Bloggang.com : ชะเอมหวาน : ทริปรักฉบับผู้ดี ตอน ออกซ์ฟอร์ด บ้านเกิดเชคสเปียร์ และWarwick Castle

ทริปรักฉบับผู้ดี ตอน ออกซ์ฟอร์ด บ้านเกิดเชคสเปียร์ และWarwick Castle


	คอมโบ คลายเครียดช่วงที่ประเทศต้องการแผนกบันเทิง ใครชอบเพลงอวตารก็ลอง เพลง I see you: Avatar หมวดเนื้อเพลิงนะคะ และเอมหวานเองก็คงไม่ได้ไปเที่ยวไหนอย่างใครเขาอีกสักพักใหญ่ๆ เวลาช่วงนี้(พฤษภาคม)เลยหันหน้ามาอัพบล็อกจริงจัง เหอๆ ถ้าจะย้อนบล้อกไปดูว่าเกือบอาทิตย์ที่ผ่านมาเอมหวานพาไปเที่ยวไหนมาบ้างจ้ะ วางแผนเที่ยวอังกฤษ..ช่วงรับปริญญาคลิกตรงนี้จ้า ‏ พอถึง วันแรก ที่ลอนดอน‏ กดเลยจ้า ก็มีอาการหลงเวลาและอ่อนเพลีย วันที่สองและสามเอดินเบิร์กและต่อด้วยยอร์กฉบับครอบครัว‏ วันที่สี่ ไปเที่ยวลิเวอร์พูลและเชสเตอร์ตรงนี้จ้า‏ วันที่ห้า รับปริญญาจ้า แถมด้วยภาพอาหารสเปน วันนี้ตามแผนล่วงหน้าเอมหวานได้จองทัวร์ไว้จ้ะ ของบริษัทEvans Evan tourนะคะ แบบวันเดียวDay trip นั่งวิจัยมาแล้ว ราคาถูกที่สุดและเที่ยวได้เยอะที่สุด ด้วยความงก(ส์) ทั้งเงินและเวลา เพราะเหลือเวลา(ตามแผน)อีกแค่วันสองวันก็กลับแล้ว //www.evanevanstours.co.uk รายละเอียดจ้า สามคนราคา£ 186.30 23 : Warwick Castle, Stratford, Oxford & Cotswolds เลือกสถานที่ให้รถมารับได้นะ ตอนแรกคือ 7.55am Hilton Paddington, 146 Praed Street, Paddington, Paddington แต่เช้าไปหน่อยจริงๆเลยอีเมลล์ไปขอเค้าเลื่อนมาเป็นป้ายสุดท้ายตอนเก้าโมงเลย เพราะต้องเผื่อเวลาจากเมืองเราอีก45 นาที ถึงชั่วโมงได้ เผื่อเดินทางจากที่พักอีก ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: Oxford และวันนี้วันที่หกแล้ว เกือบใจหก ใจคว่ำ..เพราะลุ้นว่าจะไปขึ้นรถทันรึเปล่า จองทัวร์แต่เช้าที่ลอนดอน แต่ดันขึ้นรถไฟผิด ตามฉบับหลงหลงทัวร์แถมด้วยตอนแรกอุตส่าห์อีเมลล์บอกโรงแรมซะดิบดี ว่าจะไปฝากกระเป๋าก่อนแล้วตอนค่ำค่อยกลับไปเช็คอิน ปรากฎว่า มาถึงก็สายแล้ว คือโรงแรมอยู่Paddington แล้วต้องไปขึ้นรถที่ Victoria Coach Station แต่ว่ารถไฟจากเมืองเราGuildford มาลงลอนดอนที่Waterloo สรุป สามคน กระเป๋าสี่ใบก็กระเตงกันไปฝากที่สถานีรถโค้ชเลย ทันเวลา เผื่ออีกแน่ะ เร็วกว่าเพื่อนสาวที่อยู่ลอนดอนด้วย ขี้คุยจริงๆ ที่ฝากกระเป๋าอยู่ตรงข้ามร้านขนมอันนี้เลยนะจ้ะ ไม่รู้ก็ดูป้ายที่เขียนทางไปLeft Luggage มาถึงแล้วChrist Church นั่งรถจากลอนดอนมาพอสมควรนะ หลับไปได้สองงีบ ตากล้องเอมหวานก็รัวๆเลยค่ะ เพราะว่าวันนี้มากับทัวร์ เสียดายว่าเค้าอยู่ระหว่างปรับปรุง พ่อและแม่เลยอดดูห้องอาหารของโรงเรียนฮอกวอต เพราะเมืองนี้หลายที่เป็นฉากสำหรับHarry Potter เช่น Christ Church ก็โรงอาหารในภาพยนตร์จ้ะ ไม่เปนไรนะ วันนี้ฟ้าใส อากาศดี ถ่ายกับหม่ามี๊หนูเบนซ์ คือออกซ์ฟอร์ดเนี่ย ได้ชื่อว่าเป็นเมืองมหาวิทยาลัย ที่ผลิตผู้นำระดับโลกมาแล้วนับไม่ถ้วน นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะของเรา ก็เป็นหนึ่งในนั้น และแน่นอน มหาวิทยาลัยระดับโลก คนที่เข้าไปเรียนได้ก็ต้องระดับโลกเช่นกัน กระเป๋าป๊าแบบลากได้ สะพายได้ และเค้าให้เวลาเดินดูของฝาก 20 นาที ย้ำ ยี่สิบนาที แม่เจ้า..เที่ยวเองนี่ตามใจฉันเลยนะ ก็เลยรีบๆเดินดู แน่นอนว่าเอมหวานกับของกิน..เหอๆ เราคู่กัน ของฝากข้างบนคือน้องหมีแพดดิงตัน บนซ้ายคือครอบครัวกระต่ายBeatrix Potter ไม่ได้ไปคราวนี้่..ถ่ายไว้ ต้องขอไปอีกสักครา อุอุ ข้อมุลเพิ่มเติมเกี่ยวกับออกซ์ฟอร์ดจ้า //www.oxford.gov.uk/ ::::::::::::::::::::::::::::::::::::: ระหว่างทางเราก็แวะ Cotswold the Cotswolds มีชื่อเสียงเรื่องทุ่งหญ้าริมเขา(‘wolds’) เป็นเมืองเล็กๆที่หลับไหล ตามแนวอังกฤษ‘typically English’. กำแพงหิน ‘Drystone walls’ จะพบเห็นได้ตลอดแนวทุ่งหญ้า ซี่งส่วนมากจะสร้างในศต. 18และ 19 กำแพงชนิดนี้มีจุดเด่นคือ สร้างโดยไม่ใช่ซีเมนต์เลย ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษและก็ยังใช้ได้จริงในปัจจุบัน ทางปศุสัตว์คือกั้นเขตแดนให้แกะและวัว ศต.ที่13-15 ขนแกะได้รับความนิยมอย่างสูงในยุโรป ขนแกะจาก Cotswold มีราคาสูงและคุณภาพดี ที่สำคัญ สร้างความมั่งคั่งแก่เกษตรกร ทำให้มีเงินสร้างบ้านและโบสถ์(บ้านเราคงสร้างวัด) ซึ่งรู้จักกันในนาม โบสถ์ขนแกะ“wool churches”จนปัจจุบัน การมีแกะและเล็มหญ้าในทุ่งหญ้าเขียน จึงเป็นภาพที่คุ้นตาของการเยี่ยมชมเมืองCotswold ข้อมูลนี้แปลและดัดแปลงจาก source://www.the-cotswolds.org/ ภาพที่ถ่ายเนี่ยถ่ายตอนอยู่บนรถ เค้าไม่ให้ลง เลยไม่ค่อยชัด ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: บ้านเกิดเชคสเปียร์ Shakespere Birthplace Statford-Apon-Avon Romeo & Juliet คือบทประพันธ์อันโด่งดังที่คุ้นหูคนไทยที่สุด นอกจากนั้นก็มีอีกหลายผลงาน ถ้าเทียบแล้วก็คงเฉกเช่นท่านสุนทรภู่ของไทย เพียงแต่ท่านใช้ภาษาอังกฤษแต่ง ถ้าสุนทรภู่แต่งกวีเป็นภาษาอังกฤษก็อาจจะดังกว่าอีกนะ ชอบดอกไม้แถวบ้านคุณตาเชคสเปียร์จัง นักวิชาการมักแบ่งลำดับงานเขียนของเชกสเปียร์ออกเป็นสี่ช่วง ในช่วงแรกจนถึงกลางคริสต์ทศวรรษ 1590 เขามักเขียนบทละครชวนหัวซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากงานของชาวโรมันและอิตาลี หรือบทละครแนวอิงประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นที่นิยมอยู่ในช่วงนั้น ต่อมาในช่วงที่สองตั้งแต่ราวปี 1595 เขาเริ่มเขียนละครโศกนาฏกรรม เริ่มตั้งแต่ โรมิโอกับจูเลียต ไปจนถึง จูเลียส ซีซาร์ ในปี ค.ศ. 1599 ในระหว่างช่วงเวลานี้ เขายังได้เขียนงานบทละครที่ได้รับยกย่องว่าเป็นบทละครแนวขบขันและแนว ประวัติศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขาด้วย จากนั้นในราวปี ค.ศ. 1600 ถึงประมาณ 1608 นับเป็น "ยุคโศก" ของเขา เชกสเปียร์เขียนแต่เรื่องโศกนาฏกรรมเป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้นในช่วงปี 1608 ถึง 1613 จะเป็นแนวเศร้าปนตลก หรือบางครั้งเรียกว่าแนวโรมานซ์ ขอบคุณข้อมูลของคุณตาเชคสเปียร์จ้ะ //th.wikipedia.org/wiki/วิลเลียม_เชกสเปียร์ แวะซื้อของฝากพอกรุ้มกริ่ม อิทธิพลของเชคสเปียร์ "ผลงานของเชกสเปียร์ได้สร้างให้เกิดความประทับใจอันยาวนานต่อมาในวงการการ ละครและวรรณกรรม ก่อนจะมีละครเรื่อง โรมีโอและจูเลียต ไม่เคยมีการแสดงละครโรมานซ์ที่หยิบยกเอาความรักขึ้นมาเป็นประเด็นทรงคุณค่า สำหรับละครโศกมาก่อนเลย การพูดคนเดียวของตัวละครเคยใช้สำหรับการอธิบายลักษณะของตัวละครหรือช่วย บรรยายเหตุการณ์ในเรื่อง แต่เชกสเปียร์นำมาใช้ในการรำพึงรำพันถึงความในใจของตัวละครตัวนั้น นอกจากนี้ ผลงานของเขายังเป็นแรงบันดาลใจต่อกวีในยุคหลังอย่างมาก กวียุคโรแมนติกพยายามจะฟื้นฟู เชกสเปียร์ยังมีอิทธิพลต่อนักเขียนนวนิยายเช่น โทมัส ฮาร์ดี,วิลเลียม ฟอลค์เนอร์ และ ชาร์ลส์ ดิคเก้นส์ ดิคเก้นส์นี้มักอ้างถึงงานประพันธ์ของเชกสเปียร์ และวาดภาพจากงานของเชกสเปียร์ถึง 25 ภาพ นวนิยายที่มีตัวละครคนเดียวของนักประพันธ์ชาวอเมริกัน ชื่อ เฮอร์แมน เมลวิลล์ ถือว่าได้รับอิทธิพลมาจากเชกสเปียร์อย่างมาก กัปตัน อาฮับ ในเรื่อง โมบิดิก (Moby-Dick) ซึ่งเป็นวีรบุรุษรันทดที่คลาสสิกมาก ได้รับอิทธิพลโดยตรงมาจากเรื่อง King Lear นักวิชาการยังสามารถระบุงานดนตรีมากกว่า 20,000 ชิ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับผลงานของเชกสเปียร์ ในจำนวนนี้รวมถึงละครโอเปราสองเรื่องของจูเซปเป แวร์ดี เรื่อง Otello และ Falstaff ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับบทละครต้นฉบับอย่างเห็นได้ชัด เชกสเปียร์ยังส่งแรงบันดาลใจต่อศิลปินนักวาดภาพจำนวนมาก รวมถึงศิลปินในยุคโรแมนติกและศิลปินกลุ่มพรีราฟาเอลไลท์ ศิลปินยุคโรแมนติกชาวสวิสคนหนึ่งชื่อ อองรี ฟูเซลี ซึ่งเป็นสหายของวิลเลียม เบลก ถึงกับลงมือแปลเรื่อง แมคเบธ ไปเป็นภาษาเยอรมันทีเดียว นักจิตวิทยา ซิกมุนด์ ฟรอยด์ ยังใช้ตัวอย่างงานของเชกสเปียร์โดยเฉพาะเรื่อง แฮมเล็ต ไปเป็นทฤษฎีของเขาเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ ในยุคของเชกสเปียร์ รูปแบบไวยากรณ์และการสะกดคำในภาษาอังกฤษยังไม่สู้จะเป็นมาตรฐานดังเช่น ปัจจุบัน การใช้ภาษาของเชกสเปียร์มีบทบาทสำคัญที่ช่วยจัดรูปแบบให้ภาษาอังกฤษสมัยใหม่ ในหนังสือพจนานุกรมภาษาอังกฤษ (A Dictionary of the English Language) ของ ซามูเอล จอห์นสัน ซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรกในตระกูลพจนานุกรมทั้งหมด อ้างอิงถึงเชกสเปียร์มากกว่านักเขียนคนอื่นๆ มาก สำนวนบางอย่างเช่น "with bated breath" (จาก เวนิสวาณิช) และ "a foregone conclusion" (จาก โอเธลโล) ก็กลายเป็นที่ใช้อยู่ทั่วไปในคำพูดภาษาอังกฤษในปัจจุบัน" Source:://th.wikipedia.org/wiki/วิลเลียม_เชกสเปียร์ พักกินข้าวเที่ยงจ้า มีเวลาเดินกินไอติมชมเมืองอีกสักเล็กน้อย ::::::::::::::::::::::::::::::::::: แล้วบ่ายโมง ล้อก็หมุนไปที่ปราสาท..เหมือนกลับไปวัยเด็กอีกครั้งเลยอะ ภาพบน คือคนแต่งตัวย้อนยุคสมัยนั้น ภาพกลาง ครอบครัวเพื่อนเบนซ์ ภาพล่าง คุณยายนี่มีแมลงวันปลอมเกาะที่ปลายจมูกด้วย แถมกับฟันดำเชียว ฮ่าๆ เมืองของอัศวิน และเรื่องราวของกษัตริย์ชื่อดัง ข้างนอกปราสาท บรรยากาศดีมาก แถมด้วยมีโชว์ละครมือด้วยเก๋ๆ สี่โมงเย็นนัดรวมพล กว่าจะถึงลอนดอนก็เกือบหกโมงกว่า บ้านเราไปแวะกินข้าวกันแถวQueensway ร้านที่คนไทยหลายคนคุ้นเคย Fortune Cookie แล้วก็เดินดูของแถวนั้น ก่อนจะแวะไปเอากระเป๋าที่ Victoria Coach Station แล้วก็กลับโรงแรมที่Paddington ค่ะ กลับมาถึงแทบหมดแรง เพราะวันนี้คุ้มเกินไป ฮ่าๆ พุร่งนี้จะกลับแล้วนิหน่า มีเวลาวันเดียวในลอนดอด :::::::::::::::::::::::::::::::: พรุ่งนี้(17/4/2010) เราจะอยู่ลอนดอนเที่ยววันสุดท้ายแล้ว แต่ก็ดันเกิดเหตุการณ์ เมื่อต้องติดเกาะเพราะเถ้าภูเขาไฟ แล้วทริปพรุ่งนี้จะเป็นยังไงน้า...คอมก็ไม่ได้เอามา..จะทำยังไงดีหนอ โปรดติดตามตอนต่อไปจ้ะ..ชีวิตช่วงติดเกาะ ขอบคุณ กรอบที่55 จากคุณกุ้งค่ะ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kungguenter&month=06-2008&date=28&group=23&gblog=55