|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
วิธีสร้างสมาธิอ่านหนังสือแบบอ.ดังตฤณ
| | | |
เครดิต เวปอาจารย์ค่ะ source://dungtrin.com/knowityourself/# เวปที่ไปเอามาแปะ //chaaimza.multiply.com/journal/item/16
เพราะว่าสอบตัวสุดท้าย..ปวดหัว ตัวร้อน และ..หนืดเนือยมาก แบบว่าทำตัวเหมือนคนสอบเสร็จแล้ว แต่..ยังสอบไม่เสร็จ
ไหนๆ ก็ไหน ก้อหนีมาอัพบล็อกที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตดีกว่า ขอก็อปมาทั้งดุ้นเลยนะคะ
====เผื่อจะมีประโยชน์บ้างนะจ้ะ==================
อยากมีสมาธิอ่านหนังสือ กรณีเฉพาะตนของ นายครอบ จักรวาล อาชีพ นักศึกษา ลักษณะงานที่ทำ เหมือนรับจ้างพ่อแม่ไปมหาวิทยาลัย ฝืนใจตื่น ฝืนใจเรียน แต่หัวไม่ค่อยแล่น ใจจดใจจ่อรอเวลาเล่นเกม หรือไม่ก็หาหญิงจีบ ฯลฯ
คำถามแรก จะฝึกสมาธิอย่างไรให้อ่านหนังสือได้รู้เรื่องขึ้นครับ? แต่ละครั้งที่จะเริ่มอ่านต้องฝืนมาก แม้แต่คืนก่อนสอบ แล้วก็ไม่เคยจดจ่ออยู่กับหน้าหนังสือได้นานๆ อ่านได้บรรทัดสองบรรทัดจะอยากเมินไปทำอย่างอื่นทุกที
ถ้าไม่อยากทำอะไร ใจก็ไม่จดจ่อกับสิ่งนั้น และถ้าไม่จดจ่อกับอะไรได้นานๆ ก็ไม่มีทางที่สมาธิจะเกิดขึ้น นี่คือหลักการที่ต้องจำไว้แม่นๆ
ถามว่าเรามีวิธีฝึกสมาธิกันอย่างไรบ้าง? คำตอบไม่ใช่แค่นั่งหลับตาบริกรรมคำว่าพุทโธ ดูลมหายใจเข้าออก หรืออาศัยอุบายอื่นใดเท่านั้น แค่หาอะไรที่ดึงดูดใจคุณให้ติดตามอย่างต่อเนื่องได้ก็พอแล้ว แม้แต่การอ่านหนังสือก็จัดเป็นการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง ซึ่งน้อยคนจะพบเคล็ดลับในการอ่านให้สำเร็จ
คุณคงนึกไม่ถึงว่าเราเอาหลักการเจริญสติมาเป็นเคล็ดลับในการอ่านหนังสือให้มีสมาธิได้ เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ ตามหลักการเจริญสติ จะชอบหรือไม่ชอบสิ่งใดก็ตาม เราย่อมสามารถรู้ใจตัวเองได้ตามจริง เมื่อรู้ใจตัวเองแบบยอมรับตามจริงได้ ขณะนั้นสติย่อมเกิดขึ้น เจริญขึ้น แม้จะเป็นภาวะไม่ดี ไม่น่าชอบใจก็ตาม
คุณรู้สึกเหมือนหน้าหนังสือเป็นไม้เบื่อไม้เมา ถ้ามองแบบส่งจิตออกนอก ก็คล้ายมีแรงผลักจากหน้าหนังสือให้คุณเบือนหน้าหนี แต่ถ้ามองแบบตั้งรู้อยู่ภายในจิต ก็จะเห็นว่าใจคุณนั่นเองที่มีแรงต้านหน้าหนังสือ อยากทิ้งหนังสือ ทั้งที่หนังสือไม่ได้ส่งกลิ่นเหม็น แล้วก็ไม่ได้ส่งแรงผลักแต่อย่างใดเลย
เมื่อเห็น อาการต่อต้าน ที่เกิดขึ้นกับจิต คุณมีทางเลือกได้สองทาง
๑) ปล่อยใจเหม่อลอย หรือหันไปครุ่นคิดถึงสิ่งอื่นที่จับใจคุณได้จริงๆ เช่น เกมและผู้หญิง จากนั้นก็ฝันกลางวัน เว้นระยะพักสายตาจากหน้าหนังสือนานๆ พอเหม่อลอยนานก็กลับมาต่อให้ติดกับเนื้อความที่ค้างไว้ได้ยากขึ้นเป็นสองเท่า
๒) ยอมรับตามจริงว่าใจของคุณมีแรงต้าน การยอมรับตามจริงนั่นแหละคือสติรู้เข้ามาในปัจจุบัน คุณจะรู้สึกถึงความอึดอัด คล้ายมีก๊าซพิษอัดอยู่ในอก จากนั้นถามตัวเองว่าแรงต้านเป็นภาวะที่เที่ยงหรือไม่เที่ยง อันนี้อย่าตอบด้วยวิธีคิดเอา แต่ให้สังเกตดูแรงอัดในอกว่าจะคลี่คลายลงเองได้หรือไม่เมื่อเกิดประสบการณ์ภายใน เห็นแรงต้านหนังสือลดลงได้เอง คุณจะรู้สึกว่าแรงต้านไม่ใช่ตัวคุณ มันเป็นแค่ภาวะกั้นขวาง เป็นกำแพงไร้ตัวตนที่ไม่ยอมให้จิตของคุณเชื่อมติดกับหนังสือเท่านั้น
หากเลือกที่จะปฏิบัติตามข้อ ๒ บ่อยๆ คุณจะพบว่าแต่ละครั้งที่รู้สึกว่าความอึดอัดแน่นอกคลายตัว จิตใจจะพลอยสงบลงพอที่จะหันกลับไปหาหน้าหนังสือได้ กับทั้งพร้อมเปิดรับเนื้อความได้สักประโยคสองประโยค ซึ่งหากประโยคสองประโยคดังกล่าวเข้าไปสู่การรับรู้ของคุณ ก็จะเป็นชนวนฉุดความสนใจให้อยากรู้เนื้อความในประโยคต่อๆได้เช่นกัน
ขอให้สังเกตวิธีใช้สายตาด้วย ถ้าคุณออกแรงเพ่งมากเกินไปจะรับข้อความได้เพียงคำหรือสองคำ พอต้องฝืนรับข้อความทีละนิดทีละหน่อยนานเข้า สมาธิก็จะหลุดง่าย ตัวเกร็งและเหนื่อยเร็ว แต่หากมองสบายๆเหมือนมองรูปกว้างๆ ก็จะรับข้อความได้เป็นกลุ่มคำพร้อมกัน พอรับข้อความได้มากสมาธิจะต่อเนื่อง เนื้อตัวผ่อนคลาย เกิดความเพลิน อ่านได้เรื่อยๆจนเกิดสมาธิในที่สุด
นี่แหละวิธีสร้างแรงดึงดูดระหว่างจิตกับหน้าหนังสือให้เกิดขึ้น สังเกตดู ตอนแรกอาจจะเป็นแรงดึงดูดอ่อนๆ แต่เมื่อคุณเริ่มสนุก เข้าใจเนื้อหาในหนังสือมากขึ้น แรงดึงดูดก็จะทวีตัวขึ้นตามลำดับ กระทั่งรู้สึกเหมือนถูกดูดติดอยู่กับหนังสือไม่ต่างจากตอนเล่นเกมเลย แต่สิ่งที่ต่างกันคือสมาธิในการอ่านหนังสือ จะหนักแน่นกว่าสมาธิในการเล่นเกม
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะอะไร? เพราะตอนเล่นเกมคุณจะรู้สึกสบายใจ ได้สนุกตื่นเต้นเรื่อยเปื่อยโดยไม่ต้องรับผิดชอบจริงจัง มันก็แค่เรื่องเก็บแต้มเล่นๆ ได้ก็เหมือนไม่ได้ เสียก็เหมือนไม่เสีย ชนะก็เหมือนไม่ชนะ แพ้ก็เหมือนไม่แพ้ ไม่ทำให้จิตของคุณเข้าไปตั้งมั่นอยู่กับผลของการเล่นเกมสักเท่าใด
แต่ถ้าคุณอ่านหนังสือรู้เรื่อง ทำข้อสอบผ่าน ไม่น้อยหน้าเพื่อน คุณจะรู้สึกเป็นจริงเป็นจัง อย่างน้อยก็ได้รับผิดชอบตามหน้าที่ รับจ้างพ่อแม่เรียน อย่างเต็มภาคภูมิ กับทั้งอุ่นใจว่าอนาคตคงเอาตัวรอดได้ด้วยวิชาความรู้ที่เริ่มมีติดตัว สรุปคือ อ่านหนังสือได้คือได้อะไรมาจริงๆ จึงทำให้จิตของคุณเข้าไปตั้งมั่นอยู่กับผลของการอ่านหนังสือรู้เรื่อง
ยุคเราเต็มไปด้วยเครื่องหลอกให้เสียพลังงาน แม้เกมจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยจินตนาการ แต่เราก็เอาร่างกายและจิตใจของเราไปเล่นจริงๆ ผลของการเล่นเกมเก่งอาจทำให้ภูมิใจแบบไฟไหม้ฟาง หรือเหมือนไม้หลักปักขี้เลน เดี๋ยวเดียวก็ล้ม จุดหมายในชีวิตเลยไม่มีจริงๆ แต่ถ้าพยายามเล่นแล้วไม่เก่งหรือแพ้ร่ำไป ก็กลายเป็นความรู้สึกว่าเราคือไอ้ขี้แพ้ ทั้งที่ยังไม่ลงสนามชีวิต รู้แพ้รู้ชนะกันจริงๆเลย
คำถามที่สอง จะแก้อาการเสพติดเกมอย่างไรครับ?
ค่อยๆดูไประหว่างเล่นเกม พิจารณาไปว่าจิตมีลักษณะแข็งๆ ทำให้ตัวทื่อๆเหมือนหุ่นยนต์ น่าเบื่อจะตายที่ต้องจมแช่อยู่กับสภาพจิตและสภาพกายแบบนั้น คุณจะเห็นแต่ภาพล่อตาข้างหน้าจนกว่าจะฝึกรู้สึกตัว และเห็นสภาพน่าสังเวชของกายใจตัวเอง
นอกจากนั้นก็ให้เห็นภาพรวมตามจริง ถ้าเล่นเกมอย่างมีวินัย ชีวิตก็จะอยู่ในวินัย แต่ถ้าเล่นอย่างไร้วินัย ชีวิตก็กระจัดกระจายเป็นเสี่ยงๆ ประกอบเป็นรูปเป็นร่างยาก กลายเป็นคนอ่อนแอทั้งที่ร่างกายยังอาจจะแข็งแรง
เท่าที่เห็นมา จิตของคนหมกมุ่นกับเกมจะฟุ้งซ่านอย่างหนัก หงุดหงิดง่าย ออกอาการหุนหันพลันแล่นบ่อย หลายคนเหมือนแปลกแยกจากโลกความเป็นจริงกระทั่งยากจะยอมรับความจริงใดๆ
คนไม่ยอมรับความจริงจะขี้เกียจทำงาน มือเท้าอ่อนถ้าต้องแบกภาระ ความอดทนต่ำเมื่อเกิดความขัดแย้งกับใครๆ แม้อยากทำอะไรก็กลัวความล้มเหลว เพราะชีวิตจริงต่างจากเกม เกมแพ้แล้วกดปุ่มเดียวก็เริ่มต้นใหม่ได้ แต่ชีวิตแพ้นี่ต้องรวบรวมกำลังใจกันนาน ไม่มีปุ่มกดใดๆทำให้รู้สึกเหมือนเริ่มต้นใหม่หมดอย่างสดชื่นปุบปับฉับพลันเลย
เมื่อเร็วๆนี้ก็มีข่าวนักเล่นเกมขั้นเทพที่ทำรายได้จากการแข่งขันระดับชาติ ใช้ชีวิตล้มเหลวจนต้องฆ่าตัวตายไป นี่แสดงให้เห็นว่าสุดยอดของการเล่นเกมไม่ใช่ความสุข พิจารณาโทษให้มาก แล้วคุณจะอยากควบคุมตัวเอง มีวินัยกับการเล่นเกมมากกว่าเดิม
สรุปคือถามว่าติดเกมจะแก้อย่างไร อันที่จริงป้องกันดีกว่าแก้ เหมือนยาเสพติด พอติดแล้วค่อยหาวิธีเลิกคงยาก แต่เมื่อติดแล้วก็ต้องหาทางแก้ ไม่ใช่ปล่อยไปเรื่อยๆ เริ่มจากพิจารณาให้เห็นโทษ แล้วมีวินัยกับตัวเอง จำกัดเวลาเท่านั้นเท่านี้ หรือถ้างานไม่เสร็จจะไม่เล่น เป็นต้น
การห้ามใจก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้สติเจริญขึ้น โดยเฉพาะถ้าการห้ามใจนั้น ดึงเรากลับมาสู่โลกความเป็นจริงได้ครับ
สุขสันต์วันจันทร์ค่ะ
| | | | |
Create Date : 04 พฤษภาคม 2552 |
|
3 comments |
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2554 16:13:48 น. |
Counter : 1133 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: บอล IP: 114.128.63.147 25 พฤษภาคม 2552 23:32:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนหลงทาง IP: 110.168.103.243 21 เมษายน 2555 13:15:50 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Dalian(China),Guildford(UK),กทม.,สกลนคร United Kingdom
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
|
Edutainment International Business Bossa Nova& Easy Listening
ถ้าถามอะไรในนี้ไม่ได้ตอบ กรุณาส่งไปทางเฟซบุ๊คเลยนะคะ ไม่ค่อยได้เช็คบล็อกค่ะ ขอบคุณค่ะ
ยินดีต้อนรับ ณ บ้านชะเอมหวานค่ะ ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนกันเสมอนะคะ จขบ.เป็นอาจารย์เล็กๆค่ะ ฟรีแลนซ์ พิธีกรงานแต่งงาน สะสมโปสการ์ดค่ะ ฟังเพลงสบายๆ ชอบแต่งหน้าแต่งตัว แต่งกลอน ขีดๆเขียนๆ ท่องเที่ยว ก็เป็นกำลังใจให้กันด้วยค่ะ จุ๊บๆ
|
บ้านนี้จขบ.ต้องการสร้างสรรค์ให้เบา สบายๆค่ะ เอนทรี่เก่าๆเกี่ยวกับอาหารและการท่องเที่ยวจะย้ายบ้านไปที่
Amiley lala(ท่องเที่ยวและอาหาร)
POSTCARD & International Business
ถ้าจะโหวตขอหมวดการศึกษา
และหมวดดนตรีค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ credit:::: photo by พี่เป็ดสวรรค์) Head blog กับของตกแต่งจาก
pk12th และ
คุณกุ้ง Kungguenter
|
|
|
|
|
|
|
|