someday we write , someday we wrong









Immortals : เทพเจ้าท่านงานยุ่งมาก...

คุณคิดว่า ชีวิตคนเราถูกกำหนดโดยโชคชะตาไหม?
ในแบบที่ว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไร ทุกการกระทำและตัดสินใจก็ล้วนถูกจัดวางเอาไว้แล้ว
(ถ้ามีจริง การเป็นเทพเจ้าคงจะเป็นอาชีพที่งานยุ่งมาก เพราะต้องคอยกำกับชีวิตมนุษย์ทีละ 6,000 พันล้านคน)

นี่อาจไม่ใช่คำถามที่ต้องรีบหาคำตอบ แค่ควรจะเร่งตอบให้ได้ภายในชั่วชีวิตนี้





ระหว่างที่กำลังคิดคำตอบ ผมอยากหยิบหนังเรื่อง
Immortals มาเล่าให้ฟัง หนังที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนเรื่องนี้ เล่าถึงโลกยุคเก่า เมื่อเทพเจ้าเอาชนะและกักขังเหล่าไททันลงได้ พวกท่านก็ทรงสร้างมนุษย์ให้อาศัยบนโลก ส่วนพวกตนก็ขึ้นไปอยู่บนยอดเขาโอลิมปัส เรื่องราวผ่านไปเนิ่นนาน จากเดิมเป็นตำนาน เทพเจ้าก็กลายเป็นแค่นิทานและเรื่องงมงาย แต่ทุกอย่างเริ่มเลวร้ายขึ้นเมื่อ กษัตริย์ไฮเพอร์เรียน ยกกองทัพออกตามหาธนูวิเศษเพื่อใช้ปลดปล่อยเหล่าไททัน

ความน่าสนใจอยู่ตรงที่เหตุผลของไฮเพอร์เรียนคือ “เขาโกรธแค้นเทพเจ้าที่ดลบันดาลให้ลูกเมียของเขาเสียชีวิตอย่างทรมานด้วยโรคระบาด” มองในมุมนี้เท่ากับว่า ไฮเพอร์เรียนเชื่อว่าโลกนี้มีเทพเจ้าอยู่จริง (เราจะโกรธใครได้ก็ต้องเชื่อว่าเขามีตัวตนเสียก่อน) แถมยังเชื่อด้วยว่าเทพเจ้ากำหนดโชคชะตาไว้สำหรับทุกคน และเมื่อเขาพบว่า ลูกเมียของตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการกำหนดโชคชะตา เขาจึงจะอาศัยไททันเพื่อยุติวิถีของเทพเจ้า

ชมชั้นปกครองใดที่ไม่เป็นธรรมย่อมต้องพบเจอการต่อต้าน ไม่เว้นแม้แต่เทพเจ้า

อ่านถึงตรงนี้ สำหรับใครที่เชื่อว่า ชีวิตเราถูกกำหนดโดยเบื้องบน
เวลาไม่ได้ดั่งใจเคยแอบนึกแค้นเทพเจ้าบ้างไหม ถ้าเคย...แล้วตอนนั้นแค้นไปแล้วได้อะไรบ้าง?





ดูความจากฝั่งมนุษย์กันมาแล้ว คราวนี้ลองฟังความจากฝั่งเทพเจ้ากันดูบ้าง ใน Immortals , ทันทีที่แผนการของไฮเพอร์เรียนล่วงรู้ไปถึงหูของเหล่าเทพ เทพทุกองค์ลงความเห็นให้ลงไปกำจัดไฮเพอร์เรียรเสีย ซึ่งด้วยพลังของเหล่าเทพแล้วนั่นถือว่าง่ายดายไม่ต่างจากเราบดขยี้มดแดงด้วยหัวนิ้วโป้ง แต่
ซุส ราชาแห่งเหล่าเทพกลับประกาศกฎ ว่าห้ามเทพเจ้าองค์ใดลงไปยุ่งเกี่ยวกับโลกมนุษย์...ใครฝ่าฝืน เจอซุสตบ...

ซุสบอกกับเทพบนโอลิมปัสว่า “มนุษย์ทุกผู้ถูกออกแบบมาให้ใช้ชีวิตามที่ตนต้องการ และเขาต้องการให้เป็นอย่างนั้นโดยปราศจากการแทรกแซงจากเบื้องบน” ต่อให้มนุษย์จะปลดปล่อยไททันก็ไม่เป็นไร หากนั่นคือความต้องการของมนุษย์ เอาไว้ไททันถูกปล่อยแล้ว พูดจบซุสก็ย้ำอีกครั้ง...ว่าถ้าใครฝ่าฝืน เจอฉันตบแน่...

ฝั่งจากปากซุส ตกลงท่านไม่ยุ่งนะครับ สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา ท่านไม่ได้มีส่วนเลยแม้แต่น้อย
และคำว่า โชคชะตาจึงเป็นเพียงนามธรรม ที่มนุษย์เราหยิบยกขึ้นมาใช้อ้างเวลาที่ชีวิตตนไม่ได้ดั่งใจ

ปริศนาการมีอยู่ของ “โชคชะตา” ยังไม่จบแค่นี้
เพราะถึงแม้ปากซุสจะบอกว่า “ไม่ยุ่ง” แต่ในปฏิบัติกลับไม่เป็นอย่างนั้น

เมื่อซุสแปลงร่างเป็นชายชราและคอยดูแลสอนวิชาการต่อสู้ให้กับ เธซีอุส ซึ่งภายหลังเป็นเธซีอุสคนนี้เองที่ลุกขึ้นต่อกรกับกองทัพของไฮเพอร์เรียน , หลายคนดูหนังมาถึงตรงนี้แล้วนึกแอบตำหนิซุส ที่ทำท่าจะเป็นเทพปากว่าตาขยิบ ตกลงแกปั่นหัว + เล่นตลกกับชะตามนุษย์มาโดยตลอดสินะ!

ในประเด็นนี้ ซุสแก้ต่างให้ตัวเองว่า เขาอาจจะเป็นคนเตรียมความพร้อมให้ก็จริง แต่การที่จะตัดสินใจต่อต้านไฮเพอร์เรียนไหม ต้องเป็นประสงค์ของเธซีอุสเองเท่านั้น ซุสสอนเธซีอุสเพียงว่า “การใช้ดาบเก่งก็เรื่องหนึ่ง แต่การมีเหตุผลในการชักดาบออกมาใช้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” และนั่นคือสิ่งที่เธซีอุสต้องคิดด้วยตัวเอง โดยปราศจากการชี้นำของตน






ดูหนังแล้วลองย้อนมองตัวเรา , สมมุติว่าเราอยากเป็นนักร้อง นักเขียน หรือคนรวย ซุสคงบอกกับเราว่า “อยากทำอะไร อยากเป็นอะไร ก็ทำไป พยายามกันเอาเอง ท่านไม่ยุ่ง” แต่เช่นเดียวกับครั้งเธซีอุส - ซุสก็ได้เตรียมความพร้อมไว้ให้กับพวกเราทุกคนด้วยเช่นกัน

อยากเป็นนักร้องเหรอ ท่านก็ได้มอบเสียงให้ใช้ทั้งพูดจาและขับร้อง ที่เหลือก็ไปพยายามฝึกฝนและไต่เต้ากันเอาเอง
อยากเป็นนักเขียนใช่ไหม ท่านก็ได้มองสมองที่สามารถขบคิดเหตุและผลให้แล้ว ไปศึกษาหาความรู้กันต่อไป
อยากจะเป็นคนรวยอย่างนั้นหรือ ท่านก็ได้ตระเตรียมสองมือมาให้แล้ว ไปขยันขันแข็งกันได้ตามอำเภอใจ

ครับ เทพเจ้าได้เตรียมทุกอย่าง เพื่อให้มนุษย์ไว้ใช้รับมือกับทุกความปรารถนาในชีวิตเอาไว้หมดแล้ว หลังจากนั้นพวกท่านก็จะทำแค่เฝ้าดูเท่านั้น ดังนั้นการที่เราเห็นคนอื่นทำสำเร็จในสิ่งที่เราล้มเหลว ก็แปลว่าเขาอาจมีบางสิ่งที่เราไม่มี อาจเป็นได้ทั้งความขยัน ความอดทน กำลังใจ หรือแม้แต่วิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่า แต่ที่แน่ๆ เขาไม่ได้มี “โชคชะตา” ที่ดีกว่าเราแน่ๆ เพราะเทพเจ้าท่านยุ่งมาก ไม่มีเวลาว่างมาวุ่นวายกับเราหรอกครับ พวกท่าน...ตบตีกับเหล่าไททันอยู่... เพียะ เพียะ






สำหรับใครที่นึกน้อยใจเทพเจ้าที่สร้างตนมาแล้วทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่ดลบันดานให้มีเรื่องดีๆ ตกถึงท้องบ้าง ทั้งๆ ที่หรือเราอุตส่าห์นับถือ , โดยซุสได้พูดถึงประเด็นนี้เอาไว้ว่า “ในเมื่อมนุษย์ศรัทราในเทพเจ้า เทพเจ้าก็ควรศรัทราในตัวมนุษย์ด้วยเช่นกัน” ด้วยร่างกายและความคิดอ่านที่มอบให้ เทพเจ้าจึงศรัทราว่าพวกเราจะสามารถทำในสิ่งที่เราใฝ่ฝันได้ด้วยตัวเราเอง


ป.ล. คลิป 1 นาทีครึ่งข้างล่างนี้เป็นทั้งข้อยืนยันและบทพิสูจน์ว่า “โชคชะตาเป็นเพียงนามธรรมที่ไม่มีอยู่จริง”







 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2555
4 comments
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2555 23:26:34 น.
Counter : 3556 Pageviews.

 

ชอบย่อหน้าที่ย้อนกลับมามองตัวเองนะครับ อ่านแล้วมีกำลังใจว่าเราสามารถทำอะไรตามที่ต้องการได้ ขอแค่ลองทำ และโชคชะตาก็ไม่ใช่ตัวแปรสำคัญ (แต่จริงๆมาเตือนตัวเองตอนนี้คงสายไปทศวรรษนึงแล้ว 55)

ว่าแต่ยังไม่ได้ดูเรื่องนี้เลยครับ รอแผ่นอย่างใจจดใจจ่อ :)

 

โดย: BloodyMonday IP: 124.122.71.141 13 กุมภาพันธ์ 2555 20:37:26 น.  

 

ชอบบทความครับ

 

โดย: A-Bellamy 13 กุมภาพันธ์ 2555 23:36:06 น.  

 

มาเม้นท์ตามสัญญา (แม้จะนานไปหน่อย ฮ่าๆ) พักนี้ไม่ได้เข้าบล็อคแกงค์เท่าไหร่ ชอบบทความอ่ะค่ะ

ถ้าต่อไปมีช่วงเวลาที่ท้อใจแล้วเริ่มเงยหน้าหาฟ้าหรือเริ่มเงยหน้าขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน จะจำให้ขึ้นใจว่าฟ้ากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนนั้นคงกำลังมองลงมาและพูดว่า "I have faith in you, Prove Me Right!!" โอ้ว เป็นกำลังใจทียอดเยี่ยมมากๆ

 

โดย: TaMaChAN (narumol_tama ) 25 กุมภาพันธ์ 2555 22:49:05 น.  

 

ถึงว่าสิ...ร้องขอพระเจ้าทีไร
ทั้งสวดมนต์อ้วนวอน ขู่เข็ญ 5555+
เทพเบื้องบนก็ไม่เคยประทานตามคำขอซักที

 

โดย: nikanda 27 กุมภาพันธ์ 2555 2:36:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ขอรบกวนทั้งชุดนอน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
12 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ขอรบกวนทั้งชุดนอน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.