ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด บอกหนังสือพิมพ์ Straits Times
ก่อนไปเยือนสิงคโปร์ต้นอาทิตย์นี้ว่าข่าวกรองยืนยันว่า
ถึงวันนี้มีคนเชื้อสายอินโดฯไม่น้อยกว่า 500 คนได้เดินทางไปต่างประเทศ
เพื่อทำกิจกรรมสนับสนุนกลุ่ม ISIS
เขายืนยันว่าร้อยละ 99.99% ของประชากรอินโดฯ 250 ล้านคน
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอิสลามล้วนแล้วแต่รักความสงบ
ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง แต่ส่วนน้อย ๆ ที่หันไปร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรงนั้น
จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย
วิโดโดบอกว่าอาเซียนต้องแลกเปลี่ยนข่าวกรองและข้อมูล
เพื่อร่วมกันป้องกันไม่ให้กลุ่มสุดขั้วเหล่านี้
ทำลายความสงบและสันติของภูมิภาคนี้
ทุกวันนี้ ผู้ต้องสงสัยที่ถูกข้อหาเกี่ยวโยงกับ ISIS ในอินโดฯมีทั้งหมด 13 คน
กำลังอยู่ในกระบวนการถูกดำเนินคดีอยู่
ศาลอินโดฯเพิ่งตัดสินจำคุก 4 ปีนักบวชมุสลิมวัย 63 ชื่อ Arief Abdul Madjid
ข้อหาสนับสนุนทางการเงิน ตั้งค่ายฝึกทางทหารก่อเหตุร้ายที่อาเจะเมื่อ 5 ปีก่อน
อัยการกล่าวหาว่าเขาเคยไปรับการฝึกเป็นนักรบกับ ISIS ที่ซีเรีย
อัยการเรียกร้องให้ศาลสั่งจำคุกเขา 8 ปีแต่คำพิพากษาตัดสินให้ครึ่งเดียว
เพราะศาลไม่เห็นพ้องกับข้อกล่าวหาว่าการไปร่วมกับ ISIS
ถือเสมือนเป็นการวางแผนเตรียมโจมตีเพื่อก่อการร้าย
กฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายของอินโดฯ
เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อ 2003 หลังจากเหตุระเบิดรุนแรงที่เกาะบาหลี
มีคนตาย 202 คนเมื่อปี 2002
กฎหมายฉบับนี้มีมาตราลงโทษผู้สร้างกลุ่มก่อการร้าย
แต่ไม่อาจจะลงโทษคนที่ประกาศสนับสนุนหรือเพียงร่วมกับกลุ่มก่อการร้าย
ประธานาธิบดีโจโกวีบอกว่ากำลังแก้ไขกฎหมาย
ให้สามารถครอบคลุมการเตรียมการเกี่ยวกับการก่อการร้ายให้รัดกุมยิ่งขึ้น
เดิมอินโดนีเซียเคยเผชิญกับกลุ่ม Jemmah Islamiyah (JI)
ที่มีความเกี่ยวโยงกับกลุ่มก่อการร้ายสากลอัลไกด้า
ซึ่งทางการอ้างว่าได้สามารถปราบและสกัดกั้นไม่ให้ขยายอิทธิพลได้อีกต่อไป
นายกฯหลี่เสียนหลง ของสิงคโปร์ยอมรับว่า
มีความห่วงใยเรื่องการก่อการร้ายของกลุ่มหัวรุนแรงที่อ้างศาสนามาก
เขาบอกว่าเจ้าหน้าที่สิงคโปร์เคยพบแผนของกลุ่ม (JI)
ที่เตรียมการก่อเหตุร้ายรุนแรงด้วยการใช้รถฝังระเบิด 6-7 คัน
แต่สามารถสกัดกั้นเอาไว้ก่อนที่จะเกิดเรื่องใหญ่
หลี่เสียนหลงบอกว่าปัญหา ISIS กำลังกระจายมาอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่มาเลเซียก็มีคนที่ไปร่วมขบวนการ ISIS
เจ้าหน้าที่จับได้หลายคน ที่อินโดฯมีเป็นร้อย
ไม่ใช่แค่ไปร่วมรบ แต่ยังหอบเอาครอบครัวไปอยู่ด้วย
และพอกลับมาก็กลายเป็นปัญหา
เพราะ ISIS มีแผนจะแปลงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เป็นส่วนหนึ่งของรัฐอิสลามตามแบบเขา...
นายกฯสิงคโปร์บอกว่ามีหลายจุดในเอเชียอาคเนย์ที่รัฐบาลเข้าไม่ถึงดีนัก
และเป็นจุดที่บ่มเพาะปัญหาความรุนแรงเช่นนี้ได้
เช่น ทางใต้ของไทย ภาคใต้ของฟิลิปปินส์และบางส่วนของอินโดนีเซีย
ความกลัวของหลี่เสียนหลงคือหากไม่มีการตรวจตรา ควบคุมและป้องปราม
พวกเขาก็อาจจะตั้งฐานปฏิบัติการในจุดต่าง ๆ เหล่านี้
อย่างที่ JI เคยทำเกาะทางใต้ของฟิลิปปินส์มาแล้ว
ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถอ้างว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ ณ จุดนั้น
ซึ่งก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่ได้...
และถ้าหากนายกฯอังกฤษตัดสินใจตระเวนมาแถบนี้
เพื่อจับเข่าคุยผู้นำอินโดฯ มาเลเซียและสิงคโปร์เรื่องนี้
ก็คงจะมีอะไรในกอไผ่แน่นอน
เพราะอังกฤษก็ยอมรับว่า
คนของเขาเป็นร้อยได้เข้าร่วมกับ ISIS ในซีเรีย และอิรักแล้วเหมือนกัน/จบ
..................................................................................................................................
ความเห็นส่วนตัว
สำหรับประเทศไทยเราภาวะนี้
นานาประเทศหลายกลุ่มเขาไม่คุยด้วย
ติดเพราะรัฐบาลมาจากรัฐประหาร
รีบๆเคลียร์ให้มีการเลือกตั้งเร็วๆเถอะ
ชาติเราถนัดทะเลาะกันเองเสียมากกว่า
แถมอย่ากระพริบตาเชียว
ตาอิน...ตานา ออกมาทวงอำนาจแล้ว
จับตาดูกันต่อไป...คำตอบออกมาแบบ
ที่วางแผนกันไว้ตอนเป่านกหวีดมังคะ
.................................................................................................................................