วันนี้อากาศดีมากๆ ออกไปเดินเล่นกับเพื่อนตอนพักช่วงเบรคแล้วก็กลับบ้าน ชอบอาทิตย์ที่ติดวันหยุดจัง พรุ่งนี้ก็วันศุกร์แล้ว Casual Friday ใส่กางเกงยีนส์ไปทำงานแต่งตัวง่ายๆ แต่งานยังเยอะเหมือนเดิม แถมมีเรื่องด่วนๆมาแทรกทั้งวัน ต้องทำตัวให้ชินไว้ก่อน เมื่อไรที่เพื่อนอีกคนลาคลอด เมื่อนั้น เราคงต้องรับคำถามต่างๆ ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาแก้ไขปัญหางานของเพื่อนร่วมงานที่เหลือ เพราะเพื่อนๆยังไม่ค่อยรู้งานมากนัก
เช้านี้เจ้านายเข้ามาถามความเห็นเรื่องการเลือกคนเข้ามาร่วมงาน อาทิตย์ที่แล้ว จากคนสมัครทั้งหมด ๓๔๑ คน Employee Relations คัดจนเหลือ ๓๒ คน สัมภาษณ์ทางโทรศัทพไปแล้ว คัดจนเหลือ ๘ คนสุดท้าย เมื่อวานได้สัมภาษณ์ทั้ง ๘ คนแล้วเหลือแต่การตัดสินใจขั้นสุดท้าย คนสุดท้ายที่จะได้เข้ามาร่วมงานด้วยกัน เจ้านายยังตัดสินใจไม่ได้เพราะมีคนที่มีคุณสมบัติดีมากหลายคน แม้แต่จะกรองจนเหลือแค่ ๓ คนก็ยังยาก เจ้านายอยากได้ความเห็นว่าคุณสมบัติ ๒ ข้อที่เราคิดว่าสำคัญที่สุดสำหรับงานที่เราทำคืออะไร
เราจะเลือกคนที่ เรียนรู้ไว เมื่อมีพื้นฐานแล้ว ก็มีความสามารถในการคิดพลิกแพลงเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ขยายและพัฒนางานด้วยตัวเอง อีกข้อหนึ่งคือ ต้องสามารถรับงานจำนวนมากๆได้ ทำงานรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาของงานที่นี่ เพราะงานมากกว่าคนทำเยอะ เหอ เหอ
งานก็งานเนอะ มาคุยเรื่องพาใจบันเทิง เจริญสุขกันดีกว่า
ขอบคุณเพื่อนๆมากที่มาเยี่ยมอ่านและเม้นท์ให้ เราไม่ใช่คนธรรมะธรรมโมอะไรหรอก เพียงแต่คิดว่า ถ้าได้นำสิ่งดีๆที่เราได้เรียน ได้อ่าน ศึกษามาใช้ในชีวิตประจำวัน และนำมาแบ่งปันกัน ชีวิตเราก็จะดีขึ้น มีความสุขขึ้น
กรรมหรือการกระทำบางอย่าง เห็นผลทันตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วจีกรรม เราสามารถเห็นผลของการพูดทันที มีกี่ครั้งนะที่เราทำให้คนเสียใจเพราะคำพูดของเรา มีกี่ครั้งนะที่เราต้องเจอปัญหา เจอความทุกข์เพราะปากของเราเอง พูดดีนำความสุขมาให้ทั้งผู้พูดและผู้ฟัง
เมื่อวานได้มีโอกาสเขียนเรื่องการพูดไปบ้างแล้วว่าเวลาใด สถานการณ์ไหนควรพูด และไม่ควรพูด สิ่งใดควรพูด ไม่ควรพูด คราวนี้ถามว่า ถ้าพูดจะพูดอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องพูดความจริง ที่มีประโยชน์ แต่ไม่เป็นที่ชอบใจของคนฟัง เช่น การตักเตือน และการให้คำแนะนำคนอื่นๆ หรือเมื่อเราแสดงความไม่เห็นด้วยกับเรื่องอะไรก็ตาม เราจะพูดยังไง
พระพุทธเจ้าทรงมีคำสอนไว้เช่นกัน ในวาจาสูตร กล่าวถึง วาจาสุภาษิต เป็นแนวทางว่า ถ้าเราพูดควรพูด
๑. ถูกกาละเทศะ (พูดตอนคนเขากำลังโกรธ คงไม่มีประโยชน์อะไร เป็นต้น)
๒. พูดแต่ความจริง ไม่โกหก
๓. พูดมีประโยชน์ ไม่ไร้สาระ
๔. พูดด้วยใจเมตตา ไม่ใช่ด้วยความโกรธ เกลียด ริษยา ต่างๆนานา
๕. พูดอ่อนหวาน ไม่หยาบคาย
เรื่องการพูดนี้สำคัญมากมายเพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวจริงๆ ทำได้ยากสำหรับทุกๆคน แต่ก็ต้องพยายามทำเพราะผลดีและผลเสียมีมาก ตัวเราเองก็พยายามทำอยู่ พลาดไปก็เริ่มใหม่ เริ่มใหม่ ดีกว่าไม่ทำเสียเลย การฝึกฝนเรื่องการพูดนี้ ถือเป็นการฝึกสติอย่างหนึ่งนะ เพราะก่อนคำพูด คือความคิด ถ้าเราดูความคิด ดูใจของเรา เท่ากับเป็นการฝึกสติปัฐานสี่ทีเดียว ไม่ใช่ย่อยๆนะเพื่อนๆ
เธอจงระวัง ความคิด ของเธอ
เพราะ ความคิด ของเธอ
จะกลายเป็น ความประพฤติ ของเธอ
เธอจงระวัง ความประพฤติ ของเธอ
เพราะ ความประพฤติ ของเธอ
จะกลายเป็น ความเคยชิน ของเธอ
เธอจงระวัง ความเคยชิน ของเธอ
เพราะ ความเคยชิน ของเธอ
จะกลายเป็น อุปนิสัย ของเธอ
เธอจงระวัง อุปนิสัย ของเธอ เพราะ อุปนิสัย ของเธอ
จะกำหนดชะตากรรมของเธอชั่วชีวิต
- หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง -
คำคม คมคำ ขอจำไว้ใช้