someday we write , someday we wrong









ครบรอบ 1 ปีบล็อก : ไบโพลาร์ทั้งชุดนอน : ชุดนอนติดเชื้อ...ทุกคนหนีไป...

เหมือนโชคชะตาเล่นตลก...ด้วยตลอดมาผมจะมักพูดติดปากเสมอว่า...
“เพื่อนๆยังจะอ่านตัวหนังสือของผมไหม ถ้าหากคนเขียนเป็นแค่คนบ้าๆบอๆคนนึง”

ใครจะไปรู้ว่าพอมาวันนี้ ...ผมจะบ้าไปแล้วจริงๆ...





ไม่นานมานี้เองที่ผมเพิ่งค้นพบว่าตัวเองกำลังป่วยด้วยโรคชื่อเรียกว่า “ไบโพลาร์” ครับ (บางตำราเรียกว่า โรค 2 บุคลิก)
โดยไบโพลาร์เป็นจัดเป็นโรคประสาททางด้านอารมณ์ ซึ่งส่งผลให้ผู้ที่ป่วยมีอารมณ์รุนแรงกว่าปกติและมีความแปรปรวนที่รวดเร็วเอามากๆ กล่าวคือ หากผู้ป่วยกำลังซึมเศร้าก็จะซึมเศร้ายาวนานและซึมลึกมากกว่าคนปกติ แต่พออารมณ์ดีก็จะลั่นล้าปาจิงโก๊ะมากกว่าคนทั่วๆไป และสามารถเปลี่ยนจากอารมณ์จากดีสุดๆไปเป็นร้ายสุดขั้วได้ในชั่วพริบตา...เรียกว่ารวดเร็วมากขนาดเจ้าตัวยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ

อาการแรกของไบโพลาร์ที่น่าเป็นกังวลก็คือ อาการซึมเศร้า
ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเบื่อหน่าย หมดความกระตือรือร้น และไม่อยากจะทำอะไร...บ่อยครั้งรวมไปถึงไม่อยากจะหายใจอีกต่อไปแล้วด้วย นั่นช่วยอธิบายได้ชัดเจนว่าทำไมผมจึงอัพบล็อกทีแล้วเว้นระยะยาวนานเป็นเดือนๆ แม้บางครั้งอาจจะมีติดภารกิจอยู่บ้างก็จริง แต่ส่วนใหญ่แล้วสารภาพกันตรงๆว่า มันเกิดมาจากอาการหมดอาลัยตายอยากในการเคาะแป้นคีย์บอร์ดของตัวผมเองครับ งานนี้ไม่มีเหตุผลใดๆมารองรับแค่จู่ๆมันเกิดซึมๆเศร้าๆของมันเอง และไม่รู้ว่าอะไรดลใจ...เวลาว่างๆผมถึงเป็นคนที่ชอบคิดหาวิธีการฆ่าตัวตายอยู่บ่อยๆ...

ที่ผ่านมายังไม่มีใครเคยรู้...
แต่ผมได้แอบทำสมุดโน้ตไว้เล่มนึงนานมากแล้ว ซึ่งภายในนั้นบรรจุ “วิธีการทำงาน” ของผมเอาไว้อย่างครบถ้วน จนเรียกได้ว่า ถ้าจับใครสักคนมาอ่านสมุดเล่มนี้เขาคนนั้นก็จะสามารถทำงานแทนที่ผมได้ในทันที... สมุดเล่มนี้จึงเปรียบเสมือน “มาตรการณ์สุดท้ายของความรับผิดชอบ” ที่ผมตระเตรียมไว้...มันเป็นมาตรการณ์ที่มีเตรียมไว้ให้คนที่อยู่ข้างหลังได้ใช้รับมือในยามที่ความเศร้าในจิตใจเอาชนะความหวังของตัวผมได้อย่างสมบูรณ์แบบ...

โดยหากเจ้าอาการซึมเศร้าเป็นวายร้ายที่คอยหาจังหวะฉวยโอกาสคร่าชีวิตผม (โดยไม่ต้องยืมมือเหตุผลมาร่วมก่อการ) แล้วล่ะก็ อาการอีกอย่างของไบโพลาร์ที่น่ากลัวไม่แพ้กันก็คงจะหนีไม่พ้น “เจ้าอาการก้าวร้าว” ที่มักเกิดขึ้นแบบฉับพันในหมู่ผู้ป่วย ส่งให้งานนี้...ถ้าผมไม่ฆ่าตัวตาย ผมก็อาจจะไปเผลอฆ่าใครสักคน...เข้าสักวัน





หลังจากระแคะระคายว่าตัวเองนั้นป่วยเป็นไบโพลาร์
ผมก็พยามศึกษาหาข้อมูลของมันอย่างเอาจริงเอาจัง(รวมถึงได้ลองไปปรึกษาแพทย์) แต่พอยิ่งศึกษาก็ยิ่งมั่นใจว่าตัวเองกำลังป่วยเป็นมันเข้าแล้วจริงๆ เพราะอาการของโรคมันตรงกับอาการของผม “เป๊ะๆ” เลยทีเดียว เหมือนเวลาเราอ่านทำนายดวงแล้วนั่งพยักหน้าตามว่า “โหย แม่หมอแม่นมากๆ” ยังไงยังงั้น ซึ่งเจ้าอาการที่ว่าของผมประกอบไปด้วย การนอนไม่หลับและไม่อยากนอนในเวลากลางคืน(ในขณะที่ผมกำลังพิมพ์อยู่นี้ ผมเพิ่งเข้านอนตอน 7 โมงเช้าติดต่อกันมา 4 วันแล้ว...) เวลาอารมณ์ดีจะพูดไม่หยุด(จริงแท้ๆ) แต่เวลาซึมเศร้าจะเป็นหนักและนาน(ตรงมากมาย) ขาดสติบ่อยครั้งและไม่มีเหตุผลในการตัดสินใจ(ถูกต้องนะคร้าบบบ) มีความคิดฆ่าตัวตาย(อย่าให้ได้โม้ว่าผมมีวิธีการลงมือสะสมไว้แล้วกี่รูปแบบ) คิดอ่านรวดเร็วแลดูดีราวกับจะมีความคิดสร้างสรรค์แต่มักจะทำในสิ่งที่คิดไม่สำเร็จเพราะคิดไว้ไม่รอบคอบ พฤติกรรมวุ่นวายไม่สม่ำเสมอ ขี้หงุดหงิด และก้าวร้าวรุนแรง

ผม ผม ผม...ผมทั้งนั้นเลย!! ...แบบนี้ไม่เรียกบ้าแล้วจะเรียกอะไร...

หลายคนที่อ่านอาจจะคิดว่า “บางอาการก็ตรงกับตัวเองเหมือนกันนะ ผมคงไม่ได้บ้าหรอก” เชื่อผมเถอะครับ ว่างานนี้บ้าจริงๆ และไบโพลาร์ไม่ได้เป็นกันง่ายๆหากอยากเป็น เพราะมันเกิดจากพฤติกรรมที่สะสมมายาวนาน ความเครียดที่รุนแรง และพันธุ์กรรมก็มีส่วน โดยจากการสังเกตตัวเองย้อนหลังกลับไป...คาดว่าผมน่าจะมีอาการมาได้ราวๆ 3 ปีแล้ว...

โดยหนทางรักษาก็แลดูง่ายๆและดูเป็นไปไม่ได้ไปในเวลาเดียวกัน
เริ่มต้นจากเรื่องง่ายๆอย่างการออกกำลังกาย ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (ผมเหล้าไม่ดื่มบุหรี่ไม่สูบ...รอดไป) หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน!!! ซวยแล้วไง... เพราะหากในกระแสเลือดของคนทั่วไปใช้เม็ดเลือดแดงในการขนย้ายออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ร่างกายของผมนั้นกลับใช้คาเฟอีนจากกาแฟในการทำหน้าที่นั้นแทน... นี่ขนาดแค่การรักษาแบบง่ายๆนะเนี่ยก็ติดขัดซะแล้ว

ส่วนการรักษาแบบเอาจริงเอาจังนั้นก็มีตั้งแต่การใช้ยา การบำบัด และการให้กำลังใจจากคนรอบข้าง
ซึ่งต้องใช้ทุกวิธีร่วมกันอย่างต่อเนื่องเป็นแรมปี ที่สนุกสนานก็คือไบโพลาร์มันดันเป็นญาติห่างๆของรังแค ก็เลยมีหน้าตาของโรคคล้ายๆกันคือ “เป็นๆหายๆ” ได้ด้วย(โอว์) ดังนั้นหากเราไปเข้ารับการรักษา เจ้าผีร้ายไบโพลาร์อาจจะดื้ออยู่ราว 5 – 6 ปีถึงจะยอมย้ายออก แต่พอเราหยุดใช้ยาหรือลดการบำบัดลง มันก็พร้อมจะย้ายข้าวของกลับมาสิงสู่เราอีกแบบทันทีทันใจ

ส่งผลให้ความพยายามในการกลับมาอยู่ร่วมกับสังคมของผม...จึงล้มเหลวไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน…





ที่ผ่านมามันจะเหมือนกับผมต้องรับมือกับโรคร้ายที่มีตัวผมอีก 1 บุคลิกคอยให้การสนับสนุน
หรือไม่แน่ตัวผมทั้ง 2 บุคลิกอาจจะร่วมมือกันเป็นไส้ศึกซะเอง

เอาง่ายๆแค่เรื่องการเขียนบล็อกที่นี่...
มันน่าสงสัยอยู่เหมือนกันนะว่าในบรรดาบล็อกกว่า 40 เอนทรี้ที่ผมอัพมาตลอดทั้งปี
มีอันไหนบ้างนะที่ถูกอัพขึ้นโดยตัวผมที่กำลังซึมเศร้า อันไหนบางล่ะที่ถูกอัพขึ้นท่ามกลางอารมณ์ก้าวร้าว
แล้วจะมีสักอันไหมนะ...ที่ถูกขีดเขียน ตกแต่ง และอัพถ่ายทอดมันออกด้วยตัวผมเองจริงๆ...

แท้จริงแล้วผู้ชายที่ชื่อ “ขอรบกวนทั้งชุดนอน” คนนี้...มีนิสัยใจคอเป็นยังไงนะ?
อย่าหันมาทางผมสิ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ


มันเหมือนมีเสียง 2 เสียงดังถกเถียงโต้ตอบกันไปมาในหัวของผม เสียงนึงเบื่อหน่ายโลกจนอยากจะรีบชิงจากไป ส่วนอีกเสียงโกรธเกลียดผู้คนจนอยากจะทำการเข่นฆ่าทุกสรรพสิ่ง ...แล้วผมก็ได้ยินแค่ 2 เสียงนี้เท่านั้นเอง...ไม่มีเสียงที่ 3 ที่ควรจะเป็นเสียงของตัวผมเองออกมาช่วยคอยห้ามศึก แถมผมยังไม่มีโอกาสได้เลือกว่าจะรับฟังเสียงไหนอีกต่างหาก เพราะกลับเป็นสิทธิ์ของพวกมันในการเป็นฝ่ายสลับพลัดกันเข้ามาเข้ายึดครองเอาร่างของผมไปใช้กันอย่างสนุกสนาน

ตอนที่ผมโตพอที่จะเริ่มต้นคิดถึงชีวิตนั้น ผมเคยคิดเอาไว้ว่าอยากจะคนดีของสังคมไปตามอัธภาพ เขียนหนังสือเป็นอาชีพเสริม(แต่แอบคิดจริงจังกว่าอาชีพหลัก) และสร้างครอบครัวที่อบอุ่น โดยขอเวลาในการทำเรื่องทั้งหมดนี้สัก 60 ปีก็พร้อมที่จะจากไปแบบตายตาหลับ เพียงแต่ที่ผมจะได้เพิ่งมารู้ว่าพระเจ้าทรงอนุญาตให้ผมวางแผนได้...แต่กลับเมตตาเวลาให้แค่ 27 ปีในการนำไปปฏิบัติจริง

ตอนนี้เวลาหมดแล้ว
ยินดีที่ได้รู้จักครับ



Create Date : 12 มกราคม 2552
Last Update : 15 เมษายน 2553 15:24:08 น. 29 comments
Counter : 4472 Pageviews.

 
ขอบคุณที่นำเรื่องนี้มาบอกกล่าวนะ .....ค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ คิดว่าก็รู้สึกว่า

เฮ้ย .....เราก็คงเป็นโรคนี้เหมือนกันนะเนี่ย

ไม่ได้ล้อเลียนนะ แต่เราคิดตามที่คุณว่า ...

อาการของความเครียด ความก้าวร้าว และเบื่อโลก เนี่ย .....เป็นบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลา 3-5 ปีมานี่

ที่แรกเราคิดว่าคงเป็นเพราะ เบื่องาน แต่คงไม่ใช่ เรายังทำงานได้อย่างเดิม ด้วยประสิทธิภาพเต็มทีเช่นเดิม (ตามความเห็นเรา)
แต่อารมณ์เบื่อๆ อยากบีบคอใครซักคนเนี่ย .....มีเป็นพักๆ ...ระบุคนที่อยากฆ่า กาหัวได้ 1 คน

ในกระแสเลือดก็มีคาเฟอีนมาหล่อเลี้ยงเช่นกัน .....

เอาเถอะ ....ยังไงเราก็เป็นโรคเดียวกัน เราก็อยู่ด้วยกันหน้าจอคอมพ์กันได้นะคะ .....

ยินดีที่เจอกันครบ 1 ปีค่ะ


โดย: นัทธ์ วันที่: 13 มกราคม 2552 เวลา:14:06:30 น.  

 
ยังไม่ได้อ่านละเอียดๆน่ะครับ (กว่าจะเปิดก็จะโกอิ้งโฮมแล้วว)

แต่ก็จะมาคุยถึงเรื่องที่ไปโพสเอาไว้... เย้ส แหมน ยังไม่ได้ดูเลยครับ คิดว่าจะหาเวลาไปวันนี้วันพรุ่งนี้ เหตุผลเพราะน้องนางในกล่องคอมเม้นส์ของผมละครับ 555+ ยิ่งคุณชุดนอนมสฟันเฟิร์มว่าน่ารักโฮกก แบบนี้คงดูแบบไม่ค่อยสนใจนาย จิม เท่าไรกระมัง โฮ่ๆๆ

ส่วนผลลูกโลกสังกะสี... เซงครับที่ไม่ได้ดู (จะลางานเพื่อนั่งดูก็ใช่ที่) คิดอยู่ว่ามันจะมีเทปตอนกลางคืนรึปล่าวหนอ สรุปว่าไม่มี -*- เรื่องผลก็ไม่ค่อยผลิกโผอะไรมากมายครับ ก็จะมีแปลกใจอยู่บ้างตรง 1. เบนจามินไม่ได้สักรางวัล 2. เคทได้สองอันเลย 3. โคลินได้รางวัล 4. ผมของดรูว์ (ชุดสวยย แต่ผม...อรึม) 5. ซีทรูสุดสยึมกึ๋ยของ เรเน่ 6. ความงามของแองเจลิน่า (อันนี้ไม่แปลกใจเรยย 55+)

ส่วนเรื่องที่ผมขอเป็นตัวสำรองนั้น... เอาเป็นว่านัดนี้ผมขอป่วยการเมืองละกัน 555+ เพราะนัดที่แล้วโดนเสียบถึงขั้นขาหักสองท่อนเลยทีเดียว...


โดย: BloodyMonday วันที่: 13 มกราคม 2552 เวลา:18:52:35 น.  

 
เฮ้ย... อ่านแล้วจะร้องไห้ว่ะพี่...
ไม่น่ามาอ่านตอนนี้เลย 55+

ปล. zooey deschanel ใน bridge to terabithia น่ารักที่สุด


โดย: nanoguy IP: 58.10.36.179 วันที่: 13 มกราคม 2552 เวลา:20:27:54 น.  

 
^
^
500 Days of Summer จะทำให้นาโนเปลี่ยนใจ... ฟัน(ธง)(คอน)เฟิร์ม !!!


โดย: BdMd IP: 124.120.63.230 วันที่: 13 มกราคม 2552 เวลา:21:43:19 น.  

 
อ่านแล้วก็อึ้งค่ะ



เราเคยเป็นโรคซึมเศร้านะ แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
เมื่อเดินผ่านจุดๆ นั้นมาแล้วก็คงไม่คิดจะกลับไปอีก
เรื่องบางเรื่อง การระลึกถึงก็ทำให้มันไม่ตายสนิท เราเลยเลือกจะฝังลืมน่ะ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 13 มกราคม 2552 เวลา:23:26:49 น.  

 
คุณคะ...เอนทรี่อื่น ๆ ไม่รู้ รู้แต่เอนทรี่นี้ คุณเขียนด้วยอาการซึมเศร้าแน่ ๆ อ่ะ
แล้วก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจอะไรลงไปนะคะ ใครว่าพระเจ้าให้คุณแค่ 27 ปี
ไม่แน่อาจจะมากกว่า 60 ปีก็เป็นได้ แล้วอีกอย่าง คุณก็ยังไม่ทันได้มีครอบครัวนิ
ยังทำตามความฝันไม่ครบเลย เพราะฉะนั้น ทำใจดี ๆ ไว้นะคะ
(ย่อหน้านี้ เป็นการเยียวยาจากกำลังใจของคนรอบข้างค่ะ)

ถ้า "มาตรการสุดท้ายของความรับผิดชอบ" ที่คุณจัดแจงเขียนไว้น่ะ
มีวิธีทำงานในการเขียนของคุณด้วย อย่าเพิ่งรอให้ใครอ่านหลังจากอาการซึมเศร้าเอาชนะหรอกนะคะ
เอามาให้ดิฉันเถอะค่ะ ถือว่าขอร้อง เพราะว่าอยากรู้เคล็ดลับการเขียนของคุณเหลือเกิน
หมายความว่าชมนะคะ...ที่พูดไปนั่น (และย่อหน้านี้ก็ให้กำลังใจคุณอีกแล้ว)

....................

ตั้งแต่ที่คุณบอกมาทีแรกว่าคุณมีอาการนี้ ดิฉันอ่านคร่าว ๆ ตามลิงค์ที่คุณให้ไว้
ตอนนั้นแอบคิดกลาย ๆ ว่า "หรือฉันก็เป็นเหมือนกัน" อย่างที่คุณว่าไว้
หลังจากนั้นเห็นคุณอาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ ก็เลยเริ่มศึกษาอย่างจริงจังขึ้น
และตัดสินใจแน่วแน่แล้วเหมือนกัน ว่า "ดิฉันก็เป็นไบโพลาร์" เหมือนกันค่ะ!
อันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นและไม่ใช่การให้กำลังใจกันอีกต่อไปแล้วนะคะ
แต่ดิฉันก็เป็นบ้าไม่ต่างกับคุณ!!

มีตัวอย่างเป็นอย่างเดียวกันกับการอัพบลอคค่ะ อัพ ๆ หาย ๆ แล้วแต่อารมณ์
และอะไรอีกมากมายที่เป็นความจริงหลังจอซึ่งยังไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา
ทั้งอารมณ์อยากปลิดชีพ หมดหวังในชีวิต ซึมเศร้า หดหู่ ก้าวร้าว เกลียดทุกคนในโลกรวมทั้งตัวเอง
ไร้ค่า ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ด่าทอผู้คน โมโหร้าย มองโลกในแง่ลบตลอดเวลา
และรวมไปถึงบางครั้งก็ยังอารมณ์ร่าเริงผิดปกติจนเกินเหตุและทำให้คนรอบข้างตระหนก

ไม่ได้จะแข่งว่าใครบ้ากว่าใครแต่อย่างใด เพราะหลังจากอ่านเอนทรี่นี้แล้ว
ดิฉันต้องยกให้คุณ ว่าคุณมีอาการขั้นหนักกว่าดิฉันพอสมควร
จากการอ่านแล้ว รับทราบได้เลยว่า เป็นขั้นไม่ธรรมดาทีเดียวสำหรับคุณ
ฉันนั้นยังขั้นต้น และก็กำลังพยายามเยียวยารักษาตัวเองไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ย่อท้อ
เท่ากับว่าตลอดมาเมื่ออาการซึมเศร้าออกอาการ ความหวังในชีวิตยังคงเป็นฝ่ายชนะอยู่เสมอ

และการรักษาของดิฉันอย่างนึงที่อยากจะแนะนำให้คุณเป็นอย่างแรก
คือ การเดินทางค่ะ การได้ออกไปเห็นโลกกว้าง ๆ ภายนอก กับสิ่งเร้ามากมาย
ไม่ได้ถึงกับทำให้หายขาด เพียงแต่ "ลดระดับ" ความซึมเศร้าและหดหู่ลงได้พอสมควร
รวมทั้งเพิ่มระดับความสามารถในการมองโลกในแง่ดีและมีความหวังในชีวิตอยู่ด้วย
บางขณะเราจะคิดแค่ว่า "แค่มีลมหายใจอยู่ได้ก็โชคดีแล้ว"
และขณะนั้น มันจะอยู่กับเราตลอดไป และมาช่วยเหลือเราได้ ในวันที่อาการออกมาสำแดงให้เห็นค่ะ

..............

คุณคะ...อาจจะไม่ต้องเชื่อสิ่งที่ฉันบอกก็ได้ แต่ขณะที่คุณยังไม่รู้ว่าตัวคุณเป็นใคร
เชื่อไปก่อนดีไหมคะ ว่าในขณะที่คุณทำให้ใครมีความสุข นั่นแหละคือตัวคุณ
อย่างน้อย...ฉันก็เชื่อมันในตัวคุณอย่างนั้นนะคะ
(ย่อหน้านี้เป็นอีกกำลังใจจากคนรอบข้างค่ะ)


โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:5:18:16 น.  

 
อ่านแล้วอึ้ง.....

ใครกำหนดว่าพระเจ้าให้เวลาคุณมาเท่านั้นเท่านี้...?
แท้จริงแล้ว...ชีวิตคุณมีเพียงชั่วขณะเดียว
ชั่วลมหายใจเข้าและออก...เท่านั้นจริง ๆ


โดย: แม่ไก่ วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:10:43:30 น.  

 
เข้าใจคุณชุดนอน
พูมีเพื่อนเป็นโบโพล่าร์
และตัวเองก็เป็นโรคซึมเศร้าด้วย ทานยาอยู่

อยากมาให้กำลังใจ คงแนะนำได้ช่วงซึมเศร้านะ เพราะเป็นเหมือนกัน แล้วพูก็เป็นๆ หายๆ มาห้าหกปีแล้ว ทานยามาตลอด เข้าใจความรู้สึกของคุณตอนเศร้าเลย
คิดถึงเรื่องฆ่าตัวตายบ่อยๆ ไม่เป็นไรหรอกนะ พูก็คิด แต่ว่าไม่ทำเท่านั้นเอง ไม่รู้จะรีบตายไปทำไม อยากอยู่ใช้กรรมต่อไปนานๆ เอิ้กๆ บางทีก็คิดว่าสงสัยชาติที่แล้วเราเคยฆ่าตัวตาย ชาตินี้เลยต้องต้องมาวนเวียนกับเรื่องนี้
กรรมพันธุ์มีส่วนมากค่ะ โรคพวกนี้ อย่าโทษตัวเอง
ตั้งแต่พูเป็นก็ศึกษาโรคพวกนี้มาพอสมควร หมอก็เอาหนังมาให้ดูด้วย พระเอกเป็นใบโพล่าร์ เอิ้กๆ

อยากจะสนับสนุนให้ทานยาต่อเนื่องค่ะ ใครๆ อาจจะคิดว่าเราเป็นเพราะจิตใจ แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น คือ สมองของเราไม่เหมือนชาวบ้านค่ะ คือเราจะขาดสารสื่อประสาทในสมองตัวหนึ่ง ชื่อ ซีโรโตนิน (สำหรับซึมเศร้านะ) ดังนั้นมันเป็นอาการทางกายด้วย ต้องทานยาต่อเนื่องค่ะ การทานยาระยะยาวไม่ได้รักษาโรค แต่ป้องกันโรค ป้องกันการเป็นๆ หายๆ ของเรานั่นล่ะค่ะ

และขอย้ำว่าคุณไม่ได้บ้า ถ้าคุณเป็นเฉพาะใบโพล่าร์ ถ้าบ้าจะเป็นอีกแบบคือจิตเภท อันนั้นคือไม่อยู่ในโลกของความเป็นจริง แต่เวลาพูดกับชาวบ้าน ต้องบอกว่าเราบ้าค่ะ เขาจะคิดว่าเราไม่บ้า 55555 ถ้าบอกว่าเราไม่บ้า เค้าจะว่าเราบ้าแน่นอน 5555

ช่วงนี้พูปั่นจักรยานทุกวันเลย รู้สึกดีขึ้นมาก มันเป็นข้อดีของการไม่มีตัง 555555555 ออกกำลังกายจะช่วยได้ตอนซึมเศร้าค่ะ แต่ตอนก้าวร้าวนี่คงต้องใช้การตั้งสติ นั่งสมาธิช่วยละมั้ง แต่ที่สำคัญ เชื่อหมอค่ะ อย่าขาดยา เพราะพูลองมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ที่หยุดยาเอง อาการแย่ลงค่ะ

เป็นกำลังใจให้ในชุดทำงานค่ะ สู้ๆ


โดย: pumpond วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:11:17:30 น.  

 
นึกชื่อเรื่องหนังได้คลับคล้ายคลับคลา
เป็นหนังเก่ามาก เรื่อง rain man ถ้าจำไม่ผิดค่ะ
เห็นชอบดูหนัง อาจจะหาเจอ แต่พูไม่ได้ดูจากที่ร้าน
คือหมอเอามาให้ดูเพราะเห็นพูสนใจอ่านหนังสือจิตเวท
พระเอกเป็นไบโพล่าร์
ถ้าจำชื่อเรื่องผิดก็ขออภัยด้วย มันนานมากแล้วที่ดู

ส่วนที่ถามว่าบล๊อคไหนที่เขียนด้วยอาการเศร้า พูว่าบล๊อคเกี่ยวกับหนังที่คุณเขียนอะ คุณอยู่ในอาการเศร้า เพราะพูก็ชอบหนังแนวนี้เหมือนคุณเลย เดาเอานะ อย่าจริงจัง


โดย: pumpond วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:11:24:56 น.  

 
วันนี้อากาศหนาวลงมาก แทบไม่อยากลุกจากเตียง
แต่พูก็ลุกมาแล้ว แดดอุ่นๆ จะทำให้รู้สึกดีขึ้น
หัวข้อของคุณชุดนอนข้างบน ทำให้รู้สึกเป็นห่วงจัง

"หากตัวผมเคยได้ทำร้ายใคร ผมอยากจะขอให้คุณอภัยให้แก่ตัวผมคนนั้น
หากตัวผมเคยได้ทำให้ใครมีความสุข ผมอยากจะบอกว่านั่นอาจไม่ใช่ตัวจริงของผม

หนทางที่เหลือนั้นคับแคบมาก
มีเพียงตัวผมยอมจากไป...กับ...ตัวผมลงมือทำให้คนที่ผมรักต้องจากไป
เพื่อให้เรียบง่าย...ผมเลือกแล้ว และโปรดเชื่อมั่นในการตัดสินใจของผมนะครับ"

อยากจะบอกว่าคนทุกคนมีค่าเสมอ สู้นะ
เวลาที่คุณเศร้าโปรดรู้ว่ามันเป็นเพราะโรค ไม่ใช่ความผิดของคุณ "ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็ขอให้ทนอีกนิดนะ" มีคนมากมายต้องการคุณอยู่ ก็อย่างหนังสือต้นไม้ใต้โลกนั่นล่ะ คนคนหนึ่งทำอะไรได้ตั้งมากมาย คุณมีค่ามากกว่าที่คุณคิด พูจะเข้ามาคุยด้วยบ่อยๆนะ

ปล. อากาศหนาวทำให้อาการซึมเศร้ากำเริบ อย่าลืมออกไปรับแสงแดดทุกวัน



โดย: pumpond วันที่: 15 มกราคม 2552 เวลา:13:46:29 น.  

 
นาย

วันก่อนเราว่าเราเหมือนจะเริ่มเป็นไบโพลาร์แล้วล่ะ...


โดย: nanoguy IP: 125.24.158.230 วันที่: 15 มกราคม 2552 เวลา:17:05:13 น.  

 
ฮาโหล คุณชุดนอน เคยอ่านเจอไหมคะ
ที่เค้าบอกว่าผู้ป่วยโรคทางประสาทหน่ะ มักจะฉลาดกว่าคนปกติทั่วไปล่ะ
เอ เราว่าถ้าคุณจะเข้าเค้าก็เพราะว่างานนี้แหละ

แบบนี้รึเปล่าคุณแม่ถึงชอบจับคู่ให้กับคุณหมอคุณพยาบาลหน่ะ ^^

ตอนเล็กๆ ประมาณช่วงประถมปลายถึงช่วงม.ต้นหน่ะ
อ้อนก็เคยมีอาการชอบครุ่นคิดถึงความตายล่ะ แต่ก็ไม่ค่อยคิดเรื่องการฆ่าตัวตายหรอกค่ะ
แค่ชอบคิดว่าคนเราเดี๋ยวแป๊บเดียวก็ตายแล้ว ประมาณนี้
แต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิดปกติหรอกนะ
เอ ...หรือว่าควรคิดล่ะ (ชักงง)

ยินดีด้วยที่อยู่ที่บ้านหลังนี้มาครบหนึ่งปีแล้วนะคะ


โดย: BeCoffee วันที่: 15 มกราคม 2552 เวลา:21:52:32 น.  

 
ดีใจจังที่คุณชุดนอนมาคุยที่บล๊อคพู
เรื่องปัญหาการรวบรวมสมาธิเป็นเรื่องปกติของคนโรคนี้เลยคะ พูก็มีปัญหาเรื่องนี้มากๆ พอๆกับคุณ แต่ที่เห็นพูอัพบล๊อคบ่อย เพราะพูพยายามสู้ค่ะ ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระมันจะสู้ได้ง่ายกว่า เรื่องงาน เอิ้กๆ

เรื่องที่คุณไม่ทานยา หรือไม่รับการรักษา พูยอมรับความเห็นของคุณค่ะ และเข้าใจมากๆด้วย เพราะตัวเองก็เป็น ถึงได้เลิกทานยาไม่ต่ำกว่าสามรอบ แต่อยากจะคุยให้ฟังหน่อยหนึ่งนะคะ

เมื่อพูเป็นโรคนี้แรกๆ รู้สึกตัวเองแย่จัง บอกใคร ใครก็ไม่เข้าใจเรา ทุกคนรวมถึงพ่อ แม่ บอกว่าห้ามกินยานะ พูไม่ได้บ้า ก็เห็นปกติดีนี่ ไอ้เราก็เออ จริง ตรูไม่ได้เป็นไรสักหน่อย ปวดก็ไม่ปวด เจ็บก็ไม่เจ็บ ทำไมต้องกินยา ก็เลิกไปรอบหนึ่ง เสร็จอาการกำเริบ ก็ต้องไปหาหมอเอายาอีกรอบ คราวนี้ก็กินไปเรื่อยๆ จนอาการดีขึ้นมาก จนคิดว่าหายแล้ว แล้วพูก็ต้องเดินทางไปเมืองนอก ก่อนไปก็ตรวจทุกอย่าง ทั้งทางกายทางจิต ก็ผ่านหมด

ทำงานที่เมืองนอก ก็ไม่มีปัญหาอะไร คุยกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมงานบอก ฉันเนี่ยเป็นจิตเภทมาก่อน ว๊าว เมืองนอกนี่ดีจังให้โอกาศคน เลขาเจ้านายอีกคนเป็นซึมเศร้ามาก่อน เปิดทีวีก็เห็นโฆษณายาโรคซึมเศร้าบ่อยกว่าโฆษณายาสีฟัน เริ่มรู้สึกว่าการเป็นโรคนี้มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่นี่ ทุกคนยอมรับ แต่พออยู่จนถึงหน้าหนาว อาการพูก็กำเริบอีก โดยไม่มีสาเหตุอะไร ก็ไปหาหมอที่เมืองนอก หมอก็ให้ยามากิน พอทำงานครบปีก็กลับบ้าน

พอกลับเมืองไทย ช่วงแรกยังทานยา สักพักเริ่มกดดัน เพราะคนไทยไม่เข้าใจโรคนี้เลย แม่ก็พยายามให้เลิกยา ผู้กคนก็มองเราแปลกๆ เอาวะ เลิกก็เลิก แล้วไม่นานมันก็กลับมาอีกเป็นวงจร จนสุดท้ายพ่อแม่ยอมรับ บอกว่ากินยาเถอะลูก

เล่าซะยาวเลย แต่ยังมีอีกหน่อย คือ น้าของพูก็เป็นโรคนี้ กินยาอยู่ช่วงหนึ่งก็ดี ต่อมาเขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่กินยาอีกแล้ว ไม่อยากดูเป็นคนบ้าในสายตาคนอื่น สุดท้ายก็ไปพึ่งเหล้าแทนยา กินเหล้าจนกระเพาะทะลุตาย

สำหรับโรคซึมเศร้าแล้ว อาการแย่ยังไงก็ไม่ถึงตาย ไม่เจ็บไม่ปวด แต่จะกระทบการทำงานของเราอย่างมาก ถ้าเราเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ก็ทำได้ เพียงแต่ต้องมีสติ ไม่ฆ่าตัวตาย ไม่ทำร้ายตัวเองและผู้อื่น ยังไงพูว่าเราก็รอดค่ะ แต่การทำงานก็ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคด้วย

คุณชุดนอนไม่ทานยาก็ไม่เป็นไรค่ะ พูแค่เล่าไว้เป็นข้อมูล
คุณจะรับมันไว้เป็นเพื่อน ก็ต้องรู้จักและเข้าใจมันค่ะ ซึ่งโรคของคุณต่างจากของพู ดังนั้นที่เล่ามาคุณอาจจะไม่เป็นแบบนั้น นานไปคุณก็คงรู้เองว่าอะไรจะดีที่สุดสำหรับคุณ

ส่วนพูทุกวันนี้ยังกินยาอยู่ แต่ก็มีขี้เกียจกินบ้าง แล้วบอกตามตรง ตั้งแต่กินยามา พูยังไม่เคยรู้สึกว่ามันช่วยเราตอนไหนเลย เอิ้กๆ แต่พอไม่กินแล้วหัวมันหนัก ก็เลยกินแค่นั้นเอง พูไม่คิดว่ามันเป็นยา คิดว่าเป็นขนมซะ
ถ้าคุณเป็นเบาหวาน ความดัน ลิวคีเมีย ปวดหัว หมอให้ยาคุณมาทานนานเท่าไร หรือต้องทานตลอดชีวิต คุณก็คงทานอย่างสบายใจ
แต่โรคที่เกิดกับสมอง การทำงานของสารสื่อประสาทในสมองผิดปกติ กลับไม่มีใครสนับสนุนให้กินยา หาว่าบ้าซะงั้น

เป็นกำลังใจให้ในชุดนอนค่ะ วันนี้พูขี้เกียจทำงาน หนาว แต่ก็ยังอุตส่าห์ออกมาปั่นจักรยานรับแดด เลยมาที่ทำงานทั้งกางเกางนอน เอิ้กๆ


โดย: pumpond วันที่: 16 มกราคม 2552 เวลา:12:57:14 น.  

 
อ้อ ขอย้ำอีกทีว่าคุณไม่ได้บ้า สติคุณยังมีครบถ้วนสมบูรณ์
เนื่องมาจากว่าคุณรู้ตัวว่าตัวเองมีความผิดปกติ

ตราบใดที่เรายังรู้ตัวว่าเรามีปัญหา แสดงว่าเรายังอยู่ในโลกของความเป็นจริงค่ะ และอาจจะเป็นได้ว่าเราอยู่กับโลกของความเป็นจริงมากเกินไปด้วยซ้ำ คือ มักจะมองโลกในแง่ร้าย รู้สึกตัวเองแย่

มีหนังสือแนะนำให้อ่านค่ะ ของ นายแพทย์เทอดศักดิ์ เดชคง มีหลายเล่ม "สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ" "ตัดสินใจเลือกที่จะมีความสุข" หัวใจสำคัญของหนังสือ ก็อยู่ที่ชื่อเรื่องนั่นเอง หรือลองอ่านหนังสือแนวธรรมะดูบ้าง อ่านจากบล๊อคของ"ย่าชอบเล่า" หรือ"กะว่าก๋า"ก็ได้ค่ะ

ถ้าคุณดูดีๆ คุณจะเห็นข้อดีมากมายของการที่คุณป่วยเป็นโรคนี้ค่ะ จริงๆนะ พูเห็นแล้ว ดีใจที่ฉันป่วยทำให้ฉันได้พบกับอะไรดีๆมากมาย

พูเขียนซะยืดยาว เพราะรู้สึกเหมือนได้มีเพื่อนอีกคนที่น่าจะเข้าใจเรามากกว่าคนอื่นที่ไม่ได้ป่วย


โดย: pumpond วันที่: 16 มกราคม 2552 เวลา:13:18:52 น.  

 
เฮ้

ใจเย็น อย่าเครียดนัก


โดย: nanoguy IP: 125.24.150.170 วันที่: 18 มกราคม 2552 เวลา:2:29:09 น.  

 
มาส่งยิ้มให้ค่ะ
ไม่รู้วันศุกร์พูเขียนอะไรไปเรื่อยเปื่อย เหมือนได้ระบาย
คงไม่ว่ากันนะคะ แฮะๆ อย่าไปเชื่อพูมาก ทำตามที่คุณคิด
ดีที่สุดแล้วค่ะ


โดย: pumpond วันที่: 18 มกราคม 2552 เวลา:13:34:06 น.  

 
พอดีเพิ่งกลับมาอ่านบล็อคน่ะค่ะ มีคนรู้จักเป็นไบโพลาร์เหมือนกันก็ไปหาหมอแล้วก็ใช้ยาควบคุมน่ะค่ะแล้วก็อยู่ในสังคมได้เป็นปกติ ก็อยากบอกว่าอย่าซีเรียสนะคะ ใจเย็นๆค่อยๆควบคุมรักษาอย่างถูกต้องไป

จริงๆอาการเหล่านี้ก็มีอยู่ในตัวคนทุกคนนะคะ ว่าแต่จะมีมากน้อยต่างกันไปเท่านั้น คิดในแง่ดี คนที่เป็นไบโพลาร์ยังมีเหตุผลว่ามีอาการแบบนั้นเพราะเป็นไบโพลาร์ แต่คนที่ไม่ได้เป็นไบโพลาร์สิไม่มีข้อแก้ตัวเลยว่าทำไมเป็นคนอารมณ์ขึ้นๆลงๆ

ส่วนตัวเป็นเหมือนกันค่ะคือไม่นอนตอนกลางคืน ชอบร้องไห้ซึมเศร้าในเวลากลางคืนโดยไม่รู้สาเหตุ กลางวันก็นอนๆๆๆๆๆอย่างเดียว เคยเป็นโรคซึมเศร้าอยู่พักนึงค่ะ ตอนนี้หายแล้ว เหลือแต่อาการเล็กๆแบบร้องไห้ซึมเศร้าในเวลากลางคืนอยู่บ้างแต่ก็ไม่เป็นไรแล้วค่ะ

ก็ต้องสู้ๆกันไปนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ


โดย: TaMaChAN (narumol_tama ) วันที่: 18 มกราคม 2552 เวลา:22:57:29 น.  

 
ครั้งหนึ่งเคยมีหมีตัวหนึ่งถูกหักหลังและทำลายความเชื่อมั่น
โลกถล่มลงไปตรงหน้า และมันก็ต้องคำสาป ป่วยด้วยโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ


อยู่กับคนอื่นก็จะเป็นหมีร่าเริงแจ่มใส
อยู่ตามลำพังในถ้ำจะกลายเป็นหมีคนละตัว
ออกมาข้างนอกแล้วเป็นดาราละครสัตว์ ปั่นจักรยาน เป่าแตร ใครเห็นใครก็นึกเอ็นดู
กลับเข้าหลังฉากเมื่อไหร่ มันจะนั่งลงถอนหายใจ อัดบุหรี่เฮือกๆ พร้อมกับน้ำตาไหลเงียบๆ อย่างหยุดตัวเองไม่ได้

ไม่หลับไม่นอน รอบตาเป็นวงๆ
เพราะหลับตาลงทีไรก็จะนึกถึงแต่เรื่องที่ทำให้ต้องร้องไห้
มันกินยานอนหลับจนเกิดอาการดื้อยา
เปลี่ยนหลายยี่ห้อจนในที่สุดกินยาอะไรก็ไม่หลับ
หมีตัวนั้นยังไม่รู้ว่าตัวเองผิดปกติแล้ว คิดว่าเป็นเพราะแค่ไม่ง่วง
มันเปลี่ยนจากยามาดื่มแอลกอฮอล์ ก็ช่วยได้แค่ทำให้หลับไปวันละชั่วโมงสองชั่วโมง

หากมันอยู่แต่ในถ้ำนานๆ สักเดือน บางทีช่วงเวลาแห่งความป่วยไข้อาจจะจบลงเร็วกว่านี้
แต่เนื่องจากมันต้องออกมาสู่โลกภายนอก
และมันหยิ่งเกินกว่าจะยอมให้คนอื่นรู้ว่ามันป่วย
มันจึงใช้ชีวิตสองโลกราวกับเป็นหมีคนละตัว
---อาการมันจึงย่ำแย่กว่าเดิม
อะไรที่ฝืนกินไปตอนกลางวัน มันก็อ้วกออกมาพร้อมน้ำตาตอนกลางคืน
วันหนึ่งเมื่อส่องกระจก
มันพบว่าตัวเองที่เคยเป็นหมีขาวดำสองสี กลับกลายเป็นโพล่าร์แบร์เสียแล้ว

มันกลับมาทบทวนทุกสิ่งอีกครั้งในห้องมืดและเสียงเพลงแดดส่องของป๊อด โมเดิร์นด๊อก
ก่อนจะตัดสินใจออกจากความมืดและทิ้งความทรงจำอันปวดร้าว



หมีตัวนั้นปัจจุบันก็ยังนึกออกว่าเคยป่วย
มันตั้งใจว่า ต่อจากนี้ไปจะไม่หันกลับไป ณ จุดนั้นอีกแล้ว
---และตอนนี้ ทำสำเร็จ






โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 18 มกราคม 2552 เวลา:23:14:47 น.  

 
เคาะไวไป ---เป็นกำลังใจให้คุณชุดนอนนะโฮก


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 18 มกราคม 2552 เวลา:23:16:42 น.  

 
ถ้าหากอาการที่คุณกล่าวมาข้างต้น
เรียกว่า“ไบโพลาร์” แล้วละก็..เราเอง
ก็อาจเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน
เพียงแต่ว่า..มันคงเป็นแค่ระละเริ่มต้น
ยังไม่ร้ายแรงเท่าไหร่...

หายจากโรคนี้ไวๆนะคะ
เราก็ด้วย..ยิ้มเข้าไว้..ฮา ฮา
ยิ้มอย่างเดียว..เดี๋ยวคนอื่นก็ว่าเราบ้าอีก..


โดย: nikanda วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:5:16:49 น.  

 


โดย: pumpond วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:10:19:27 น.  

 
แว่บมาบอกข่าวเรื่องแคมเปญ April Truth’s Dayค่ะ //www.lonelytrees.net/?p=640ไม่รู้ว่าพี่ทราบแล้วหรือยัง : )


ปล. แปะโป้งเอนทรี่นี้ไว้ก่อนนะคะ ตอนนี้เหมือนจะเคืองๆตา จ้องจอนานไม่ไหว - -


โดย: maebin IP: 161.200.255.162 วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:12:39:32 น.  

 
ทนอ่านผ่านๆไม่ไหว เลยได้นั่งจ้องอ่านจนจบกันแบบจริงจัง

เมธ์ว่าอาการที่ว่ามามันอาจจะไม่ได้เป็นกันง่ายๆ แต่ก็ไม่ยากเกินที่จะหายดีนะคะ


แค่อยากจะบอกว่า
เวลายังไม่หมด และ ยินดีมากที่ได้รู้จักกันค่ะ


โดย: maebin IP: 161.200.255.162 วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:13:15:38 น.  

 
เป็นไบโพล่ามาตั้งแต่ป๊2546 ทานยามาตลอดไม่ดีขึ้นต้องทานตลอดชีวิตปีนี้เป็นปีที่ทรมารมากแต่ต้องสู่ตายไม่ได้เพราะเรามีคนที่รักเราและต้องเสียใจ พักหนี้น้ำตาไหลไห้ทุกวันเมื่ออยู่คนเดียวแต่ยิ้มเหมือพบกับคน ที่ทำงานกดดันมากแต่ต้องปิดหูเปิดตาเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่เป็นโรคนี้สู้ๆนะ


โดย: NuN IP: 202.149.25.197 วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:21:08:15 น.  

 
เราก้อเป็นเรากินยามา5ปีหล่ะหมอปรับยาเป็นระดับสองบางครั้งเราก้ออายเหมือนกันที่ป่วยเป็นเป็นโรคนี้ขอบจัยที่คุณเขียนบล็อกนี้ขึ้นมาทำหั้ยเราดั้ยความรู้อีกเยอะวันนี้เราเพิ่งตื่นนอนเราทำงานบ้านเสร็จหล่ะอยู่บ้านเฉยเฉยสามีเราส่งเสียเงินหั้ยแต่ก้อมั่ยเคยที่แต่เราชอบมั่ยอยู่นิ่งเราชอบขับรถออกปัยต่างจังหวัดบ่อยบ่อยบ้านเราอยู่บ้านนอกเราเป็นคนชอบขี่มอเตอร์ไซด์นัยเวลาเย็นแต่เราทำงานนัยนนัยชนบทเราก็เรียนหนังสือเราก็อจบม6มีอารมณ์ชั่ววูบที่เราขับรถออกจากบ้านโดยไม่ได้สติเราขับไปไกลมากประมาณสองร้อยกว่ากิโลโดยที่ญาติไปตามหาเรากลับบ้านลูกเราเป็นห่วงมาก ตั้งแต่วันนั้นเราก้อมั่ยดั้ยขับรถอีกเลยเราก้อขอหั้ยทุกคนที่เป็นโรคนี้อย่าไปคิดมากกับมัน


โดย: นพ IP: 171.4.250.71 วันที่: 2 พฤษภาคม 2559 เวลา:13:35:04 น.  

 
ไม่มีใครตอบซักคนแฮะ


โดย: นพ IP: 171.4.250.71 วันที่: 2 พฤษภาคม 2559 เวลา:13:47:13 น.  

 
เราเป็นผู้หญิงอายุ37ปี


โดย: นพ IP: 171.4.250.71 วันที่: 2 พฤษภาคม 2559 เวลา:13:50:16 น.  

 
เรามีลูกมีสามีหล่ะเรากลัวลูกเราอายแต่เราก้อดีจัยที่เรามีเพื่อนเป็นเหมือนกันดีจัยน่ะที่ดั้ยเห็นรูปคุณเรามั่ยค่อยชอบเล่นเฟสซักเท่าหรั่ยแต่ฉันว่าฉันน่าจะเข้มแข็งกว่าคุณเยอะกว่าน่ะแต่เราชอบกินกาแฟเนสเราว่ามันดีมันทำหั้ยเรามั่ยง่วงซักเท่าหรั่ยแค่นี้ก่อนน่ะเราเป็นคนชอบเดินห้างแต่มั่ยค่อยซื้ออะรัยแค่นี้ก่อนน่ะ


โดย: นพ IP: 171.4.250.71 วันที่: 2 พฤษภาคม 2559 เวลา:13:59:23 น.  

 
แล้วคุณทำงานอะรัยกันทำมัยมั่ยตอบสักคน


โดย: นพ IP: 171.4.250.71 วันที่: 2 พฤษภาคม 2559 เวลา:15:25:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอรบกวนทั้งชุดนอน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
12 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ขอรบกวนทั้งชุดนอน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.