมือง เราให้ความไว้เนื้อเชื่อใจกันมาก นั่นอาจจะต่างกับภาพบนเวที ซึ่งพระกบเล่าว่าเจริญจะมีวิธีการพูดที่ชาวบ้านสะใจ บนเวทีเขาจะเหมือนไม่กลัวใคร เพื่อแสดงให้ชาวบ้านมั่นใจ
จะดูเจริญต้องดูจากกระรอก ผู้หญิงแกร่งคนนี้เข้มแข็งเกินคาด ปกติเธอไม่เคยออกหน้า แต่เมื่อสูญเสียสามี กระรอกตัดสินใจทันทีว่าต้องเอาศพเข้ากรุงเทพฯ และไปออกรายการทีวีพูดจาฉะฉานอย่างไม่กลัวใคร
คู่นี้เขาใจเหมือนกัน ใจนักเลง ต่อสู้ ถ้าเทียบว่าให้กระรอกขึ้นเวทีแบบจินตนา (แก้วขาว) ก็พอ ๆ กันนั่นแหละ เพราะกระรอกเขามีนิสัยตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว ไม่กลัวใคร เด็ดเดี่ยวเหมือนผู้ชาย พระกบเล่าให้ฟัง
เจริญ กระรอก ตอนเป็นวัยรุ่นก็เก มีพรรคพวกเยอะ ไม่ใช่ผ้าพับไว้เสียทีเดียว ผมยังโตมาอีกอย่าง ร่างกายเราไม่แข็งแรงสมบูรณ์ หิ้วปิ่นโตตามแม่ไปวัดตั้งแต่เด็ก ๆ
บอกว่าเจริญไม่สูบบุหรี่ไม่กินเหล้าจริง แต่สมัยรุ่น ๆ เรื่องเพื่อนแล้วยอมไม่ได้เหมือนกัน พวกเยอะ คือเจริญไม่ได้ทำเอง แต่ถ้าเพื่อนเป็นอะไรนี่ไม่ทิ้งเพื่อน เจริญไม่ใช่หัวโจกนะ แต่หมายถึงเพื่อนไปมีเรื่อง เจริญหรือกระรอกจะไม่ยอม แม้กระทั่งในงานวัดยังไม่ยอมถ้าเพื่อนโดนขนาดเป็นงานของเจ้าอาวาสพี่ชายยังไม่ยอมเลย เพื่อเพื่อน เป็นคนแบบนั้น
น่าจะเป็นเพราะนิสัยเช่นนี้เอง ที่เมื่อเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขุมขึ้น เจริญจึงกลายเป็นที่รักศรัทธา พระกบซึ่งมาร่วมขบวนภายหลัง ก่อนจะกลายมาเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ใกล้ชิด กล่าวตอนหนึ่งว่า ผมรักเจริญมากกว่าพี่น้องผมอีก ตั้งแต่ทำงานกันมาเรายอมตายแทนกันได้ บอกว่าขนาดที่เจริญรู้ตัวเองว่าเป็นเป้าอยู่ตลอดมา ในช่วงสถานการณ์ร้อนแรงถ้าวันไหนพระกบมาประชุมแล้วต้องขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน เจริญก็จะขับรถส่องไฟตามหลังไปส่งจนถึงบ้าน ถ้าผมยังไม่เปิดประตูบ้านเขาก็ยังไม่ไป
ชีวิตที่พร้อมสละ
กระรอกยืนเคียงข้างเจริญมาตลอดในการต่อสู้ เจริญออกหน้า เธออยู่ข้างหลัง แต่ก็ปรึกษาหารือกัน
เป็นคนที่มีความคิดตรงกัน มีนิสัยคล้ายกันในเรื่องความคิด อุดมการณ์ แต่ถ้าเรื่องนิสัยทั่วไปเจริญเขาจะสุขุม ถ้าเทียบกันหนูจะใจร้อนกว่า ความรอบคอบเขาจะมีมากกว่า แต่เรื่องความคิดโดยรวมแล้วเหมือนกัน
เธอไม่เคยคัดค้านแม้รู้อยู่แก่ใจว่า สักวันจะต้องมีวันนี้
เรารู้แล้วว่าเราเล่นอยู่กับอะไร ตั้งแต่ประท้วงโรงไฟฟ้า การสูญเสียมันต้องมี ต้องเตรียมว่าสักวันหนึ่งมันต้องพลาด เรื่องนี้ต้องเกิด ทางกลุ่มก็เตรียมรองรับตรงนี้ สมมติเจริญล้มเราจะต้องมีคนต่อไป ก็ไม่ได้มีผลกระทบกับขบวนเท่าไหร่ แต่ว่าทางด้านจิตใจก็เสียใจเสียดายกัน แต่การทำงานไม่มีผลกระทบ และการทำงานหนูคิดว่าต้องเข้มแข็งกว่าเดิมเมื่อมีการสูญเสียเกิดขึ้น
ผัวเมียคู่นี้เตรียมพร้อมมาตั้งแต่แรกแล้ว ถึงขั้นตกลงกันว่าจะไม่มีลูก
เราคุยกันมาตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไม่มีลูก คือเรื่องลูกเป็นอุปสรรค เอาง่าย ๆ เวลาคุยกันก็จะมองพี่หน่อย (จินตนา แก้วขาว ผู้นำชาวหินกรูด) เป็นอันดับแรก พี่หน่อยนี่หญิงเหล็กจริง ๆ ขนาดมีภาระเยอะแยะแต่แกก็สู้ เราดีกว่าพี่หน่อยร้อยเท่าพันเท่าที่ไม่มีลูก ถ้ามีลูกเราคงไม่มาถึงจุดนี้
คือรู้ว่าสักวันมันต้องเกิดเรื่องอย่างนี้ แต่ไม่คิดว่าจะเกิดไวอย่างนี้ เราจะได้ไม่ต้องมีภาระอะไรไว้ให้ใคร ไม่ต้องมีห่วง พะวงหน้าพะวงหลัง
ตั้งแต่แรกที่จับตรงนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าชนกับอะไร เล่นอยู่กับอะไร ก็คุยกันมาตลอดกับเจริญว่าไม่แกก็ข้าแต่สงสัยจะเป็นแกก่อน อะไรอย่างนี้ ก็คุยกัน เพราะบทบาทเขาจะเด่นกว่าเรา เรากับเขาทำงานร่วมกัน แต่การออกหน้าจะเป็นเขาเป็นหลัก ปกติจะเป็นคนที่ไม่ชอบพูดคุยกับนักข่าว พูดไมค์ไม่เป็น
แม้หลังจากโรงไฟฟ้าถอยไปแล้ว เธอกับเจริญก็รู้ว่าสักวันต้องมีความขัดแย้งเรื่องอื่น โดยเฉพาะที่ดินสาธารณะ ซึ่งก็เป็นกลุ่มอิทธิพลกลุ่มเดียวกันนั่นเอง
เรื่องที่ดินสาธารณะนี่จริง ๆ มีมานานแล้ว ควบคู่กันมาตั้งนานแล้วกับโรงไฟฟ้า แต่ก็คุยกันว่าเฮ้ย เจริญโรงไฟฟ้านี่เป็นปัญหาเร่งด่วนนะ มันต้องได้รับการแก้ไขก่อน ถ้าจับทั้ง ๒ เรื่องไม่ไหว โดยเฉพาะเรื่องที่ดินมันเป็นอิทธิพลท้องถิ่นเราก็พอจะรู้อยู่ว่าใคร เพราะเราโตมาในชุมชนเราก็น่าจะรู้อะไรเห็นอะไรมาบ้าง เรื่องที่สาธารณะเอาให้จบโรงไฟฟ้าก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน
จริง ๆ มันเกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ช่วงประท้วงโรงไฟฟ้าเรื่องออกโฉนดที่ดิน ๕๓ ไร่ยังไม่ได้ข่าว แต่ว่าปัญหาเรื่องการบุกรุกมีควบคู่กันมา มันเป็นกลุ่มคนที่มีอิทธิพลเชื่อมโยงกับเรื่องโรงไฟฟ้า คนที่มีอิทธิพลในพื้นที่ร่วมกัน ผลประโยชน์เกี่ยวพันกัน
แม้แต่หลังกรณีโรงไฟฟ้า กลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอกก็ยังไม่รีบรุกเรื่องนี้ จนกระทั่งมีการออกโฉนดที่ดิน ๕๓ ไร่
เรารู้ข่าวมาจากกำนันฉอยว่าจะมีการออกโฉนดอีก ๗ วัน ก็ปรึกษากันก่อน เจริญบอกว่ากำนันฉอยโทร.มาคุย ก็คุยกันว่าจะปล่อยให้ออกโฉนดกันก่อนจะได้ชัดเจน หนูบอกว่าขั้นตอนแค่นี้มันก็เอาคนติดคุกได้แล้ว ถ้าปล่อยให้เลยไปถึงขั้นนั้นแก้ไขยาก ถ้าไปคัดค้านให้เพิกถอนตอนนี้มันง่ายกว่าปล่อยให้ออกมาเป็นโฉนด สรุปก็คือทำเลย
ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามีอันตราย ความจริงก็คิด คือจับเรื่องนี้เราก็บอกกันว่าเล่นเรื่องนี้นะตายเร็ว คุยกันมาตั้งแต่แรก เพราะเรารู้ว่ากลุ่มที่มีอิทธิพลที่ผ่านมาเขาเป็นยังไงกัน เคยคุยกับเจริญว่าคนพวกนี้ไม่มีสมอง มันไม่คิดอะไรหรอกคนพวกนี้ คิดแต่จะได้ เรื่องอะไรที่เราคาดไม่ถึงมันก็ทำได้ทุกเรื่องแหละไอ้พวกนี้
ก็ไม่รู้จะระวังยังไง เราก็คนทำมาหากิน เราเซฟตัวเองไม่ได้ จะอยู่กับที่ก็ไม่ได้ ไปไหนมาไหนอาวุธเราก็พกไม่ได้ แล้วคนจ้องจะทำกับคนที่ระวังมันเทียบกันไม่ได้ เจริญเองเขาก็ทำงานส่วนรวมหลายเรื่อง อย่างวิทยุชุมชนเขาก็ทำ อยู่กับที่ไม่ได้ ต้องเดินทาง เขาเป็นคนระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย การต่อสู้เราใช้เงินของเราตลอด ไปกรุงเทพฯ ทำไมต้องไปรถทัวร์ ปกติถ้าไปหลายคนคำนวณแล้วว่าค่าน้ำมันรถคุ้มกว่าจะไปนั่งรถทัวร์ก็เอารถไป แต่เดินทางคนเดียวสองคนไปรถทัวร์ดีกว่า ประหยัด
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราจะพูดกัน ถ้าตอนนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นมงคลก็พูดกันมาตลอด ช่วงเดือนที่แล้วก็ยังคุยกันอยู่ว่าจะบวชหลาน เป็นเจ้าภาพ หลาย ๆ คนก็บอกดีแล้วจะได้เก็บซองเอามาทำทุนกันบ้าง ที่ผ่านมามึงสองคนช่วยคนเยอะมาก ลูกมึงก็ไม่มีกัน มึงจะได้เก็บตรงนี้เอามาทำทุนต่อกัน ก็บอกว่าไม่เอาหรอก ตั้งใจแล้วว่าบวชไม่เก็บซองใคร เพราะเราบวชหลานไม่ใช่บวชลูก เอาหลานมาบวชแล้วมานั่งเก็บเงินก็เท่ากับเราหาเงิน มันเป็นกิจกรรมหาเงินไม่ใช่ความตั้งใจของเรา
ก็ยังพูดเล่นในหมู่ญาติพี่น้องกัน ไม่เป็นไรหรอกเรื่องซองไม่ต้องรีบ เดี๋ยวไม่กูตายก็เจริญตาย เดี๋ยวเขาก็มาช่วยซองกันเอง พูดมาตลอดในช่วงที่ผ่านมาเนี่ย เจริญก็บอกถ้าข้าตายซองที่มาช่วยแกก็ตั้งมูลนิธิข้าก็แล้วกันนะ หนูยังพูดเล่นว่าตั้งทำห่าอะไรเป็นหนี้เขาเยอะแยะก็เอามาช่วยใช้หนี้สิ ถ้าแกตายข้าก็ลำบากสิ ก็พูดเล่นกันอย่างนี้
เรื่องที่พูดเล่นกันของผัวเมียใจเด็ดคู่นี้กลายเป็นจริง ซึ่งตอนนี้กระรอกบอกว่าคนที่รับรู้เจตนารมณ์ของเจริญก็จะช่วยกันตั้งมูลนิธิให้เขา มีการประชุมเบื้องต้นกันแล้ว และคงจะเอาทุนจากมูลนิธินี้ไปเคลื่อนไหวต่อ
ตอนอยู่ด้วยกันมาก็คุยกัน ถ้าข้าตายแกก็คงอยู่ได้ เพราะข้ารู้ว่าแกเข้มแข็ง รู้อุปนิสัยซึ่งกันและกัน
ยังไงแกก็ต้องสานงานต่อแกอย่าทิ้งชาวบ้านนะ สืบสานภารกิจตรงนี้ให้สำเร็จลุล่วงเขาก็พูดอยู่