โรงเรียนวิชารบ ตอนที่ ๑๖ ภ.ม. ภาิคิโน
โรงเรียนวิชารบ ตอนที่ ๑๖ ภ.ม. ภาิคิโน


ถ้าไม่ติดว่า ควันเริ่มออกหูแล้วละก็... ภาพที่เห็นตรงหน้าคงจะตลกสิ้นดี

พลทหารใหม่ทั้ง หมู่ ๓ และหมู่ ๔ หมวด ๒ แตกฮือ กลับมานั่งเก้าอี้อย่างสงบ ในมือถือรองเท้าคอมแบท ก้มหน้าก้มตานั่งวนอย่างไม่สนใจใคร ขณะที่เจ้าของเรื่องทั้งคู่ หน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด ราวกับเด็กน้อยขโมยของเล่นในร้านแล้วโดนตำรวจจับได้

ฉันบอกด้วยเสียงเย็น ๆ อีกครั้ง เล่นเอาผู้ฟังทั้งหลายสั่นสะท้านไปทั้งมวล

“ปิ๊ก ถ้าวนรองเท้าเสร็จแล้วก็เอาวางไว้หลังห้องก็ได้ เดี๋ยวเราเก็บเอง... ส่วน กร ถ้าว่าง... มากพอสมควร...ก็ช่วยรอเราแจกของว่างพร้อมกันหน่อยแล้วกัน”

“เอ้อ...” ทั้ง ปิ๊ก และ กร ลิ้นแข็งไปในบัดดล

“วิชา ลุกมานี่หน่อยสิครับ” ฉันพยายามข่มเสียงตัวเองไม่ให้สั่นเพราะแรงโกรธ ผลที่ได้คือ น้ำเสียงมันช่างฟังดูต่ำ ๆ เหมือนเสียงเพชฌฆาตกำลังอ่านคำสั่งโทษประหารให้นักโทษ

“ครูว่าอะไรนะครับ?” มันแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ฉันหรี่ตาลงเล็กน้อย... วิชา รู้ดีว่า สถานการณ์แบบนี้ หากยืดเยื้ออีกต่อไป เพชฌฆาตคงไม่รีรอที่จะประหารชีวิตอย่างรวดเร็ว สู้มันสำนึกผิดแล้วรับสารภาพ เพชฌฆาตท่านคงจะปราณีบ้างไม่มากก็น้อย ดังนั้น มันจึงทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม พาร่างบางจ้อยของตนเองลุกออกมาจากโต๊ะเรียน...

“ครับ...” วิชา ยืนสงบนิ่งราวกับไว้อาลัยชีวิตตัวเองที่อาจจะจบลงไม่ช้า

“อยากจะพิสูจน์อะไรครับ?” ฉันถามด้วยน้ำเสียงเดียวกับกับตอนที่บอกให้มันลุกมา มีผลทำให้ วิชา ซึ่งสงบลงไปแล้ว เริ่มสั่นเป็นเจ้าเข้า

“เอ้อ... ครูพัทพูดเรื่องอะไรครับ?” ในที่สุด ลูกผู้ชายก็กลับลำ เล่นสำนวน

“ต้องให้ครูถามซ้ำไหมครับ?”

“...”

“เฮ้ย!” น้ำเสียงฉันเข้มกว่าปกติ ฟังคล้ายผู้ชายห้าว ๆ (อ้าว! แล้วที่ผ่านมา ตูไม่ได้เป็นผู้ชายหรอกหรือวะ?) “กล้า ๆ หน่อยดิครับ?”

บรรยากาศในห้องเรียน ราวกับมีใครสักคนปิดเสียงลำโพงลงฉับพลัน และเหมือนว่า พลทหารทุกนายกำลังมองตรงมายังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ

“เอามือมา” ฉันตัดสินใจ

วิชา ทำหน้าประหลาดใจ มันยื่นมือขวาออกมา ฉันฉวยมือมันหมับ แล้วยกขึ้นวางบนหน้าอกฉัน เสียงสูดลมหายใจเข้าของใครในห้องหลายนายดัง เฮือก! ขึ้นพร้อมกัน...

“อ้าว! พิสูจน์หรือยังว่า นี่คือนม หรือหน้าอก”

วิชา พยายามจะเอามือออก ดวงตาของมันตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด ฉันปล่อยมือเป็นอิสระ มองดูมันยืนค่อม ๆ

“เอ้อ...” วิชา เข้าพวกลิ้นแข็งในบัดดลตาม ปิ๊ก กับ กร ไปอีกหนึ่งนาย

“อ้าว ว่าไง? ตอบมาสิ” ฉันคาดคั้น

“หน้า...อก...ครับ” มันยังยืนค่อม ๆ อยู่เหมือนเดิม

“ทีนี้ ก็หายอยากแล้วสินะ” ฉันยังไม่จบแค่นี้ คิดหรือว่าฉันจะยอมเสียโอกาส “เอาละ ตาครูบ้าง”

โดยปราศจากการตั้งตัว และโดยปราศจากการเตรียมใจ... วิชา สะดุ้งสุดตัวเมื่อฉันคว้าหมับเข้าให้ที่เป้ากางเกงของมัน แต่จริง ๆ แล้วฉันคว้าเอาหัวเข็มขัดของมันต่างหาก เนื่องจากมันตัวเล็กกว่าฉัน จึงสามารถออกแรงดึงฉุดกระชากทั้งตัวให้เขยิบเข้ามาใกล้จนหน้าอกของมันเกือบชิดติดหน้าอกของฉัน เสียงสูดลมหายใจเข้าของใครในห้องหลายนายดัง เฮือก! ขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง...

วิชา พยายามจะสะบัดหลุด บอกไม่ถูกว่ามันเขินอาย หรือมันกลัวว่าฉันจะจับของสำคัญของมันกันแน่!

“จำไว้ว่า... ครูไม่ใช่เพื่อนเล่น คุยได้ พูดได้ พูดถึงได้ แต่ให้มันมีสัมมาคารวะ อย่าเลยเถิด เข้าใจไหมครับ?”

“ขะ... ขะ... เข้าใจครับ” มันละล่ำละลัก

“หน่วยฝึกทหารใหม่ ไม่ใช่ตลาด เราไม่ใช่พ่อค้าแม่ค้า เราเป็นทหาร เรามีระเบียบเรามีวินัย ไม่ใช่ที่บ้านจะได้มาอยู่สบาย นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ จะพูดอะไรก็พูด... คราวนี้ ครูบีบแค่หัวเข็มขัด แต่คราวหน้า ครูบีบของจริงนะครับ... อย่าหาว่าไม่เตือน”

ฉันปล่อย วิชา ให้เป็นอิสระ มันหงอลงในฉับพลัน ส่วนฉันสะบัดหน้าแล้วเดินออกจากห้องเรียนไปทันที





ผู้ฝึกฯ อบรมพลทหารใหม่วันแรก ในหัวข้อเกี่ยวกับการทำผิดวินัยทหาร ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด ๙ ข้อ ข้อสำคัญได้แก่ การดื้อดึงขัดขืน หลีกเลี่ยง หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเหนือตน ไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย ไม่รักษามารยาทให้ถูกต้องตามแบบธรรมเนียมทหาร ไม่ตักเตือน สั่งสอน หรือลงทัณฑ์ผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำผิดตามโทษานุโทษ และใช้กิริยาวาจาไม่สมควร หรือปฏิบัติไม่สมควร เป็นต้น

โดยเฉพาะตอนที่ผู้ฝึกฯ พูดถึงข้อหลังสุดนี้ พลทหารใหม่หลายนายคล้ายกับจะมองมาทางฉัน ซึ่งยืนอยู่เยื้อง ๆ หน้าชั้นเรียน แต่ฉันไม่ได้ใส่ใจ ฉันมีเรื่องที่ต้องสะสางกับบุคคลอื่น ซึ่งไม่ใช่พลทหารใหม่เหล่านี้

และแล้วช่วงเวลาที่ฉันรอคอยก็มาถึง ภายหลังจากที่พลทหารรับประทานของว่าง สวดมนต์พร้อมกัน จ่าคมเป่านกหวีดให้สัญญาณนอน และฉันเขียนรายงานเหตุการณ์ประจำวันลงในสมุดบันทึกหน่วยฝึกทหารใหม่ฯ เรียบร้อยแล้ว จึงก้าวเท้าอาด ๆ ตรงไปยังห้องอาบน้ำทหาร ที่ซึ่งเพื่อนพลทหารรุ่นฉันกำลังสำเริงสำราญอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

“อ้าว! พัทซี่ มาพอดีเลย มาอาบน้ำด้วยกันสิ” หล่ออิท ซึ่งอยู่ในชุดกางเกงในสีน้ำเงินตัวเดียว กล้ามหน้าท้องเป็นลอน หน้าอกและท่อนแขนเป็นมัด เอ่ยปากเชื้อเชิญ แต่ฉันไม่มีอารมณ์จะมาพิศวาสอะไรกันตอนนี้

“เฮ้ย! เมื่อกี้มึงเจ๋งไปเลยวะ เอาน้องใหม่หน้าซีดเป็นแถว ๆ” ยุทธ ร้องบอกอย่างดีใจ ฉันฝืนยิ้มให้ แล้วเหลียวหาเป้าหมาย ที่ยืนแอบ ๆ อยู่เกือบจะท้ายแถว

“บัดดี้ที่รัก... กร เพื่อนรัก... ได้โปรดอธิบายให้กูฟังหน่อย ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง?”

“มึงอย่าไปโกรธไอ้ปิ๊ก กับไอ้กรมันเลยวะ มันก็แค่เล่นเฉย ๆ แหละน่า...” เชฟน้อย เจรจา อีหรอบนี้แสดงว่า รู้เรื่องกันถ้วนหน้าแล้วสินะ...

“ก็ไม่ได้อะไรมากมายหรอก คืออยากจะรู้เฉย ๆ ว่า ทำไมต้องไปกุเรื่องให้พลทหารใหม่เขาฟังอย่างนั้นละ?” ใจฉันยังเคลือบแคลง

“มันก็คง... หยอกเล่น เหมือนเราแซวเพื่อน ๆ เราให้น้อง ๆ เขาฟังเล่น ๆ ไง ใช่ไหมวะ? ไอ้กร” น้ำ หันไปหาแนวร่วมซึ่งอาบน้ำอยู่ข้างกัน ทว่าเจ้าตัวยังคงเงียบสนิท

“ตกลงจะบอกไม่บอก?” ฉันเท้าสะเอวขึ้นเสียง

“พัทซี่ อย่าโกรธเราเลยนะ... นะๆๆๆๆ” คราวนี้ ปิ๊ก ซึ่งอยู่ในชุดกางเกงในสีแดงสด ฟองสบู่เต็มตัววิ่งตรงมายังฉันพลางยิ้มร่า

“ว้าย! ไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนั้นก็ได้” ฉันโบกมือให้มันไปไกล ๆ แต่อดีตบัดดี้กลับทำมากกว่านั้น

“เราให้ดูของดีเราก็ได้ เผื่อเธอจะได้หายโกรธเราไง” ว่าแล้ว ปิ๊ก ก็ดึงกางเกงในของตัวเองลงเล็กน้อย พลางควักช้างน้อยออกมาโชว์... เพื่อน ๆ พากันหัวเราะเสียงดัง แม้แต่ฉันก็พลอยขำไปด้วย

“พอเถอะ ปิ๊ก ฉันเห็นของเธอมาจนชินละ อาบน้ำด้วยกันมาเป็นล้านครั้งแล้วมั้ง ตั้งแต่สมัยอยู่หน่วยฝึกฯ ตกลงจะตอบได้หรือยัง?”

“ไอ้กร เฉลยเร็วเข้า... คุณนายเริ่มอารมณ์ดีแล้ววะ” ปิ๊ก โยนกลอง

“เชี่ย! มึงลงทุนเปิดปิ๊กกะจู้ให้พัทซี่มันดู แล้วมาโบ้ยให้กูเนี่ยนะ” กร ชักยัวะ แต่ก็เปลี่ยนน้ำเสียงฉับพลัน “มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก พัทซี่ อย่างที่ น้ำ พูดนั่นแหละ เราก็แซวเล่น ๆ ให้น้องใหม่เขาฟังนะ... คือ สมมติว่า ถ้าลองเล่าวีรกรรมโหด ๆ สมัยนายอยู่กองพันฯ ให้พลทหารใหม่ฟัง ก็น่าจะช่วยทำให้พลทหารใหม่เขาเคารพ หรือเกรงกลัวนายขึ้นมาได้บ้าง”

“ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง... วีรกรรมเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา น่ากลัวกว่าวะ” ชัย เล่นมุข ทำเอาฮากันอีกรอบ

“แต่มันก็ไม่จำเป็นที่ต้องทำถึงขนาดนั้นนี่นา... อีกอย่าง นายคิดหรือว่า... คนเราจะเคารพกัน เพราะเกรงกลัวที่ความโหดร้ายของคนคนนั้นหรอกหรือ?”

“เอ้อ... ก็ประมาณนั้น” ขนาดคนทำเรื่องอย่าง กร ยังไม่แน่ใจ

“กร... ปิ๊ก.. จะบอกให้นะ คนเรามันไม่ได้วัดกันว่า ใครแน่กว่าใคร ถึงจะได้รับความเคารพ จริงอยู่ว่า เขาอาจจะได้รับความเคารพ แต่เขาจะไม่ได้รับการยกย่อง เพราะความเคารพมันเป็นของคู่กับการยกย่อง แล้วสองสิ่งที่ว่านี้ มันมาจากการยอมรับของคนเท่านั้น และการยอมรับของคนมีอยู่หลายวิธี หนึ่งในนั้น คือการพิสูจน์ตัวเอง ไม่ใช่เกิดจากการกุเรื่องเท็จมาเล่าให้ชาวบ้านฟัง แล้วหวังให้เขามาเคารพเรา... มันไม่ใช่นะ... วันหลังถ้าเขารู้ความจริงขึ้นมา เรานี่แหละที่จะมีแต่เสียกับเสีย ฉันว่า... นายควรจะเปลี่ยนความคิดนี้เสียใหม่นะ”

“...กู ขอโทษแล้วกันวะ” ปิ๊ก เอ่ยอย่างจริงใจ “เราก็ไม่คิดว่ามันจะบานปลายขนาดนี้”

“เออ... กูด้วย” กร หันมาสบตาฉัน

“ช่างมันเถอะ... ว่าแต่ นายสองคนไม่ได้อยู่กองพันฯ เดียวกับเรา แล้วนายคิดวีรกรรมโหด ๆ ของเราได้ยังไง? อีกอย่างหนึ่ง นายมั่นใจได้ไงว่า เมื่อเล่าเรื่องพวกนี้ออกไปแล้ว น้องใหม่เขาจะเชื่อนะ?” ฉันยังขบไม่แตก

“อื้อ... แต่มันก็ได้ผลไม่ใช่เหรอ? ดูเด็ก ๆ เขาก็กลัวนายขึ้นนะ” ชัย ซึ่งนิ่งฟังอยู่ตั้งนาน แย้ง

“ฉันไม่เข้าใจ!” บทสรุปสั้น ๆ จากปากฉัน

“ครูตุ๊ดซาดิสม์ไง มึงเข้าใจหรือยังวะ!” ยุทธ ชักใบให้เรือเสีย เพราะเพื่อน ๆ ฮาท้องแข็งกันอีกรอบ เล่นเอาฉันค้อนขวับ

“สรุปว่า เธอสองคนคิดว่า ถ้าไปโกหกให้พวกพลทหารใหม่ฟัง ว่าฉันเคยลงโทษรุ่นน้องโหด ๆ อย่างนั้น ว่าฉันบึกบึนขนาดไหน ก็จะทำให้พวกเขาเข้าใจไปเองว่า ที่จริงแล้ว ฉันเป็นพวกกะเทยควาย อย่าไปคิดลองดีหรือแผลงฤทธิ์กับผู้ช่วยครูฝึกฯ คนนี้เชียวนะ เขาอาจจะฆ่ามึงตายได้... แล้วฉันก็จะอยู่รอดปลอดภัยไปตลอดการฝึกโดยที่พลทหารใหม่ทั้งหลายให้ความเกรงกลัวฉันในฐานะครูฝึกฯ ที่โหดที่สุดในรุ่น ...นี่ฉันเข้าใจถูกไหม?”

“เผงเลยวะ !!!!” เป็นครั้งแรกที่ กร ยิ้มร่าอุทานออกมา นับตั้งแต่คุยกันแบบเครียด ๆ “คนที่บอกให้พวกกูทำ เขาก็คิดแล้วก็พูดอย่างที่พัทซี่พูดเมื่อกี้เปี๊ยบเลยวะ...”

กร รีบเอามือที่เปียกสบู่นั้นปิดปากตัวเอง ในขณะที่ ชัย เอาขันน้ำตีเข้าที่หัวของ กร อย่างจัง แต่สายไปเสียแล้ว เมื่อฉันเอะใจ

“เมื่อกี้ นายพูดว่าอะไรนะ?”

“เปล่านี่...” ผู้ร้าย ยังคงปากแข็ง

“นายพูดว่า... คนที่บอกให้พวกกูทำ เขาก็คิดแล้วก็พูดอย่างที่พัทซี่พูดเมื่อกี้เปี๊ยบเลยวะ... สรุปว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันไม่ใช่ฝีมือของนายสองคน แล้วคนที่บอกนะ มันเป็นใคร?”

“เอ้อ...”

“คือ...”

“ปัดโธ่เว้ย... มึงก็บอกพัทซี่ไปสิวะ!” หล่ออิท คงสงสารฉันเต็มทน เลยตวาดลั่นใส่ ปิ๊ก กับ กร

“เอาละ กูบอกเองก็ได้ ไหน ๆ กูก็รู้ละ” ยุทธ ตักน้ำราดตัวเองขันหนึ่ง แล้วเท้าสะเอวมองหน้าฉัน พลางยักคิ้วข้างหนึ่ง ตามนิสัยของมัน

“ไอ้กร มันก็แย้มบอกมึงไปแล้วว่า คนคนนั้นเขาก็คิดแล้วก็พูดอย่างที่มึงพูด แล้วมันจะมีประเภทไหนอีกที่จะทำอะไรก็รู้ใจกันไปซะหมด ถ้าไม่ใช่ประเภทแฟนกัน... อย่าง ไอ้เชี่ยเมธ หมู่สุดหล่อแฟนมึง นั่นแหละวะ! ไอ้เชี่ยนี่แหละ ตัวต้นเหตุของเรื่องเน่า ๆ ที่พวกมึงมาเถียงกันอยู่นี่ไงวะ !!!!”




เกือบห้าทุ่ม กว่าฉันจะอาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จ แม้จะเมื่อยขบไปทั้งตัว แต่ฉันก็ยังมีภารกิจอะไรบางอย่างที่ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นในคืนนี้

พลทหารใหม่ทั้งสองนายสวมเสื้อยืดคอวีสีเขียวขี้ม้า กางเกงขาสั้น รองเท้าคอมแบท และหมวกแคปซึ่งยืนยามอยู่ตรงระเบียงหน้าประตูโรงนอนตะเบ๊ะใส่ฉัน

“อ้าว ทำไมเป็น บะหนุน อีกละ เมื่อคืนก็เห็นมายืนเวรฯ อยู่นี่?”

“จ่าคม ให้เรียงตามลำดับหมายเลขครับ เป็นผลัดละ ๑ ชั่วโมง ผมเลขที่ ๓ เลยได้มาเข้าเวรฯ เวลานี้พอดี” บะหนุน หรือพลทหารนิธิพล หัวหน้าตอนพลทหารใหม่ อธิบาย

ฉันยืนอยู่ตรงระเบียง เกาะราวก้มตัวลงไปมองไฟใน บก.หน่วยฝึกฯ ที่ปิดสนิท ดีที่ผู้ฝึกฯ ไปนอนที่ห้องพักครูเวรฯ ซึ่งจะอยู่ติดกับโรงนอนพลทหารใหม่ มีประตูเข้าออกสองทาง ทางหนึ่งคือจากทางด้านหน้า ส่วนอีกทางคือประตูเชื่อมระหว่างโรงนอนกับห้องพัก ช่วงค่ำ แกสั่งให้พวกเราช่วยขนเตียงนอน และตู้เหล็กที่ว่างอยู่เตียงหนึ่งไปเพิ่มในห้องพักครูเวรฯ ห้องนั้นกว้างพอที่จะนอนได้สองคนแบบสบาย ๆ ดังนั้น ฉันจึงกะว่าจะแอบลงไปปฏิบัติภารกิจในนั้นสักหน่อย

ภารกิจที่ว่า... นั่นคือ การกดโทรศัพท์มือถือ ที่ฉันแอบเอาติดกระเป๋ากางเกงออกมาด้วย โทรฯ ไปหาบุคคลต้นเหตุของเรื่องยุ่ง ๆ ตั้งแต่บ่าย จนมันลุกลามใหญ่โต ปิ๊ก กับ กร รับสารภาพจนหมดสิ้นว่า ความคิด (ซึ่งฉันเห็นว่า งี่เง่าสิ้นดี) นั้น มาจากความคิดสร้างสรรค์ประดุจเทวดารังสรรค์ของบุคคลที่ชื่อว่า สิบเอกสุเมธ

...อันที่จริง หมู่เมธ สั่งให้ กร กับ ชัย พลทหารร่วมกองพันเดียวกันกับมันทำ แต่ ชัย ไม่เล่นด้วย มันจึงเบนเข็มไปหาไอ้ปิ๊ก ด้วยโปรโมชั่นยกหนี้ค่ารถกลับบ้านช่วงฝึกผู้ช่วยครูฯ จำนวน ๕๐๐ บาทฟรี เพื่อนพลทหารของฉันทั้งสองนาย จึงยินยอมพร้อมใจที่จะแสดงกันอย่างสุดฝีมือ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่า... ฉันอยากจะรู้ว่า ไอ้หน้าหล่อ มันคิดยังไงของมัน?... ถึงต้องทำแบบนี้ ถ้าไม่ได้คำตอบภายในคืนนี้ ฉันคงนอนไม่หลับ และถึงแม้มันไม่รับสาย ฉันก็ขอแค่ได้ฝากข้อความกระตุ้นต่อมจิตใต้สำนึกของมันสักเล็กน้อยก็ยังดี...

“ครูพัทมองอะไรหรือครับ?” บะหนุน ทัก

“อ๋อ! ครูว่าจะลงไปข้างล่างสักหน่อย ...อีกคนนี่ ชื่ออะไรนะ?”

“ผม พลทหารอภิเชษฐ์ครับ ชื่อเล่นชื่อ เอ็ด ครับ”

ฉันพยักหน้า “ครูยังไม่ค่อยคุ้นหน้าพลทหารใหม่สักเท่าไร ต้องขอโทษที่ถาม”

บะหนุน ทำหน้าแบบไม่อยากเชื่อ “ครูขอโทษพวกเราเรื่องอะไรครับ?”

“อ้าว! ก็ขอโทษที่ถามชื่อไง... ครูจำชื่อไม่ได้” ฉันยิ้มแก้เก้อ

“เอ้อ... ครูมารยาทดีจังครับ” คราวนี้ อภิเชษฐ์ หรือ เอ็ด พูดขึ้นแล้วยิ้มแหย ๆ

“อ้าว! ทำไมต้องพูดอย่างนั้นด้วยละ?” ฉันสงสัย

“เปล่า ๆ ...ไม่มีอะไรหรอกครับ” เอ็ด ปฏิเสธพัลวัน “พวกผมก็แค่นึกว่า ครูจะโหดแบบที่เขาพูดกัน ก็เลยไม่คิดว่าจะสุภาพกับพวกเราแบบนี้”

“งั้นหรือ?” ฉันหัวเราะหึ ๆ “แสดงว่า พวกนายได้ยินเรื่องที่เขาพูดกันเกี่ยวกับครูมาละสิ... ถามจริง แล้วพวกนายเชื่อหรือเปล่าละ?”

“เรื่องอะไรครับ?”

“ก็เรื่องที่เขาเล่าลือกันเรื่องความโหด ความบึกเชี่ย ๆ ของครูไงละ” คราวนี้ฉันตอบ บะหนุน บ้าง

“ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแหละครับ” เอ็ด ทำท่าจริงจัง

“แล้ว บะหนุน ละ คิดว่าไง?”

“ทำไมครูต้องถามผมแบบนั้นด้วยละครับ? หรือว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงครับ?”

“ครูอยากรู้เฉย ๆ นะ” ฉันไม่ได้เฉลยความจริง

บะหนุน มองหน้าฉันอย่างชั่งใจ “คือ... ผมคิดว่า ครูกำลังหลงประเด็นที่ว่า ถ้าครูมัวแต่พะวงว่าใครเขาจะคิดอย่างไรกับครูเมื่อได้ยินได้ฟังว่าครูเป็นคนยังไง แทนที่จะคิดว่า ครูเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง อย่างเช่นเหตุการณ์ของวิชา เมื่อตอนค่ำที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนได้เห็นเหมือนกันหมด เรื่องแบบนี้แหละ ถึงจะพิสูจน์ได้ว่า ครูเป็นคนแบบไหน แล้วเขาก็ตัดสินเองว่า ควรเชื่อเรื่องที่เขาได้ยินมาหรือไม่...มากกว่านะครับ”

ฉันนิ่งอึ้ง ไม่คาดคิดมาก่อนว่า บะหนุน พลทหารใหม่ที่ได้รับเลือกจากเพื่อนพลทหารรุ่นเดียวกันให้เป็น หัวหน้าตอน หรือพูดให้เข้าใจก็คือ ประธานรุ่นชั้นปี ของพวกเขา จะตอบได้อย่างเฉียบคมขนาดนี้

ฉันขยับตัวจะกลับเข้าไปยังโรงนอน คำตอบมันอยู่ที่การกระทำของฉัน ไม่จำเป็นต้องรู้อีกต่อไปว่า ไอ้หน้าหล่อมันคิดยังไงของมัน? ไม่จำเป็นต้องใส่ใจว่า ใครจะคิดยังไงกับฉัน? ไม่ต้องไปกังวลกับเรื่องเล่าต่าง ๆ นานา... เรื่องที่ฉันควรคิดเพียงเรื่องเดียวในตอนนี้ ก็คือ ฉันจะสอนพลทหารใหม่เหล่านี้ให้เป็นทหารที่ดีได้อย่างไรก็เท่านั้น การกระทำ ผลงาน และเวลาย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์

เหมือนคำพูดของครูสาม ในวันที่เราจากลากัน ...มันไม่ได้สำคัญตรงที่เราเป็นใคร หรือเป็นอะไรมาจากไหน... มันสำคัญที่ว่าเราจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดได้หรือเปล่า?

“ครูไม่ลงไปข้างล่างแล้วหรือครับ?” เอ็ด ถาม

“ไม่แล้วละ... ขอบคุณครับ” ประโยคหลังฉันตั้งใจพูดกับ บะหนุน โดยตรง แต่ทำเอาพลทหารสองใหม่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก บะหนุน แก้เก้อ

“พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรให้ครูเลยครับ มาขอบคุณพวกผมทำไม?”

“ทำสิ ถึงขอบคุณไงละ” ฉันยิ้มกว้าง

“ครูมารยาทดีจริง ๆ” บะหนุน หัวเราะ “ผมชักอดใจรอไม่ไหวแล้วสิครับ อยากให้ถึงวันจันทร์หน้าไว ๆ จัง”

“ทำไมละ? มีเรื่องอะไรหรือ?”

“อ้าว วันจันทร์หน้า ก็เป็นวันที่ครูพัท จะเข้าผู้ช่วยครูเวรฯ นี่ครับ... เห็น ครูน้ำ ผู้ช่วยครูฝึกฯ หมู่ผม บอกว่า ผู้ช่วยครูฝึกฯ แต่ละคน มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน บรรยากาศของวันที่ผู้ช่วยครูฝึกฯ คนนั้นเข้าเวรฯ ก็เลยไม่เหมือนกันด้วย ผมเลยอดคิดไม่ได้ว่า ขนาดเหตุการณ์เมื่อตอนค่ำ ครูพัทยังทำให้ตื่นเต้นได้ขนาดนั้น แถมมีโอกาสได้คุยกับครูตอนนี้ก็ยังอดขำไม่ได้ เลยชักอยากจะรู้แล้วละสิครับว่า ถ้าถึงวันที่ครูเข้าเวรฯ แล้วมันจะสนุกแค่ไหนกันเชียว !?!?”

ฉันถึงบางอ้อ ในขณะที่ บะหนุน พูดจบพลางยิ้มแก้มปริส่งกลับมา





ฉันสะดุ้งตื่นกลางดึก ใครสักคนมากระซิบปลุกฉันข้างเตียง

“พัทซี่ ลุกเร็วเข้า!”

ฉันลุกพรวดพราดกลางที่นอน เมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืดได้แล้ว จึงเห็นเพื่อนพลทหารนายหนึ่งกำลังก้มตัวอยู่ข้างเตียง

“มีอะไรหรือ?” ฉันเลิกมุ้งโผล่หน้าออกมาถาม

“มีพลทหารใหม่ร้องคลั่งอยู่คนหนึ่งนะ” ชัย คุยกระซิบ “มันนอนอยู่ข้างเตียงเราพอดี เห็นว่าอยู่หมู่ไอ้อิทมัน เลยไปปลุกมัน ช่วยกันหามลงไปไว้ข้างล่างนะ”

“แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนละ?” ฉันงัวเงียถาม

“อยู่ในห้อง บก. พัทซี่ลงไปดูอาการหน่อยได้ไหม? เหมือนเคส ไอ้จอน ของหมู่พัทซี่เมื่อคืนเลย”

ฉันหยิบมือถือมากดดูนาฬิกา ขณะนั้นเวลาเกือบตีสองครึ่ง เสียงกรนแข่งกันดังสนั่นแข่งกับเสียงพัดลมดังหึ่ง ๆ จากบนเพดาน ...นี่ฉันหลับไปได้เกือบ ๓ ชั่วโมงเองหรือนี่ !?!?

“เดี๋ยวเราลงไปดูเอง ชัย ไปนอนก่อนก็ได้นะ”

“ไม่เป็นไร เราอยู่เป็นเพื่อนได้”

ฉันใส่รองเท้าลุกเดินตาม ชัย ออกมาจากโรงนอน พลทหารใหม่สองนายที่เข้าเวรอยู่ ทำความเคารพ ฉันรีบลงบันไดลงไปห้อง บก. หน่วยฝึกฯ อย่างรวดเร็ว

ไฟในนั้น เปิดสว่างอยู่แล้ว ตรงกลางห้อง มีฟูกปูอยู่ผืนหนึ่ง ร่างของชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวใส หน้าตาตี๋ กำลังนอนหลับตาพริ้ม ฉันจำใบหน้าอันสะดุดตานี้ได้ทันทีตั้งแต่วันแรกที่ไปรับที่หนองฮ่อ พลทหารใหม่นายนี้ ชื่อ พลทหารทินวัฒน์ หรือโบ๊ท

ฉันลองจับชีพจรดู เห็นว่าเต้นเป็นปกติ จึงหันไปบอกชัย “ไปนอนเถอะ เดี๋ยวถ้าดูแล้วค่อยยังชั่วมากกว่านี้ เราจะเรียกเจ้าสองคนที่ยืนเวรฯ อยู่ข้างบนให้มาช่วยหามเจ้านี่กลับไปนอนข้างบนโรงนอนเอง”

“ขอบใจนะ พัทซี่” ชัย กลับขึ้นไปนอนต่อ

ฉันขยับเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ ร่างที่นอนอยู่บนพื้นนั้น คะเนว่า ถ้า ทินวัฒน์ ไม่ร้องครวญครางออกมาอีกรอบภายในครึ่งชั่วโมง ก็คงจะพอให้กลับขึ้นไปนอนบนโรงนอนได้

ฉันหยิบหนังสือพิมพ์บนโต๊ะทำงานตัวหนึ่งมาอ่านรอเวลา ผ่านไปราว ๕ นาที หูฉันก็แว่วเสียงอะไรสักอย่าง

“ครู...”

“อือ..” ฉันลดหนังสือพิมพ์ลง ทินวัฒน์ ยังคงหลับตาสนิท ฉันยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แล้วหูก็แว่วเสียงนั้นเป็นครั้งที่สอง

“ครู...”

“อึ๋ย!” ฉันลดหนังสือพิมพ์ลงอีกครั้ง ทินวัฒน์ ยังคงหลับตานิ่ง ในขณะที่กำลังตั้งสมาธิสวดมนต์แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ที่มาเปล่งเสียงขอส่วนบุญอยู่นั้น เสียงเรียกก็ดังขึ้นอีกเป็นครั้งที่สาม

“ครูครับ...”

คราวนี้ ฉันพับหนังสือพิมพ์เก็บเข้าที่ ทินวัฒน์ ไม่ได้หลับตาสนิท แต่ลืมตาใสแจ๋วมองตรงมายังฉัน

“มีอะไรครับ?” ฉันรีบลุกลงไปนั่งคุกเข่าใกล้มัน “เป็นอะไรหรือ เจ็บตรงไหนหรือครับ?”

“ครูครับ...”

“ครับ” ฉันคิดว่า ไอ้เจ้าที่นอนอยู่ตรงหน้า อาจเล่นยามาจนเพี้ยนเสียแล้ว

“ครูเป็นกะเทยใช่ไหมครับ?”

..........................................



Create Date : 31 พฤษภาคม 2555
Last Update : 31 พฤษภาคม 2555 22:10:22 น.
Counter : 455 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PeeEm
Location :
ลำพูน  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สวัสดีครับ ผมชื่อ ภาคิน มณีกุล ครับ ปัจจุบันทำงานอยู่ที่ บริษัท ลานนาโปรดักส์ จำกัด เป็นบริษัทผลิตวาซาบิรายใหญ่ของประเทศ งานอดิเรกของผม นอกจากส่วนใหญ่จะเล่นกีฬา คือ ปั่นจักรยานและเล่นแบดมินตัน อ่านหนังสือ ดูภาพยนตร์และชอบเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อถ่ายรูปหรือพักผ่อนแล้ว ผมยังชอบเขียนบทความ เรื่องสั้น และนวนิยายอีกด้วยครับ

เพื่อน ๆ คนไหนเข้ามาอ่านก็สามารถติชมได้นะครับ ขอบคุณครับ
New Comments
พฤษภาคม 2555

 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
 
 
All Blog