ขอนำ มุมมอง"สุทธิชัย หยุ่น"เจ้าของสื่อเป็นนักธุรกิจ ประเด็น......อบรมดูงานต่างประเทศ ของข้าราชการไทย ซึ่งได้เผยแพร่ทาง web เนชั่น วันนี้ มาฝาก ดังนี้
จากเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นว่าด้วยเหตุการณ์บ้านเมืองของเราอย่างเปิดกว้างและรอบด้าน นายกฯประยุทธ์จันทร์โอชาประกาศไม่ให้ข้าราชการ อบรมดูงานต่างประเทศ เป็นข่าวระดับนโยบายที่มีความสำคัญระดับชาติทีเดียว
เพราะเป็นประเด็นที่อยู่ในใจของผู้เสียภาษีไม่น้อยโดยเฉพาะเมื่อเกิดข้อสงสัยว่าการไป ดูงานต่างประเทศ สำหรับข้าราชการนั้นได้ประโยชน์อะไรกับประเทศชาติจริงๆ บ้าง และแยกแยะอย่างไรระหว่าง อบรม กับ ดูงาน และ ไปเที่ยว
นายกฯพูดอย่างนี้ทางทีวีเมื่อวันศุกร์ก่อน
การอบรมดูงานต่างประเทศวันนี้ผมไม่ให้ไปนะ ไม่อยากให้ไปดูงานต่างประเทศ เว้นไปติดตามราชการ ไปประชุมนี้ได้ผมว่าถ้าจะไปดูงานต่างประเทศ จัดประชุมในประเทศไทย สัมมนาประเทศไทยแล้วเชิญคนที่จะไปดูมาบรรยาย ใช้งบประมาณถูกกว่านะ หรือเอาภาพยนตร์ เอาวีดีทัศน์เอาอะไรมาดู เอาตำรา เอาเอกสารมาดู ผมว่าความรู้เราเยอะแยะไปมันอยู่ที่ว่าทำได้หรือเปล่า ตั้งใจจะทำไหม เท่านั้นแหละไปหาวิทยากรมาบรรยายในประเทศไทย ต้นทุกที่ถูกกว่า ไปดูงานไว้วันหลังมีรัฐบาลเลือกตั้งแล้วค่อยไปดู ผมไม่รู้ ไม่เกิดประโยชน์ ไม่ให้ไปแล้วก็ขอชื่นชมนะครับ ถ้าใครทำอย่างนี้อยู่แล้ว ก็เวลาเขามาเขาจะได้มาเห็นประเทศไทยด้วยเลยไง วิทยากรเขาจะได้มาเห็นว่าไม่ได้เป็นอย่างที่สื่อโซเชียลมีเดียบางสื่อบางคนรายงานออกไป ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เขาจะได้ชื่นชมนะ...
ไม่ทราบว่านายกฯได้มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรออกไปทุกกระทรวงทบวงกรมว่าอย่างไรและแยกแยะอะไรเป็นการไป อบรมดูงาน กับอะไรคือการ ติดต่อราชการ และหากสองเรื่องนี้ทับซ้อนกันอยู่จะตีความว่าทำได้หรือไม่ได้
คำสั่งนี้ใช้กับรัฐวิสาหกิจด้วยหรือไม่เป็นอีกคำถามหนึ่งที่จะต้องมีความชัดเจนเพราะแต่ละปีมีการวางงบประมาณเรื่อง อบรมดูงานต่างประเทศ กันเป็นจำนวนไม่น้อย
ผู้เสียภาษีก็ควรจะมีคำถามสำหรับคสช. กับรัฐมนตรีและสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.) และ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ทั้งหลายทั้งปวงด้วยเพื่อจะได้มีกติกาให้ชัดเจนว่าการเดินทางไปต่างประเทศด้วยงบประมาณแผ่นดินภายใต้หัวใจอบรมดูงานต่างประเทศ นั้นมีลักษณะอย่างไรและภายใต้คำสั่งของนายกฯเรื่องให้ยกเลิกกิจกรรมเช่นนี้, ผลในทางปฏิบัติเป็นอย่างไรและที่ยังค้างอยู่ในแผนงบประมาณจะให้ทำอย่างไร
กิจกรรม ดูงานและอบรมต่างประเทศ สำหรับข้าราชการไทยนั้นมีเสียงครหานินทามายาวนานแล้วเพราะเป็นที่รู้กันว่าในหลาย ๆกรณีไม่ได้ทำให้ผู้เข้าโครงการเหล่านี้มีความรู้ความสามารถมากขึ้นแต่ส่วนใหญ่เป็นการใช้เงินภาษีชาวบ้านเพื่อไปท่องเที่ยวและบางครั้งก็หอบหิ้วลูกเมียหรือสามีร่วมเดินทางด้วย โดยไม่แยกว่าอะไรคือ งาน อะไรคือ ส่วนตัว
เป็นตลกร้ายที่มีการเล่าขานกันต่อๆ ว่าข้าราชการไทยส่วนใหญ่ที่เดินทางไป ดูงานและอบรม ในต่างประเทศนั้นมักไม่ได้สนใจเนื้อหาของกิจกรรมที่ไปดูและแม้ไปร่วมการประชุมหรือสัมมนาก็ไม่ค่อยจะทำการบ้านไปก่อน, ไม่กล้าร่วมการแลกเปลี่ยนความเห็นอาจจะเพราะไม่ศึกษามาก่อนหรือภาษาไม่ดีพอ อีกทั้งยังไม่หาข้อมูลมาล่วงหน้าเพื่อจะได้ตั้งคำถามให้ถูกต้อง
เขาจึงบอกว่าข้าราชการไทยที่ไปร่วมอบรมสัมมนาต่างประเทศมีหลักปฏิบัติ4 S คือ
Shopping
Silent
Sleep
Snore
เป้าหมายหลักในการเดินทางไปทางต่างประเทศคือช้อบปิ้งเรื่องอื่น ๆ เป็นเรื่องรองทั้งสิ้น
เวลาเข้าประชุมคือนั่งเฉยไม่เคยแสดงความเห็นใด ๆ ฟังรู้เรื่องหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจไม่รู้เรื่องก็ไม่กล้ายกมือถามเพราะกลัวเขาจะรู้ว่าโง่
นั่งเฉย ๆอยู่ได้สักพักก็เริ่มง่วงนอน ผงกหัวหรือไม่ก็หลับไปเลย
ซ้ำร้ายบางคนยังกรนเสียงดังให้คนร่วมสัมมนาคนอื่นได้ยินกันทั่วอีกด้วยทำให้คนข้าง ๆ นินทากันว่าคนไทยนี่ช่างสงบเสงี่ยม สุขนิยมจริง ๆ
...................................................................................................................................
ประเด็นนี้หากถามข้าราชการไทยทั้งประเทศ คงได้คำตอบว่า.....ใช่แล้ว
ส่วนใหญ่วงในก็รู้สึกเสียดายงบประมาณที่เป็นภาษีราษฎรเหมือนกัน
แต่มิรู้จะทำอย่างไร ขนาดผู้บริหารบางหน่วยนับวันที่ทำงาน ปฎิบัติราชการที่ประเทศไทยน้อยกว่าวันที่ไปต่างประเทศเสียอีก
เรื่องนี้หากคำสั่งรัฐบาลศักดิ์สิทธิ์ และส่วนราชการยำเกรง ก็จะประหยัดเงินแผ่นดินไปได้มากโข
ก็ระวังบางหน่วยที่มิยำเกรงมติครม.
ประเภทขอยกเว้น ซึ่งส่วนราชการไทยเก่งมาก ชงเรื่องเก่ง
บอกเหตุผลความจำเป็นสาระพัด กระทั่งไปจนได้ มีให้เห็นมาแล้ว
หรืออาจหลบแบบเนียนๆเก็บไว้ปลายปี บิ๊กตู่หลงลืมก็ได้
ก็จะไปเที่ยวกันเพลิดเพินสำราญใจ
ยามนี้อยากให้ส่วนราชการไทยคิดใหม่ ทำใหม่ กันเสียที
อะไรที่เคยทำแบบเดิมๆแล้วไม่เกิดประโยชน์
ก็ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเสียที ใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ในทางสร้างสรรค์อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่าถึงขนาด copy โครงการเก่าๆ เดิมๆมาทำเลยเพราะแม้แต่ข้าราชการผู้น้อยก็รู้ว่าทำแล้ว
ไม่เกิดประโยชน์
..................................................................................................................................
ว่าแล้วใหมล่ะ เวลาห่างกัน 3 วัน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการชงเรื่องขออนุมัติให้ ขรก.ใน
สังกัดไปต่างประเทศถึง 3 คณะ อะไรจะขนาดนั้น
เดชะบุญ...เจ้ากระทรวงคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไม่เซ็นอนุมัติ
แถมมีหนังสือเวียนให้ทุกหน่วยของ ศธ. ถือปฎิบัติ
ก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน ว่า เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน
แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว ที่กระทรวงศึกษาธิการ
รอดูกระทรวงอื่นมั่งแล้วกัน ว่าจะเป็นยังไง
โปรดติดตามตอนต่อไปกันดีกว่าคะ
...................................................................................................................................