1 2 3 4 5
6 7 8 9 10 11 12
13 14 15 16 17 18 19
20 21 22 23 24 25 26
27 28 29 30
โลกทั้งใบ : โลกของผม
-1- กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง... เสียงนาฬิกาปลุกดังอยู่อย่างนั้น มันดังนานพอที่จะปลุกผมให้ตื่นจากหลับไหล ผมเอื้อมมือไปปิดเสียงมัน ทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาตื่นดี พยายามลืมตามองดูเวลาเบื้องหน้า ...07.00 น. สายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย... ผมคิด พลางบิดขี้เกียจไปมาอย่างเคยชิน พอสลัดความง่วงออกจากร่างจนหมด ผมรีบฉุดร่างอันหนักอึ้งตรงดิ่งไปยังห้องน้ำในทันที เหมือนทุกๆเช้าตลอด 25 ปี ที่ผ่านมา ผมทำกิจวัตรในห้องน้ำเหมือนๆเคย ฉี่ ขี้ ล้างหน้า แปรงฟัน สระผม อาบน้ำ และฮัมเพลง(Come back) Baby come back to me (Come back) Ill be everything you need (Come back) Baby come back to me (Come back) Boy, youre one in a million
คงจะมีแต่การฮัมเพลงเท่านั้นล่ะมั้ง ที่ผมพอจะเปลี่ยนแปลงมันได้... -2- ผมเดินเปลือยเปล่าออกมาทั้งๆอย่างนั้น ทั้งตัวมีเพียงผ้าเช็ดตัวพาดคออยู่ผืนเดียว ทั่วร่างเต็มไปด้วยหยาดน้ำเล็กๆ เกาะกุมอยู่ทั่วทุกอณูบนร่างกาย ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากระจกบานใหญ่ หยุดยืนมองตัวเองอีกคนในนั้น มองตัวเองอีกคนที่เปลือยเปล่าเปียกชุ่มเหมือนๆกัน ก่อนที่จะเช็ดตัวทั่วกายอย่างเคยมือ ...07.28 น. แล้ว... ผมเหลือบมองดูนาฬิกาเบื้องหน้า ขณะกำลังใส่กางเกงตัวเก่ง พลางเริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติ เช้าวันนี้ ทำไมดูเงียบสงบกว่าทุกที ทั้งๆที่คอนโดที่ผมอยู่ อยู่ใจกลางเมืองด้วยซ้ำ ปกติทุกวี่วัน เสียงรถราและผู้คนข้างนอกจอแจเหลือประมาณ แต่เช้านี้กลับเงียบงันผิดปกติ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงนกน้อย ร้องขัน ผมรีบวิ่งตรงไปยังหน้าต่าง ทั้งๆที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อดี แง้มผ้าม่านมองดูเบื้องล่าง มันว่างเปล่า วังเวงและไร้สิ่งเคลื่อนไหวใดๆ-3- ...เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?... ผมคิด พลางวิ่งไปหยิบมือถือตื๊ด... ตื๊ด... ตื๊ด... ตื๊ด... ตื๊ด... ตื๊ด... ตื๊ด... ตื๊ด... ...ไม่มีคนรับ...It's such a dirty mess imperfect at it's best But it's my love ,my love ,my bloody valentine Sometimes I wanna leave but then I watch you next to me My love ,my love ,my bloody valentine...
ทำไมไม่รับนะ?
อย่าทิ้งกันไปได้ไหม เธอรู้ฉันอยู่ไม่ไหว โลกคงแตกสลาย นาทีที่ไม่เหลือเธอ คนที่รักที่สุด คนที่รักเสมอ หมดชีวิตที่เห็นเมื่อใดก็เป็นของเธอ...
รับหน่อยสิ ได้โปรด?...ตื๊ด... ตื๊ด... ตื๊ด... ตื๊ด... ตื๊ด... ตื๊ด... ผมเขวี้ยงมือถือไปบนเตียงด้วยความร้อนรน แล้วรีบวิ่งตรงไปยังโทรศัพท์บ้านในทันทีตื๊ด... ตื๊ด... ตื๊ด... ตื๊ด... แม่งหายหัวไปไหนกันหมดวะ เมื่อความอดทนหมดสิ้น ผมจึงสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด ทั้งแม่ ทั้งแฟน ทั้งเพื่อนหรือคนรู้จัก ทั้งเบอร์มือถือ เบอร์บ้านหรือแม้กระทั่ง 191 ก็หาได้มีใครรับไม่ ราวกับว่าตอนนี้โลกทั้งใบ...เหลือผมอยู่เพียงลำพัง-4- ซ่า... ซ่า... ซ่า... ซ่า... ทีวีเบื้องหน้าปรากฏเพียงภาพหน้าจอสีขาวจุดดำ ไม่มีภาพหรือสัญญาณใดๆ ปรากฏขึ้นบนจอ ผมกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ในใจภาวนาขอให้มีภาพแม้สักช่องเดียวก็ยังดี เพราะผมหวังเพียงว่าอาจมีภาพรายงานข่าวสักช่องหนึ่ง ที่กำลังรายงานสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ ผมหวังไว้แค่นั้น แต่นี่กดมา 10 กว่าช่องแล้ว ก็หาได้มีภาพใดๆไม่ ในจอยังคงปรากฏเพียงภาพสีขาวจุดดำเหมือนเดิม ความหวังอันน้อยนิดของผมดับวูบลง ผมเอื้อมมือไปปิดทีวีด้วยความห่อเหี่ยวใจ ...ต้องฝันอยู่แน่ๆ... ...ตอนนี้เรากำลังฝันอยู่แน่ๆเลย... ผมคิด พลางตบหน้าตัวเองเพื่อให้ตื่นจากความฝันเพลี๊ย!!! เสียงตบดังกังวานไปทั่วห้อง ความเจ็บเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าเพลี๊ย!!! ผมตบหน้าตัวเองอีกครั้ง หวังเพียงเรียกสติตัวเองให้ตื่นจากความฝัน แต่ผมก็หาได้ตื่นจากความฝันไม่ ผมยังคงนั่งอยู่ที่เตียงเหมือนเดิม อยู่ที่ที่เดิม ในห้องห้องเดิม ในโลกใบเดิม กับตัวผมเพียงคนเดียว ความเจ็บเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้า รอยแดงจางๆเริ่มปรากฏ ...ไม่ได้ฝันอยู่ นี่คือความจริง... ผมลูบรอยจางๆรูปฝ่ามือนั้น ก่อนที่จะปล่อยตัวไปยังเบื้องหลัง หลับตาลง แล้วค่อยๆปล่อยสมองให้เริ่มยอมรับความเป็นจริง-5- ผมยืนมองถนนเบื้องหน้า มองดูความว่างเปล่าแปลกตาที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน ถนนที่เคยมีผู้คนขวักไขว่ รถรามากมาย บัดนี้กลับว่างเปล่า วังเวงจนน่าใจหายมีใครอยู่ไหมครับ ผมตะโกนก้อง ทำลายความวังเวงนั้นมีใครอยู่ไหมครับ ผมตะโกนอีกครั้ง หวังเพียงว่าอาจมีใครสักคนได้ยิน
. เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆทั้งสิ้น ทั้งเสียงคน เสียงสัตว์ หาได้มีสักนิดไม่ เสียงที่ผมได้ยินในตอนนี้ มีเพียงแต่เสียงลมพัดผ่านใบไม้เบาๆ กับเสียงลมหายใจของผมเองเท่านั้น ผมมองดูความวังเวงรอบๆตัวอีกครั้ง มองซ้ำเพื่อเป็นการตอกย้ำตัวเองให้ยอมรับว่า นี่คือความจริง ก่อนที่จะลองเดินสำรวจดูบริเวณรอบๆ ไฟฟ้า-ประปา ยังคงใช้ได้ตามปกติ มีเพียงสิ่งเดียวที่ผิดปกติก็คือ หาได้เจอสิ่งมีชีวิตอื่นใดไม่ ทั้งตึกรามบ้านช่อง ทั้งร้านรวง มันว่างเปล่า วังเวงจนน่าใจหาย ราวกับว่าโลกทั้งใบ
ไม่เหลือสิ่งมีชีวิตใดๆ เหลือเพียงตัวผม ต้นไม้และเชื้อโรคในอากาศเท่านั้น-6- จ๊อก
จ๊อก
เสียงท้องร้องดังผ่าความเงียบขึ้นมา เหมือนร่างกายรับรู้ถึงเวลาอาหาร ...เที่ยงกว่าแล้ว... ผมมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ก่อนจะหาที่นั่ง แล้วหยิบขนมปังในกระเป๋าเป้ออกมากิน เมื่อท้องอิ่ม ผมก็เดินเรื่อยๆ ไปตามทางเดินอันว่างเปล่า ทางเดินที่เคยมีผู้คนเดินกันขวักไขว่ ถนนที่เคยมีรถราแออัดมากมาย เมืองหลวงที่เคยวุ่นวายในทุกวัน บัดนี้กลับกลายเป็นเมืองที่วังเวงและเงียบเหงาเสียเหลือเกิน ราวกับว่าเมืองมันร้างมานานแสนนานแล้ว ระหว่างเดินนั้น ผมยังไม่ลืมที่จะสำรวจดูรอบๆ ด้วยความหวังเพียงน้อยนิดที่อาจจะได้เจอกับใครสักคน แต่กับความจริงที่ได้รับ ก็คือความว่างเปล่าเหมือนๆเคยเนเวอร์แลนด์ คอนโด ผมหยุดมองดูป้ายตรงหน้า ก่อนจะปล่อยตัวนั่งลงอยู่ตรงนั้น ด้วยความที่สองขาเริ่มหมดแรง จากการเดินที่ไม่ได้พัก ผมจึงไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอที่จะเดินต่อไปแล้ว ผมเหม่อมองไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้า พระอาทิตย์สีทองอ่อน เริ่มแปลเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง ก่อนที่จะค่อยๆ เคลื่อนตัวลาลับขอบฟ้าสีคราม ปล่อยให้ความมืดมิดสีดำเริ่มคืบคลานเข้ามาแทนที่ ผมสอดส่องสายตามองเข้าไปข้างในคอนโด ภายในว่างเปล่า วังเวง ไร้ผู้คน ...บรรยากาศอย่างกับในหนังสยองขวัญไม่มีผิด... ผมคิด พลางฉุดร่างที่ไร้เรี่ยวแรงยืนขึ้นเพื่อเตรียมตัวเข้าไปข้างใน-7- ...ค่ำไหน นอนนั่น... กลายเป็นคำนิยามในตอนนี้ ด้วยความหวังอันน้อยนิดที่ยังคงมีอยู่ ความหวังที่ว่าอาจจะมีใครสักคน รออยู่ที่ไหนสักแห่ง เป็นแรงผลักดันให้ผมยังคงเดินสำรวจอยู่ต่อไป
...นี่ก็ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว... ที่ผมเดินสำรวจ ก็หาได้พอเจอใครไม่ ยังแอบเกลียดตัวเองอยู่เหมือนกัน ที่ไม่ยอมหัดขับรถให้เป็น ไม่เช่นนั้น ตอนนี้คงไปไหนต่อไหนได้ไกลกว่านี้เป็นแน่
...1 เดือน แล้ว... ผมใช้ชีวิตคนเดียวมา 1 เดือนแล้ว 1 เดือนกับโลกทั้งใบ 1 เดือนกับโลกที่ไม่มีใคร 1 เดือนกับความเหงาในจิตใจ ที่ไม่รู้ว่าผมจะทนมันได้อีกนานแค่ไหน? ไม่รู้จริงๆ... ...3 เดือน แล้ว ใช่ไหม?... ที่ผมต้องใช้ชีวิตคนเดียว เดินคนเดียว กินคนเดียว นอนคนเดียว พูดคนเดียว จากเมื่อก่อนที่ยังเคยพูดกับตัวเองอยู่ทุกวัน จนมาเดี๋ยวนี้ผมเริ่มไม่พูดไม่จาแล้ว เหมือนกับว่ามีปากไว้ใช้เคี้ยวอาหารกันตายเท่านั้นเอง
...กี่วัน กี่เดือนแล้วนะ... ผมนึกถามตัวเอง แต่ก็ให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ เพราะผมไม่รู้ว่าวันเวลามันผ่านมาเนิ่นนานเท่าไหร่แล้ว ในเมื่อเวลาเริ่มไม่มีความสำคัญสำหรับผม ผมจึงไม่ให้ความสำคัญมัน ไม่ว่ามันจะผ่านมากี่วัน กี่เดือน กี่ปี ถึงอย่างไรตอนนี้ผมก็ยังคงอยู่ตัวคนเดียวเหมือนเดิม ก็ช่างหัวเวลามันเถอะ...-8- ผมกำลังยืนอยู่บนสะพานสีเทา ยืนมองสีดำสนิทของผืนน้ำเบื้องหน้า ลมเย็นๆ พัดพาความหนาวเหน็บมากระทบผิวกาย มันทำให้ผมหนาวจนจับขั้วหัวใจ แสงจันทร์พาดผ่านหมู่เมฆหมอกสีเทา สาดแสงมากระทบบนผืนน้ำสีดำ สีทองของมันตัดกันดีกับสีดำสนิทนั่น ความมืดมิดของผิวน้ำบวกกับสีทองของแสงจันทร์ มันช่างดึงดูดใจผมเสียจริง ผมจ้องมองผืนน้ำสีดำสนิทนั้นอีกครั้ง ก่อนที่จะกระโดดลงไปยังใจกลางความมืดมิดสีดำ
ลาก่อน ความเหงาเพียงลำพัง... ผมคิด พลางปล่อยให้ร่างของผมค่อยๆ จมดิ่งลึกลงไปยังใจกลางน้ำสีดำ ค่อยๆจมลงไป จมลงไป จมลงไป
พลันโลกทั้งใบก็ดับวูบลง... ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. .............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. ............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. ..............................................................................ตื๊ด.......................................................................... ______________________________________________ ______________________________________________ เวลาเสียชีวิต 02.36 น. โทรไปบอกญาติคนไข้xxx ด้วยว่า... เจ้าชายนิทรา เสียชีวิตแล้ว ค่ะ...หมอ ปล. ขอบคุณโครงการดีๆ ของพี่ๆสาวสาวเหมือนเคยนะครับ พี่แจง nikanda พี่ปอย นางสาวดุ่บดั่บ พี่อ้อน BeCoffee ปล.2 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่อง 28 Days Later ครับ ปล.3 ยิ่งเขียน ยิ่งสนุก ยิ่งคิด ยิ่งปวดหัว จนสุดท้ายเลยหักจบดื้อๆ แบบนี้เลยครับ ฮา
Create Date : 28 กันยายน 2552
Last Update : 28 กันยายน 2552 17:46:53 น.
30 comments
Counter : 1213 Pageviews.
โดย: JewNid วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:15:09:36 น.
โดย: Paulo วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:15:16:32 น.
โดย: Unravel วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:15:46:35 น.
โดย: ต๊าย ตาย!!!...นี่มัน.. (อสัญแดหวา ) วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:15:48:08 น.
โดย: แม่ภูมิ (Artagold ) วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:18:09:26 น.
โดย: Paulo วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:18:29:30 น.
โดย: น้ำเคียงดิน วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:21:27:13 น.
โดย: d_regen วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:21:41:39 น.
โดย: น้องข้าวเหนียวกะพี่หมูปิ้ง (MooBamBam ) วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:22:15:54 น.
โดย: I_sabai วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:9:03:01 น.
โดย: บุยบุย วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:10:04:39 น.
โดย: settembre วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:15:43:39 น.
โดย: Cutetetsu วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:16:09:47 น.
โดย: nikanda วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:16:11:59 น.
โดย: runch วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:16:58:50 น.
โดย: บุยบุย วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:18:57:02 น.
โดย: คนขับช้า IP: 111.84.107.19 วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:22:19:36 น.
โดย: จานสลัด วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:0:13:12 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:8:34:39 น.
โดย: BeCoffee วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:21:57:13 น.
โดย: tempopo วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:2:26:36 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [? ]
คนเรามีโชคไม่เท่ากัน แม้กระทั่งในความฝัน ------------------------- การให้คะแนนในบล็อกนี้ ไม่ได้มีกฏเกณฑ์หรือหลักการใดๆทั้งสิ้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของเจ้าของบล็อกเป็นสำคัญสงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
ว่าเอ .. แล้วตกลงความว่างเปล่า ความเงียบ วังเวง
มันเป็นเรื่องจริงหรือว่าเรื่องฝัน ...
เขียนเพลิน อ่านแล้วน่าติดตามน่ะคะ อยากเขียนเก่งๆ
แบบนี้จัง ...