ความในใจเรื่องงาน
อีกสองอาทิตย์ก็จะได้เพื่อนร่วมงานใหม่แล้ว ผู้บริหารตัดสินใจเลือกคนใหม่ที่จะมาทำงานร่วมกับเราแล้ววันนี้ เริ่มงานอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า วันนี้เรา present ร่างTraining Plan ให้ดู ต้องนัดประสานงานกับฝ่าย training เพื่อจัดตารางการสอนงานในเร็วๆนี้ ตอนนี้เรารับงานทั้งหมดมาเต็มๆ พอได้คนใหม่มาต้องเจียดเวลาสอนงานทุกๆวัน คงจะทำให้งานตัวเองพอกเป็นหางหมู แต่ทำไงได้ ลำบากหน่อย ทนๆเอาจริงไหม อีกหน่อยก็จะได้เพื่อนมาร่วมงาน ช่วยแบ่งเบางานกัน เพราะเวลาเรากลับไทยที กลับเป็นเดือน กลับทีไร เรื่องมากทุกที แต่ก็ยังดีที่เจ้านายอนุมัติให้กลับทุกปีไป คนสมัครและเข้ารอบสุดท้ายมีคุณสมบัติดีหลายคนทีเดียว แต่คนนี้มาเฉือนคนอื่นๆตรงที่เจ้านายเลือกคนที่เคยร่วมงานกับคนเอเชียมาก่อน แปลกไหม เราไม่เคยรู้เลยว่า การจ้างงาน นอกจากจะดูที่คุณสมบัติและประสบการณ์แล้ว ยังดูความเป็นไปได้ในการร่วมงานกับคนที่อยู่มาก่อนด้วย พอรู้อย่างนี้ตอนแรกก็แปลกใจเหมือนกัน เขาบอกว่า รู้ว่ายูทำงานกับใครๆได้ทั้งนั้น แต่ถ้าเลือกได้ อยากจะหาคนที่เหมาะสมกับยูมากที่สุด รู้สึกดีๆเหมือนกันที่ผู้บริหารให้ความสำคัญกับเรา Amy เรียนจบปริญญาโทด้านบริหาร และมีประสบการณ์ทำงานทั้งที่ในยุโรปและเอเชีย ตรงจุดนี่แหละที่เจ้านายชอบ พอเราได้ยินเข้า เราบอกเจ้านาย โอ งานแบบนี้มีที่ไหน ได้โอนถ่ายไปทำงานต่างประเทศ ไอจะรีบไปสมัครเลยนะ อิอิ เห็นเจ้านายหน้าเสียทันที (นิดๆ) แหะ แหะ หลุดปาก คุยไปคุยมาหลุดอีก บอกเราชอบไปทำงานต่างประเทศมากเลย พยายามบอกคุณสามีให้ไปเป็นครูสอนภาษาที่ญี่ปุ่นเถอะ เจ้านายคิด ตกลงอีนี่คิดจะลาออกตลอดเลยใช่ไหม กร๊ากกก เจ้านายเราทำเนียน บอกเออ ยูดู House Hunters International ตอนล่าสุดยัง แล้วก็คุยๆกันไปโน่น เรื่องย้ายไปอยู่ต่างแดน จริงๆงานที่เราทำ ไม่ต้องการคนจบโทหรอก เราเองก็จบตรีจากเมืองไทยแค่นั้น แต่ในเมื่อมีคนมีคุณสมบัติดีๆ ก็คงต้องรีบจ้างไว้จริงไหม ฐานเงินเดือนที่ให้เขาก็คงไม่ได้ตามวุฒิที่เรียนมา งานที่เราทำอยู่ มันก็ค่อนข้างซับซ้อนเกินกว่าตำแหน่งที่เราทำ อันนี้เจ้านายเองรู้ดี เพราะเขาเองก็คิดและพูดเสมอๆว่าไม่ยุติธรรมกับเรา ที่ผ่านมาสองปีซ้อน เจ้านายพยายามทำเรื่องเลื่อนขั้นให้เราให้เหมาะสม ยุติธรรมกับกับเนื้องานที่เราทำอยู่ จนกระทั่งได้รับอนุมัติจากผู้บริหารใหญ่ เขียนรายงานมากมาย เราเองก็ช่วยร่างรายงานด้วย แต่ในที่สุดฝ่ายบุคคลกลับไม่ยอม โดยไม่ให้เหตุผล เจ้านายบอกเราว่ามันเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจไม่ดี ฝ่ายบุคคลพยายามเซฟเงิน ไม่ยอมเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งให้ ทางผู้บริหารใหญ่ก็บอก ฝ่ายบุคคลมีอำนาจอิสระในเรื่องนี้ ทุกวันนี้เรายังรู้สึกแย่ๆกับเรื่องนี้อยู่ ช่วงที่ทำรายงาน Performance Review ประจำปีส่งเจ้านาย ส่วนหนึ่งของรายงาน ๑๑ หน้าที่เราทำ หนึ่งหน้าเป็นเรื่องร้องเรียน File a complaint ล้วนๆในเรื่องนี้ เจ้านายเตือนเราว่า จะเขียนก็ได้ แต่ต้องระวังนะ เพราะมันอาจมีผลต่อการเลื่อนขั้นในอนาคต ในกรณีที่เราขอโอนถ่ายไปส่วนงานอื่นๆ แต่พอเจ้านายอ่านแล้ว เจ้านายกลับมาขอบคุณเราซะนี่ ที่เราเขียนไป เอะ ยังไง ที่เราเขียน เพราะคิดว่า การทำงาน ถ้าไม่มีความซื่อสัตย์และยุติธรรมต่อกันแล้ว องค์กรจะโปร่งใสมีประสิทธิภาพได้ยังไง ที่เขียนๆไป บอกตรงๆว่าถอดใจแล้ว ไม่คิดว่าจะได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นอีก เพราะเรื่องมันจบไปแล้ว เพียงแต่เราคิดว่า เรามีสิทธิเสรีในการออกความเห็นในกรอบของความเคารพและให้เกียรติกันและกัน ก็เท่านั้นเอง หมดแล้ว เรื่องของชีวิต หนักนักก็วางซะตรงนี้ ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ ได้รับสรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ มันก็แค่นั้น ท้ายที่สุดแล้ว เราอยากแค่ได้ทำสิ่งดีๆ รักษาจิตใจเราให้อยู่ดีมีสุขก็พอแล้ว My personal definition of success is when you are truly happy from inside out.
Free TextEditor
Create Date : 13 กันยายน 2554 |
Last Update : 13 กันยายน 2554 9:04:55 น. |
|
10 comments
|
Counter : 535 Pageviews. |
|
|
นี่แหละค่ะ ถูกต้องที่สุดค่ะ
หนักนักก็วางซะ ถือไว้ก็หนักเปล่าๆ