พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เผยมีแลนด์แบงค์ทำเลรถไฟฟ้า 2,200 ไร่ พร้อมลุยพัฒนาโครงการแนวราบและแนวสูง เตรียมเปิด 21 โครงการใหม่ปี 56 มูลค่ารวม 27,550 ล้าน

 

นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทมีแผนเร่งรัดการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้าในหลายเส้นทาง เนื่องจากมีที่ดินที่กำลังรอการพัฒนาในทำเลใกล้รถไฟฟ้าอยู่ รวม 2,200 ไร่ คิดเป็นมูลค่าการพัฒนา 71,000 ล้านบาท สามารถใช้สำหรับการพัฒนาโครงการได้ในระยะเวลา 3 ปี ประกอบด้วย ทำเลกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า BTS และ MRT 50 ไร่ มูลค่าการพัฒนา 16,000 ล้านบาท โซนตะวันตก ใกล้สายสีม่วง 600 ไร่ มูลค่าการพัฒนา 15,000 ล้านบาท โซนเหนือ ใกล้สายสีแดงและสีชมพู รวม 750 ไร่ มูลค่าการพัฒนา 20,000 ล้านบาท และ โซนตะวันออก ใกล้แอร์พอร์ตลิงค์ 200 ไร่และสายสีส้ม 600 ไร่ มูลค่าการพัฒนารวม 20,000 ล้านบาท

 

สำหรับในปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดโครงการการใหม่รวมทั้งสิ้น 21 โครงการ รวมมูลค่า 27,550 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกมีแผนเปิดตัว 7 โครงการ และในครึ่งปีหลังอีก 14 โครงการ ประกอบด้วยบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ 15 โครงการ มูลค่า 18,350 ล้านบาท และ คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 9,200 ล้านบาท โดยมีทำเลใหม่ อาทิ กรุงเทพกรีฑา แจ้งวัฒนะ พัฒนาการ บางนา ประชาชื่น เพชรเกษม 

 

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายโครงการไปในต่างจังหวัดเพิ่มเติม ได้แก่ คอนโดมิเนียมที่หัวหิน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ไปพัฒนาโครงการหอพักนักศึกษาที่เชียงใหม่ ภายใต้แบรนด์ “ยูนิลอฟท์”

 

ในส่วนของการก่อสร้าง บริษัทยังมีแผนที่จะเน้นงานก่อสร้างในระบบพรีแฟบเพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 70%  เพื่อให้งานก่อสร้างเร็วขึ้น ส่งมอบได้รวดเร็ว รับรู้รายได้เร็วขึ้น และรองรับปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยนอกเหนือจากโรงงานผลิตของบริษัทแล้ว ยังมีความร่วมมือกับ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) สำหรับการผลิตด้วยระบบพรีแฟบทั้งในโครงการบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม 8 ชั้นด้วย อีกทั้ง ยังร่วมมือกับ SCG HEIM สำหรับงานก่อสร้างโครงการในตลาดบ้านระดับบน โดยจะมีการปรับรูปแบบจากเดิมที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ เพื่อให้เข้ากับเมืองไทยและรูปแบบการใช้ชีวิตของคนไทยมากขึ้น

 

ทั้งนี้ ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดที่ 19,000 ล้าน เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 14,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 9,690 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมอีก 9,310 ล้านบาท ในส่วนของรายได้นั้น คาดว่าปีนี้บริษัทจะมียอดรายได้ 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 67% เมื่อเทียบกับปี 2555 ซึ่งมีรายได้ 9,000 ล้านบาท โดยรายได้จากโครงการแนวราบยังคงเป็นหลัก ในสัดส่วน 64% ของรายได้ทั้งหมด หรือประมาณ 9,660 ล้านบาท โดยมาจากยูนิตรอขาย (Backlog)มูลค่า 1,100 ล้านบาท สำหรับรายได้จากโครงการแนวสูง คาดว่าจะมีจำนวน 4,270 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้เพิ่มขึ้นได้ในไตรมาส 2 เป็นต้นไป  

 

นอกจากนี้ บริษัทยังจะมีรายได้จากกองทุนอสังหาริมทรัพย์อีก 1,070 ล้านบาท จากโครงการหอพักนักศึกษายูนิลอฟท์ เชียงใหม่ และ ศาลายา ซึ่งทั้ง 2 โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ และคาดว่าจะจัดตั้งกองทุนได้เรียบร้อยภายในครึ่งแรกของปีนี้

 

ในด้านการเงินนั้น ปีนี้บริษัทยังได้รับการสนับสนุนสินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงินหลัก ทั้ง ธนาคารกรุงไทย ธนชาต กรุงศรีอยุธยา และ ซีไอเอ็มบีไทย ซึ่งบริษัทยังได้ปรับลดงบสำหรับการซื้อที่ดินเหลือปีละ 2,000 ล้านบาท และมีนโยบายรักษาระดับหนี้สินต่อทุนในอัตราส่วน 1.5 เท่า 

 

โดยในครึ่งปีแรกนี้ บริษัทจะออกหุ้นกู้มูลค่า 2,000 ล้านบาท เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน รวมทั้งมีแผนออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีก 2,000 ล้านบาท ในครึ่งปีหลังเพื่อใช้เป็นเงินทุนในการดำเนินโครงการเพิ่มขึ้นด้วย

 

 

 

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ    

ผังเมืองกรุงเทพฯใหม่ผุดดีมานด์ที่อยู่ทำเลใหม่ 

แมกโนเลียฯส่งวิลล่าหรูรับกำลังซื้อเขาใหญ่