Group Blog
 
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
2 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
สืบ นาคะเสถียร


จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สืบ นาคะเสถียร (31 ธ.ค. 2492 — 1 ก.ย. 2533) นักอนุรักษ์และนักวิชาการด้านทรัพยากรธรรมชาติคนสำคัญของไทย มีบทบาทและชื่อเสียง จากการทำงานอนุรักษ์และปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่า ในเชี่ยวหลาน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง

ชีวิตวัยเยาว์
สืบ นาคะเสถียร หรือชื่อเดิม "สืบยศ" เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2492 ที่ตำบลท่างาม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี บุตรของ นายสลับ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และนางบุญเยี่ยม สืบมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดยสืบเป็นบุตรชายคนโต น้องชายและน้องสาวอีก 2 คนคือ กอบกิจ นาคะเสถียร และ กัลยา รักษาสิริกุล สืบมีบุตรสาว 1 คนชื่อชินรัตน์ ในวัยเด็ก สืบ ได้ช่วยงานในนาของมารดาด้วยความอดทน บุคลิกประจำตัว คือเมื่อเขาสนใจหรือตั้งใจทำอะไรแล้วก็จะมีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำอย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จ และเป็นผู้ที่มีผลการเรียนดีมาโดยตลอด สืบได้ช่วยทำงานในนา ของมารดา เมื่อว่างจากภาระดังกล่าว ก็ออกท่องเที่ยวไปกับเพื่อน โดยมีหนังสติ๊กคู่ใจ

ประวัติการศึกษา

สืบได้เข้าเรียนชั้น ประถมตอนต้น ที่โรงเรียนประจำจังหวัดปราจีนบุรี ช่วงปิดเทอมว่างจากการเรียน ก็ออกไปช่วยทางบ้าน ยกเสริมแนวคันนาเอง เพื่อไม่ให้มีข้อพิพาทกับเพื่อนบ้าน เมื่อเรียนจบชั้นประถม 4 ได้ไปเรียนต่อที่ โรงเรียนเซนต์หลุยส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จนจบในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาในคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2511 และจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2514 และต่อมาได้ทำงานที่ส่วนสาธารณะของการเคหะแห่งชาติ ใน พ.ศ. 2517 สืบเข้าศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาวิชาวนวัฒน์วิทยา ที่คณะวนศาสตร์ มหาลัยเกษตรศาสตร์ สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2518 ได้เริ่มชีวิตข้าราชการ โดยบรรจุเข้ารับราชการ ตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2522 สืบได้รับทุนการศึกษาจากบริติชเคาน์ซิลเรียนต่อในระดับปริญญาโทอีกครั้ง สาขาอนุรักษ์วิทยา ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ในอังกฤษ และจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2524

สืบกับมรดกงานวิจัยด้านสัตว์ป่า

หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สืบ นาคะเสถียร ได้เริ่มชีวิตข้าราชการ โดยบรรจุเข้ารับราชการ ตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงหน่วยงานที่เพิ่งก่อตั้งขึ้น เขาตัดสินใจเลือกกองนี้เพราะต้องการทำงานเกี่ยวกับสัตว์ป่า งานแรกของสืบที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ จังหวัดชลบุรี เป็นจุดที่ทำให้สืบได้เรียนรู้ว่าได้มีผู้มีอิทธิพลบุกรุกทำลายป่าจำนวนมาก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2522 ได้เรียนต่ออีกที่อังกฤษ ถึงปี 2524 ได้กลับมารับตำแหน่งหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางพระ มีส่วนร่วมในการจัดการและประสานงาน รวมทั้งเป็นวิทยากร ฝึกอบรมพนักงานพิทักษ์ป่าอีกหลายรุ่น และ 2 ปีต่อมา ในปี 2526 สืบได้ขอย้ายตัวเองเข้ามาเป็นนักวิชาการ กองอนุรักษ์สัตว์ป่า ทำหน้าที่วิจัยสัตว์ป่าเพียงอย่างเดียว

ในระยะนี้ เป็นจังหวะที่สืบได้แสดงความเป็นนักวิชาการออกมาอย่างเต็มที่ งานวิจัยศึกษาสัตว์ป่าเป็นงานที่สืบทำได้ดี และมีความสุขในการทำงานวิชาการมาก สืบรักงานด้านนี้เป็นชีวิตจิตใจ อันเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาได้ผูกพันกับสัตว์ป่าอย่างจริงจัง งานวิจัยในช่วงแรกของสืบ เป็นการวิจัยนก โดยศึกษาจำนวนนกชนิดและพฤติกรรมรวมถึงการทำรังของนกสืบได้เริ่มใช้เครื่องมือในการบันทึกงานวิจัย ซึ่งรวมถึง กล้องวีดีโอ กล้องถ่ายภาพ และการสเก็ตซ์ภาพ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ได้กลายเป็นผลงานการวิจัยสัตว์ป่าชิ้นสำคัญของเมืองไทยในเวลาต่อมา ได้แก่ ภาพถ่ายสไลด์สัตว์ป่าหายากนับพันรูป ม้วนเทปวิดีโอภาพชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ป่า และปัญหาการทำลายป่าในเมืองไทยหลายสิบม้วน โดยผลงานทั้งหมดสืบเป็นคนถ่ายและตัดต่อเองทั้งหมด

ผลงานวิชาการของสืบ

สืบได้ผลิตงานวิจัยเกี่ยวกับสัตว์ป่าออกมามากมาย ตั้งแต่การสำรวจติดตามชนิดและพฤติกรรมการทำรังของนก สำรวจแหล่งอาศัยของกวางผา ค้นหาและศึกษาพฤติกรรมของเลียงผา มาจนถึงการสำรวจศึกษาสภาพทางนิเวศของป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร และได้เป็นอาจารย์พิเศษ ประจำภาคชีววิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

การทำรังวางไข่ของนกบางชนิดที่ อ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี สัมมนาสัตว์ป่าเมืองไทย พ.ศ. 2524
รายงานการสำรวจนก บริเวณอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี สัมมนาสัตว์ป่าเมืองไทย พ.ศ. 2526
รายงานผลการวิจัย วางแผนขั้นรายละเอียดสำหรับ ฟื้นฟูสภาพป่าไม้และ การจัดการป่าไม้บริเวณ พื้นที่ป่าต้นน้ำคลองแสง โครงการเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี 2527
การศึกษานิเวศวิทยาของสัตว์ป่า ในบริเวณโครงการ ศูนย์ศึกษาเพื่อการพัฒนาภูพาน ตามพระราชดำริ 2528
นิเวศวิทยาป่าไม้และสัตว์ป่า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวรและ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง 2529
รายงานผลการจับเนื้อทราย ที่เกาะกระดาษ 2529
เลียงผาที่พบในประเทศไทย การกระจายถิ่นที่อยู่อาศัย และพฤติกรรมบางประการ 2529
สำรวจถิ่นที่อยู่อาศัยของเก้งหม้อ
นิเวศวิทยาป่าไม้และสัตว์ป่า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี และ จ.ตาก และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี และ จ.ตาก กุมภาพันธ์ 2530 โดย สืบ นาคะเสถียร, นริศ ภูมิภาคพันธุ์, ศักดิ์สิทิ์ ซิ้มเจริญ
การสำรวจเบื้องต้นเกี่ยวกับ สัตว์ป่าในพรุโต๊ะแดง จ.นราธิวาส
การอพยพสัตว์ป่า ในอ่างเก็บน้ำรัชชประภา สัมมนาสัตว์ป่า 2532
วิเคราะห์ความเหมาะสม จากรายงานและแผนการ แก้ไขผลกระทบด้านทรัพยากร ป่าไม้และสัตว์ป่า
โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ แควใหญ่ตอนบน (Assessment on Report and Impact Assessment Plan on Forestry and Wildlife of Upper Quae Yai Project)
รายงานการประเมินผลงาน ช่วยเหลือสัตว์ป่าตกค้าง ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำ เขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) จ.สุราษฏร์ธานี
Nomination of the Thung Yai-Huay Kha Khaeng Wildlife Sanctuary to be a UNESCO World Heritage Site, May 1990 Submitted by the Wildlife Conservation Division, Royal Forest Department Prepared Seub Nakasathien and Belinda Stewart-Cox

โครงการอพยพสัตว์ป่าที่เชี่ยวหลาน

สืบ นาคะเสถียร ได้รับตำแหน่งหัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่า โดยมีงบประมาณเริ่มต้นเพียง 8 แสนบาท ในการรับผิดชอบพื้นที่แสนกว่าไร่ โดยไม่มีการอนุมัติอุปกรณ์ช่วยชีวิตสัตว์ป่าแม้แต่เรือ แม้กระนั้นสืบได้ทำงานทั้งวันทั้งคืน และศึกษาข้อมูลจากทุกแหล่งทั้งหนังสือในเมืองไทย และหนังสือจากต่างประเทศ ตลอดจนขอความรู้จากนายพรานเก่าที่มีความชำนาญในการจับสัตว์ป่ามาก่อน

ในปี พ.ศ. 2529 สืบได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานในหน้าที่ หัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้าง ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำ เขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) บริเวณแก่งน้ำเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี สืบได้รับหน้าที่ให้เข้าไปช่วยเหลืออพยพสัตว์ป่าที่ตกค้างในอ่างเก็บน้ำ เนื่องจากปัญหาการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน สืบได้ทุ่มเทเวลาให้กับการกู้ชีวิตสัตว์ป่าที่หนีภัยน้ำท่วม ถึงแม้ว่าโครงการอพยพสัตว์ป่าสามารถช่วยสัตว์ได้กว่า 1,364 ตัว สืบรู้สึกเสียใจกับสัตว์อีกจำนวนมากที่เสียชีวิตไป สืบเริ่มเข้าใจปัญหาและ ตระหนักว่างานวิชาการเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถช่วยเหลือป่าและสัตว์ป่าจากการถูกทำลายได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาระดับชาติ โดยจะเห็นได้กรณีรัฐบาลจะสร้างเขื่อนน้ำโจน ในบริเวณทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี สืบได้เข้าคัดค้านอย่างเต็มที่

สืบได้เขียนรายงานผลการอพยพสัตว์ป่าจากเขื่อนเชี่ยวหลาน เพื่อบอกทุกคนให้รู้ว่า การช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ถูกทำลายถิ่นที่อยู่นั้น เป็นเรื่องที่เกือบจะไร้ผลโดยสิ้นเชิง สืบยืนยันว่าการสร้างเขื่อนได้ทำลายล้างเผ่าพันธุ์ แหล่งอาหาร ตลอดจน ที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าอย่างรุนแรง กระทั่งความช่วยเหลือจากมนุษย์ ไม่สามารถชดเชยได้ โดยการรวมพลังของกลุ่มนักอนุรักษ์ ซึ่งในที่สุดโครงการสร้างเขื่อนน้ำโจนได้ถูกระงับไป

ในระหว่างที่เขียนรายงานเขื่อนเชี่ยวหลาน สืบได้รับตำแหน่ง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จังหวัดสุราษฏร์ธานี เพิ่มอีกตำแหน่ง และต่อมาในปี พ.ศ. 2530 สืบได้ปฏิบัติงานในโครงการศึกษาผลกระทบสภาพแวดล้อม เพื่อพัฒนาพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง จังหวัดนราธิวาส

ตำนานของห้วยขาแข้ง

สืบ นาคะเสถียร ได้กลับเข้ามารับราชการที่กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ในปี พ.ศ. 2531 และสืบได้พยายามเสนอให้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และป่าห้วยขาแข้ง มีฐานะเป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการ จากองค์การสหประชาชาติ โดยเล็งเห็นว่าฐานะดังกล่าวจะเป็นหลักประกันสำคัญ ที่จะคุ้มครองป่าผืนนี้เอาไว้อย่างถาวร โดย ปลายปี พ.ศ. 2532 สืบได้รับทุนเรียนต่อระดับปริญญาเอกที่อังกฤษ พร้อมกับได้รับมอบหมาย ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นป่าอนุรักษ์ที่มีความสำคัญมากไม่แพ้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ในปี พ.ศ. 2533 สืบได้จัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร ได้เป็นวิทยากรบรรยาย และร่วมอภิปรายในโอกาสและสถานที่ต่าง ๆ หลายแห่ง โดยเน้นเรื่อง "การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและปัญหาที่เกี่ยวข้อง" และ "การอพยพสัตว์ป่าตกค้างในเขื่อนเชี่ยวหลาน"

ด้วยป่าห้วยขาแข้งเป็นผืนป่าที่อุดมไปด้วยพรรณไม้และสัตว์ป่าอันล้ำค่า ทำให้หลายฝ่ายต่างก็จ้องบุกรุกเข้ามาหาผลประโยชน์ สืบได้แสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะรักษาป่าผืนนี้ไว้ให้ได้อย่างชัดแจ้ง ได้ประกาศให้รู้ทั่วกันว่า "ผมมารับงานที่นี่ โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน" ตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปรับงานหัวหน้าเขตฯ ถึงแม้กระนั้นก็ยังไม่สามารถปกป้องป่าได้ เนื่องจาก การดูแลผืนป่าขนาดมากกว่าหนึ่งล้านไร่ ด้วยงบประมาณและกำลังคนที่จำกัด รวมถึงการทุจริตของเจ้าหน้าที่ กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยง่าย และมากกว่านั้นปัญหาความยากจนของชาวบ้านที่อยู่อาศัยโดยรอบเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทำให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลที่หวังผลประโยชน์ ได้ว่าจ้างชาวบ้านในเขตป่าสงวนเข้ามาตัดไม้ และลักลอบล่าสัตว์ในเขตป่าอนุรักษ์

ในทรรศนะของสืบ หนทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาได้คือการสร้างแนวป่ากันชนขึ้นมา โดยให้ชาวบ้านอพยพออกนอกแนวกันชน และพัฒนาแนวกันชนให้เป็นป่าชุมชนที่ชาวบ้านสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับความสนใจและความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด

การเสียสละด้วยชีวิต

เช้ามืดวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2533 สืบ นาคะเสถียร ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง สืบได้สั่งเสียลูกน้องคนสนิทและเขียนจดหมายสั่งเสีย 6 ฉบับ ชำระสะสางภาระรับผิดชอบ และทรัพย์สินส่วนตัวที่คั่งค้าง รวมถึงมอบหมาย เครื่องใช้ และอุปกรณ์ในการศึกษาวิจัยด้านสัตว์ป่า ให้สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เพื่อนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว ตั้งศาลเพื่อแสดงความคารวะต่อดวงวิญญาณของเจ้าหน้าที่ ซึ่งพลีชีพรักษาป่าห้วยขาแข้ง แล้วสวดมนต์ไหว้พระจนจิตใจสงบ เสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่งในราวป่าลึก ที่ห้วยขาแข้ง สืบ นาคะเสถียร ได้จบชีวิตของเขาลง และเป็นจุดเริ่มต้นของ "ตำนานนักอนุรักษ์ไทย สืบ นาคะเสถียร ผู้ที่รักป่าไม้ สัตว์ป่าและธรรมชาติ ด้วยกายวาจา"

สองอาทิตย์ต่อมา บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมป่าไม้ รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายทหาร นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ นายอำเภอ ป่าไม้เขต และ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อีกนับร้อยคน ได้เปิดประชุมเพื่อหามาตรการป้องกันการบุกรุกป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โดย สืบ นาคะเสถียร ได้พยายามจัดตั้งการประชุมหลายสิบครั้งแต่ไม่มีการตอบรับจากเจ้าหน้านี้สักครั้งจนกระทั่งการเสียชีวิตของสืบ ทำให้มีข้อกล่าวว่า หากไม่มีเสียงปืนนัดนั้น การประชุมดังกล่าวก็คงไม่เกิดขึ้นเช่นกัน

การจากไปของ สืบ นาคะเสถียร ได้ส่งผลสะเทือนอย่างล้ำลึกต่อผู้คนที่รักธรรมชาติ และแสวงหาความเป็นธรรมในสังคม ทั้งนี้เพราะว่าในยามที่ยังมีชีวิตอยู่ สืบมิได้เป็นเพียงข้าราชการอาชีพที่มีภาระการงานเกี่ยวกับการพิทักษ์ป่า และสัตว์ป่าเท่านั้น หากเป็นผู้นำคนสำคัญของขบวนการอนุรักษ์ธรรมชาติในประเทศไทย เป็นผู้ที่เคยต่อสู้เพื่อปกปักรักษาทรัพยากรป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ โดยไม่คำนึงภัยอันตราย การจากไปของเขานับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ และเป็นความสูญเสียที่นักอนุรักษ์ธรรมชาติทุกคน ไม่อาจปล่อยให้ผ่านพ้นไป โดยปราศจากความทรงจำ




สืบ นาคะเสถียร ผู้ประพันธ์เนื้อร้อง แด่..."สัตว์ป่า"

เสียงปืนที่ดังลั่น ตัวแม่นั้นต้องสิ้นใจ
ลูกน้อยที่แบกไว้ กระดอนไปเพราะแรงปืน
ฝืนใจเข้ากอดแม่ หวังแก้ให้แม่ฟื้น
แม่จ๋าเพราะเสียงปืน จึงไม่คืนชีวิตมา
โทษไหนจึงประหาร ศาลไหนพิพากษา
ถ้าลูกท่านเป็นสัตว์ป่า ใครเข่นฆ่าท่านยอมไหม
ชีวิตใครใครก็รัก ท่านประจักษ์หรือไม่ไฉน
โปรดเถิดจงเห็นใจ สัตว์ป่าไซร้ก็เหมือนกัน

มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
สืบ ตำนานผู้กบฏต่อราชการไทย.....17ปี แห่งการพลัดพราก กระทู้ในพันทิพห้องblueplanet
บทเพลง...สิ้นเสียงปืน .....



Create Date : 02 กันยายน 2550
Last Update : 2 กันยายน 2550 17:13:20 น. 9 comments
Counter : 2375 Pageviews.

 
หลับเถิดนะพี่ชายของผม....

เราจะเดินตามรอยทางของพี่ต่อไป....

ด้วยจิตคารวะ


โดย: สหายสาริกา IP: 222.123.120.110 วันที่: 3 กันยายน 2550 เวลา:0:24:16 น.  

 

คุณไม่เคยตายไปจากผืนแผ่นดินไทย รู้ตัวหรือไม่ .. ?


โดย: เวิ้งฟ้า IP: 222.123.230.171 วันที่: 4 กันยายน 2550 เวลา:21:36:48 น.  

 
อย่าเศร้าไปเลยพี่น้อง
คุณสืบยังคงอยู่คู่ป่าไทย


โดย: แตนต่อย IP: 84.72.14.114 วันที่: 5 กันยายน 2550 เวลา:3:43:06 น.  

 
สืบทอดเจตนา


โดย: Darksingha วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:16:33:27 น.  

 
สืบต่อ ‘สืบ’ กับเวลา 17 ปี ของการจากไป...



คิม ไชยสุขประเสริฐ

คนหลายคนพบเจอแล้วผ่านเลย หลายคนถูกเก็บไว้ในความทรงจำ แต่สำหรับบางคนไม่เคยได้พบพูดคุยแม้เพียงทักทาย แต่กลับถูกรำลึกในหัวใจคนตราบนานเท่านาน...

“เช้าวันที่ 1 กันยายน ในราวป่าเสียงปืนกึกก้อง
ญาติมิตรล้วนน้ำตานอง จากข่าวร้ายกลางป่าอุทัย
วิญญาณเจ้าจงรับรู้ คนที่ยังอยู่ยังยืนหยัดต่อไป
สืบ...เอยหลับให้สบาย เจ้าจากโลกไปนี้ไม่สูญเปล่า”

บทเพลงจากวงคาราบาว เล่าถึงเหตุการณ์ 1 กันยาน พ.ศ.2533 วันที่ สืบ นาคะเสถียร ได้ถูกบันทึกชื่อไว้ในความทรงจำของใครหลายๆ คน แม้ไม่ใช่ญาติมิตรแน่นสนิท และไม่ใช่เพียงในความทรงจำของคนรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ชื่อของเขายังถูกบอกเล่าจากรุ่นสู่รุ่น...


เวลาล่วงเลยไปกว่า 17 ปีแล้วที่ สืบ นาคะเสถียร ตามตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งในขณะนั้น ได้ปลิดชีพตัวเองลงด้วยอุดมการณ์ เพื่อกระตุ้นเร้าให้คนเห็นความสำคัญของป่าไม้และสัตว์ป่าและถือเป็นการเริ่มต้นตำนาน “นักอนุรักษ์ไทย ผู้รักป่าไม้ สัตว์ป่า และธรรมชาติ ด้วยกายวาจาใจ”

“ไม่เคยลืมเลย หลายสิ่งที่ได้สัมผัสกับแกไม่รู้อีกกี่ปีจะลืม...”

“วิถีทางการทำงาน การเก็บข้อมูล ความตั้งใจทุ่มเทในการทำงานอย่างเต็มที่ คือสิ่งที่ท่านฝากผมเอาไว้ ไม่ใช่ด้วยการบอก แต่ทำเป็นตัวอย่าง” คำบอกเล่าจากพี่อ่ำ หรือสายยันต์ น้ำทิพย์ ลูกน้องผู้เคยทำงานใกล้ชิด ที่มีต่อนักอนุรักษ์ในความทรงจำซึ่งเป็นทั้งผู้บังคับบัญชา ครูผู้สอนวิถีชีวิตของป่า และแบบอย่างในการทำงาน

ปัจจุบันพี่อ่ำยังคงทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เขาสลักพระ จ.กาญจนบุรี ด้วยวิธีการเผยแพร่และสร้างจิตสำนึกของการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่าสู่เยาวชนรวมถึงชาวบ้านโดยใช้เสียงดนตรี ร่วมกับการลงพื้นที่ออกตรวจป่า ด้วยความหวังว่าหากออกตรวจบ่อยๆ การลักลอบกระทำผิดจะหมดไปเอง แม้จะยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ต่ำ อีกทั้งกำลังใจของเจ้าหน้าที่ก็ถดถอย ทั้งในเรื่องสวัสดิการและเงินเดือน รวมถึงอาวุธที่ใช้ในการทำงานซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าความรุนแรงที่ส่งผลต่อสวัสดิภาพของร่างกายและชีวิตยังคงมีอยู่

“อยากให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลสวัสดิการเจ้าหน้าที่ รวมถึงพนักงานจ้างเหมา พวกเขามาทำหน้าที่ตรงนี้ก็เสียสละมากแล้ว การดูแลความเป็นอยู่บ้าง รายได้บ้าง จะเป็นกำลังใจในการทำงานต่อไปในเมื่อพวกเขาก็เป็นทรัพยากรในการดูแลรักษาป่าที่ทรงคุณค่าด้วยเหมือนกัน” พี่อ่ำบอกกับเราด้วยความหวังหลังจากบอกเล่าถึงความลำบากของการทำงานเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามาจนถึงวันนี้

รำลึก สืบ นาคะเสถียร
“สำหรับตัวผม คุณสืบเป็นคนที่ยิ่งใหญ่มาก ผืนป่าที่เคยไม่มีใครเห็นค่า แต่ท่านเสียสละชีวิตให้คนอื่นๆ ภายนอกหันมาเห็นความสำคัญ”
สิทธิกร อินทร์ฉ่ำ ประธานอาสาสมัครพิทักษ์สัตว์โลกห้วยขาแข้ง

“รู้สึกดีใจและภูมิใจที่มีคนดีๆ อย่างนี้อยู่ในผืนแผ่นดินนี้ รู้สึกประทับใจในการเสียสละชีวิต แต่ขณะเดียวกันก็เสียดายที่ต้องเสียคนดีๆ ไป”
กิตติยา อรุณรัตน์ นักศึกษาปี 3 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

“ในการจัดงาน คนที่มาก็ยังเป็นกลุ่มเดิม มันไม่น่าจะมีประโยชน์มากขึ้น ในเมื่อการลงพื้นที่เพียงวันเดียวคงไม่อาจทำให้คนซึมซับการอนุรักษ์ให้ยั่งยืนได้ แต่ก็ถือว่าเป็นการดีในแง่การรำลึก และรับฟังการต่อสู้ที่ผ่านมาเพื่อไปพัฒนาการทำงานต่อไป”
อาทิตย์ ชูสกุลธนชัย ผู้ร่วมโครงการนวัตกรรมเพื่อสังคม

ความคิดเห็นหลากหลายจากเยาวชนที่เข้าร่วมงาน “กิจกรรมรำลึก 17 ปี สืบนาคะเสถียร” เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมาซึ่งทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ได้จัดขึ้น พร้อมๆ กับการจัดค่ายเด็กและเยาวชนศึกษาธรรมชาติในพื้นที่ป่าห้วยขาแข้ง เพื่อสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์

ในวันเดียวกันนั้น นายเฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาเงินเดือนที่ต่ำ และสวัสดิการที่ไม่เพียงพอ ว่าได้มีความพยายามแก้ปัญหาในส่วนนี้อยู่ โดยมีความคิดการจัดกิจกรรมระดมทุนเพื่อจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือสวัสดิการเจ้าหน้าที่ รวมถึงการเปิดพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวนั้น เงินรายได้จากการท่องเที่ยวน่าจะต้องถูกจัดสรรไปยังหน่วยงานซึ่งทำหน้าที่ลาดตระเวณพิทักษ์ป่าด้วย

นอกจากนี้นายเฉลิมศักดิ์ ยังกล่าวถึง ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าแห่งชาติ (แก้ไขจาก พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ พ.ศ.2535) และ ร่าง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ (แก้ไขจาก พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504) ซึ่งอยู่ในขั้นขอความเห็น ยังไม่ได้ผ่าน ครม. ที่มีการคัดค้านข้อแก้ไขซึ่งเปิดช่องให้เอกชนสามารถเข้ามาขอสัมปทานการท่องเที่ยวในเขตอุทยาน ว่า ร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับควรได้รับการพิจารณาในเนื้อหา ไม่ใช่การตั้งป้อมไม่รับแต่เพียงอย่างเดียว อีกทั้งการเปิดพื้นที่ก็จะต้องมีการจัดสรรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในเมื่อมีทรัพยากรในมือก็ไม่ควรปล่อยให้สูญเปล่า

สืบสานเจตนารมณ์รักษาป่า
ภายใต้การดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ซึ่งดูแลนโยบายที่จะมีผลต่อทรัพยากรรวมถึงจัดโครงการร่วมรักษาผืนป่าตะวันตก ผืนป่าห้วยขาแข้งกว่า 1,737,587 ไร่ ยังคงอยู่ แต่การทำลายป่าและคร่าชีวิตสัตว์ป่าก็ยังคงมีอยู่เช่นกัน แต่ไม่ว่าผืนป่าผืนใด ตราบใดที่ทรัพยากรยังมีความสมบูรณ์ ความต้องการแสวงหาผลประโยชน์ก็ยังคงไม่จบสิ้น

การแก้ปัญหาการบุกรุกของกลุ่มแสวงหาผลประโยชน์ในความคิดของ สืบ นาคะเสถียร เริ่มต้นด้วยการอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ป่าและสร้างแนวป่ากันชนขึ้นมาเพื่อกันชาวบ้านจากป่าโดยให้ไปหาประโยชน์จากป่าแนวกันชน ซึ่งข้อเสนอนี้ประสบผลหลังจากที่เขาได้จบชีวิตตัวเองลงและก่อให้เกิดกระแสการอนุรักษ์ที่เข้มข้น มาจนทุกวันนี้

“รักษาป่า รักษาสัตว์ป่า รักษาคนด้วย ชุมชนต้องอยู่โดยปกติสุข เพื่อช่วยเป็นมือเป็นไม้ให้ดูแลผืนป่า สัตว์ป่าให้อยู่ได้ต่อไป” อาจารย์รตยา จันทรเทียร ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวถึงแนวความคิดในการอนุรักษ์ป่าและสัตว์ป่าในปัจจุบันของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ซึ่งมองการอนุรักษ์ป่าและสัตว์ป่าอย่างยืดหยุ่นมากกว่าการมองจากระบบราชการ มูลนิธิสืบฯ จึงทำหน้าที่ที่สำคัญอีกอันหนึ่ง คือการเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างป่าไม้และชุมชนในพื้นที่

ตามความคิดของอาจารย์รตยา การใช้สอยป่ากันชนที่มีรัศมี 5กม. ก่อนเข้าถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านั้นคล้ายกับการจัดการป่าชุมชน โดยป่าชุมชนควรอยู่นอกเขตป่าอนุรักษ์ในพื้นที่ภูเขาที่ยังเหลืออยู่ นอกจากนี้ป่าสงวนที่ยังเหลือ ชุมชนก็น่าจะใช้ประโยชน์ได้ ส่วนป่าสงวนที่ชุมชนดูแลอยู่แล้ว ควรให้ดูแลต่อไปแต่ไม่ให้เปิดพื้นที่ใหม่

“ถ้าเปิดอาจจะดี หรือหมดไปก็ได้ แต่เราไม่มีโอกาสทดลอง ควรเก็บไว้เป็นป่าผืนใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าให้รัฐเป็นผู้ดูแลฝ่ายเดียว” อาจารย์รตยากล่าวแสดงความคิดเห็น

“สืบนาคะเสถียร” ยืนก้าวขา มองเข้าไปในป่าใหญ่
ณ อนุสรณ์สถานสืบนาคะเสถียร รูปปั้นของนักอนุรักษ์แห่งประวัติศาสตร์ตั้งเด่นตระหง่านกลางลานกว้างโดยหันหน้าไปทางผืนป่า มีทางเดินเชื่อมสู่บ้านพักเมื่อครั้งสืบยังมีชีวิต เป็นบันได 8 ขั้น แทน 8 เดือนของการทำงาน ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งถูกทำเป็นลวดลายของกลีบกุหลาบ แต่ในความเป็นจริง การทำงานเพื่อการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่านั้น ทางเดินไม่ได้โรยไปด้วยดอกกุหลาบ แม้จะเป็นก่อนหรือหลังการเสียสละอันยิ่งใหญ่ อุปสรรคยังคงมีอยู่ให้ฝ่าฟันเสมอ


“การเสียสละชีวิต ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ผู้มีอิทธิพลและคนที่จ้องแสวงหาผลประโยชน์หันมาช่วยกันรักษาผืนป่า การทำลายป่ายังไม่ถูกหยุด แต่ที่ทำได้คือป่าหมดลงทีละน้อย และค่อยๆ หมดไป” อาจารย์ศศิน เฉลิมลาภ เลขามูลนิธิสืบนาคะเสถียรกล่าว

อาจารย์ศศินแสดงความเห็นต่อไปว่า ผืนป่าตะวันตกเป็นพื้นที่นิ่ง มีการกำหนดกรอบพื้นที่ภายนอกชัดเจน แต่ปัญหาก็คือการประกาศพื้นที่ป่าครอบในพื้นที่ของชาวบ้าน ทำให้การขยายชุมชนจากภายในส่งผลกระทบต่อพื้นที่ป่า อย่างไรก็ตาม ตัวการสำคัญของปัญหาในสายตาอาจารย์ศศิน ไม่ใช่ชาวบ้าน แต่เป็นโครงการพัฒนาของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นในรูปของเขื่อน ถนน หรือการออกกฎหมาย นอกจากนี้จำนวนคนทำงานที่ไม่เพียงพอ การศึกษาข้อมูลที่ไม่ดีพอ รวมไปถึงกลไกของกรมอุทยานที่ไม่แข็งแรงก็ล้วนแต่ก่อให้เกิดปัญหาต่อการอนุรักษ์ทรัพยากร

ในส่วนมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ถือว่าเป็นองค์กรสาธารณะเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีชื่อ คนรู้จักมาก ทำให้เกิดการคาดหวังสูง แต่ในความคิดของอาจารย์หนุ่ม ด้วยคนทำงานและจำนวนเงินในการจัดการจริงๆ มูลนิธิสืบนาคะเสถียรถือเป็นองค์กรเล็ก แต่ทุกคนพยายามทำงานอย่างเต็มที่โดยมุ่งหวังจะสร้างรูปแบบการจัดการป่าตะวันตกให้เป็นต้นแบบของการจัดการผืนป่าทั่วประเทศ แก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ให้ชุมชนใช้ประโยชน์จากป่าได้ในเชิงวนเกษตร แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องบุคลากรและเงินสนับสนุน

“ทำอย่างไรให้องค์กรสาธารณะของไทย ได้รับการสนับสนุนจากสาธารณชน”

“การทำบุญกับสิ่งแวดล้อมทำอย่างไรให้เท่าเทียมกับการศึกษา กับวิถีชีวิตรันทดโดนใจ”

อาจารย์ศศินพยายามสร้างคำถามระหว่างการพูดคุยเพื่อหาทางออกให้กับการดำเนินการขององค์กรสาธารณะ แต่ปัญหาน่าวิตกข้อหนึ่งซึ่งไม่ควรมองข้ามที่อาจารย์หนุ่มหวั่นเกรงก็คือการสร้างพลังในการขับเคลื่อนจากคนในรุ่นต่อๆ ไป

สืบ นาคะเสถียร ได้สร้างความสั่นสะเทือนเมื่อ 17 ปีก่อน จนเป็นรากฐานให้การอนุรักษ์มีอนาคตในทุกวันนี้ แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าในอนาคตข้างหน้า อิทธิพล และความศรัทธาจะเพียงพอให้การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติดำเนินต่อไปได้หรือไม่ และจะเป็นไปในทิศทางใด

นี่คงเป็นข้อจำกัดของการสร้างต้นแบบโดยใช้ชื่อ สืบ นาคะเสถียร มาเป็นจุดขาย

การชูความเป็นนักอนุรักษ์ ผู้รักป่าไม้ สัตว์ป่า และธรรมชาติ ด้วยกาย วาจา ใจ ของเขาจนยอมเสียสละชีวิตเพื่อรักษาไว้ซึ่งอุดมกาณ์ทางความคิด คงไม่สามารถใช้ได้ตลอดไป

เมื่อโลกหมุน และยุคสมัยเปลี่ยนแปลง ตำนานของนักอนุรักษ์รุ่นใหม่คงต้องเริ่มต้นขึ้น... ตามแนวทางและวิธีการที่เป็นของพวกเขาเอง

ที่มา : ประชาไท วันที่ : 14/9/2550



โดย: Darksingha วันที่: 15 กันยายน 2550 เวลา:9:27:26 น.  

 
ไม่มีอะไรสู้ได้ กับค่าของเงิน


โดย: ชิโยจัง IP: 202.183.225.12 วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:13:17:52 น.  

 
คุณ ชิโยจัง ขอบคุณครับนั่นหละคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ทั้งๆที่จริงๆแล้วเงินทองก็ของมายาขายปลานั่นหละของจริง


โดย: Darksingha วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:16:49:41 น.  

 
ขอบคุณนะคะ ที่ทำเพื่อป่าและสัตว์ป่าในบ้านของพวกเรา หนูจะไปหานะhttps://www.bloggang.com/emo/emo23.gif


โดย: โม IP: 125.24.184.9 วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:14:09:43 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him


โดย: dawhenever you felt that your heart is going to breakdown feel it with the love of God ask for his and then you will find out what is the truth love in Your life as he does for me! GOD always forgive your mistake the one that you cant even forget, he always does it and always being with us to help and blesss us for us whose heart is full of him IP: 124.122.247.144 วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:0:02:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Darksingha
Location :
สมุทรสงคราม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]





Click for use Graphics comment


Darksingha ที่แสดงถึงอำนาจและความมืดมัว ผมให้แทนคำว่า Age of Doubt หรือยุคแห่งความสงสัยก็แล้วกัน ดังนั้นBlogนี้จึงเป็นแดนสนธยาที่เต็มไปด้วยหมอกควันแห่งคำถาม และการละเล่น เพื่อแสวงหา ?


TV3 Live CH5 Live CH7 Live Modernine TV Live NBT LIVE - CH11 TPBS - Public Channel ASTV1 New11 - Online News 24 hours Nation Channel DMC.TV - Buddhistic Television ASTV5 - Suvarnbhumi ASTV7 - Buddhistic Television  True New 24 Channel  skynew  cnnibn Channel  cnn Channel  bbcnews_island Channel  cctv  Channel  bfmtv  Channel  ntv  Channel  fox8 Channel  foxnews5 Channel  cspan  Channel  france24 Channel  world_explorer Channel  discovery_channel Channel  nasa  Channel kimeng-channel dmc-channel ebr-channel research-channel utv-channel michigan-channel at-florida-channel islam-channel peace-usa-channel bbc-panorama-channel CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live

music is life

ชุมทางเพลงเพื่อชีวิต

Friends' blogs
[Add Darksingha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.