แสนสิริเผยแผนธุรกิจปี 2556 เตรียมเปิด 45 โครงการ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท กับสัดส่วนโครงการในทำเลกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด 70-30 ตั้งเป้ายอดขายรวม 48,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่ผ่านมา 15%

 

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่าในปี 56 บริษัทจะยังคงรุกพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้คลอบคลุมในทุกตลาดและกลุ่มลูกค้า โดยมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่รวม 45 โครงการประกอบด้วย คอนโดมิเนียม 24 โครงการ มูลค่ารวม 35,323 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยว 13 โครงการ มูลค่ารวม 22,504 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮาส์ 8 โครงการ มูลค่ารวม 2,723 ล้านบาท

 

“ปีนี้ ดูเหมือนว่าเราจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมน้อยลง นั่นเป็นเพราะเราตั้งเป้าจากที่ดินที่เรามีอยู่ในมือ แต่หากช่วงกลางปี เราได้ที่ดินเพิ่ม ก็อาจจะมีการเปิดเพิ่มได้” นายเศรษฐากล่าว

 

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมในปีนี้ไว้ที่ 48,000 ล้านบาท เติบโต 14% จากปี 2555 ที่มียอดขายรวมอยู่ที่ 42,600 ล้านบาท

 

“เป้ายอดขายที่เราตั้งไว้นั้นเป็นยอดขายที่ไม่ทะเยอทะยานเกินไป ในขณะที่ยอดรับรู้รายได้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 34,000-36,000 ล้านบาท “

 

ทั้งนี้ นายเศรษฐากล่าวว่าบริษัทได้วางกลยุทธในดำเนินธุรกิจไว้อย่างชัดเจนภายใต้ 6 กุญแจสำคัญ คือ การรุกตลาดต่างจังหวัดต่อเนื่อง โดยปีนี้เตรียมเปิดโครงการใหม่ในอีก 6 จังหวัด 7 ทำเล ได้แก่ ระยอง อุดรธานี นครราชสีมา มหาสารคาม ศรีราชา บางแสน หาดใหญ่ โดยจ่อคิวเปิดตัว “ดีคอนโด เนินพระ” ที่จ.ระยองเป็นโครงการแรก  และเล็งเปิดตัวโครงการเพิ่มเติมในอีก 4 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก สุราษฎร์ธานี อุบลราชธานี และกาญจนบุรี ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงที่กำลังศึกษาตลาดและความเป็นไปได้อยู่ 

 

บริษัทยังมีแผนที่จะจับตลาด Niche ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่มีความเฉพาะตัวเพิ่มมากขึ้น เพื่อหนีการแข่งขันในตลาดเดิม “ที่ผ่านมา เราเพิ่งเปิดตัวโครงการดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท ใกล้กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เราเข้ามาเจาะตลาดนี้ และเราก็มีแผนที่จะพัฒนาโครงการในลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้น”

นอกจากนี้ บริษัทยังได้วางเป้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 3% โดยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้าที่จะเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในหมู่ลูกค้าและนักลงทุนชาวต่างชาติ 

 

ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทจะกลับมารุกพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์อีกครั้ง โดยเตรียมเปิด 4 โครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ นาราสิริ ในทำเลบางนา พุทธมณฑลสาย 1 พระราม 2 และศรีนครินทร์ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 8,000 ล้านบาท ในขณะที่จะขยายตลาดด้วยการหันพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคา 3 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ระดับราคา 1.5 ล้านบาทในทำเลใกล้แหล่งงานและใกล้แหล่งเมืองเก่า เช่น พรานนก เจริญกรุง และโบ๊เบ๊ เป็นต้น อีกทั้งยังมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการด้วยระบบพรีคาสให้มากขึ้น โดยมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในโครงการแนวสูง โดยเฉพาะแบรนด์ ดี คอนโด ภายใต้กำลังผลิต 4.2 หมื่นตารางเมตร/ปี  คิดเป็น 10 อาคารต่อปี รวมถึงทาวเฮาส์แบรนด์ใหม่ที่จะพัฒนาในปีนี้

 

“สำหรับภาพรวมของธุรกิจในปีนี้ ถ้าการเมืองนิ่ง เศรษฐกิจก็จะไปได้ดีตาม ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยก็มีแนวโน้มคงที่และลดลง ซึ่งตรงจุดนี้ ผมมองว่าเป็นประโยชน์ต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงินต่างๆ ก็มีวินัยในการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ ผมจึงมองไม่เห็นสัญญาณของการโอเว่อร์ซัพพลายหรือฟองสบู่แต่อย่างใด ส่วนตลาดที่จะมีการเติบโตสูงก็ยังคงเป็นตลาดล่าง เช่นเดียวกับตลาดต่างจังหวัดซึ่งเป็นตลาดที่เราเองก็ฝากความหวังเอาไว้มาก” นายเศรษฐากล่าวทิ้งท้าย 

 

ทั้งนี้ บริษัทเตรียมปรับขึ้นราคาขายอีก 5-7% ตามต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นของแต่ละโครงการ

 

ทุนอสังหาฯต่างชาติแห่ลงทุนพม่า 

ข้อควรรู้ในการขายห้องชุดให้กับคนต่างชาติ ตอนจบ