หุงข้าวเพื่อประโยชน์สูงสุด
เพราะโปรตีนในข้าวเป็นโปรตีนไม่สมบูรณ์ การกินข้าวเพื่อให้ได้คุณค่าของสารอาหารครบถ้วน จึงต้องกินรวมกับถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ จะทำให้คุณภาพโปรตีนในข้าวดีขึ้น วันนี้จึงผนวกเอา How To การหุงข้าวเพื่อประโยชน์สูงสุด ลองนำไปใช้ดู
1.ใช้วิธีนึ่งหรือหุงข้าว โดยใส่ถั่วเขียว ถั่วลิสง หรือถั่วดำ ถั่วแดงผสมลงไปด้วย (สลับสับเปลี่ยนกันไปตามใจชอบ ถั่วแต่ละชนิดให้คุณค่าที่แตกต่างกัน)
2.ก่อนจะนำถั่วมาหุงหรือนึ่งรวมกับข้าว ควรล้างและแช่น้ำทิ้งไว้ล่วงหน้า 3-4 ชั่วโมงในน้ำธรรมดา หรือ 1 ชั่วโมงในน้ำร้อน เนื่องจากจะช่วยให้เอนไซม์ในถั่วไม่เกิดปฏิกิริยาสร้างอาการท้องอืดเฟ้อ
3.กินข้าวผสมถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำได้ดีที่สุด หรืออย่างน้อยกินให้ได้สัปดาห์ละ 3-4 วัน
ข้าวหมาก-ข้าวฮาง "มีงานวิจัยยืนยันว่า คนกินข้าวมักอารมณ์ดี นั่นเป็นเพราะในข้าวมีสารกาบา (Gamma Amino Butyric Acid-GABA) ซึ่งช่วยเสริมเรื่องสารสื่อประสาท (Neurotransmitter)คนเราหากขาดสารสื่อประสาทแล้ว จะกลายเป็นคนหงุดหงิด ขี้วิตกกังวล บางรายถึงหลอนเหมือนติดยา" ดร.สุภาภรณ์ เล่าต่อว่า ปัจจุบันมีคณะวิจัยหลายทีมเพิ่มสารกาบาในข้าว โดยนำข้าวไปแช่น้ำ 12-24 ชั่วโมง เพื่อให้ข้าวอยู่ในช่วงเตรียมพร้อมการงอก ซึ่งเป็นช่วงที่มีสารกาบาสูงสุด
ในวัฒนธรรมไทย มีข้าวฮาง ซึ่งเป็นวัฒนธรรมกินอยู่ของชาวภูไท เขาจะนำข้าวแช่น้ำก่อนนำมานึ่ง ตากให้แห้ง จากนั้นจึงสีเป็นข้าวกล้องหุงกิน เรื่องข้าวแช่น้ำตากแดดนี้พบมากในวัฒนธรรมไทยใหญ่ นักวิจัยนำมาต่อยอดความรู้จึงพบว่าข้าวกล้อง (รอ) งอกเหล่านี้มีกาบาสูงกว่าข้าวขาวหรือข้าวกล้องปกติ กินแล้วลดความวิตกกังวล คลายกล้ามเนื้อ ป้องกันอัลไซเมอร์และอาการชักได้
"กรดอะมิโนที่พบในข้าวฮาง ยังมีสรรพคุณลดความดันและคลอเลสเตอรอล ต้านอนุมูลอิสระ มีค่าการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดดำ ข้าวฮางจึงเหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน ถือเป็นสมุนไพรข้าวทางเลือกที่เหมาะกับคนรักสุขภาพ" ดร.สุภาภรณ์ กล่าว
นอกจากข้าวฮางยังมีข้าวหมาก ในวัฒนธรรมดั้งเดิมข้าวคือตัวต่อยีสต์ ซึ่งถือเป็นโปรไบโอติกส์ (Probiotics) แบบไทยๆ สมัยเมื่อ 30-40 ปีก่อนในหมู่บ้านเคยเห็นยายๆ ป้าๆ กินข้าวหมากแทบทุกวัน ยายบอกข้าวหมากเป็นยา ผู้หญิงควรกินข้าวหมาก เพราะข้าวหมากเป็นยาร้อนบำรุงเลือดลม ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ในเด็กที่ไม่แข็งแรง หนาวง่าย แม่ๆ มักทำข้าวหมากให้ลูกกิน หรือผู้ใหญ่ถ้าเป็นไข้ผอมแห้ง หมอยาจะแนะให้กินข้าวหมากกับน้ำต้มเคี่ยวของแก่นขี้เหล็กแล้วเติมแป้งข้าวหมากลงไป
ปัจจุบันโปรไบโอติกส์นิยมไปทั่วโลก ยีสต์ในข้าวหมากก็จัดเป็นโปรไบโอติกส์อย่างหนึ่ง นั่นคืออาหารเสริมจุลินทรีย์มีชีวิต ที่ก่อประโยชน์ต่อร่างกายที่มันอาศัยอยู่ ทำการปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกาย กระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ภูมิคุ้มกันมะเร็ง ช่วยระบบทางเดินอาหารให้ทำงานเป็นปกติและดูดซึมวิตามินดีขึ้น ผลิตเม็ดเลือดแดงดีขึ้น ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียก่อโรค รักษาแผลในลำไส้
ที่มา โพสต์ทูเดย์
Create Date : 17 เมษายน 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 17 เมษายน 2552 19:12:04 น. |
Counter : 1368 Pageviews. |
|
|
|