โรงเรียนวิชารบ ตอนที่ ๑๔ ภ.ม. ภาคิโน
โรงเรียนวิชารบ ตอนที่ ๑๔ ภ.ม. ภาคิโน

ยุทธ โดนฉันสวดยับเสียกลางวงเพื่อน ๆ มันก็แก้ตัวไปได้น้ำขุ่น ๆ ว่า มันเห็นฉันกับหมู่เมธใกล้ชิดสัมผัสกันซะขนาดนั้น จะให้คิดเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร แถมหยอดทิ้งท้ายด้วยว่า... ตัวฉันเองก็คงอยากกินหมู่เมธอยู่ไม่น้อย เหอะ...เอากับมันสิ!

“หมู่ไม่ต้องให้ผมมานั่งรถก็ได้ ผมไม่เป็นลมหรอกครับ วิ่งมาจนจะเป็นล้านรอบแล้วมั้ง” ฉันพูดขึ้นเมื่อก้าวเท้าเข้าไปนั่งบนตอนหน้ารถกระบะเคียงคู่กับคนขับ

ไอ้หน้าหล่อขาวใส จมูกโด่งเป็นสัน เอามือแตะพวงมาลัยรถ ยักคิ้วเข้ม ๆ ข้างหนึ่งให้ฉันแบบกวน ๆ “ก็นึกว่ามึงอยากสบาย”

“ถ้าอยู่อย่างสุขสบาย ...ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้วครับ”

“เออ ไอ้พัทเซ่อ มึงเก่ง!” มันด่าฉันด้วยคำนี้เป็นหนที่สองแล้ว เท่าที่จำได้ ...แต่ใครจะสน!

หมู่เมธออกรถแล่นไปตามถนนในค่าย กดกระจกรถลงทั้งสองข้าง มันขอให้ฉันเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟัง พอเล่าจบ คำถามแรกที่ถาม กลับไม่ใช่ประเด็นที่เล่ามาสักคำ

“ตกลง มึงเอาเบอร์โทรศัพท์หมู่มาจากไหนวะ?”

“จ่ากองจดไว้ในสมุด ในห้อง บก.หน่วยฝึกฯ ครับ แกเคยบอกผมเอาไว้ว่า เผื่อติดต่อกรณีฉุกเฉิน”

“นึกว่ามึงแอบไปขอเบอร์กูจากคนอื่นมาเสียอีก”

“แล้วผมจะไปขอเบอร์หมู่มาทำอะไรละครับ?” ฉันนึกงง

“ก็...” ไอ้หน้าหล่อหยุดเว้นจังหวะ “เผื่อมึงอยากหาเพื่อนคุยมั้ง”

ฉันเหลียวไปมองหน้ามันทันที แม้ว่าสายตาของหมู่เมธกำลังจ้องมองขบวนพลทหารใหม่ที่วิ่งบนถนนออกไปไกลราว ๓๐ เมตร แต่ฉันจับความรู้สึกได้ว่า มันกำลังสังเกตฉันที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ราวครึ่งเมตร จากหางตาของดวงตาอันคมกริบดวงนั้น

“เพื่อนคุยตอน ๔ ทุ่ม... เป็นเวลาหลับ เวลานอนเนี่ยนะครับ?”

“บางคนเขาก็ถือเป็นเวลา... หลับนอน... วะ”

อูย! มันพูดซะจนตูสะดุ้ง!!!! เลยของับปากเงียบดีกว่า

ขบวนของพลทหารใหม่วิ่งไปตามถนนของสนามโดดร่ม ซึ่งเป็นสนามหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล กรมรบพิเศษที่ ๕ ใช้สนามแห่งนี้ในการฝึกโดดร่มประจำปีของทหารในสังกัด รอบสนามปลูกต้นอินทนิลไว้เรียงราย สนามแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหน้าค่ายทหาร สามารถมองเห็นได้จากถนนใหญ่ ข้ามคันคลองเข้ามา ความเขียวขจีและความกว้างใหญ่ของมันดูเข้ากันกับทิวเขาด้านหลังซึ่งทอดตัวยาวขนานไปกับค่าย ทำให้กรมรบพิเศษที่ ๕ แห่งนี้มีทัศนียภาพที่โดดเด่นเป็นสง่า และแข็งแกร่งอยู่ในที

ฉันคะเนว่า ความกว้างของสนามแห่งนี้น่าจะใหญ่กว่าสนามฟุตบอลมาตรฐานถึง ๔ เท่า ถนนที่เทลาดรอบสนามแห่งนี้ มีความยาว ๕ กิโลเมตรเศษ ๆ ตรงกลางชิดกับถนนหน้า บก.กรมฯ คือที่ตั้งของเสาธงซึ่งสูงเทียมตึกห้าชั้น มีธงชาติผืนมหึมาโบกสะบัดพลิ้วไหวอย่างสวยงาม ข้างใต้เป็นลานซีเมนต์กว้าง เรียกว่า ลานรวมพล นอกจากจะเป็นที่รวมพลเคารพธงชาติทุกเช้า ของหน่วยงานส่วนกลางซึ่งขึ้นตรงต่อกรมพิเศษที่ ๕ เช่น บก.กรมฯ เป็นต้น ยังเป็นลานที่ใช้สำหรับกระทำพิธีสำคัญของกรมรบพิเศษที่ ๕ เช่น พิธีอำลาผลัดปลดฯ ที่เพิ่งผ่านไป, พิธีสวนสนามเนื่องในวันกองทัพไทย และพิธีเปิดหน่วยฝึกทหารใหม่ ที่กำลังจะมาถึงในอีกสองวันข้างหน้านี้

ความเงียบระหว่างฉันกับไอ้หน้าหล่อผ่านไปราว ๕ นาที ฉันก็ต้องอุทานดังออกมา เมื่อเห็น ขบวนพลทหารใหม่ที่เริ่มตีโค้งแรกของสนามรวนไม่เป็นท่า เนื่องจากมีใครนายหนึ่งล้มลงไปกองอยู่ตรงถนนนั่นเอง

“เฮ้ย!”

“ไอ้พัทเซ่อ! ไปเร็วเข้า นั่นมันไอ้ ภูหิน นี่หว่า” หมู่เมธตาไวกว่าบอกฉัน

ฉันเปิดประตูรถแล้ววิ่งพรวดเดียวถึงยังจุดที่เกิดเหตุ ปิ๊ก นั่งประคอง ภูหิน ซึ่งตอนนี้นอนสลบไสล ใบหน้าซีดจัดจนแทบไม่มีสีเลือด จ่าวิทย์ ซึ่งวิ่งสวนกลับมาดูอาการแตะบ่าฉัน

“พัฒนรัฐ อุ้มขึ้นรถแล้วให้หมู่เมธพาไปที่หน่วยฝึกฯ คงเป็นลมเฉย ๆ” แกรุนหลัง ปิ๊ก “เอ็งช่วยกันอุ้มหน่อย แล้วเอากระเป๋ายาที่หลังรถติดลงมาด้วย ถ้ามีใครเป็นลมอีกจะได้มียา...ถ้าเป็นหนักค่อยโทรเรียกหมู่เมธให้ขับรถมารับ”

ฉันขี้คร้านรอ ปิ๊ก ที่ดูลนลานอยู่ เลยอุ้ม ภูหิน ขึ้นเดินตรงไปยังรถกระบะที่หมู่เมธจอดรออยู่ไม่ห่าง

“เอาใส่หลังรถเลย ...ไหวไหมวะ?” มันถามขณะเปิดท้ายรถ

“น่าจะเป็นลมเฉย ๆ นะครับ”

“ที่ถามว่าไหวไหมนะ ...หมู่หมายถึง มึงอุ้มไหวไหม?”

ฉันวาง ภูหิน ลงเบา ๆ “ไหวสิครับ... เมื่อคืนผมก็อุ้มมาคนหนึ่งแล้ว”

“ปิ๊กกะจู้ มึงไปกับหมู่” ไอ้หน้าหล่อหยิบกระเป๋ายาส่งให้ฉันแทน “ไอ้พัทเซ่อ มันปฐมพยาบาลเป็น ให้มันวิ่งตามพลทหารใหม่ไปดีกว่า”

ปิ๊ก หรือปิ๊กกะจู้ ทำหน้าเบ้เมื่อเห็นฉันอมยิ้มชื่อเรียกของมัน ก่อนจะเปิดประตูเพื่อขึ้นไปขับรถ หมู่เมธยัง ร้องเรียกชื่อฉัน

“มีอะไรครับ?”

“มึงก็อย่าเป็นลมไปอีกคนนึงละ วิ่งตามเขาไปดี ๆ”

ฉันขมวดคิ้ว มองรถกระบะที่ถอยหลังกรูด ก่อนจะเลี้ยวแล้วเหยียบคันเร่งส่งเพื่อกลับไปยังหน่วยฝึกทหารใหม่ เอ้อ... มันนึกครึ้มจะมาเป็นห่วงตูอะไรตอนนี้ละเนี่ย !?!?




ในช่วงสาย ระหว่างที่รอพลทหารใหม่ทำธุระส่วนตัว และทำความสะอาดตามเวรที่เราจัดไว้ให้ในแต่ละวัน ตามสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ บนโรงนอน, รอบอาคาร, ห้องน้ำ และห้องเรียน ฉันก็แอบแว่บไปทำธุระส่วนตัวด้วยเช่นกัน แต่ใช้ห้องน้ำนายทหารซึ่งกั้นไว้อีกฟากหนึ่ง จริง ๆ ถ้านายทหารมาเจอเข้า จะถือว่ามีความผิด แต่ตอนเช้า ๆ ในเวลาก่อนเจ็ดโมงแบบนี้ คงไม่มีใครโผล่มาเป็นแน่

ฉันพบ จ่ากอง ซึ่งมาถึงหน่วยฝึกฯ และยืนเตร่อยู่บริเวณลานจอดรถข้าง บก.หน่วยฝึกฯ แกเปรยกับฉัน

“เช้าวันนี้ มีคนเป็นลมอยู่สองคน”

“ภูหิน กับใครอีกคนหรือครับ?” ฉันไม่ทราบจริง ๆ

“พลทหารชุมศักดิ์ อยู่หมวด ๑ หมู่ของ ชัย แต่เป็นลมแดด... ของ ภูหิน เห็นหมู่เมธบอกว่า เป็นลมเพราะความดันเลือดต่ำ กินข้าวเมื่อวานก็น้อย แถมยังอดนอนอีก”

“ตอนนี้อยู่ไหนแล้วครับ?”

“ชุมศักดิ์นี่ ดีขึ้นแล้ว แต่ ภูหิน หมู่เมธขอให้นอนพักข้างบน สาย ๆ ค่อยออกไปฝึก... เอ็งเอาข้าวมาให้มันหน่อยแล้วกัน ใส่ปิ่นโตเล็กมาก็ได้” แกเว้นวรรคไปเล็กน้อย “ตกลง ก็รู้แล้วใช่ไหมว่า พัสดุที่จ่าหมายถึงคืออะไร?”

ฉันหัวเราะร่วน “เข้าใจแล้วครับ”

“แล้วเอ็งจะไหวไหม?”

“ไหวไม่ไหวยังไม่รู้เลยครับ ยังไม่ได้ลองอะไรมาก อีกอย่างก็ผ่านมาแค่วันเดียวเองครับ”

จ่ากองถอนหายใจอย่างโล่งออก แล้วพูดให้กำลังใจ “จ่ามั่นใจนะ ว่าเอ็งต้องทำได้... ไอ้พัท”

ฉันขอบคุณ ตอนจะเอี้ยวตัวกลับนั่นแหละ... จ่ากอง เหมือนทำท่านึกอะไรออก จึงเรียกฉันไว้

“ไอ้พัท!”

“มีอะไรเหรอครับ?”

“จ่าคิดว่า... อ้าว! หมู่เมธ มาพอดี อยากคุยด้วยอยู่เหมือนกัน”

เสียงฝีเท้าไอ้หน้าหล่อ หยุดลงเยื้องไปทางด้านหลังของฉันเพียงเล็กน้อย... ทำไมวันนี้ ดวงมันกับฉันถึงสมพงศ์กันจังเลยหว่า !?!?

“จ่ากำลังจะบอก พัท มันว่า เปลี่ยนตัวหัวหน้าหมู่ ๔ ดีกว่า จ่าดูแล้ว... ภูหิน คงไม่ไหวหรอก ลองหาคนใหม่แล้วกัน”

ฉันรอจนจ่ากองเดินลับไปจนสุดทางเดินหน้า บก.หน่วยฝึกฯ จึงกลับหลังหันเพื่อเผชิญหน้ากับไอ้หน้าหล่อ ที่บัดนี้ทำหน้างง ๆ เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อฉันทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็แวะไปเก็บถุงเท้าที่ซักเมื่อคืนและแห้งสนิทดีแล้วมายื่นให้มันในตอนนี้

“เอาตากลมเมื่อคืน แห้งหมดแล้ว ทีนี้ก็เก็บไปได้แล้วละครับ แล้วผมก็คงไม่จำเป็นต้องซักให้หมู่แล้วด้วย”

“มึงหมายความว่าไงวะ?”

“อ้าว... ก็หมู่พนันกับผมไว้ว่า ถ้า ภูหิน ได้เป็นหัวหน้าหมู่ ผมต้องซักถุงเท้าให้หมู่ ๑ สัปดาห์ แต่ตอนนี้...” ฉันยิ้มกะเหลี่ย “ภูหิน ไม่ได้เป็นหัวหน้าหมู่อีกต่อไป หมู่ก็คงต้องซักถุงเท้าที่เหลือด้วยตัวเองแล้วกันนะครับ”

มันรับถุงเท้าไปด้วยดี แต่ไม่วายสืบเท้าก้าวเข้ามาจนเกือบจะประชิดตัวฉัน

“มึงรู้หรือเปล่าว่า การซักถุงเท้าให้กันมันหมายความว่าอย่างไร?”

“ผม... เอ้อ... ไม่ทราบครับ” ฉันอึกอัก เพราะตอนนี้ ใบหน้าหล่อ ๆ ของมันอยู่ห่างจากตัวฉันเพียง ๑ ฟุต กลิ่นโคโลญของผู้ชายจาง ๆ ลอยมากระทบจมูก

“ลองเดาดูเด๊ะ” มันสั่ง

“ผม... ไม่ทราบครับ” ฉันเหมือนระงับอาการใจเต้นไว้ไม่อยู่

หมู่เมธอมยิ้มอย่างมีเลศนัย “มึงนะตกหลุมตั้งแต่หมู่ชวนให้พนันแล้ว คิดว่าจะเก่งเหมือนทุกทีที่ผ่านมา ที่แท้ มึงก็สมชื่อที่หมู่เรียกมึงจริง ๆ ไอ้พัท...เซ่อ”

ทีนี้ เจ้าของร่างสูงโปร่งผิวขาวหน้าใส คิ้วคมเข้มจมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมกริบและแข็งกร้าวเล็กน้อยนั้น ก้มศีรษะซึ่งมีผมทรงสั้นตัดรับกับใบหน้าอย่างเท่ ใช้ปากที่ได้รูปนั้นกระซิบลงข้างหูฉันเบา ๆ ทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป...

“มีแต่คนเป็นแฟนกันเท่านั้นแหละ ที่จะซักถุงเท้าให้กันนะสิวะ!”

ฉันอ้าปากค้าง ยืนนิ่งตัวแข็งในบัดดล กลางลานจอดรถโล่งแจ้งข้าง บก.หน่วยฝึกทหารใหม่ รู้สึกเหมือนแผ่นดินยุบลงตรงหน้า โลกเปลี่ยนทิศไปโดยฉับพลัน ใบหน้ายังร้อนผะผ่าวแม้ว่าหมู่เมธจะเดินจากไปนานแล้วก็ตาม

มัน... มันคงหยอกเล่นเฉย ๆ กระมัง... ฉันไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง

แกร๊ก...!

ฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เสียงเหมือนกิ่งไม้แห้งหักตกลงกับพื้น ลานจอดรถข้าง บก.หน่วยฝึกฯ ร่มรื่นด้วยทิวสนสูงใหญ่หลายต้น มีเพียงรถกระบะของหน่วยฝึกฯ รถของผู้ฝึกฯ และของผู้ช่วยผู้ฝึกฯ จอดอยู่เพียง ๓ คันเท่านั้น ไม่ปรากฏว่ามีใครอยู่แถวนั้นเลยสักคน

แต่ทันใดนั้นเอง... ฉันก็ต้องหันขวับ เมื่อแอบเห็นด้วยหางตาว่า เงาดำวูบหนึ่งเคลื่อนหายไปตรงมุมอาคารด้านขวา ซึ่งห่างจากฉันออกไปไม่ถึงสิบก้าว วิชาบุคคลทำการรบสอนให้ฉันรู้จักการจับสังเกตสิ่งเคลื่อนไหวว่าเป็นอะไร เงาดำที่เพิ่งเคลื่อนหายไปนั้น ใส่เสื้อยืดและกางเกงขาสั้นสีเขียวขี้ม้า บ่งบอกได้อย่างชัดแจ้งว่าเป็นเครื่องแบบของพลทหารใหม่...

ฉันใจหายเล็ก ๆ ...เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ...พลทหารใหม่นายใดนายหนึ่ง คงเห็นเหตุการณ์และได้ยินได้ฟังคำพูดเมื่อสักครู่ระหว่างฉัน กับหมู่เมธเข้าให้แล้ว !




หลังจากเคารพธงชาติแล้ว จ่าวิทย์ ซึ่งเข้าเวรครูเวรฯ ก็ทำความเคารพผู้ฝึกฯ แล้วกล่าวรายงานกำลังพลของหน่วยฝึกทหารใหม่ จากนั้นเป็นการตรวจร่างกายและการแต่งกายของพลทหารตามหมู่ ทำหน้าที่โดยผู้ช่วยครูฝึกฯ แต่ละหมู่นั่นเอง ปกติถ้าใครแต่งกายผิดระเบียบ ลืมโกนหนวด ตัดเล็บ กันจอนผม หรือรายการอื่น ๆ ซึ่งถือเป็นการผิดระเบียบวินัยของหน่วยฝึกฯ หรือทหารก็ตามแต่ ผู้ช่วยครูฝึกฯ มีสิทธิ์สั่งลงโทษได้ ส่วนใหญ่เป็นการลงโทษขนานเบา คือ วิดพื้น รายการละ ๑๐ ครั้ง เท่านั้น

“ซุป ตั้งแต่นี้ไป เราเป็นหัวหน้าหมู่แทน ภูหินแล้วกัน” ฉันบอกลูกศิษย์

“ได้ครับ” ซุป หรือ ไอ้เฒ่าของเพื่อน ๆ ขานรับ

ระหว่างที่กำลังเดินตรวจแถวพลทหารใหม่หมู่ของฉันนั่นเอง รู้สึกราวกับมีใครกำลังจ้องมองฉันอยู่ห่าง ๆ แต่พอเหลียวมองรอบตัว ภาพที่เห็นมีเพียง เพื่อนผู้ช่วยครูฝึกฯ นายอื่น ๆ กำลังเดินตรวจแถวพลทหารใหม่เช่นเดียวกัน แถมยังมองไม่เห็นว่าจะมีใครมาจ้องมองฉันอย่างที่รู้สึก

หรือว่าคนที่จ้องมองเรานั้น จะเป็นพลทหารใหม่ที่แอบได้ยินเรื่องที่หมู่เมธพูดกับฉันเมื่อเช้านี้?

ฉันพยายามมองซ้ายมองขวา กลับไม่พบอะไรผิดปกติ การตรวจพลทหารใหม่ยังดำเนินต่อไป

ช่างเถอะ! เราคงจะอุปาทานไปเอง !?!? ...ฉันปลอบความคิดตัวเอง

ในขณะที่ฉันกำลังเดินตรวจถึง พลทหารใหม่มาวิน นั้น หูฉันก็แว่วเสียงพึมพำ

“เฮ้ย! ได้ข่าวว่า หมู่นายมีตุ๊ดเป็นลมไปหรือวะ?”

พลทหารใหม่หมวด ๒ หมู่ ๓ ซึ่งยืนเยื้องกับ ซุป สะกิดถาม แล้วหัวเราะกลิ้ง

“ไม่สบายเฉย ๆ วะ เห็นจ่าเขาบอกว่า มันไม่ค่อยได้กินข้าวเมื่อวาน เลยไม่ค่อยมีแรงด้วย” ซุป ตอบ

“เฮ้ย! แต่กูเห็นมันเป็นลมนี่หว่า หน้าขาวอ้อนแอ้นซะขนาดนั้น คงเป็นกะเทยแน่เลยวะ... พวกเชี่ยนี่มัน ก็เงี้ยแหละวะ อ่อนแอชิบ โดนอะไรหนัก ๆ เข้าก็เป็นลมลูกเดียว ...น่าขำจะตายวะ มันจะเป็นลมก่อนฝึกจบ อีกสักกี่ครั้งวะเนี่ย? ฮา.....” ไอ้พลทหารใหม่ตัวดำ ร่างเตี้ยและผอมบางหัวเราะเห็นฟันขาว

ฉันสาวเท้าเข้าไปหา

“ชื่ออะไรครับ?”

มันยืนงง ๆ สักสามวินาที ก่อนจะยืนตรงเท้าชิดแทบ “กระผม พลทหารวิชา ครับ”

“วิดพื้นสัก ๒๐ สิ”

พลทหารใหม่วิชา มองหน้าฉันแบบว่า... เรื่องจริงหรือเนี่ย! แต่มันก็รีบทวนคำสั่งแล้วก้มลงวิดพื้นยิก ๆ

“เดี๋ยว ๆ ๆ ...” ฉันรั้งมันไว้ทัน วิชา ลุกขึ้นยืนแบบเอ๋อ ๆ “ถ้าจะวิดพื้นเหมือนหนอนเด้งแบบนั้น เชิญไปวิดพื้นที่อื่น อย่าเอามาใช้ในค่ายทหาร การวิดพื้นหรือดันพื้นที่ถูกต้อง หน้าอกต้องแตะพื้น ลำตัวขนานกับพื้น ไม่ใช่ซอยแขนยิก ๆ”

“ครูลองทำให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

คราวนี้ฉันเป็นฝ่ายมองหน้ามันแบบว่า เรื่องจริงหรือเนี่ย! ... แต่ก็ยอมลงทุนสาธิตให้มันดูถึง ๒๐ ครั้ง วิชา พยักหน้าดำ ๆ ของมัน แล้ววิดพื้นตามคำสั่งอีกครั้ง พอจบด้วยสร้อยแล้ว มันก็ยืนขึ้นจ้องหน้าฉัน

“ขออีก ๓๐ ครั้ง เป็นค่าที่เราให้ครูสาธิต ปฏิบัติ!”

พลทหารใหม่วิชา ทวนคำสั่งแล้ววิดพื้นอีก ๓๐ ครั้ง เวลานี้ พลทหารใหม่นายอื่น ๆ เริ่มหันมามองกันแล้ว

“รู้ไหมว่า ที่สั่งลงโทษตอนแรกเพราะอะไร?” ฉันถามเมื่อเห็นมันยืนขึ้น พลางหอบนิด ๆ

“ไม่ทราบครับ”

“ที่สั่งลงโทษ เพราะหนึ่ง คุยในแถว... สอง อย่าดูถูกเพื่อน จำไว้ รับทราบ?”

“ครับ” มันรับคำแข็งขัน

ช่วงสายของวันนั้น มีฝนตกหลงฤดูตกลงมาค่อนข้างหนัก ทำให้ผู้ฝึกฯ สั่งเปลี่ยนแผนมาอบรมในห้องเรียน ก่อนเที่ยงวันนั้น ผู้ช่วยผู้ฝึกฯ ครูฝึกฯ และผู้ช่วยครูฝึกฯ นายอื่นจึงช่วยกันสอนร้องเพลงรบพิเศษอยู่ในชั้นเรียน เพื่อจะได้เอาไว้ใช้ประกอบการวิ่งออกกำลังกาย เสียงเพลงที่พลทหารใหม่ร้องอย่างพร้อมเพรียงดังกึกก้อง ทำให้ฉันอดอมยิ้มกับตัวเองไม่ได้ เมื่อหวนนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ...ฉันรู้สึกถึงจังหวะและแรงกระทบของฝีเท้าบนพื้นถนนรอบสนามโดดร่ม เมื่อเหล่าบรรดาเพื่อนพลทหารรุ่นเดียวกับฉันวิ่งรอบสนามกันอย่างแข็งขัน...

รบพิเศษนามนี้เด่นดีนัก
รู้จักกันทุกเขตขัณฑ์
ชื่อเด่นเห็นมานานวัน
กองพันของเราอยู่แม่ริม...
พวกเรานี้คือพลร่ม
เขาชมว่าเป็นยอดทหาร...
หมวกแดงห้ำหั่นบรรลัย
เพื่อให้ไทยมั่นนิรันดร


ฉันช่วยจ่าสถาพรฯ นั่งพิมพ์รายงานประจำวันของ บก.หน่วยฝึกฯ และเอกสารอื่น ๆ อีกกองเบ้อเร่ออยู่ในห้อง ยุทธ ซึ่งสวมปลอกผู้ช่วยครูเวรฯ ของวันนี้ แจ้นเข้ามายิ้มแฉ่ง

“มีอะไรอ่ะ? อารมณ์ดีจริง” ฉันอดแซวไม่ได้

“ไอ้พัทซี่ มึงดังใหญ่เลยรู้หรือเปล่าวะ? ”

“ทำไม? เรื่องอะไร?”

“ไอ้ปิ๊กเล่าให้ฟัง ว่า มันไปได้ยินพลทหารหมู่มันคุยเกี่ยวกับมึง ก็เรื่องที่มึงสั่งลงโทษลูกน้องมัน เพราะมันคุยกันในแถวตอนเช้าไงวะ” มันขยายความเมื่อเห็นฉันขมวดคิ้ว “มันคุยกันว่า มึงนะโหดฉิบหาย แต่ก็เจ๋งวะ เพราะมึงสาธิตท่าวิดพื้นให้มันดูอีกต่างหาก พวกมันเลยโดน ไอ้ปิ๊ก มันทำโทษซะอาน”

“อ้าว! แล้ว ปิ๊ก ไปลงโทษมันกะอีแค่เรื่องที่เขาพูดถึงกูเนี่ยนะ?”ฉันยังจับประเด็นไม่ถูก

“เฮ้ย! เปล่าหรอก... ที่ลงโทษนะ เพราะว่าพวกมันตั้งฉายามึงลับหลังนะสิวะ”

ฉันถึงบางอ้อ ทว่าก็อดกลั้นหายใจไม่ได้ มันต้องไม่ใช่ชื่อที่ดีแน่ ๆ “ฉายาอะไรวะ?”

ยุทธ ยิ้มแป้น “แต่กูชอบนะ แล้วมึงอย่าไปบอกไอ้ปิ๊กละ ว่ากูปากบอนมาบอกมึงแล้ว มันเสือกสั่งห้ามคนอื่นมาบอกบัดดี้เก่าของมันอย่างมึง... แต่กูมีบุญคุณกับมึงเลยอุตส่าห์เสียสัตย์ลูกผู้ชายมาบอกมึง”

“อืม.... กูจะจำไว้เป็นบุญคุณไว้ไปอีกนานเช่นกัน” ฉันชักอดตื่นเต้นไม่ได้ “เอาละ ทีนี้...มึงจะบอกได้หรือยังว่า พวกมันตั้งฉายากูว่าอะไร?”

ยุทธ แลบลิ้นเลียริมฝีปาก “ไอ้พวกนั้นเรียกมึงว่า ครูตุ๊ดซาดิสม์ วะ”!!!!

.................................



Create Date : 25 พฤษภาคม 2555
Last Update : 25 พฤษภาคม 2555 8:16:01 น.
Counter : 608 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PeeEm
Location :
ลำพูน  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สวัสดีครับ ผมชื่อ ภาคิน มณีกุล ครับ ปัจจุบันทำงานอยู่ที่ บริษัท ลานนาโปรดักส์ จำกัด เป็นบริษัทผลิตวาซาบิรายใหญ่ของประเทศ งานอดิเรกของผม นอกจากส่วนใหญ่จะเล่นกีฬา คือ ปั่นจักรยานและเล่นแบดมินตัน อ่านหนังสือ ดูภาพยนตร์และชอบเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อถ่ายรูปหรือพักผ่อนแล้ว ผมยังชอบเขียนบทความ เรื่องสั้น และนวนิยายอีกด้วยครับ

เพื่อน ๆ คนไหนเข้ามาอ่านก็สามารถติชมได้นะครับ ขอบคุณครับ
New Comments
พฤษภาคม 2555

 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
 
 
All Blog