มีคำพูดขำๆกันเสมอว่า....
เพราะหากล่าช้าออกไป ฝูงเหลือบทั้งหลายที่มาในคราบของนักการเมืองผู้มีอำนาจ
ก็จะไม่ยอมยกเครื่องวิธีการบริหารรัฐวิสาหกิจ ไม่ยอมให้มีความโปร่งใสตรวจสอบได้
เพราะรัฐวิสาหกิจเป็นแหล่ง ทำมาหากิน ของนักการเมืองที่ทำลายชาติบ้านเมืองมาช้านานแล้ว
กฎหมายฉบับใหม่เพื่อการนี้มีชื่อว่า พ.ร.บ. ว่าด้วยการกำกับและพัฒนานโยบายรัฐวิสาหกิจ
ซึ่งว่ากันว่าผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) แล้ว
และจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีก่อนจะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
หรือ สนช.ก่อนสิ้นปีนี้
ปัญหาใหญ่ของรัฐวิสาหกิจไทยที่ผ่านมาคือคอร์รัปชันเพราะนักการเมืองล้วงลูก
สั่งการ และกำกับดูแลได้ทุกขั้นตอน คนที่มาเป็นผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ
ต้องมี เส้น มี สาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถ
อีกทั้งโครงสร้างการบริหารก็ขาดความโปร่งใส ไม่มีการประเมินผลงานอย่างจริงจัง
และที่สำคัญคือประชาชนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ เหล่านี้แต่ประการใด
ก้าวแรกของการแก้ปัญหานี้ก็คือแยกบทบาทการกำหนดนโยบาย
การเป็นเจ้าของ และการกำกับดูแลออกจากกัน
คนปฏิบัติกับคนกำกับดูแล นั่นคือ operator กับ regulator
ต้องเป็นคนละคน คนละหน่วยเพราะมีการตรวจสอบกันและกันตามมาตรฐานสากล
ที่เราถูก ICAO และ FAA ตรวจมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน
แต่สอบตกนั้น สาเหตุสำคัญก็เพราะผู้ปฏิบัติกับผู้กำกับดูแลเป็นคนเดียวกัน
อยู่ในหน่วยงานเดียวกัน ซึ่งย่อมหมายความว่าไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ว่า
การทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายได้รับการประเมินตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นหรือไม่
ดังนั้น การตั้ง Super Holding Corporation จะต้องให้เกิดกลไก
ที่จะทำให้การบริหารงานภายในองค์กร และหน่วยงานกำกับดูแลมีความเป็นอิสระต่อกัน เสริมสร้างประสิทธิภาพที่วัดได้ และที่สำคัญคือลดการแทรกแซงทางการเมือง
นั่นก็หมายถึงการสร้างกระบวนการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
ทุกขณะทั้งโดยผู้รู้และประชาชนทั่วไปที่สำคัญคือ Super Holding Corporation นี้
จะต้องไม่ใช่หน่วยงานของภาครัฐ แต่มีสถานะเป็นนิติบุคคล
และจะรับโอนหุ้นรัฐวิสาหกิจเข้ามาในรูปบริษัทจำกัดเริ่มด้วย 12 แห่ง
ข่าวบอกว่าทุนจดทะเบียนประเดิมของบรรษัทนี้จะอยู่ที่ 1 พันล้านบาท
โดยมีกติกาชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่มว่าจะไม่ให้นำหุ้นของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งออกไปจำหน่าย
ไม่ว่าในกรณีใดๆ ทั้งสิ้นเพื่อลดความกังวลว่าด้วยการแปรรูป
ประเด็นหลักก็คงอยู่ที่กระบวนการสรรหาคณะกรรมการ
หรือบอร์ดและผู้บริหารของบรรษัทแห่งนี้เพราะต้องให้ได้คนดี คนเก่ง
และมืออาชีพอย่างแท้จริง และต้องป้องกันไม่ให้ มือที่มองไม่เห็น
(ความหมายของไทยคือพวกนักการเมืองที่ล้วงลูกโดยไม่ทิ้งร่องรอย
แต่โยนบาปไปให้ข้าราชการประจำที่ยอมเป็นเครื่องมือ)
เข้ามาทำลายระบบที่ควรจะดีแต่ทำให้ดีไม่ได้เพราะความเน่าเฟะของสังคมไทย
โครงสร้างแบบเดียวกันนี้มีในประเทศอื่นเช่นกัน
แต่การลอกเลียนแบบของคนอื่นนำมาใช้ในไทยนั้น
มักจะล้มเหลวเพราะเอาแต่เปลือก แต่ไม่เอาเนื้อหาที่เขาทำจริง เข้มข้น
และไม่ทำแบบผักชีโรยหน้า
คนใน Super Board รัฐวิสาหกิจยอมรับว่า Super Holding Corporation
ที่ว่านี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย
คงไม่ใช่ เทพ ที่จะมาแก้ไขปัญหาเรื้อรังของรัฐวิสาหกิจของไทยได้ในระยะเวลาอันสั้น
แต่หากไม่ทำ หรือทำอย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ
สภาพของรัฐวิสาหกิจของประเทศก็จะทรุดโทรมต่อเนื่องจนเจ๊งกันต่อหน้าต่อตาได้
ระบบเดิมที่มีอยู่นั้นรัฐวิสาหกิจเน่า ๆ
ยังอยู่ได้เพราะกลบเกลื่อนอำพรางความจริง แม้รัฐวิสาหกิจดี ๆ
ก็จะเสื่อมถอยเพราะคนดีคนเก่งคนซื่อจะไม่ยอมมาทำงานในองค์กรที่ไร้อนาคตอ
ย่างที่เห็นกันอยู่/จบ
................................................................................................................................