นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน นอกจากจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาภาพพจน์ได้แล้ว จะเพิ่มปัญหามากยิ่งขึ้นด้วย ทำให้ถูกสังคมโลกมองว่าประเทศไทย
กำลังใช้ระบบเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จยิ่งขึ้นไปอีก เพราะมาตรา 44
เป็นกฎหมายที่ให้อำนาจคสช. และคณะคสช.ที่มีอำนาจยับยั้ง
หรือสั่งการให้กระทำใดๆ ทั้งในทางฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ
ซึ่งเท่ากับมีอำนาจเหนือธิปไตย 3 ฝ่ายอย่างเด็ดขาด ซึ่งขัดต่อหลักนิติรัฐ
ที่ผู้มีอำนาจจะใช้อำนาจเฉพาะตามที่กฎหมายกำหนด แต่มาตรา 44
กลับกำหนดให้ผู้ที่มีอำนาจใช้อำนาจได้อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด
ไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุล เป็นระบบที่นานาประเทศจะยิ่งไม่ยอมรับ
"ขณะนี้นึกไม่ออกว่า จะใช้มาตรา 44 ออกเป็นคำสั่งอย่างไร
เพราะถ้าใช้แล้วยังจำกัดสิทธิเสรีภาพ เหมือนกฎอัยการศึกก็ป่วยการ
แต่ถ้าเบากว่ากฎอัยการศึกก็ไม่เห็นความจำเป็น
เพราะว่ามีพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551
และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
ให้ใช้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าที่ผ่านมากฎหมาย 2 ฉบับนี้ใช้ไม่ได้ผล
เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายหรือผู้ตีความเลือกปฏิบัติ
และทำให้กฎหมาย 2ฉบับนี้เสียไป ทั้งที่ตัวกฎหมายอาจไม่มีปัญหามาก
เท่ากับบังคับใช้กฎหมาย"นายจาตุรนต์กล่าว
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การเขียนคำสั่งของคสช.ขอให้เขียนเนื้อหาให้ชัดเจน
ไม่ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็น
ไม่นำไปใช้ในเรื่องที่เกี่ยวกับการสอบสวน ต้องคำนึกถึงผลกระทบที่กระบวนการการยุติธรรมปกติ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะย้อนกลับไปที่ว่า
ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 อยู่ดี เพราะกฎหมายอื่นก็มีอยู่แล้ว
และโอกาสที่จะทำให้เกิดการไม่ยอมรับการใช้มาตรา 44 ก็มีสูงมาก
เพราะมาตรา 44 ร้ายแรงยิ่งกว่ากฎอัยการศึก ขัดต่อหลักนิติธรรม นิติรัฐ
กลายเป็นการใช้อำนาจของกลุ่มบุคคล หรือคณะบุคคลอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด และไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นคำสั่งอย่างไร ซึ่งต้องดูฝีมือเนติบริกร
ว่าจะคิดประดิษฐ์วิธีการอย่างไร เพราะอาจจะคิดออกมาแล้วเบามาก
จนดูเหมือนว่าไม่มีผลอะไรในทางปฏิบัติก็ได้ คงต้องไปดูว่าการใช้มาตรา 44
มีวัตถุประสงค์อย่างไร มีหลักคิดอย่างไร สำคัญตรงนั้นมากกว่า
ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นกลายงูกินหาง
............................................................................................................
นิพิฎฐ์ ชี้ชัด ม.44 แรงกว่า กฏอัยการศึก ระบุสามารถสั่งประหารคนได้เหมือนสมัย สฤษดิ์ ชี้ หากไม่รอบคอบยุ่งแน่ ด้าน วิรัตน์ จี้ผู้มีอำนาจแจงใช้ให้ชัด
ด้านนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีจะยกเลิกกฎอัยการศึก แล้วใช้มาตรา 44 แทน ว่า กฎอัยการศึกเป็นกฎหมายที่มีมา 101 ปี
เป็นของเก่า แต่มาตรา44 เราไม่ค่อยใช้ แต่มีศักดิ์สูงกว่ากฎอัยการศึก
เพราะออกโดยรัฐธรรมนูญ และมาตรา44 ก็เหมือนมาตรา 17
ที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และจอมพลถนอม กิตติขจรเคยใช้มาแล้ว
ซึ่งอำนาจเหล่านี้เขาใช้ในเวลาบ้านเมืองไม่ปกติ และอำนาจของมาตรา 44
มีมากกว่ากฎอัยการศึก เพราะสามารถตัดสินจำคุกสั่งประหารชีวิตได้
มีผลเหมือนคำพิพากษาของศาล โดยไม่ต้องขึ้นศาล แต่กฎอัยการศึกตัดสิน
จำคุกใครไม่ได้ เพียงแต่ควบคุมตัวไว้ชั่วคราวโดยไม่ต้องมีหมายศาล
ซึ่งกฎอัยการศึกต่างชาติไม่เข้าใจ และรังเกลียด
เมื่อคนไทยผสมโงเข้าไปด้วยก็ทำให้เกิดปัญหา แต่มาตรา44
ถ้าจะใช้ต้องได้รับความเห็นชอบร่วมกันของคสช.
ส่วนตัวผมอยากอยู่ภายใต้กฎอัยการศึกมากกว่ามาตรา 44
และคนไทยส่วนใหญ่ก็รู้สึกว่าไม่ได้รับผลกระทบอะไรกับกฎอัยการศึก
แต่รู้สึกปลอดภัยเสียด้วยซ้ำ กฎอัยการศึกทหารเป็นคนใช้
นายกฯไม่มีอำนาจในการใช้ ดังนั้น หากใช้ไม่รอบคอบทหารควรถูกตำหนิ
แต่เราไม่ค่อยรู้จึงตำหนินายกฯไว้ก่อน เพราะนายกฯก็เป็นผู้บังคับบัญชาทหารอีกทีหนึ่ง เคยอ่านข่าวไหมครับ ทหารใช้กฎอัยการศึกจับคนเล่นการพนันในงานศพ
ผมรับรองว่า นายกฯไม่สั่งให้จับแน่นอน หากจะยกเลิกกฎอัยการศึก
ผมจึงคิดว่า ต้องมีกฎ ระเบียบ คำสั่ง ตามมาตรา44 ออกมารองรับเสียก่อน
เพราะยากที่พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพรียวๆ
โดยไม่นำมาดัดแปลงเป็นคำสั่งอะไรรองรับเสียก่อน
และหากออกคำสั่งมารองรับไม่รอบคอบ และมีผู้ไม่หวังดี
ก็อาจแก้สถานการณ์ฉุกเฉินไม่ทัน ก็ยุ่งเหมือนกัน นายนิพิฎฐ์ กล่าว
นายนิพิฎฐ์ กล่าวต่อว่า เมื่อบ้านเมืองปกติแล้วถ้าจะยกเลิกคำสั่งตามมาตรา 44 ต้องออกเป็นพ.ร.บ.ยกเลิกเท่านั้น เพราะมาตรา 44 มีศักดิ์เป็นกฎหมาย
หากจะยกเลิกก็ต้องยกเลิกด้วยกฎหมาย ซึ่งขั้นตอนยุ่งยาก ดังนั้นมาตรา 44
จึงมีอำนาจเด็ดขาด รุนแรง กว่ากฎอัยการศึก ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคนไม่เข้าใจมากกว่า
.........................................................................................................
ด้านนายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวว่า กฎอัยการศึกมีกรอบที่ชัดเจน แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 44
หากออกมาแล้วใช้เกินขอบเขต ก็จะหนักกว่ากฎอัยการศึก ซึ่งความจริงแล้ว
กฎอัยการศึกนั้นคนบริสุทธิ์จะไม่กระทบ จ
ะกระทบเฉพาะคนคิดร้าย เว้นแต่จะออกมาตรา 44 มาเพื่อแทนกฎอัยการศึก
และมีเนื้อหานุ่มนวลกว่าก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ต้องดูว่ามุมที่จะใช้มาตรา 44
คืออะไร ต้องให้ผู้มีอำนาจแถลงให้ชัดเจนว่าประสงค์จะใช้มาตรา 44
แค่ไหนเพียงใด
..............................................................................................................
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า เห็นด้วย และเป็นเรื่องดีที่นายกฯจะยกเลิกกฏอัยการศึก แต่ในขณะเดียวกันมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ที่จะนำมาใช้แทนนั้น จำเป็นต้องใช้ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ และอย่าใช้อำนาจในมาตรา นี้อย่างครอบจักรวาล เพราะเมื่อไหร่ที่ใช้อย่างครอบจักวาลจะส่งผลกระทบรุนแรง มากกว่ากฏอัยการศึก
ส่งผลให้ประชาชนและผู้ที่เห็นต่างเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อรัฐบาลมากขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลได้ตระหนักเรื่องของสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล อย่าใช้มาตรา 44 ไปถึงขั้นการริดรอนสิทธิหรือคุกคามประชาชน เพราะสังคมและประชาคมโลกจะมองรัฐบาลดีขึ้นเมื่อยกเลิกกฏอัยการศึก แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ใช้โดยไร้ขอบเขตก็จะกลายเป็นดาบที่มีความรุนแรง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเสียงเรียกร้องโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม- การท่องเที่ยว ซึ่งได้รับผลกระทบ เมื่อยกเลิกกฏอัยการศึก จึงอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะใช้อำนาจอย่างไร
.......................................................................................................... iLaw แนะ หากกลับสู่ระบบปกติ ต้องกดดันพรรคการเมือง แก้กม.ศาลทหาร ให้เป็นธรรม นายอานนท์ ชวาลาวัณย์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ iLaw เปิดเผยในงานเสวนาในหัวข้อ"ศาลทหารคืออะไร?" ที่ห้องสมุดสันติประชาธรรม ว่า จากการสังเกตการณ์คดีต่างๆในศาลทหาร พบว่าศาลทหารมีขั้นตอนการพิจารณาที่รวดเร็วและเป็นระบบ ซึ่งดีกว่าศาลพลเรือนด้วยซ้ำ แต่ยังมีกระบวนการปล่อยตัวที่ไม่เหมือนศาลปกติ รวมถึงระหว่างการพิจารณาที่ศาลมักให้เหตุผลด้านความมั่นคง ทำให้การพิจารณาคดีหลายคดีเป็นความลับ เคยมี ผู้สังเกตการณ์ข้าหลวงใหญ่สหประชาติ ถูกห้ามไม่ให้เข้ารับฟังการไต่สวนพิจารณาคดี โดยเจ้าหน้าที่ยูเอ็นก็พยายามสอบถามว่าทำไม ถึงไม่ให้เข้าฟัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ให้เหตุผลเรื่องความมั่นคง แต่เจ้าหน้าที่ยูเอ็นก็ยังไม่ละความพยายาม จนท้ายที่สุดผู้พิพากษาต้องเชิญทุกฝ่ายเข้าห้องพิจารณาคดี ก่อนชี้แจงเหตุผลตามกระบวนการเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งการพิจารณาคดีแบบลับ ก็ขัดกับหลักการตรวจสอบของสาธารณะ
ทั้งนี้ในส่วนการพิจารณาคดีการเมือง ศาลทหารอาจไม่เชี่ยวชาญ เพราะไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของศาลทหาร ทั้งนี้กรณีคดีการประท้วงการควบคุมอำนาจ ผู้ต้องหาหลายคนก็กังวลว่า อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม มีหลายคดีที่ศาลทหารสร้างบรรทัดฐานที่ดี เช่นการให้สิทธิ์ประกันตัวในคดีความมั่นคงบางคดี เช่นคดี 112 ทั้งนี้กรณีที่เคยมีนักศึกษาไปประท้วงหน้าศาลทหาร เจ้าหน้าที่ศาลก็ไม่ได้มีการส่งทหารมาเพิ่ม และยังเปิดให้ญาติหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปได้ ถือว่ามีการรับมือที่ดี ทั้งนี้หากการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ ต้องการการกดดันพรรคการเมืองให้แก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว ................................................................................................... ทั้งนี้ มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี2557 มีรายละเอียดดังนี้
"ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อ ประโยชน์ในการปฏิรูปในด้านต่างๆการส่งเสริมความสามัคคี และความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติหรือเพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายความสงบ เรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอำนาจสั่งการระงับยับยั้ง หรือกระทำการใด ๆ ได้ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคำสั่งหรือการกระทำ รวมทั้งการปฏิบัติ ตามคำสั่งดังกล่าว เป็นคำสั่งหรือการกระทำ หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมาย และรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด ทั้งนี้ เมื่อได้ดำเนินการดังกล่าวแล้ว ให้รายงานประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว" ......................................................................................................... | |
ที่มาข้อมูล: มติชนรายวัน ฉบับ 27,28,29 มีค. 58