โรงเรียนวิชารบ ตอนที่ ๕ ภ.ม. ภาิคิโน
อันที่จริง ตำแหน่งที่มีอำนาจบังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยฝึกทหารใหม่ สำหรับกรมฯ เรา ได้แก่ ผู้บังคับการกรมฯ ลงมาจนถึงเสนาธิการกรมฯ เป็นผู้อำนวยการด้านการฝึกต่าง ๆ แต่สำหรับตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดของหน่วยฝึกทหารใหม่ กลับเป็นตำแหน่ง ผู้ฝึก ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องสั่งการในระดับปฏิบัติการ หรือออกแรงมากกว่าในการฝึกทหารใหม่นั้น ส่วนผู้ที่มีบทบาทไม่แพ้กัน ได้แก่ตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้ฝึก ซึ่งทางกองบังคับการกรม จะคัดเลือกผู้ที่ความรู้ความสามารถทั้งในด้านวิชาการ การบังคับบัญชา และจิตวิทยา มาฝึกสอนทหารใหม่แต่ละรุ่น นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งครูฝึก และผู้ช่วยครูฝึก ที่จะคอยดูแล และอบรมสั่งสอนพลทหารใหม่อย่างใกล้ชิด

ตำแหน่งผู้ฝึก กรมฯ มักจะแต่งตั้งนายทหารระดับผู้บังคับกองฯ ยศร้อยเอก หรือพันตรี มาเป็นผู้ฝึก ส่วนตำแหน่งผู้ช่วยครูฝึก และครูฝึก จะแต่งตั้งนายทหารยศรองลงมา หรือนายสิบตามลำดับชั้นยศ ผู้ฝึกของหน่วยฝึกทหารใหม่รุ่นฉัน เป็นนายทหารยศร้อยเอก ที่เป็นผู้บังคับกองร้อย บก.กรมฯ เนื่องจากฉันไปทำงานเอกสารที่ บก.พันฯ บ่อยครั้ง เลยทำให้ทราบว่า รุ่นก่อนหน้าฉันนั้น ผู้ฝึกทหารใหม่ เป็นถึงนายทหารยศ พันตรี ระดับหัวหน้าฝ่าย และมีผู้ช่วยครูฝึกเป็นนายทหารจบใหม่จากโรงเรียนนายร้อย ยศร้อยตรีหมาด ๆ ซึ่งได้ข่าวว่า โหดพอสมควร

วันแรกของการมาเป็นผู้ช่วยครูฝึกทหารใหม่ ที่หน่วยฝึกทหารใหม่นั้น ยังไม่มีอะไรมากไปกว่าการมาเก็บกวาดทำความสะอาด เนื่องจากปีหนึ่ง ๆ จะได้ใช้งานอยู่ราวหกเดือน คือเริ่มตั้งแต่ประมาณเดือนเมษายน ไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม และเดือนตุลาคม ไปจนถึงกลางเดือนมกราคมของปีถัดไปเท่านั้น ดังนั้น ทั้งอาคารจึงเต็มไปด้วยสารพันฝุ่น คราบสกปรก มูลสัตว์ ขยะ และวัสดุอุปกรณ์ที่ไม่ใช้แล้วมากมาย ส่วนบริเวณโดยรอบก็เต็มไปด้วยพงหญ้ารกเรื้อ ฉันกับเพื่อน ๆ ช่วยกันตัดหญ้าจนตกเย็น นายสิบทั้งหลายก็ขออนุญาตลากลับไปนอนที่บ้านพักของตนเอง ซึ่งผู้ฝึก คือ ร้อยเอกดำรง ก็อนุญาต ก่อนจะกำชับกำลังพลทั้งหลายว่า วันพรุ่งนี้คงต้องเริ่มการฝึกตามตารางที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ทันที เพื่อให้ทันต่อการรับพลทหารใหม่ช่วงต้นเดือนหน้า ผู้ฝึกท่านนี้ เป็นผู้บังคับกองร้อยฯ กองหนึ่ง จาก รพศ.๕ พัน.๑ อายุราวสี่สิบต้น ๆ แต่ดูใจดีมาก ผู้ฝึกก็ขอตัวกลับบ้านพักซึ่งอยู่ตรงหน้าค่ายเช่นกัน ทั้งหน่วยฝึกเหลือแต่พวกเราซึ่งเป็นเพื่อนกัน กับหมู่เมธ อีตาอันธพาลในร่างพระเอก ซึ่งได้รับคำสั่งให้เป็นครูเวรฯ ประจำหน่วยฝึกในคืนนี้ (นายสิบที่เข้าเวรฯ หน่วยทหารทั่วไป มักเรียกว่า สิบเวรฯ แต่กรณีที่เป็นหน่วยฝึกทหารใหม่ จะเรียกว่า ครูเวรฯ แทน ส่วนตำแหน่งผู้ช่วยสิบเวรฯ นั้น ก็จะเปลี่ยนไปเรียกว่า ผู้ช่วยครูเวรฯ แทน)

ตอนค่ำหลังรับประทานอาหารที่โรงสูทกรรมแล้ว ฉันขึ้นไปบนโรงนอนเพื่อหยิบอุปกรณ์ลงมาอาบน้ำในห้องอาบน้ำรวมซึ่งเป็นอาคารหลังใหญ่ ตั้งอยู่ด้านหลังหน่วยฝึกฯ มีอ่างน้ำทำจากซีเมนต์กรุกระเบื้องก่อสูงขนาดกว้าง ๑ เมตร ยาว ๘ เมตร สูง ๑ เมตร มีก๊อกน้ำอยู่ ๔ ตัวสำหรับเปิดน้ำให้เต็มอ่างอยู่เสมอ โดยรอบอ่างลาดเป็นลานซีเมนต์สำหรับอาบน้ำ มีกำแพงก่อสูงโดยรอบยกเว้นทางเข้าด้านหัวและท้ายบ่อ เฉพาะกำแพงที่หันหน้าออกนอกอาคาร มีบล็อกโปร่งสลับเพื่อให้อากาศถ่ายเท ตรงทางเข้าทั้งสองข้างมีอ่างซักล้างเรียงราย หากเดินอ้อมไปด้านหลังห้องอาบน้ำ จะเป็นห้องส้วมนับสิบห้อง เพียงพอต่อการใช้งานทั้งหน่วยฝึกฯ

เนื่องจากทหารหาญเป็นผู้ชายอยู่แล้ว การแก้ผ้าอาบน้ำจึงไม่มีอายกันเนื่องจากเห็นทุกส่วนสัดมาตั้งแต่สมัย อยู่หน่วยฝึกทหารใหม่ พอขึ้นกองร้อยกันมา บางนายที่ยังติดใจก็จะยังคงแก้ผ้าอาบน้ำหมดจด บางนายก็แก้บ้างไม่แก้บ้าง แต่ถ้าโดนเพื่อน ๆ ท้าก็พร้อมจะแก้กันได้ทุกเมื่อ สำหรับฉัน พอขึ้นกองร้อยมา ก็ใส่กางเกงในอาบน้ำ อย่างเดียว ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง และเพื่อน ๆ พลทหารก็ไม่มีใครว่าอะไร วันนี้ก็เช่นกัน

ชัย หรือพลทหารอวยชัย เพื่อนพลทหารรุ่นเดียวกับฉัน ซึ่งได้โควตามาฝึกเป็นผู้ช่วยครูฝึกฯ จาก รพศ.๕ พัน.๒ กำลังอาบน้ำอยู่ ชัยใส่กางเกงในอาบ ฉันเองก็ร่วมวงไพบูลย์ด้วยความรู้สึกเย็นสบายเมื่อน้ำจากขันที่ตัก รดลงถูกตัว จนกระทั่งเสียงตวาดลั่นดังขึ้นตรงทางเข้า เล่นเอาขันน้ำแทบหลุดจากมือ

“มึงทำไมไม่ถอดกางเกงอาบน้ำวะ อีตุ๊ด?”

หมู่เมธในชุดครึ่งท่อนเอามือเท้าสะเอวจ้องเขม็งมาที่ฉัน สายตานั้นทำให้ฉันรู้สึกเปลือยเปล่าอย่างไรชอบกล ชัย แก้เก้อขึ้นมาว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับหมู่ พวกผมก็ไม่ได้ถอดเหมือนกัน มันชินซะแล้วละครับ”

“ไอ้แมงชัย กูไม่ได้ถามมึง กูถามอีตุ๊ดนี่”

ขณะที่เลือดกำลังสูบฉีดขึ้นหน้าขาว ๆ อย่างแรง ฉันกลับอดสงสัยไม่ได้ว่า นอกจากไอ้เชี่ยกร และไอ้แมงชัยแล้ว มันจะมีใครเป็นตัวอะไรในภาษาเรียกของหมู่เมธได้อีก!

ฉันหมดความอดทน แม้ว่าความหยาบคายกับผู้ชายจะเป็นของคู่กัน แต่มันก็ไม่ได้มากเกินไปเหมือนไอ้คนตรงหน้านี่ ฉันกระแทกขันน้ำในมือลงกับขอบอ่างน้ำเสียงดัง ปัง!

“หมู่มีปัญหาอะไรหรือ?”

“เฮ้ย!” ชัย อุทานตกใจ “พัทซี่ ใจเย็น ๆ พูดดี ๆ กับหมู่เขาก็ได้”

ฉันยืนแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น หมู่เมธเองก็จ้องสายตาฉันกลับมาเช่นกัน ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือเปล่าว่า ...ในแววตาอันแข็งกร้าวนั้น มีแววอ่อนลงเล็กน้อย

ฉันยืนนิ่งอยู่อึดใจเดียว เลยตัดสินใจเก็บอุปกรณ์อาบน้ำพร้อมกับพันผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ หมู่เมธเบี่ยงตัวหลบให้ทั้ง ๆ ที่เท้าสะเอวอยู่นั่นแหละ ฉันได้ยินชัยร้องเรียกตามหลัง

“เฮ้ย ๆ มึงจะไปไหนพัทซี่? มึงยังไม่ได้ถูสบู่เลยนี่หว่า?”

หลังจากตากผ้าขนหนูที่ราวหลังห้องน้ำเสร็จแล้ว ฉันก็สวมชุดเสื้อยืดขาสั้น ในขณะที่กำลังจะหยิบรองเท้าคอมแบทขึ้นมาวนน้ำยา ร่างของใครคนหนึ่งก็นั่งแปะลงบนเตียง

“โกรธเหรอ?”

หมู่เมธนั่งประสานมือเท้าข้อศอก ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นลอยเด่นห่างจากฉันไม่ถึงเมตร

“เปล่าครับ ผมจะไปโกรธหมู่เรื่องอะไรล่ะ?”

“แล้วทำไมถึงปึงปังขึ้นมานี่ ไม่อาบน้ำต่อให้เสร็จล่ะ?”

“ก็อาบเสร็จแล้ว” ฉันตอบดื้อ ๆ

เงียบกันไป ฉันเองก็ไม่กล้าสบตาหมู่ตรง ๆ จะด้วยเพราะเหตุใดนั้น ก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน หมู่ขยับตัวลุกขึ้นยืน น้ำเสียงอ่อนลงราวกับเป็นคนละคน

“ถ้ากูเล่นอะไรแรงไป ก็อย่าถือสาแล้วกัน”

ฉันเงยหน้าขึ้นมองแกเต็มตา เป็นครั้งแรกตั้งแต่เจอกันเกือบทั้งวันที่สัมผัสได้ว่า ประโยคที่แกสื่อออกมานั้นไม่ได้พูดเล่น แต่มันคือความจริงใจ!

“เออ... หมู่ก็... ไม่มีอะไรหรอกครับ” ฝ่ายที่อึกอักกลับเป็นฉันเอง

“งั้นก็ ถ้ามึงมีอะไร จะคุยกับกูได้นะ กูนอนตรงนี้เอง” หมู่เมธชี้ไปยังเตียงที่อยู่ติดกัน ฉันจำได้ว่า เมื่อเช้าตอนจัดที่นอนกัน เตียงนี้เป็นของ กร อาจจะด้วยบุญญาบารมีอะไรของหมู่ก็ตามแต่ แกดลบันดาลให้ตัวเองมานอนแหมะอยู่ติดกับเตียงฉันซะนี่

ฉันนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นมองดูหมู่เดินออกโรงนอนไป เตียงของฉันกับหมู่เมธ เป็นสองเตียงสุดท้ายที่อยู่ติดประตูโรงนอน ตอนมาถึงหน่วยฝึกฯ ช่วงเช้า ผู้ช่วยผู้ฝึกฯ คือ จ่ากองของฉัน เป็นผู้สั่งให้ฉันนอนเตียงที่อยู่ติดด้านนอก ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘เวลามีอะไรขึ้นมา มันจะได้วิ่งทันก่อนคนอื่น’

น้ำ กับเชฟน้อย ยืนอยู่ข้างหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ในมือของทั้งคู่ถือรองเท้าคอมแบทมาด้วย

“อ้าว นั่งดิ ๆ” ฉันเชิญชวน

“พัทซี่กับหมู่เมธมีอะไรกันหรือเปล่า?”

“เปล่านี่” ฉันงงคำถามของน้ำ แสดงว่าทั้งคู่คงเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น ทว่าคนถามก็หันกลับไปมองหน้าคนที่นั่งข้าง เชฟน้อยพูดยิ้ม ๆ

“ไม่มีอะไรหรอก จะแซวเฉย ๆ”

“แซวว่า...” ฉันนับในใจ หนึ่ง... สอง... สาม... ไม่น่าจะใช่เรื่องดีแน่ ๆ

เชฟน้อยหัวเราะ “เอ้อ... กูแค่จะแซวว่า มึงกับหมู่เมธ มันเหมือนอะไรที่เขาเรียกว่า อ่า... คู่รักเขางอนกันนะ”

น้ำกับเชฟน้อยหัวเราะเสียงดัง มีแต่ฉันเนี่ยแหละ ที่ยังงงเป็นไก่ตาแตก มันเรียกฉัน อีตุ๊ด! ทั้งวัน แล้วฉันกับมันจะไปรักกันตอนไหนวะ!?!?

.........................................



Create Date : 10 เมษายน 2555
Last Update : 10 เมษายน 2555 21:10:21 น.
Counter : 827 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

PeeEm
Location :
ลำพูน  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สวัสดีครับ ผมชื่อ ภาคิน มณีกุล ครับ ปัจจุบันทำงานอยู่ที่ บริษัท ลานนาโปรดักส์ จำกัด เป็นบริษัทผลิตวาซาบิรายใหญ่ของประเทศ งานอดิเรกของผม นอกจากส่วนใหญ่จะเล่นกีฬา คือ ปั่นจักรยานและเล่นแบดมินตัน อ่านหนังสือ ดูภาพยนตร์และชอบเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อถ่ายรูปหรือพักผ่อนแล้ว ผมยังชอบเขียนบทความ เรื่องสั้น และนวนิยายอีกด้วยครับ

เพื่อน ๆ คนไหนเข้ามาอ่านก็สามารถติชมได้นะครับ ขอบคุณครับ
New Comments
เมษายน 2555

1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog