รู้จักกันก่อนและสมุดเยี่ยม Guestbook เฟซบุ๊ค ชะเอมหวาน รวมเวปหาทุนและแหล่งทุน Scholarship เรียนโทสองประเทศในปีเดียว
หาตัวเองให้เจอ
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
4 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 

วิธีสร้างสมาธิอ่านหนังสือแบบอ.ดังตฤณ



เครดิต เวปอาจารย์ค่ะ
source://dungtrin.com/knowityourself/#
เวปที่ไปเอามาแปะ
//chaaimza.multiply.com/journal/item/16


เพราะว่าสอบตัวสุดท้าย..ปวดหัว ตัวร้อน
และ..หนืดเนือยมาก แบบว่าทำตัวเหมือนคนสอบเสร็จแล้ว
แต่..ยังสอบไม่เสร็จ

ไหนๆ ก็ไหน
ก้อหนีมาอัพบล็อกที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตดีกว่า ขอก็อปมาทั้งดุ้นเลยนะคะ

====เผื่อจะมีประโยชน์บ้างนะจ้ะ==================

อยากมีสมาธิอ่านหนังสือ
กรณีเฉพาะตนของ – นายครอบ จักรวาล
อาชีพ – นักศึกษา
ลักษณะงานที่ทำ – เหมือนรับจ้างพ่อแม่ไปมหาวิทยาลัย ฝืนใจตื่น ฝืนใจเรียน แต่หัวไม่ค่อยแล่น ใจจดใจจ่อรอเวลาเล่นเกม หรือไม่ก็หาหญิงจีบ ฯลฯ

คำถามแรก – จะฝึกสมาธิอย่างไรให้อ่านหนังสือได้รู้เรื่องขึ้นครับ? แต่ละครั้งที่จะเริ่มอ่านต้องฝืนมาก แม้แต่คืนก่อนสอบ แล้วก็ไม่เคยจดจ่ออยู่กับหน้าหนังสือได้นานๆ อ่านได้บรรทัดสองบรรทัดจะอยากเมินไปทำอย่างอื่นทุกที

ถ้าไม่อยากทำอะไร ใจก็ไม่จดจ่อกับสิ่งนั้น และถ้าไม่จดจ่อกับอะไรได้นานๆ ก็ไม่มีทางที่สมาธิจะเกิดขึ้น นี่คือหลักการที่ต้องจำไว้แม่นๆ

ถามว่าเรามีวิธีฝึกสมาธิกันอย่างไรบ้าง? คำตอบไม่ใช่แค่นั่งหลับตาบริกรรมคำว่าพุทโธ ดูลมหายใจเข้าออก หรืออาศัยอุบายอื่นใดเท่านั้น แค่หาอะไรที่ดึงดูดใจคุณให้ติดตามอย่างต่อเนื่องได้ก็พอแล้ว แม้แต่การอ่านหนังสือก็จัดเป็นการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง ซึ่งน้อยคนจะพบเคล็ดลับในการอ่านให้สำเร็จ

คุณคงนึกไม่ถึงว่าเราเอาหลักการเจริญสติมาเป็นเคล็ดลับในการอ่านหนังสือให้มีสมาธิได้ เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ ตามหลักการเจริญสติ จะชอบหรือไม่ชอบสิ่งใดก็ตาม เราย่อมสามารถรู้ใจตัวเองได้ตามจริง เมื่อรู้ใจตัวเองแบบยอมรับตามจริงได้ ขณะนั้นสติย่อมเกิดขึ้น เจริญขึ้น แม้จะเป็นภาวะไม่ดี ไม่น่าชอบใจก็ตาม

คุณรู้สึกเหมือนหน้าหนังสือเป็นไม้เบื่อไม้เมา ถ้ามองแบบส่งจิตออกนอก ก็คล้ายมีแรงผลักจากหน้าหนังสือให้คุณเบือนหน้าหนี แต่ถ้ามองแบบตั้งรู้อยู่ภายในจิต ก็จะเห็นว่าใจคุณนั่นเองที่มีแรงต้านหน้าหนังสือ อยากทิ้งหนังสือ ทั้งที่หนังสือไม่ได้ส่งกลิ่นเหม็น แล้วก็ไม่ได้ส่งแรงผลักแต่อย่างใดเลย

เมื่อเห็น ‘อาการต่อต้าน’ ที่เกิดขึ้นกับจิต คุณมีทางเลือกได้สองทาง

๑) ปล่อยใจเหม่อลอย หรือหันไปครุ่นคิดถึงสิ่งอื่นที่จับใจคุณได้จริงๆ เช่น เกมและผู้หญิง จากนั้นก็ฝันกลางวัน เว้นระยะพักสายตาจากหน้าหนังสือนานๆ พอเหม่อลอยนานก็กลับมาต่อให้ติดกับเนื้อความที่ค้างไว้ได้ยากขึ้นเป็นสองเท่า

๒) ยอมรับตามจริงว่าใจของคุณมีแรงต้าน การยอมรับตามจริงนั่นแหละคือสติรู้เข้ามาในปัจจุบัน คุณจะรู้สึกถึงความอึดอัด คล้ายมีก๊าซพิษอัดอยู่ในอก จากนั้นถามตัวเองว่าแรงต้านเป็นภาวะที่เที่ยงหรือไม่เที่ยง อันนี้อย่าตอบด้วยวิธีคิดเอา แต่ให้สังเกตดูแรงอัดในอกว่าจะคลี่คลายลงเองได้หรือไม่เมื่อเกิดประสบการณ์ภายใน เห็นแรงต้านหนังสือลดลงได้เอง คุณจะรู้สึกว่าแรงต้านไม่ใช่ตัวคุณ มันเป็นแค่ภาวะกั้นขวาง เป็นกำแพงไร้ตัวตนที่ไม่ยอมให้จิตของคุณเชื่อมติดกับหนังสือเท่านั้น

หากเลือกที่จะปฏิบัติตามข้อ ๒ บ่อยๆ คุณจะพบว่าแต่ละครั้งที่รู้สึกว่าความอึดอัดแน่นอกคลายตัว จิตใจจะพลอยสงบลงพอที่จะหันกลับไปหาหน้าหนังสือได้ กับทั้งพร้อมเปิดรับเนื้อความได้สักประโยคสองประโยค ซึ่งหากประโยคสองประโยคดังกล่าวเข้าไปสู่การรับรู้ของคุณ ก็จะเป็นชนวนฉุดความสนใจให้อยากรู้เนื้อความในประโยคต่อๆได้เช่นกัน

ขอให้สังเกตวิธีใช้สายตาด้วย ถ้าคุณออกแรงเพ่งมากเกินไปจะรับข้อความได้เพียงคำหรือสองคำ พอต้องฝืนรับข้อความทีละนิดทีละหน่อยนานเข้า สมาธิก็จะหลุดง่าย ตัวเกร็งและเหนื่อยเร็ว แต่หากมองสบายๆเหมือนมองรูปกว้างๆ ก็จะรับข้อความได้เป็นกลุ่มคำพร้อมกัน พอรับข้อความได้มากสมาธิจะต่อเนื่อง เนื้อตัวผ่อนคลาย เกิดความเพลิน อ่านได้เรื่อยๆจนเกิดสมาธิในที่สุด

นี่แหละวิธีสร้างแรงดึงดูดระหว่างจิตกับหน้าหนังสือให้เกิดขึ้น สังเกตดู ตอนแรกอาจจะเป็นแรงดึงดูดอ่อนๆ แต่เมื่อคุณเริ่มสนุก เข้าใจเนื้อหาในหนังสือมากขึ้น แรงดึงดูดก็จะทวีตัวขึ้นตามลำดับ กระทั่งรู้สึกเหมือนถูกดูดติดอยู่กับหนังสือไม่ต่างจากตอนเล่นเกมเลย แต่สิ่งที่ต่างกันคือสมาธิในการอ่านหนังสือ จะหนักแน่นกว่าสมาธิในการเล่นเกม

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะอะไร? เพราะตอนเล่นเกมคุณจะรู้สึกสบายใจ ได้สนุกตื่นเต้นเรื่อยเปื่อยโดยไม่ต้องรับผิดชอบจริงจัง มันก็แค่เรื่องเก็บแต้มเล่นๆ ได้ก็เหมือนไม่ได้ เสียก็เหมือนไม่เสีย ชนะก็เหมือนไม่ชนะ แพ้ก็เหมือนไม่แพ้ ไม่ทำให้จิตของคุณเข้าไปตั้งมั่นอยู่กับผลของการเล่นเกมสักเท่าใด

แต่ถ้าคุณอ่านหนังสือรู้เรื่อง ทำข้อสอบผ่าน ไม่น้อยหน้าเพื่อน คุณจะรู้สึกเป็นจริงเป็นจัง อย่างน้อยก็ได้รับผิดชอบตามหน้าที่ ‘รับจ้างพ่อแม่เรียน’ อย่างเต็มภาคภูมิ กับทั้งอุ่นใจว่าอนาคตคงเอาตัวรอดได้ด้วยวิชาความรู้ที่เริ่มมีติดตัว สรุปคือ อ่านหนังสือได้คือได้อะไรมาจริงๆ จึงทำให้จิตของคุณเข้าไปตั้งมั่นอยู่กับผลของการอ่านหนังสือรู้เรื่อง

ยุคเราเต็มไปด้วยเครื่องหลอกให้เสียพลังงาน แม้เกมจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยจินตนาการ แต่เราก็เอาร่างกายและจิตใจของเราไปเล่นจริงๆ ผลของการเล่นเกมเก่งอาจทำให้ภูมิใจแบบไฟไหม้ฟาง หรือเหมือนไม้หลักปักขี้เลน เดี๋ยวเดียวก็ล้ม จุดหมายในชีวิตเลยไม่มีจริงๆ แต่ถ้าพยายามเล่นแล้วไม่เก่งหรือแพ้ร่ำไป ก็กลายเป็นความรู้สึกว่าเราคือไอ้ขี้แพ้ ทั้งที่ยังไม่ลงสนามชีวิต รู้แพ้รู้ชนะกันจริงๆเลย

คำถามที่สอง – จะแก้อาการเสพติดเกมอย่างไรครับ?

ค่อยๆดูไประหว่างเล่นเกม พิจารณาไปว่าจิตมีลักษณะแข็งๆ ทำให้ตัวทื่อๆเหมือนหุ่นยนต์ น่าเบื่อจะตายที่ต้องจมแช่อยู่กับสภาพจิตและสภาพกายแบบนั้น คุณจะเห็นแต่ภาพล่อตาข้างหน้าจนกว่าจะฝึกรู้สึกตัว และเห็นสภาพน่าสังเวชของกายใจตัวเอง

นอกจากนั้นก็ให้เห็นภาพรวมตามจริง ถ้าเล่นเกมอย่างมีวินัย ชีวิตก็จะอยู่ในวินัย แต่ถ้าเล่นอย่างไร้วินัย ชีวิตก็กระจัดกระจายเป็นเสี่ยงๆ ประกอบเป็นรูปเป็นร่างยาก กลายเป็นคนอ่อนแอทั้งที่ร่างกายยังอาจจะแข็งแรง

เท่าที่เห็นมา จิตของคนหมกมุ่นกับเกมจะฟุ้งซ่านอย่างหนัก หงุดหงิดง่าย ออกอาการหุนหันพลันแล่นบ่อย หลายคนเหมือนแปลกแยกจากโลกความเป็นจริงกระทั่งยากจะยอมรับความจริงใดๆ

คนไม่ยอมรับความจริงจะขี้เกียจทำงาน มือเท้าอ่อนถ้าต้องแบกภาระ ความอดทนต่ำเมื่อเกิดความขัดแย้งกับใครๆ แม้อยากทำอะไรก็กลัวความล้มเหลว เพราะชีวิตจริงต่างจากเกม เกมแพ้แล้วกดปุ่มเดียวก็เริ่มต้นใหม่ได้ แต่ชีวิตแพ้นี่ต้องรวบรวมกำลังใจกันนาน ไม่มีปุ่มกดใดๆทำให้รู้สึกเหมือนเริ่มต้นใหม่หมดอย่างสดชื่นปุบปับฉับพลันเลย

เมื่อเร็วๆนี้ก็มีข่าวนักเล่นเกมขั้นเทพที่ทำรายได้จากการแข่งขันระดับชาติ ใช้ชีวิตล้มเหลวจนต้องฆ่าตัวตายไป นี่แสดงให้เห็นว่าสุดยอดของการเล่นเกมไม่ใช่ความสุข พิจารณาโทษให้มาก แล้วคุณจะอยากควบคุมตัวเอง มีวินัยกับการเล่นเกมมากกว่าเดิม

สรุปคือถามว่าติดเกมจะแก้อย่างไร อันที่จริงป้องกันดีกว่าแก้ เหมือนยาเสพติด พอติดแล้วค่อยหาวิธีเลิกคงยาก แต่เมื่อติดแล้วก็ต้องหาทางแก้ ไม่ใช่ปล่อยไปเรื่อยๆ เริ่มจากพิจารณาให้เห็นโทษ แล้วมีวินัยกับตัวเอง จำกัดเวลาเท่านั้นเท่านี้ หรือถ้างานไม่เสร็จจะไม่เล่น เป็นต้น

การห้ามใจก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้สติเจริญขึ้น โดยเฉพาะถ้าการห้ามใจนั้น ดึงเรากลับมาสู่โลกความเป็นจริงได้ครับ

สุขสันต์วันจันทร์ค่ะ






 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2552
3 comments
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2554 16:13:48 น.
Counter : 1107 Pageviews.

 

อ่านดูแล้วรู้สึกว่าทำยากอะครับ

 

โดย: kirofsky 5 พฤษภาคม 2552 8:31:28 น.  

 

อ่านแล้วรู้สึกดีมาก

 

โดย: บอล IP: 114.128.63.147 25 พฤษภาคม 2552 23:32:59 น.  

 

ดีมากๆ เลย!!!ขอบคุณนะ..:)

 

โดย: คนหลงทาง IP: 110.168.103.243 21 เมษายน 2555 13:15:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ชะเอมหวาน
Location :
Dalian(China),Guildford(UK),กทม.,สกลนคร United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Edutainment
International Business
Bossa Nova& Easy Listening

ถ้าถามอะไรในนี้ไม่ได้ตอบ
กรุณาส่งไปทางเฟซบุ๊คเลยนะคะ
ไม่ค่อยได้เช็คบล็อกค่ะ
ขอบคุณค่ะ


 ยินดีต้อนรับ
ณ บ้านชะเอมหวานค่ะ
ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนกันเสมอนะคะ
จขบ.เป็นอาจารย์เล็กๆค่ะ
ฟรีแลนซ์ พิธีกรงานแต่งงาน
สะสมโปสการ์ดค่ะ
ฟังเพลงสบายๆ
ชอบแต่งหน้าแต่งตัว
แต่งกลอน ขีดๆเขียนๆ
ท่องเที่ยว
ก็เป็นกำลังใจให้กันด้วยค่ะ จุ๊บๆ 





บ้านนี้จขบ.ต้องการสร้างสรรค์ให้เบา สบายๆค่ะ
เอนทรี่เก่าๆเกี่ยวกับอาหารและการท่องเที่ยวจะย้ายบ้านไปที่

Amiley lala(ท่องเที่ยวและอาหาร)



POSTCARD & International Business


ถ้าจะโหวตขอหมวดการศึกษา

และหมวดดนตรีค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ
credit::::
photo by พี่เป็ดสวรรค์)
Head blog กับของตกแต่งจาก

pk12th
และ

คุณกุ้ง Kungguenter


Follow amiley on Twitter



New Comments
Friends' blogs
[Add ชะเอมหวาน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.