|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
พยาธิ..เรื่องของผู้พึ่งพา..ที่...เราไม่เต็มใจ
บ้านเราเป็นเมืองร้อนแน่นอนที่สุดปรสิตพวกพยาธิย่อมเจริญเติบโตได้ดี ดังนั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งแบบผมแบบแม่ย่อมมีโอกาสถูกปรสิตแบบพยาธิมาอาศัยพึ่งพาได้ แต่เรามีวิธีการที่จะป้องกันและกำจัดพยาธิที่จะมาพึ่งพาเราได้ พอดีมีแม่ค้นเรื่องพยาธิให้เพื่อนๆ แม่เลยว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้ปกครองชาวโฮ่งๆ คนอื่น ผมเลยเอามาเก็บไว้ในบล็อก :tongue:
พยาธิที่อยู่ภายในร่างกายของสุนัขมี 4 ชนิด ดังนี้คือ
- พยาธิตัวกลม Nematode จะประกอบไปด้วย
- พยาธิไส้เดือน ภาพไข่และตัวโตโตเต็มวัยของพยาธิ์ไส้เดือน Ascaris lumbricoides (แอสคารีส ลัมบิคอยดีส์) ที่อาศัยพบได้บริเวณลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ บางครั้งพบได้ที่ม้าม/ ตับอ่อนขนาดตัวโตเต็มวัย ยาว 25-35 ซ.ม. ตัวผู้มีขนาดเล็กกว่าตัวเมีย ไข่จะถูกปล่อยมาจากตัวพยาธิ์ที่โตเต็มวัย ปนออกมากับอุจจาระ
ตัวกลมๆ ยาวๆ คล้ายไส้เดือน เป็นรูปร่างของพยาธิชนิดนี้ ที่เราอุ้มเจ้าตูบไปถ่ายพยาธิกันตอนเด็กๆ อายุประมาณ 1 เดือน เพื่อถ่ายพยาธิชนิดนี้แหละ หลายๆ ท่านสงสัยและไม่ลังเลที่จะถามว่า แล้วเจ้าตูบไปติดพยาธิมาจากไหน อายุก็น้อยนิด แถมยังไม่เคยออกไปพ้นชายคาบ้าน ด้วยซ้ำไป ก็ติดมาจากแม่เค้านั่นแหละ หลังคลอดลูกแล้วแม่ต้องให้นมลูก เจ้าพยาธิไส้เดือนก็จะอพยพตัวเองไปใช้เส้นทางใหม่ ผ่านทางน้ำนมเข้าสู่ตัวลูกได้เช่นกัน ก็เลยต้องถ่ายพยาธิชนิดนี้ให้กับเจ้าตูบ ด้วยประการฉะนี้แหละ
นอกจาก 2 วิธีการ ที่เล่ามาแล้ว สุนัขยังติดพยาธิโดยการกินไข่พยาธิ (ซึ่งปนมากับ อุจจาระของสุนัขที่ติดพยาธิ) หรือโดยการกินสัตว์ชนิดอื่น ที่ติดพยาธิชนิดนี้โดยบังเอิญ เจ้าตูบที่มีพยาธิชนิดนี้ ตั้งรกรากอยู่ในลำไส้ จะมีลักษณะที่สังเกตง่ายๆ คือ พุงป่อง แคระแกรน ขนหยาบกระด้าง ท้องเสีย อาเจียน บางครั้งในอุจจาระ หรือของเก่าที่อาเจียนออกมา อาจจะพบพยาธิปนออกมาด้วย การมีพยาธิจำนวนมากๆ จะทำให้เกิดการอุดตันของทางเดินอาหาร เกิดการระคายเคือง จนเป็นสาเหตุให้เกิดลำไส้กลืนกัน หรือบางครั้งก็ถึงกับเกิดลำไส้ทะลุได้
พยาธิพวกนี้อยู่ในลำไส้นานๆ ก็ชักจะเบื่อ เจ้าพยาธิไส้เดือนก็เลยเริ่มออกทัวร์ สถานที่โปรดปรานก็คือ ปอดของลูกสุนัข การไชผ่านของพยาธิก็จะทำให้ปอดเสียหาย และเกิดการอักเสบรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ พยาธิชนิดนี้อันตรายมากในลูกสุนัข ควรป้องกันก่อนที่จะสายเกินแก้ด้วยการถ่ายพยาธิทุก 6 เดือน
- พยาธิแส้ม้า Trichuris trichiura ( ไตรชูรีส ไตรไชยูร่า ) ภาพไข่และตัวโตเต็มวัยของพยาธิ์แส้ม้า โดยมีส่วนหางเป็นเส้นเรียวยาว พยาธิตัวนี้มีที่พักอาศัยบริเวณลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ ไข่จะถูกปล่อยมาจากตัวพยาธิ์ที่โตเต็มวัย ปนออกมากับอุจจาระ
พยาธิชนิดนี้รูปร่างคล้ายกับแส้ม้า โดยพยาธิชนิดนี้จะฝังตัวลงไปที่ผนังลำไส้ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาดูดเลือดจากเจ้าของลำไส้ นอกจากจะเสียเลือดแล้ว ยังเสียเนื้ออีกด้วย เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบของผนังลำไส้ด้วย เจ้าตูบติดพยาธิโดยการกินไข่พยาธิชนิดนี้เข้าไป ความสำคัญของพยาธิชนิดนี้นอกจากอันตรายแล้ว ยังทรหดอดทนอย่างน่าชื่นชม เพราะสามารถมีชีวิตอยู่ที่พื้นดิน หรือสนามในบ้านเราได้ถึง 4-5 ปี
- พยาธิปากขอ Necator americanus ( นีคาเตอร์ อเมริคานัส) อยู่ในตระกูลพยาธิตัวกลม เข้าสู่ร่างกายสุนัขและมนุษย์โดย ไข่ที่ปนออกมากับอุจจาระ เมื่อไข่ถูกปล่อยออกมาบนพื้นที่มีความชื้นที่เหมาะสม พบได้ตามสวน ตามไร่ เนื่องจากการทำความสะอาดที่ไม่ถูกสุขอนามัย ไม่ถ่ายในส้วม ไข่จะฟักตัวออกมาเป็นตัวอ่อน และแฝงตัวอาศัยตามพื้นดิน เมื่อสุนัขมาดมมานอนทับ หรือ ผู้คนเดินมาย่ำบริเวณที่ตัวอ่อนอาศัยอยู่ โดยแบบเท้าเปล่าไม่ได้สวมรองเท้า ตัวอ่อนจะติดมาบนเท้า แล้วจะเริ่มไชเข้าสู่ร่างกายผ่านบริเวณง่ามเท้า บริเวณท้อง บริเวณเยื่อบุจมูก หรือการเลีย (หนังอ่อนที่สุด) จะรู้สึกคันบริเวณนั้นในขณะนั้น เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะไชไปตามร่างกายสุดท้ายจะมาอยู่ที่บริเวณลำไส้เล็ก และเกาะดูดเลือดต่อไป
ลักษณะปากของพยาธิชนิดนี้ จะมีฟันที่มีลักษณะเหมือนตะขอ มีหน้าที่คอยเกาะเกี่ยวหนังลำไส้ และดูดเลือด การติดพยาธิชนิดนี้ อันตรายจากพยาธินี้ ก็คือ การที่พยาธิดูดเลือด และของเหลวจากเนื้อเยื่อของร่างกายเจ้าของบ้าน เจ้าตูบจะมีอาการถ่ายเป็นเลือด ซีด อ่อนเพลีย ผอมแห้ง ร่างกายขาดน้ำ การขาดเลือดอย่างรุนแรง ทำให้ลูกสุนัขเสียชีวิตได้ ส่วนสุนัขโต มักไม่ค่อยพบ อาการผิดปกติถึงขั้นรุนแรง
- พยาธิเส้นด้าย Capillaria (Capillary or Thread Worms) พยาธิเส้นด้ายมีหลายชนิด ชนิดที่อยู่ในกึ๋นและหลอดอาหาร (Capillaria annulata และ Capillaria contorta) ทำให้เกิดการอักเสบที่เยื่อเมือกและทำให้เกิดการหนาตัวขึ้นได้
เจ้าตูบติดได้โดยการกินตัวอ่อนของพยาธิ หรือตัวอ่อนไชผ่านทางผิวหนัง ความรุนแรงมักเกิดกับลูกสุนัข เช่นเดียวกับพยาธิชนิดอื่น โดยจะทำให้เกิดลำไส้อักเสบ แบบมีเลือดออกอย่างเฉียบพลัน อาจถึงแก่ชีวิตได้ การถ่ายพยาธิมักไม่ค่อยได้ผล แต่ยาที่ใช้กันคือเฟนเบนดาโซลและเลวาไมโซล
- พยาธิตัวแบน Dipylidium caninum
พยาธิตัวแบนหรือพยาธิตัวตืดสุนัข ที่บางครั้งก็เรียกกันว่า พยาธิเม็ดแตงกวา ตามรูปร่างหน้าตาของมัน เมล็ดแตงกวาจะเป็นปล้องแก่ของพยาธิตัวแบน ที่จะหลุดปนออกมากับอุจจาระ ภายในปล้องจะเต็มไปด้วยไข่พยาธิ์ จะพบอยู่ในอุจจาระ หรือ ขนแถวๆโคนหาง อย่าพยายามกำจัดพยาธิด้วยวิธีใดๆก็ตามด้วยตนเอง โดยไม่ปรึกษาสัตวแพทย์
สุนัข หรือ ลูกสุนัขที่มีสุขภาพดีจะไม่ค่อยได้รับผลจากพยาธิ เท่ากับสุนัขที่มีสุขภาพไม่ดีอ่อนแอ หนึ่งในมาตรการป้องกันคือ รักษาความสะอาดตลอดเวลา ทำให้ที่นอนของสุนัขแห้ง เพื่อปราศจากเห็บ หมัด หรือไข่อ่อนของพวกพยาธิ
พยาธิชนิดที่พบได้บ่อยๆในสุนัขจะพบได้ในสุนัขที่มีหมัด หรือเคยมีหมัด เพราะพยาธิชนิดนี้มีหมัดเป็นตัวกลางในการแพร่โรค ถ้าเจ้าของสังเกตสักหน่อย จะเห็นว่า สุนัขจะชอบเอาก้นไปถูไถกับพื้นอยู่บ่อยๆ ส่งผลเสียต่อสุนัขคือการแย่งอาหารในทางเดินอาหาร การถ่ายพยาธิชนิดนี้ก็ไม่ยุ่งยาก แต่ยาถ่ายพยาธิปกติที่ใช้สำหรับพยาธิตัวกลมจะไม่ได้ผล ถ้าพบเห็นก็ขอซื้อยาจากสัตวแพทย์ บอกว่ายาถ่ายพยาธิตัวแบน หรือพยาธิเมล็ดแตงกวา แล้วก็ควบคุมหมัดให้ได้ด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะติดมาอีก
จะรู้ได้อย่างไรว่าติดพยาธิ
หลายครั้งที่เจ้าของพบเห็นตัวพยาธิออกมาจากตัวสุนัขเอง หรือไม่ก็ดูจากอาการเจ็บป่วยของสุนัข แล้วยืนยันผลจากการตรวจอุจจาระของเจ้าตูบ ซึ่งถ้าเจ้าตูบติดพยาธิจริง ก็จะมีไข่พยาธิปนมากับอุจจาระด้วย
การรักษา
ชนิดของยาและวิธีการรักษาก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของพยาธิ และสภาพร่างกายของเจ้าตูบในขณะนั้น การรักษาตั้งแต่เนินๆ ย่อมให้ผลดีกับสุนัข เช่นเดียวกับความเจ็บป่วยจากสาเหตุอื่นๆ
ยาขับพยาธิไส้เดือน พยาธิเส้นด้าย พยาธิเข็มหมุด เช่น ยามีเบนดาโซล (ชื่อการค้า, ฟูกาคาร์) ยาขับพยาธิปากขอ เช่น มะเกลือ ฟูกาคาร์ ยาขับพยาธิเส้นด้าย เฟนเบนดาโซลและเลวาไมโซล ยาขับพยาธิตัวตืด เช่น ปวกหาด นิโคลซาไมด์ ( ชื่อ โยเมซาน) ข้อแนะนำในการใช้ยาขับพยาธิ
ควรปรึกษาสัตว์แพทย์ หรือเภสัชกร หากต้องการใช้ยาขับพยาธิ ปัจจุบันมียาขับพยาธิไส้เดือน พยาธิเส้นด้าย พยาธิปากขอ โดยใช้ยาเพียง 1 - 2 ครั้ง เช่น ยาพาแรนเทลพาโมเอต (ชื่อ คอมแบนทริน)
การป้องกัน
ถ้าลองย้อนกลับไปดูวิธีการติดพยาธิแต่ละชนิด คงจะพอมองออกว่า เราจะป้องกันการติดพยาธิได้อย่างไรบ้าง เริ่มตั้งแต่การกำจัดอุจจาระของสุนัข อย่างเหมาะสม ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อกับบริเวณที่สุนัขชอบวิ่งเล่น และที่อยู่หลับนอน การกำจัดพาหะของพยาธิบางชนิด เช่น หมัดและเหา ถ่ายพยาธิแม่สุนัข ก่อนการผสมพันธุ์ หรือก่อนคลอด และตรวจอุจจาระและถ่ายพยาธิเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ไม่ยากเลย ที่จะให้เจ้าตูบร่าเริง แจ่มใส ในร่างกาย ที่ปราศจากพยาธิทั้งขบวน !
Create Date : 29 พฤษภาคม 2549 |
|
31 comments |
Last Update : 16 เมษายน 2551 17:07:22 น. |
Counter : 872 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ทูน่าค่ะ 29 พฤษภาคม 2549 9:52:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณย่า 29 พฤษภาคม 2549 11:32:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: erol 29 พฤษภาคม 2549 12:14:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่จุ๊กกะเป๊ป IP: 124.157.152.230 29 พฤษภาคม 2549 12:17:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 29 พฤษภาคม 2549 13:15:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: merf1970 29 พฤษภาคม 2549 14:51:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: หนูชล 29 พฤษภาคม 2549 15:51:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้ามด 29 พฤษภาคม 2549 16:31:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: **mp5** 29 พฤษภาคม 2549 16:57:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: Goret 29 พฤษภาคม 2549 17:09:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: T_Ang 29 พฤษภาคม 2549 18:20:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: pp_kard 29 พฤษภาคม 2549 20:00:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: mungkood 29 พฤษภาคม 2549 21:19:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: ltoeyl 30 พฤษภาคม 2549 0:26:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: ltoeyl 30 พฤษภาคม 2549 0:27:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: livvy 30 พฤษภาคม 2549 20:02:06 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เข้ามาอ่านความรู้ค่ะ....