someday we write , someday we wrong









ฮีธ เลดเจอร์ : ความตายในอุดมคติ : เมื่อการจากไปมลายกลายเป็นการคงอยู่ชั่วนิรันดร์




เมื่อเวลาที่ความตายมาถึง คุณจะเปิดประตูต้อนรับมันไหมครับ?

ตัวคำตอบนั้นไม่ได้เรียบง่ายแค่รับหรือไม่รับ แต่ราวกับคำถามนี้จะแอบถามเราว่า เมื่อเวลาที่ต้องไปเราจะพร้อมที่จะตายไหม ถ้าเราพร้อม...แล้วอะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าพร้อมล่ะ แล้วถ้าเรายังไม่พร้อม...จะเป็นเพราะเรายังอาลัยอะไรกับการมีชีวิต...?

ผมว่านี่เป็นคำถามที่คนที่ยังมีลมหายใจควรที่จะตอบให้ได้ เพราะคนที่ตั้งคำถามนั้นคือคนที่ตายไปแล้ว
ครับ ผมได้รับคำถามนี้มาจากคนตาย...ที่ชื่อว่า ฮีธ เลดเจอร์

ตั้งแต่ใน 10 Things I hate about You (1999) เรื่อยมาจนถึง The DarK Knight (2008) ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแสดงของฮีธ เลดเจอร์นั้นทั้งเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ส่งต่อแรงบันดาลใจ และหว่านเสน่ห์จนทำให้คนดูต้องตกหลุมรัก หากแต่ไม่ใช่การมีชีวิตอยู่ของเขาเท่านั้น...การจากไปของเขาเองก็เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจด้วยเช่นด้วย

เป็นที่ทราบกันดีว่า ฮีธ เลดเจอร์ ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2008 จากผลข้างเคียงของยานอนหลับและยาคลายเครียดที่เขาใช้เกินขนาด โดยสาเหตุของการใช้ยาของฮีธนั้น ข่าวบางกระแสพูดถึงความเครียดที่เกิดขึ้นหลังจากการหย่าร้างกับภรรยา มิเชล วิลเลียมส์ แต่สิ่งที่ก่อให้เกิดแรงบันดาลตกทอดต่อมายังผู้คนนั้น กลับเป็นอีกกระแสที่พูดถึงผลกระทบจากการรับบทเป็นจอมวายร้ายโจ๊กเกอร์ใน The DarK Knight …

ว่ากันว่า ระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ฮีธสวมวิญาญาณจนเข้าถึงตัวละครตัวนี้เอามากๆ...มาก...เสียจนสลัดมันออกไม่ได้ และเก็บไปเครียดต่อนอกจอ ซึ่งหากให้เลือกที่จะเชื่อ...ผมอยากเลือกที่จะเชื่อว่าโจ๊กเกอร์เป็นสาเหตุการตายมากกว่าปัญหาการหย่าร้าง ด้วยเพราะมันให้ความรู้สึกที่ชวนฝันมากกว่ากันโข





เกี่ยวกับตัวละครที่ชื่อ โจ๊กเกอร์ ว่ากันตามโจทย์ของหนังแล้ว โจ๊กเกอร์คืออาชญากรร้ายที่เชื่อว่าแท้จริงแล้วมนุษย์มีสัญชาติญาณที่เลวทรามเสื่อมโทรม ส่วนภาพการทำดีของมนุษย์ในสังคมเป็นเพียงการเสแสร้งเท่านั้น และเขาพร้อมที่จะเผยธาตุแท้ของมนุษย์ทุกคนให้โลกได้ประจักษ์...ประจักษ์ว่าแท้จริงแล้วทุกคนนั้นโฉดชั่วเช่นเดียวกันกับเขา

โดยในตอนหนึ่งของหนัง The DarK Knight ได้ให้นิยามตัวตนของโจ๊กเกอร์เอาไว้ว่า...
“ใครบางคนก็พูดจากันด้วยเหตุผลไม่ได้ จะหว่านล้อมกันด้วยการต่อรองก็ไม่ได้ ใครบางคน...แค่อยากจะเห็นโลกลุกเป็นไฟ...”

และภายใต้การแสดงอันยอดเยี่ยมของฮีธ โจ๊กเกอร์ตอบทั้งโจทย์และตรงทั้งนิยามที่ได้รับไว้อย่างครบถ้วน หากแต่การที่คนปกติ(ฮีธ)ปล่อยให้ความคิดอ่านของปีศาจร้าย(โจ๊กเกอร์)เข้าสิงสู่เช่นนี้ มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่บางสิ่งในจิตใจจะสุ่มเสี่ยงต่อการแตกสลาย ก่อนการจากไปไม่นาน มีหนังสือพิมพ์หลายฉบับตีพิมพ์ข่าวเกี่ยวกับการที่ “ตัวตนของโจ๊กเกอร์เริ่มคืบคานเข้าไปครอบงำชีวิตของฮีธ” จนเขาเริ่มมีอาการนอนไม่หลับ เครียด สับสน และหันเริ่มไปรับประทานยา ซึ่งถึงแม้จะได้รับการออกยาภายใต้คำสั่งของแพทย์...แต่ในท้ายที่สุดฤทธิ์ของยาก็พรากเขาไปตลอดกาล โดยทุกอย่างที่เกิดขึ้นราวกับฮีธ เลดเจอร์ได้มอบทั้งชีวิตของเขาเพื่อเนรมิตชีวิตให้กับโจ๊กเกอร์บนแผ่นฟิมล์




โดย 1 ในบทสัมภาษณ์ท้ายๆก่อนการจากไปของเขา ฮีธ ได้พูดถึงการรับบทเป็นโจ๊กเกอร์เอาไว้ว่า
“ผมเชื่อว่าอะไรก็ตามที่ไม่ทำให้คนเกิดความรู้สึกเสี่ยงในชีวิต มันจะทำให้คุณมองตัวเองเหมือนกับ...คนแปลกหน้า”

ประโยคนี้เล่นทำเอาผมตกหลุมรักผู้ชาย

ผมนึกเห็นพ้อง พลางเห็นด้วย และนิยมชมชอบประโยคนี้เอามากๆ ผมว่าประโยคนี้มันถือว่าเป็นหลักความจริงในหมู่ดวงดาวแห่งนามธรรมเลยก็ว่าได้นะ ด้วยในชีวิตของคนเรานั้น เราเกิดมาแล้วทั้งทีก็ควรที่จะค้นหาความใฝ่ฝันของตัวเองให้เจอ พอเมื่อพบแล้วก็ต้องบุกต่อสู้เอาทั้งชีวิตเสี่ยงตายเข้าไปแลกเพื่อเก็บกักรักษาและทำให้มันกลายเป็นความจริง แต่หากเรายังไม่ทราบความต้องการในชีวิต...เราก็ย่อมไม่รู้จักกับตัวของเราเอง พอลองส่องกระจกเราจะไม่รู้ว่าคนในกระจกต้องการอะไร ยังหายใจไปทำไม วันพรุ่งนี้จะตื่นมามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร...และควรที่จะยังมีชีวิตต่อไปไหม...

เหมือนๆกับที่ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เคยพูดไว้ว่า “คนที่ไม่ยอมตายเพื่ออะไรเลย เป็นคนที่ไม่สมควรมีชีวิตอยู่”

หรือบางทีคนที่ยังไม่พร้อมที่จะตายจะเป็นคนที่ยังค้นไม่เจอความใฝ่ฝัน ส่วนคนที่ได้สัมผัสความต้องการของตัวเองแล้วนั่นเองคือคนที่พร้อมที่จะตายตาหลับ หากเป็นเช่นนั้นจริง ผมเชื่อว่าตอนที่ฮีธ เลดเจอร์ส่องกระจก เขาคงจะไม่พบเจอกับชายแปลกหน้าปรากฏอยู่บนเงาสะท้อน แต่เขาน่าจะมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในขณะที่กำลังเมคอัพแต่งหน้าเป็นโจ๊กเกอร์ปรากฎอยู่แทน …ฮีธคงจะจ้องเข้าไปในดวงตาของจอมวายร้ายหน้าตัวตลกบนเงาสะท้อน และพร้อมใจที่จะหยุดลมหายใจของตนเพื่อปลดปล่อยให้อาชญากรตัวนี้เป็นอิสระบนจอภาพยนตร์

และการจากไปด้วยเหตุผลนี้ของเขา...ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่มีความใฝ่ฝัน...





WIND BENEATH MY WING - Bette Midler



เพราะสำหรับผมที่เฝ้าฝันในงานเขียน ถ้าหากผมต้องเขียนถึงแง่มุมที่เลวร้ายของมนุษย์ พรรณนาถึงสันดานร้ายของผู้คน และความเน่าหนองของสังคมในมุมมองเดียวกับที่โจ๊กเกอร์มองเห็น ผมก็อยากที่จะเขียนตัวหนังสือออกมาให้คนอ่านอ่านแล้วรู้สึกว่ามนุษย์นั้นช่างเลวทรามแบบสมจริง ผู้คนนั้นชั่วร้ายอย่างสุดตัว และสังคมได้สิ้นหวังอย่างถึงที่สุดแล้ว

ผมอยากจะเขียนให้คนอ่านเชื่อให้ได้ว่า “ทัศนคติของโจ๊กเกอร์นั้นเป็นสัจธรรม” ผมอยากจะเขียนให้ดีได้แบบนั้น โดยพร้อมที่จะยอมปล่อยให้วิญาญาณของโจ๊กเกอร์เข้ามาสิงสู่ หรือแม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตามที

เพราะการตายของฮีธช่วยบอกเล่า พิสูจน์ และยืนยันถึงการมีอยู่ของ “การตายเพื่อสิ่งที่ตนรักได้อย่างเป็นรูปธรรม” ว่าคนเราควรจะหามันให้พบนะ...เจ้าสิ่งที่เรายอมทำจนตัวตายเนี่ย เหมือนอย่างที่ฮีธค้นพบว่าการแสดงคือสิ่งๆนั้นสำหรับเขา และพิสูจน์ด้วยการชีวิตเข้าแลกเพื่อให้บทบาทของโจ๊กเกอร์เข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของผู้ชมทั่วทั้งโลก ส่วนสิ่งๆนั้นสำหรับผมเองคือการเขียน ซึ่งผมคงตายตาหลับ ถ้าได้ตายเพื่อแลกกับการทำความฝันนี้ให้กลายเป็นจริง...

ผมขอสาบานว่าจะไม่หลงลืมบทบาทการแสดง แรงบันดาลใจ และความตายในอุดมคติที่ได้รับจากฮีธไปตลอดชีวิต และเมื่อถึงเวลาที่ความตายเดินทางมาถึง ผมจะออกไปต้อนรับมันด้วยตัวเองพลางเปิดประตูพูดกับความตายที่ยืนอยู่ตรงหน้าว่า... “ชีวิตน่ะให้ได้ แต่หากจะให้หมดศรัทธากับความฝัน...ก็ต้องข้ามศพกันไปก่อน”


เครดิต : บทสัมภาษณ์ แรงบันดาลใจ และภาพประกอบ(บางส่วน)จากบล็อกคุณ BloodyMonday
เครดิต : คลิป YouTube น่ารักๆของหนังเรื่อง 10 Things I hate about You จากคำแนะนำของเศร์ ปลาทอง


Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 15 เมษายน 2553 15:23:19 น. 9 comments
Counter : 3416 Pageviews.

 


หนังจากเอนทรี่นี้...ผมจะขอตัวห่างหายไปสักพักนะครับ (เดือนนี้อัพไป 3 ครั้งแล้ว ถือว่าเป็นผลงานที่น่าพอใจ 555+) ด้วยผมจะไปจำศีลเขียนหนังสือทำมือที่คงค้างมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วให้เสร็จเสียที และ...เดือนนี้พลังของผมอ่อนลงมากครับ(อัพบล็อกบ่อยๆไม่ไหว) เพราะสำหรับคนโสดแล้ว...ไม่มีอะไรสะเทือนใจมากไปกว่าการต้องชีวิตท่ามกลางเดือนแห่งความรัก


โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:30:13 น.  

 
ชอบนะคะ กับไอเดียที่ว่า “คนที่ไม่ยอมตายเพื่ออะไรเลย เป็นคนที่ไม่สมควรมีชีวิตอยู่”
ฉันเชื่อว่าคนเราควรหาความฝันให้เจอ หาความเป็นตัวเองให้เจอ หา 'อะไรบางอย่าง' ให้เจอ
เพื่อบุกบั่นฝ่าฟันไปทำมันให้เป็นจริง อะไรบางอย่างที่ทำให้เรามีความรู้สึกเรายอมตายเพื่อสิ่งนั้น
ฉันเองมีความเชื่ออย่างนึงของตัวเองในใจเสมอ และถือเป็นหลักในการดำเนินชีวิตเลยก็ว่าได้ ว่า
ชีวิตเรา ควรใช้เวลาสักครึ่งชีวิต ตามหาว่าเราอยากทำอะไรและใช้ชีวิตอีกครึ่งที่เหลือเพื่อทำมัน
หากเจอก่อนนั้นก็ถือเป็นกำไรชีวิต ตอนนี้สำหรับฉัน ก็ยังหา ๆ คลำ ๆ อยู่เลยว่าอยากทำอะไร
และอีกครึ่งชีวิตที่เหลือก็อยากจะใช้เพื่อทำอะไรบางอย่างที่อยากทำจริง ๆ โดยอยากจะกำหนดความรู้สึกว่า
อะไรบางอย่างที่อยากทำจริง ๆ นั้น เราจะต้องรู้สึกให้ได้ถึงขนาดที่ว่า 'เรายอมตายเพื่อมัน'
หรือ 'พร้อมจะตาย หากได้ทำสิ่งนั้นแล้ว' เพราะฉะนั้น ไอเดียเรื่องนี้จึงเห็นด้วยอย่างยิ่งนะคะ

แต่สำหรับฉัน กลับโอนเอียงไปในทางที่เชื่อว่า ฮีธตายเพราะสาเหตุการหย่าร้างมากกว่ารับโจ๊กเกอร์
หรือเพราะเป็นคนไร้ซึ่งจินตนาการกว้างไกลก็เป็นได้ จึงไม่ค่อยจะทำใจเชื่อได้กับความคิดที่ว่า
ด้วยเพราะข่าวสารที่รับรู้มาอีกด้านอีกทาง และเชื่อมาแต่ไหนแต่ไรกับความคิดของตัวเองแล้วก็ได้
ซึ่งนั่นก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานทั้งสองข้อ แล้วแต่ใครจะเชื่อด้านไหนและให้แรงบันดาลใจอย่างไร
ในเมื่อไม่สามารถจะเรียกฮีธกลับมาอธิบายได้ว่าเครียดและกินยามาจากสาเหตุอะไรกันแน่
สิ่งใดที่เชื่อแล้วทำให้เกิดไฟที่จะต่อสู้กับความฝัน ก็เลือกเชื่ออย่างนั้นไปโดยไม่มีข้อสงสัยจะดีกว่า
สำหรับฉัน ฮีธคงไม่ใช่แรงบันดาลใจที่จะอยากทำอะไรสักอย่างอย่างทุ่มตัวทุ่มชีวิต
แต่ถ้าเป็นคุณชุดนอน อาจสามารถสร้างแรงบันดาลใจเล็ก ๆ ให้เกิดขึ้นก็เป็นได้-ไม่แน่

อย่ากระทบกระเทือนกับเดือนแห่งความรักนักเลยนะคะ เข้มแข็งไว้ค่ะ เห็นแก่หนังสือทำมือเถอะ!


โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:3:52:19 น.  

 
แหม โสดแต่หัวใจไม่ว่างไม่ใช่เหรอ จขบ.
ทำเป็นรับเดือนแห่งความรักไม่ได้ หุๆๆ

อ่านประโยคของ มาร์ติน ลูเธอร์ฯ แล้วรู้สึกว่า
"กูนี่มันสมควรตายจริงๆ" (555+)
ไม่รู้สินะ ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองจะยอมตายเพื่ออะไรได้เลย ณ เวลานี้ (และในอนาคตอันใกล้... หรือไกล)

ฟังดูเป็นคนรกโลกยังไงพิกล

ว่าแต่คนที่กำลังพิมพ์อยู่เนี่ยเป็นใครเหรอ ... ?


โดย: nanoguy IP: 125.24.119.77 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:4:01:08 น.  

 
ยาวจัง วันนี้พูมึนอ่านไม่รู้เรื่อง
ตั้งใจมาทำงาน แต่ทำไม่สำเร็จ
"ม้าดีที่ตายแล้ว คือม้าตาย ไม่ใช่ม้าดี"
จริงไหมนะ เอามาจากหนังสือ how to อีกแล้ว
ทำไมนึกได้แต่คำพวกนี้จากหนังสือก็ไม่รู้
อ่านนานแล้วนะ มันจำได้เอง


โดย: pumpond วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:55:20 น.  

 
เดี๋ยวจะมาอ่านตอนเช้านะครับ (ในช่วงที่ยังไม่มีใครเข้าออฟฟิศ 55+)


โดย: BdMd IP: 124.120.45.148 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:38:30 น.  

 
อ่านแล้วละครับ... ผมว่าแม้ว่า body of work ของฮีธจะไม่ได้แผ่ขยายออกไปแบบนักแสดงในตำนานคนอื่นๆ แต่การที่เขาฝากการแสดงอันน่าเหลือเชื่อไว้ในช่วงสั้นๆ มันก็น่าจะทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด เช่นเดียวกับที่เรายังจำ เจมส์ ดีน หรือ ริเวอร์ ฟินิกส์ ได้

ผมเองก็อยากนึกเหมือนคุณชุดนอนน่ะ ว่าบทบาทโจ๊กเกอร์เป็นประเด็นหลัก ที่ทำให้เขาต้องจมเข้าไปอยู่ในห้วงของความหดหู่ แต่ก็อย่างที่ผมเคยคุยเอาไว้ในเอนทรี้ที่แล้วละครับ ว่าบางทีเราก็ต้องรับกับสภาพความเป็นจริง ผมว่าเราน่าจะจดจำเขาในฐานะที่เขาเป็นนักแสดงที่สามารถเล่นบทพวกนี้ได้อย่างน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็น เวโรน่า หนุ่มไฮสกูลสุดเท่, ซอนนี่ ลูกชายพัศดีจิตใจเศร้าหมอง, เน็ด เคลลี่ คาวบอยหนุ่มนอกกฎหมาย, เอนนิส คาวบอยหนุ่มผู้สับสน และ โจ๊กเกอร์ อาชญากร (ฮีโร่?) ผู้กระชากเอาสัญชาตญาณดิบในตัวมนุษย์ออกมา...

แต่ผมก็หวังว่าคุณชุดนอนคงไม่ต้องถึงขนาดสวมบทบาทโจ๊กเกอร์ ในการขีดเขียนอะไรออกมาน่ะ แหะๆๆ อ้อ แล้วยิ่งใกล้วันแห่งความรักแบบนี้ ก็น่าไปคิดถึงเรื่องนั้นมากล่ะกัน หึหึ (เตือนแต่เขา ตัวเองกำลังจะหนีไปเลียแผลใจที่เมืองจีนแล้ว 55+)


โดย: BdMd IP: 58.137.81.98 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:20:04 น.  

 
อ่า..อ่านแล้วก็ไม่มีความเห็นเรื่องสาเหตุการตายของเขา
บางครั้ง..การปล่อยให้ความลับจากไปพร้อมกับการตายของเขาคงดีกว่า
อาจเป็นความคิดแบบทึ่มๆของเราเอง.เพราะบางครั้งการค้นหาความลับก็เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวเกินไป
เพราะว่าสามเหตุคืออะไรนั้น..คงไม่มีใครรู้ดีที่สุดเท่าตัวของเขาเอง..


คุยเรื่องเบาๆดีกว่า..แค่อยากบอกว่า10 Things I hate about You (1999)เป็นอะไรที่น่ารักมากเลยค่ะคุณชุดนอนฯ


โดย: nikanda วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:20:25:33 น.  

 
พูดถึง Heath Ledger แล้ว
ผมคิดถึงเจมส์ ดีน

คือ เล่นหนังที่น่าจดจำไม่กี่เรื่อง
แต่หนังที่น่าจดจำเหล่านั้น เขาเล่นได้อย่างมาสเตอร์พีซ

และเสียชีวิตไปในช่วงที่พุ่งถึงขีดสุดพอดี

RIP


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:14:26:19 น.  

 
จะผิดไหม ถ้าหลงรัก โจ๊กเกอร์ ในหนังเรื่องนี้

^^

เคยดูหนุ่มคนนี้ใน เท็นธิงส์ฯ ซึ่งดูบ่อยมาก (ยูบีซีฉายซ้ำๆ เมื่อหลายปีก่อน)
แล้วเคยเป็นแบบนี้มั้ย ดูบ่อยไม่เคยเบื่อ
สำหรับ เท็นธิงส์ฯ มันเป็นอย่างนั้นเลยล่ะ

จากผลงาน 20 กว่าเรื่อง ได้ดูแค่ไม่กี่เรื่อง
10 Things I Hate About You (1999)
The Patriot (2000)
A Knight's Tale (2001)
Monster's Ball (2001)
The Brothers Grimm (2005)
Brokeback Mountain (2005)
The Dark Knight (2008)
ดูมาน้อย แต่ชอบมาก ^^

แค่คิดถึงก็เสียดาย
ถ้าหนุ่มคนนี้อยู่จนแก่ตาย
น่าจะมีผลงานดีๆ อีกมากมาย

เสียดายแท้ๆ เลย


โดย: pattararanee IP: 125.27.44.148 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:31:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอรบกวนทั้งชุดนอน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
11 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ขอรบกวนทั้งชุดนอน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.